ตอนที่แล้วคาถาที่ 9 : มนต์ดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 11 : ถูกล่า

คาถาที่ 10 : สัญญาณเตือนจากความมืด


 

“หมายความว่าไง” ผมถามออกไป หลังจากได้ยินสิ่งที่มันพูด

“มึงเห็นไหม ว่าตามันหายไปหนึ่งข้าง นั่นแหละ ราคาของมนต์ดำ” ไอ้แมทพูดออกมา ผมมองหน้ามันอย่างไม่เชื่อสายตา อย่าบอกนะ ว่าตัวมันเองเป็นคนทำให้แมวตัวนี้ตาหายไปหนึ่งข้าง ดูบุคลิกขี้เล่น ขยันกวนคนอื่นอย่างมันไม่น่าเป็นคนทำอะไรแบบนี้ได้ลงเลย ผมว่ามันดูโหดร้ายและทารุณกรรมสัตว์มากอะ และถ้ามันจริง ความรู้สึกผมที่เริ่มคิดว่ามันพอจะเป็นเพื่อนได้คงจะเริ่มติดลบแล้วล่ะ

“มึงเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้เหรอ” ผมถามมันไปเพื่อความแน่ใจว่าผมไม่ได้เข้าใจอะไรผิด คนถูกถามนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับผม ใบหน้าและแววตาของมันที่มองมา ไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนเดิมที่ผมเคยเห็นเลยสักนิด ดูเป็นคนอมทุกข์ ไม่ร่าเริง เหมือนมีตัวเองอยู่แค่คนเดียวบนโลก

“กูก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่น้ากูบอกว่าพวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว ยังไงก็ต้องตามหามึงให้เร็วที่สุด กูจำเป็นต้องใช้มนต์ดำ” เจ้าตัวพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบากว่าเดิม ดูท่ามันจะรู้ผิดกับสิ่งที่ได้ทำไปเหมือนกัน เห็นหน้ามันตอนนี้แล้วมองมันในแง่ลบไม่ลง เอาเถอะ ตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจะตัดสินใครว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี ทุกคนต่างมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองอยู่แล้ว

ผมและมันต่างนิ่งเงียบกันไปเกือบนาทีจนเกิดความอึดอัดขึ้นมา ผมเลยพยายามหาเรื่องคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“ว่าแต่ มึงอยู่ที่นี่คนเดียวกับแมวนี่แค่สองคนเหรอ คอนโดตั้งกว้าง” ผมถามมันออกไป

“ใช่ ก็อย่างที่มึงรู้ ทุกคนรอบตัวกูตายหมดแล้ว เหลือแต่น้าคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” แมทธิวตอบ ก่อนลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรนัก ผมไปถามอะไรจี้ปมมันอีกวะเนี่ย แมวสีดำตัวที่ผมกำลังเล่นอยู่ก็ลุกขึ้นเดินตามเจ้านายของมันไปด้วย พร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนตักของแมทธิวไปคลอเคลียเหมือนปลอบใจเจ้านายของตนเอง

แต่ผมก็พอเข้าใจความรู้สึกมันนะ พ่อ แม่ ญาติพี่น้องก็ตายหมดแล้ว อยู่ตัวคนเดียวไม่มีใคร แถมต้องมาแบกรับเรื่องราวอะไรตั้งมากมายอีก ชีวิตมันคงจะลำบากหน้าดู

“มึงนี่บางทีก็น่าสงสารเนอะ เหงาแย่” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่มันเบา ๆ มันเหลือบสายตาไปมองที่มือผมที่แตะไหล่มัน ก่อนหันกลับมามองหน้าผมอีกที

“นี่มึงคิดว่าเราสนิทกัน จนถึงขนาดมาตบไหล่ปลอบใจกูได้เลยเหรอ” ไอ้แมทพูดด้วยน้ำเสียงกวนส้นเท้าที่เหมือนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

“อ้าว ไม่ได้เหรอ มีเล่นตัวด้วย ทีเมื่อคืนเห็นอ่อยกูอยู่ได้ตั้งนาน” ผมพูดกลับไป กวนมากวนกลับไม่โกง เจ้าตัวแสยะยิ้มออกมาพร้อมโชว์นิ้วกลางส่งให้ผม

“ตลกล่ะ วันนี้พอแค่นี้ละกัน มึงไปหาไหมเถอะ นัดไว้ไม่ใช่เหรอ”

“เออจริงด้วย งั้นเดี๋ยวกูไปก่อน ไว้เจอกัน ว่างก็ไปเที่ยวหากูกับเพื่อนที่หอได้ อย่าลืมว่าตอนนี้มึงก็กลายเป็นเพื่อนกูแล้ว” ผมพูดออกไปพลางเดินไปที่ประตู

“ขอบใจ” เจ้าของคอนโดพูดออกมาขณะเดินตามผมออกมาส่งที่หน้าประตูห้อง และถ้ามองไม่ผิด สีหน้ามันดีขึ้นและยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ไม่ได้ยิ้มชวนยั่วโมโหเหมือนแต่ก่อน

ท่ามกลางเรื่องเลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้น บางที มันอาจจะทำให้ผมมีเพื่อนดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกคนก็ได้ ใครจะรู้ …

ผมนัดไหมมากินอาหารเย็นที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวมหาวิทยาลัย วันนี้คนเยอะพอสมควรเลย แต่ก็ยังพอมีที่นั่งเหลือพอให้เราสองคนอยู่บ้าง ผมกับไหมเดินไปนั่งกันที่โต๊ะแล้วเขียนรายการอาหาร ก่อนผมจะลุกขึ้นเอารายการที่สั่งไปให้กับแม่ค้า ตอนเดินกลับมา ไม่ลืมที่จะตักน้ำใส่แก้วไปเผื่อไหมด้วย ร้านนี้น้ำดื่มบริการตัวเองครับ

“จริงดิ สรุปแมทเป็นพ่อมดเหรอเนี่ย มิน่า ถึงมาตีสนิทกับแกขนาดนั้น เพราะเรื่องหนังสือนี่เอง” ไหมพูดขึ้นมา หลังจากผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เรื่องนี้พวกไอ้คีย์กับไอ้อิฐรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ หลังจากที่ผมตื่นจากฝันสยองกับไอ้แมท ผมก็รีบปลุกพวกมันมาเล่าให้ฟังเลย ที่หน้าเจ็บใจก็คือ พวกมันไม่ได้ตกใจเท่าที่ควร แถมหัวเราะใส่หน้าผมอีกต่างหาก สำหรับไหมพอดีวันนี้มีเรียนเกือบทั้งวัน ผมเลยยังไม่มีโอกาสเล่าให้ฟังเลย แถมตอนเย็นน้าไอ้แมทยังนัดให้ไปคุยด้วยอีก เลยเพิ่งมีโอกาสเล่าตอนนี้นี่แหละ

“นี่ยังไม่รวมที่มันแอบปลอมเป็นเธอมาเข้าฝันฉันด้วยนะ จนฉันเกือบจะ...” ผมพูดเพลินจนเกือบจะชักงักปากไว้ไม่ทัน ถ้าไหมรู้ว่าผมแอบเอาเธอไปจินตนาการเรื่องแบบนั้นในความฝัน การกินก๋วยเตี๋ยวครั้งนี้มันคงจะจบไม่สวยแน่

“เกือบจะอะไร” เจ้าตัวพูดเสียงเข้ม เงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวพร้อมหรี่ตามองหน้าผม

“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ผมรีบพูดบอกปัดพร้อมก้มหน้ามองชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองบ้างเพื่อจะกินต่อ ตะเกียบที่อยู่ในมือเริ่มคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามมาเข้าปาก แต่เดี๋ยวนะ เหมือนมันมีอะไรบางอย่างหายไป ผมจำได้ว่าผมสั่งพิเศษลูกชิ้นนี่ เมื่อกี้ที่คุยอยู่ ยังรู้สึกว่ามันมีเยอะกว่านี้เลยนี่หว่า ตอนนี้มันเหลือแค่สองลูกเท่านั้น

“อ้าวเฮ้ย ลูกชิ้นฉันอะ ทำไมเหลือแค่นี้” ผมร้องออกมาแล้วเงยหน้ามองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“นึกว่าไม่กิน เห็นมันลอยอยู่ในถ้วยนานมากเลยอะ เดี๋ยวมันจะอืดนะ” ไหมพูดยิ้ม ๆ พร้อมลอยหน้าลอยตาตอบ ในมือถือตะเกียบที่มีลูกชิ้นเสียบอยู่สองลูก อื้อฮือ หลักฐานคาตาเลยนะเนี่ย ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ลูกชิ้นสองลูกนั้นก็ถูกเอาเข้าปากอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย กินลูกชิ้นทีสองลูกในคำเดียว

“โห แบบนี้ก็ได้เหรอ ลูกชิ้นนะ ไม่ใส่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยว มันจะอืดได้ไง” ผมเถียง

“เอาหมูเด้งมาแลกเปลี่ยนเลย” ผมพูดต่อพร้อมกับตะเกียบที่คีบไปหาหมูเด้งของชามฝั่งตรงข้าม

“ไอ่ ไอ้ (ไม่ให้)” เจ้าตัวพูดกลับมาขณะเคี้ยวลูกชิ้นอยู่เต็มปาก มองแล้วโคตรไม่เข้ากับหน้าหวาน ๆ นี้เลย เข้าใจนะว่าสวย แต่ให้ตายเถอะ ทำตัวให้เข้ากับหน้าหน่อยเถอะแม่คุณ สกิลปากว่าเทพแล้ว สกิลการกินเทพกว่าอีก แถมเจ้าตัวยังเอาตะเกียบในมือมากดหมูเด้งที่ผมคีบขึ้นมาให้ลงไปอยู่ในชามเหมือนเดิม นี่ไม่รู้ไปเรียนสกิลการใช้ตะเกียบระดับนี้มาจากไหนกันอีก แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก ผมเป็นลูกป๊ากับม๊านะ ชีวิตนี้ใช้ตะเกียบมาเกือบทั้งชีวิต

1 นาทีผ่านไป  ...

โอเค ผมยอมแพ้ ... ยกหมูเด้งชิ้นนั้นให้ไหมไป

คอยดูเถอะ … อย่าให้ถึงคราวผมได้เอาคืนบ้างละกัน จะจัดหนัก จัดเต็ม ทำให้ร้องขอชีวิตเลย

ภายในห้องของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ร่างหนึ่งในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวกำลังค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ นำกลุ่มของชายชุดดำสี่ห้าคนเข้าไปภายในห้องอาบน้ำ กลุ่มชายชุดดำเดินตามหลังเข้าไปในสภาพหวาดระแวงเหมือนกับกลัวคนที่เดินอยู่ตรงหน้าจับใจ พวกเขาไม่รู้ว่าคราวนี้สิ่งที่หามาจะถูกใจเจ้านายของตัวเองหรือเปล่า แต่ก็คงไม่สามารถจะทำอะไรไปได้มากกว่านี้เพราะแค่ปิดเรื่องพวกนี้ไว้ก็ยากลำบากมากพอแล้ว คนตรงหน้าถือเป็นเจ้าของชีวิตพวกเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ทั้ง ๆ ที่ร่างที่อยู่ตรงหน้าดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะมีพิษสงอะไรด้วยซ้ำ ร่างกายอ่อนแอเหมือนคนแก่อายุร่วมร้อยปี หลังค่อม เดินช้าจนเหมือนคนหมดแรงจะล้มก็ไม่ล้มสักที แต่ก็ไม่มีใครคนไหนกล้าเข้าไปพยุงซักคน

“แน่ใจนะ ว่าคราวนี้เอาของมาให้ข้าตามที่บอก” เสียงแหบพร่าเหมือนกับคนแก่ค่อย ๆ พูดขึ้นมาขณะเดิน

“คะ…ครับ อะ อายุไม่เกิน 25 ปี” เสียงหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำเป็นคนพูดออกมา

ใบหน้าของคนพูดค่อย ๆ หันกลับมา เผยให้เห็นริ้วรอยเหี่ยวย่นมากมาย พร้อมกับใบหน้าอันแสนอัปลักษณ์ ดวงตาปูดโปน บริเวณแก้มซ้ายเป็นรูพรุนราวกับรังผึ้ง จนลูกน้องที่มองอยู่ถึงกับรีบก้มหน้าหนีกับสภาพที่เห็น

“ดีมาก ร่างกายข้าจะได้กลับเป็นเหมือนเดิมสักที”

“ท่านจะไม่ผิดหวังครับ”

ร่างนั้นเดินตรงไปบริเวณกลางห้องอาบน้ำซึ่งเป็นอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ รอบอ่างมีเด็กหนุ่มสี่ห้าคนถูกจับมัดมือ มัดเท้า ปิดตา ปิดปากไว้แน่น ในสภาพสลบไสล โดยแต่ละคนถูกเอาบริเวณลำคอของตัวเองไปเกยไว้ที่บริเวณขอบของอ่าง เจ้าของร่างถอดชุดที่คลุมตัวอยู่ออกจนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ก่อนค่อย ๆ ก้าวขาลงไปในอ่างจากุซซี่แล้วนอนลงไป มือที่เต็มไปด้วยความเหี่ยวย่นส่งสัญญาณเรียกให้ชายชุดดำเข้ามาทำหน้าที่ของตน

กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นเดินมาที่อ่างจากุซซี่ ในมือขวาของแต่ละคนถือมีดด้ามหนึ่งเอาไว้ พวกนั้นเดินมาจับตัวของเด็กหนุ่มที่ถูกจับไว้รอบอ่างแต่ละคน ให้ลำคออยู่ในบริเวณอ่าง ก่อนปลายคมของมีดจะกรีดไปยังลำคอของเด็กหนุ่มที่จับไว้อย่างรวดเร็ว

เลือดไหลพุ่งออกมาราวกับท่อประปาแตกลงสู่อ่างจากุซซี่   มันคือก๊อกน้ำ ก๊อกน้ำที่มาจากมนุษย์ ไม่นานร่างทั้งร่างที่นอนอยู่ภายในอ่างก็จมไปด้วยเลือดของเด็กหนุ่มที่ถูกปาดคอจนขาดใจตาย กลุ่มชายชุดดำมายืนเป็นวงกลมล้อมรอบอ่าง ก่อนท่องบทสวดอะไรบางอย่างออกมา เสียงเหล่านั้นดังก้องกังวานไปทั่วห้องอาบน้ำ นานเกือบสิบนาทีที่ร่างนั้นนอนจมเลือดอยู่ในอ่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาหลังจากเสียงบทสวดเงียบไป

ร่างเปลือยเปล่าของหญิงงามคนหนึ่งค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาจากอ่าง ลำตัวชุ่มไปด้วยเลือด เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยไปจนถึงกลางหลัง สายตายั่วยวนเหล่านั้นทำให้บุรุษในชุดดำที่ยืนท่องบทสวดก่อนหน้านี้แทบหยุดหายใจ

“เข้ามาซิ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเจ้า” เสียงพูดอันแสนอ่อนหวานดังขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นสุดขั้วหัวใจ ร่างของบุรุษในชุดดำเหล่านั้นค่อย ๆ เดินเข้าไปหาร่างงามเปลือยเปล่าตรงหน้าเหมือนโดนมนต์สะกดที่ไม่สามารถต้านทานได้ไหว แต่ละคนเริ่มถอดเสื้อผ้าออกก้าวเท้าลงไปในอ่างที่เต็มไปด้วยเลือด

บทรักอันเร่าร้อนที่มาจากตัณหาราคะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าภายในห้องนั้น ...

พร้อมกับเสียงร้องอย่างสุขสมของคนหลายคนกับซากศพที่นอนกองเกลื่อนอยู่รอบอ่าง ...

บรรยากาศการเรียนช่วงบ่ายหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จใหม่ ๆ ในห้องแอร์เย็น ๆ ประกอบกับเสียงกล่อมของอาจารย์ผู้สอนหน้าชั้นเรียน มันทำให้ผมอ้าปากหาวเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วกระมัง การบรรยายยังคงถูกดำเนินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับภาพบนจอโปรเจกเตอร์ที่เปลี่ยนไปไวดุจความเร็วแสง เหมือนเพียงแค่คุณกะพริบตาไปสามครั้ง หลังจากนั้นสไลด์หน้าที่ 1 มันอาจจะกลายเป็นหน้าที่ 100 ไปแล้วก็เป็นได้ ช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับเสียงพูดเหลือเกิน

“ง่วงชะมัด” ผมหันไปชวนไอ้อิฐที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือคุย เพราะมันทำท่าจะสลบลงคาโต๊ะเลกเชอร์ได้ทุกเมื่อไม่ต่างอะไรจากผม ในขณะที่คนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือคือไอ้คีย์และถัดไปอีกคือใยไหมกลับสามารถตั้งใจเรียนได้แบบไม่สะทกสะท้าน เหมือนมีเกราะ +100 กันเสียงชวนง่วงของอาจารย์ได้

“เออดิ เจอเรียนวิชานี้ตอนบ่ายทีไร เหมือนโดนวางยานอนหลับยังไงยังงั้นอะ” ไอ้อิฐหันหน้ามาตอบผม

“กูก็ง่วง แต่พวกมึงก็ตั้งใจหน่อยดิวะ วิชานี้อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องคำนวณอะไรมากนะ อีกอย่าง รุ่นพี่บอกมันช่วยดึงเกรดด้วย” ไอ้คีย์พูดขึ้นมา ละสายตาจากจอหันมาคุยกับผม

“ครับพ่อ”

ผมก็ได้แต่ตอบไปแบบนั้น ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากไปกว่านี้ ตามมาด้วยไอ้คีย์ที่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา หันไปมองหน้าไอ้อิฐ มันก็แค่ยักไหล่ก่อนฟุบตัวลงไปบนโต๊ะเลกเชอร์ทันที เอาวะ ไหน ๆ ก็หลับกันไปครึ่งห้องล่ะ รวมผมอีกคนจะเป็นอะไรไป

ตุบ !

เสียงอะไรบางอย่างที่ดังขึ้นมาทำให้ผมสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะที่ฟุบลงไป กำลังเคลิ้ม ๆ ยังไม่ทันจะหลับได้สนิทเลยด้วยซ้ำ เสียงนั้นดังขึ้นมาจากทางกระจกหน้าต่างของห้องเรียน ผมและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเสียงหันไปมอง บริเวณกระจกใสของหน้าต่างอาบไปด้วยเลือด มีเศษขนนกติดอยู่นิดหน่อยพร้อมกับทิ้งร่องรอยของการกระแทกอย่างรุนแรงไว้ ช่างเป็นนกที่โชคร้ายซะจริง นึกยังไงบินมาชนหน้าต่างห้องเรียนแรงขนาดนั้น ทุกคนพอเห็นว่าเป็นเพียงแค่นกโชคร้ายตัวหนึ่งที่บินมาชนหน้าต่างห้อง ก็หันกลับไปสนใจกับสิ่งที่ตัวเองทำต่อ

ตุบ ! ตุบ ! ตุบ ! ตุบ ! ตุบ !

เสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันที พร้อมกับร่างของนักศึกษาหลายคนที่ลุกจากเก้าอี้เลกเชอร์เดินไปดูที่บริเวณหน้าต่าง ตอนนี้อาจารย์หน้าชั้นเรียนก็หยุดพูดแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แค่นกตัวเดียวบินชนหน้าต่างมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่นี้มันไม่ใช่แล้ว ภาพที่ผมมองเห็นขณะนี้คือกระจกหน้าต่างทั้งบานเลอะไปด้วยเลือดของนกที่บินพุ่งตัวเข้ามาชนหน้าต่างแบบไม่หยุด ตัวแล้วตัวเล่า นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย

เพล้ง !

เสียงหวีดร้องของนักศึกษาสาวหลายคนดังขึ้นมาทันทีเมื่อกระจกหน้าต่างแตกออก นกหลายตัวต่างบินเข้ามาภายในห้องเรียน ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่านกจำนวนเยอะแยะขนาดนี้มันมาจากไหน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างชุลมุนกันเอามาก ๆ  คนวิ่งออกจากห้องไปแล้วก็มี

นี่มันบ้าไปแล้ว ...

บ้าไปแล้วชัด ๆ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด