ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ตระกูลหนิงอยากถอนหมั้น

บทที่ 1 เจ้ามังกรน้อย


“เย่โม่…เย่โม่…เป็นอะไรของนายน่ะ!  รีบตื่นเร็ว  ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว  นี่มันวิชาของอาจารย์เย็นชานั่นนะ รีบลุกขึ้นเร็ว!!”

มีคนเรียกข้างๆ หูเย่โม่ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกังวล  ซึ่งนั่นทำให้เย่โม่รู้สึกประหลาดใจ

“ไอ้งี่เง่านี่คงไม่กล้าไปเจอคนอื่นแล้วมั้ง  ถึงได้ก้มหน้าก้มตาแบบนั้น”  มีอีกเสียงพูดขึ้นมาอย่างขบขัน  ทว่าคราวนี้เองเย่โม่ได้ตื่นขึ้นแล้ว

เขามองไปรอบๆ ทิศทางด้วยความสับสน  มีแต่ใบหน้าของคนที่เขาไม่รู้จักสักคนเดียว

พอได้เห็นอาการมึนงงของเย่โม่แบบนั้นเสียงหัวเราะก็ดังครืน  เสียงหัวเราะเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่เขา  มองไปรอบตัวก็เห็นผู้คนราวกับกำลังล้อเลียนเขาอยู่  ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าพูดอะไรออกไป  ในใจได้แต่แอบระแวงว่าจะมีใครมาลงไม้ลงมือกับเขาหรือไม่

เขาพบว่าคนที่นั่งข้างๆ ดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้หัวเราะเยาะเขา  และเป็นคนเดียวกันนี้เองที่ปลุกเขาด้วยความหวังดี

ด้วยความประหลาดใจ  เย่โม่จึงถามขึ้นอย่างลืมตัว

“ฉันอยู่ที่ไหน?  นายเป็นใคร?  ทำไมที่นี่ถึงได้เหมือนกับห้องเรียนกัน?”

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!….”  แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกระลอก

“เย่โม่  ฉันว่านายโกรธจนสับสนแล้ว  นายคิดว่าเยี่ยนเยี่ยนเป็นคนที่จะซี้ซั้วเขียนจดหมายรักส่งได้หรือไง!  มันจะไม่มีปัญหาหรอกนะถ้านายยังอยู่ในตระกูลเย่  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว  คราวหลังนายก็ระวังหน่อย วิชาภาษาอังกฤษคาบหน้าเป็นของอาจารย์หยุนปิง  อย่าโดนเธอเล่นเชียว”  คนที่นั่งข้างๆ เขากล่าวเตือนด้วยเสียงเบาๆ ซึ่งมีแต่เขาที่ได้ยิน  เห็นได้ชัดว่าเป็นกังวลมาก

“ฉันยังจำไม่ค่อยได้  เมื่อกี้รู้สึกปวดหัวมาก  เลยจำอะไรไม่ค่อยได้น่ะ”  เย่โม่พูดออกมาอย่างจนปัญญา

คนที่นั่งข้างๆ เย่โม่ถอนหายใจ  แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าเย่โม่จะลืมทุกอย่างจริงๆ  เขาคิดว่าเย่โม่ก็แค่อยากรักษาหน้าตัวเองเท่านั้น  ยังไม่ยอมรับความเป็นจริงอีกว่าเขาไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว

เย่โม่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาครู่หนึ่ง  เขาจำได้ว่าตัวเขาเองกับอาจารย์ลั่วอิ่งกำลังปรุงยาคืนปราณอยู่  หลังจากนั้นกลุ่มคนจากสำนักสายน้ำตะวันตกก็บุกเข้ามา  ตามด้วยเสียงระเบิดและเสียงต่อสู้กัน  อาจารย์กอดเขาเอาไว้แล้วใช้ยันต์หลบหนีออกมา  แล้วตัวเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?  ที่นี่ใช่แผ่นดินลั่วเยว่หรือไม่?

ถ้าตัวเขามาอยู่ตรงนี้  แล้วอาจารย์เล่า?  อาจารย์อายุมากกว่าเขาเพียง 3 ปีเท่านั้น  และมีความงดงามมาก  สาเหตุที่สำนักสายน้ำตะวันตกบุกโจมตีอย่างกะทันหันแบบนี้เพราะนายน้อยของสำนักอยากขออาจารย์ลั่วอิ่งไปเป็นภรรยาตน  หลังถูกอาจารย์ปฏิเสธจึงได้เกิดเรื่องราวขึ้น

หากอาจารย์ของเขาตกอยู่ในกำมือของสำนักสายน้ำตะวันตกแล้วล่ะก็  ผลที่ตามมาย่อมยากจะคาดเดาได้  พอคิดถึงตรงนี้แล้วเย่โม่ก็รู้สึกตื่นตระหนกจนทนไม่ไหว  เขาผุดลุกขึ้นยืนทันที

“เป็นอะไรไป…ไม่รู้หรือไงว่าเสียงกริ่งเข้าเรียนดังแล้ว?”  หญิงสาวหน้าตาเย็นชาเดินเข้ามายังแท่นโพเดียมพร้อมกับหนังสือสองสามเล่ม  เหลือบมองเหล่านักศึกษาที่กำลังหัวเราะอยู่  เสียงหัวเราะเหล่านั้นจึงเบาลง  ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คืออาจารย์วิชาภาษาอังกฤษหยุนปิง  ที่เธอเกลียดที่สุดคือเด็กก่อความวุ่นวาย  และหากเธอเพ่งเล็งใครไว้ล่ะก็  รับรองได้ว่าไม่เป็นผลดีแน่นอน

เย่โม่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง  แม้ว่าเขาจะเข้าใจคำเหล่านี้  แต่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากภาษาที่เขาเคยใช้มาก่อน  สรุปว่าที่นี่ไม่ใช่ดินแดนลั่วเยว่งั้นหรือ

เย่โม่ขมวดคิ้วมุ่น  เขาอยากจะรู้เรื่องราวต่างๆ ให้มากกว่านี้  ทันใดนั้นเองคลื่นอย่างหนึ่งก็เข้ามาในหัวของเขา  เย่โม่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกระลอก  ข้อมูลต่างๆ มากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา  เย่โม่เริ่มจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้แล้ว...

เย่โม่เป็นลูกหลานรุ่นที่สามแห่งตระกูลเย่  พ่อของเขาเย่เหวินเทียนเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว  เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของเขาเลย  หลังจากพ่อของเขาเสียไปเขาก็ถูกเนรเทศออกมาจากตระกูลเย่  ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากพ่อของเขาจริงๆ

พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นผลจากการตรวจ DNA หลังจากพ่อของเขาตายไป  เขาก็ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนของตระกูล ภายหลังจึงถูกขับไล่ออกมา

เขายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งชื่อว่าเย่หลิง  และน้องชายชื่อว่าเย่จือเฟิง  ทั้งสองเป็นน้องต่างแม่ของเขา  เย่หลิงและเย่จือเฟิงมีแม่คนเดียวกัน  เมื่อสามปีก่อน  พ่อของเขาคงรู้สึกว่าตนติดค้างเย่โม่  จึงได้เสนอต่อผู้เฒ่าของตระกูลเย่เรื่องแต่งงานกับตระกูลหนิง  เย่เหวินเทียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสุขภาพร่างกายของตนไม่ดี  เพราะอยากช่วยให้เย่โม่มีที่พักพิงจึงได้ไปหาคนตระกูลหนิงจากเมืองหลวง

โอกาสที่สามารถแต่งงานกับคนจากตระกูลที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของจีนอย่างตระกูลเย่ได้  แน่นอนว่าตระกูลหนิงเต็มใจเป็นอย่างมาก  หัวหน้าตระกูลหนิงจึงได้มอบหลานสาวของตน  หนิงชิงเชวี่ย  ให้กับเย่โม่ไปเมื่อ 3 ปีก่อน  เมื่อหนิงชิงเชวี่ยอายุได้เพียง 22 ปีก็ได้กลายเป็นสาวงามอับดับหนึ่งแห่งปักกิ่งไปเสียแล้ว

ในทางกลับกัน  เย่โม่ได้กลายเป็นตัวหายนะของตระกูลเย่ไปเสียแล้ว  เหตุผลก็แสนง่าย  ผลการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งพบว่าเย่โม่ ‘เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ’ หรือก็คือไม่สามารถมีทายาทได้นั่นเอง  ดังนั้นตระกูลเย่จึงพยายามปกปิดความจริงเอาไว้  แต่คนทั้งเมืองหลวงกลับรู้ข่าวนี้ภายในคืนนั้นเอง  ตระกูลเย่ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของจีนกลับมีทายาทที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  จึงเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ของตระกูลเย่

“ม่ายยยยย...!!”

พอจำได้ถึงตรงนี้เย่โม่ก็ร้องตะโกนเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืน  เขาแทบจะดึงกางเกงลงเพื่อดู ‘มังกรน้อย’ ทันที เขาพอจะเข้าใจว่าตัวเองได้เกิดใหม่ในร่างของคนที่ชื่อเย่โม่เช่นเดียวกับเขา  แต่กลับไม่สามารถมีเซ็กส์ได้เสียนี่  ถ้าเป็นแบบนี้ฆ่ากันให้ตายซะดีกว่า

“นักศึกษาคนนั้นน่ะ  เธอชื่ออะไร  เข้าคาบเรียนแล้วยังจะร้องตะโกนอะไรอีก  จบคาบเรียนนี้แล้วมาพบอาจารย์ที่ห้องด้วย”  อาจารย์สาวผู้กำลังสอนอยู่มีสีหน้าไม่พอใจเมื่อถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของเย่โม่

นักศึกษาคนอื่นๆ ในห้องต่างพากันแอบขำ  ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีคนหนึ่งเสมอที่ต้องไปห้องอาจารย์  ดูแล้วคงมีแต่อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษคนนี้ที่ทำได้  จะไม่ไปก็ไม่ได้ในเมื่อคะแนนก็อยู่ในมือเธอ

เย่โม่นั่งลงอย่างท้อแท้  แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวความขัดแย้งภายในตระกูลมากนัก  แต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าที่เขาถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลก็เพราะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  มากกว่าที่เขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเย่  ใครจะรู้ว่าอาจมีคนเล่นตุกติกกับผลตรวจ DNA ก็เป็นได้

เย่โม่ไม่กังวลมากนักที่ตนเองถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่  ที่เขากังวลจริงๆ กลับเป็นเรื่องที่ตัวเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  และห่วงว่าอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาเป็นอย่างไรบ้าง

เขายังเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนในห้องถึงหัวเราะเยาะเขา  เพราะจิตวิญญาณที่เป็นเจ้าของร่างก่อนหน้านี้  หลังถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้วยังไม่ยอมเจียมตัว  ดันไปตามจีบหญิงสาวที่ฮอตที่สุดในชั้นอย่างเยี่ยนเยี่ยน  ผลลัพธ์คือถูกเธอเอาจดหมายรักของเขาไปแปะไว้บนกระดานดำ  แล้วประจาณเขาด้วยอาการดูถูกเหยียดหยาม  “คุณชายใหญ่เย่ นายกล้านอนกับฉันมั้ยล่ะ?”

เพราะเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกที่ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขา  เป็นไปได้มากว่าเจ้าของร่างคนก่อนอาจจะตายลงไปด้วยความอับอายก็ได้  ให้คนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปนอนกับผู้หญิง  มันเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ ถึงแม้ว่าคนที่เคยถูกว่าจะไม่ใช่ตัวเขา  แต่สีหน้าเย่โม่กลับเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

พอมองไปที่เยี่ยนเยี่ยนก็พบว่าเธอหุ่นดีมาก  ทว่าลักษณะท่าทางอันเสแสร้งของเธอเป็นสิ่งที่เย่โม่ไม่ชอบ  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของร่างคนก่อนถึงได้ตามจีบเธอ  แต่พอมาคิดดูแล้วเขาก็พอเข้าใจได้  แต่ก่อนตอนที่เย่โม่ยังอยู่ในตระกูลเย่  ทุกๆ คนต่างพากันประจบเอาใจเขารวมทั้งหญิงสาวที่ชื่อเยี่ยนเยี่ยนคนนี้ด้วย

หลังจากเรื่องที่เขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศถูกประกาศออกไป  เพราะอยากจะลบล้างความอับอายเขาจึงคิดจะหาแฟนสักคนหนึ่ง  แต่เย่โม่กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่แต่ก่อนเคยประจบเอาใจเขาอย่างเยี่ยนเยี่ยนจะทำกับเขาแบบนี้  ทำให้เย่โม่คนก่อนอับอายจนหมดสติไป  ตัวเขาจึงได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง

คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเกิดใหม่ในสถานที่แบบนี้…

เขาฟังที่อาจารย์สาวสวยพูดหน้าชั้นไม่ออกแม้แต่คำเดียว  แต่ถึงจะฟังออกเขาก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจ  เขารับไม่ได้อย่างมากที่ตัวเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  ถ้าได้มาเกิดใหม่แล้วต้องเป็นแบบนี้  สู้ไม่เกิดใหม่เลยยังดีเสียกว่า

พอจัดระบบความคิดได้  สีหน้าของเย่โม่ก็ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก  นอกจากเรื่องที่ตัวเขาอาจเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  ยังมีเรื่องที่ว่าพลังฟ้าดินของที่นี่เบาบางมาก  ไม่ใช่ที่ๆ จะฝึกฝนได้  หรือว่าเขาจะต้องแก่ตายลงในที่ๆ เรียกว่าโลกจริงๆ

เขาจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว  ที่สำคัญที่สุดคือต้องจัดการกับปัญหาของตัวเองก่อน  อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของเขาส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลเย่

ถึงแม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกจากตระกูลมาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตาย  บางทีอาจมีสาเหตุภายในอื่นอีกที่ทำให้เขาถูกไล่ออกมาก็เป็นได้  ถือเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเขาเป็นอย่างมาก

หลังจากกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น  สิ่งสำคัญที่เย่โม่ต้องทำไม่ใช่ทั้งไปหาอาจารย์คนสวยหรือรีบออกจากมหาวิทยาลัย เขาต้องรีบหาที่สักแห่งหนึ่งเพื่อที่จะดูเจ้ามังกรน้อยของเขา…ว่าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจริงหรือเปล่า

ข้างๆ มหาวิทยาลัยหนิงไห่แม้จะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก  ทว่าตรอกซอกซอยต่างๆ กลับมีไม่น้อย  เย่โม่รีบไปยังตรอกที่ห่างไกลไร้ผู้คน  เขารีบดึงกางเกงลงทันที!  ของเขาเล็กมากจริงๆ…แต่ก็ไม่ทำให้เย่โม่ผิดหวัง

“เฮ่อ!...”

เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก  เขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ  แต่เป็นเพราะขนาดของมันเล็กเกินไปจนเส้นลมปราณของเขาหยุดพัฒนา  จึงทำให้เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพแบบนี้  ตอนที่เขายังอยู่ในดินแดนลั่วเยว่เขาเป็นถึงหมอมือดีคนหนึ่ง  อาการแค่นี้เขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว

ทว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน  การจะทะลวงเส้นลมปราณที่อุดตันนั้นยังเป็นไปไม่ได้  แต่สำหรับเย่โม่นั้นถือเป็นเรื่องง่าย  แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถมากพอจะทะลวงเส้นลมปราณเพื่อให้มังกรน้อยของเขาผงาดขึ้นมาได้  แต่ขอแค่เขาบรรลุด่านรวบรวมปราณระดับ 3 เส้นลมปราณก็จะทะลวงเปิดออกเอง

ทว่าทันทีที่เขาคิดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวังทันที  ด้วยพลังฟ้าดินที่เบาบางเช่นนี้  คิดจะฝึกถึงด่านรวบรวมปราณระดับ 3 ได้นั้นถือเป็นเรื่องยากเข็ญ  บางทีใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจไปไม่ถึงด้วยซ้ำ  คิดไปคิดมาเขาเองก็ยังถือว่าเป็นคนไร้สมรรถภาพอยู่ดี

เย่โม่ถอนหายใจ  ขณะที่เขากำลังจะดึงกางเกงขึ้นนั้นเองก็มีเสียงร้องดังขึ้นจนทำให้เขารู้สึกตกใจ

“ไอ้โรคจิต!”

เสียงร้องตรงหน้าของเย่โม่เป็นเสียงแหลมสูงของผู้หญิง  เย่โม่จดจ่ออยู่กับการตรวจมังกรน้อยของเขาจนลืมที่จะตรวจเช็คบริเวณรอบๆ คิดไม่ถึงว่าตรอกเล็กๆ แห่งนี้จะมีทางเชื่อมอยู่  เพียงแต่ข้างหน้ามีมุมเลี้ยวที่มองไม่เห็นเท่านั้น

เย่โม่ไม่ใช่พวกชอบโชว์  และตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีอะไรให้โชว์อีก  เขารีบดึงกางเกงขึ้นพร้อมจะชิ่งหนีทันที

“เย่โม่…นั่นนายหรือ?”  หลังจากที่กรีดร้องไปแล้ว หญิงสาวตรงหน้าก็ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ  เห็นได้ชัดว่าเธอคนนี้รู้จักเย่โม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด