ตอนที่แล้วบทที่ 271 ของขวัญที่ยอดเยี่ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 273 ข้าจะไปฆ่าบางคน

บทที่ 272 ข้าจะยอมเป็นของเจ้า!


สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว

กองทัพสัตว์อสูรอันเกรียงไกรเคลื่อนทัพผ่านอาณาจักรเป่ยหมางและตรงเข้าสู่อาณาจักรเสินหวู่เพื่อกลับคืนสู่หุบเขาสามหมื่นลี้

ราชาเซี่ยถิงเวยไม่ใช่คนโง่ เขารีบอพยพกองทัพและคนธรรมดาที่อยู่ในเมืองซึ่งกองทัพสัตว์อสูรจะเดินทางผ่านแทบจะทันทีที่ทราบข่าว

เมื่อกองทัพสัตว์อสูรยอมถอนกำลังกลับไปแต่โดยดี ปุถุชนคนธรรมดาต่างก็ร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจ บรรดาราชาทั้งหลายเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งออก

ทางด้านของยอดฝีมือทั้งหลายอย่างสุ่ยโย่วหลานและคนอื่นๆเองก็คลายความตึงเครียดลงไปไม่น้อย

หากว่ากองทัพสัตว์อสูรไม่ยอมรามือ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกและเกรงว่าบทสรุปที่ออกมาคงจะไม่น่าพิสมัยนัก

เนื่องจากแม้กระทั่งบรรพบุรุษเฒ่าของจักรวรรดิมังกรเวหายังไม่สามารถต่อกรกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้ นั่นก็หมายความว่ากำลังรบของนางจะต้องน่าตกตะลึงอย่างแท้จริงซึ่งอาจเทียบได้กับยอดฝีมือชั้นราชันสวรรค์ในอดีตได้เลยทีเดียว

แม้ว่ายอดนักสู้ในสิบอันดับแรกจะร่วมมือกัน แต่มันก็คงเป็นเพียงแค่การยืดเวลาตายก็เท่านั้น!

แต่ประเด็นนั้นเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่ถูกกล่าวขานไปทั่วทั้งทวีป!

เจียงอี้!

หน่วยสอดแนมลับนับหมื่นที่ถูกส่งออกมาโดยจักรวรรดิมังกรเวหาได้กระจายข่าวเกี่ยวกับเจียงอี้อย่างรวดเร็ว

รายละเอียดของข่าวลือที่ถูกแพร่ออกไปมีดังนี้

เจียงอี้ไล่ตามคนร้ายที่ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเป็นเวลาร่วมเดือน หลังจากที่เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดไปนับโหล ในที่สุดเขาก็ช่วยเหลือจิ้งจอกน้อยได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือนี้หาใช่ส่วนสำคัญไม่ ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือขององค์หญิงหลิงเสวี่ยหรือว่าคนอื่น เพราะนอกจากนั้นแล้วยังมีอีกข่าวลือที่น่าเหลือเชื่อได้ถูกแพร่กระจายออกไป

หลังจากที่เจียงอี้ช่วยเหลือจิ้งจอกน้อยกลับมาได้แล้ว เขาก็ยังเข้าต่อกรจักรพรรดินีสัตว์อสูรด้วยตัวเอง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้นางกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยใช้เวลาโรมรันกันทั้งสิ้นหนึ่งวันหนึ่งคืนจนสามารถขับไล่นางไปได้ในที่สุด

แต่หลังจากศึกครั้งนั้น เจียงอี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกดูแลอย่างใกล้ชิดโดยหมอเทวะนามว่าปรมาจารย์หง

บัดนี้ชื่อเสียงของเจียงอี้ได้พุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุดแล้ว!

แม้ว่าเขาจะเป็นอาชญากรผู้ฉาวโฉ่ที่ก่อกบฏในอาณาจักรของตัวเอง แต่มันจะเทียบกับคุณงามความดีที่เขาทำเพื่อมนุษยชาติได้ยังไง?

หากไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มที่มีนามว่าเจียงอี้คนนี้ จะต้องมีอีกกี่ล้านชีวิตที่ถูกสังเวยไป? จะต้องมีเด็กน้อยมากมายเท่าไหร่ที่จะต้องกำพร้าพ่อแม่?

ยังไม่หมดแค่นั้น จักรวรรดิมังกรเวหายังได้ทำการป่าวประกาศให้โลกได้รู้ว่าที่จริงแล้วแล้วราชวงศ์แห่งอาณาจักรเสินหวู่นั้นเป็นพวกกลับกลอกและผิดสัญญาก่อน พวกเขาได้นำสมุนไพรวิญญาณซึ่งแท้จริงแล้วควรจะเป็นของเจียงอี้กลับไปเพื่อที่จะมอบให้กับรัชทายาทของพวกเขา, เซี่ยอู๋หุ่ย

และเรื่องอาณาจักรเสินหวู่ต้องการชีวิตของเจียงอี้ก็ยังเป็นเพราะเซี่ยอู๋หุ่ยที่อิจฉาเขา

เมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดโปง ผู้คนจำนวนมากต่างก็เห็นใจเจียงอี้ เขาเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบหกปีเท่านั้น หากเขาไม่ถูกกระทำก่อนเขาจะทรยศต่ออาณาจักรได้เยี่ยงไร?

บางคนกระทั่งก่นด่าสาปแช่งราชวงศ์แห่งอาณาจักรเสิ่นหวู่และประณามคนเหล่านั้นต่างๆนาๆ จนถึงขั้นเขียนเป็นพงศาวดารให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้อ่านเลยก็มี

เนื่องจากหายนะเพิ่งผ่านพ้นไป ผู้คนก็ยังคงตกอยู่ในความกังวล แต่เจียงอี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในจังหวะเหมาะสมและกลายเป็นวีรบุรุษในที่สุด

ในขณะเดียวกันอาณาจักรบริวารอื่นๆต่างก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นความโทสะของบรรดายอดฝีมืออย่างพวกสุ่ยโย่วหลานโดยไม่ตั้งใจ

ดังนั้น… เจียงอี้จึงกลายเป็นวีรบุรุษที่ครองใจคนทั้งทวีปรวมไปถึงยังเป็นที่หมายปองของหญิงสาวนับไม่ถ้วน คนเฒ่าคนชรามากมายต่างก็สวดมนต์และขอพรต่อทวยเทพให้วีบุรุษตัวน้อยของพวกเขาอยู่รอดปลอดภัย

ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของจักรวรรดิในครั้งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าเจียงอี้จะเป็นเพียงทูตตรวจการของจักรวรรดิมังกรเวหา แต่เมื่อชื่อเสียงของเขาพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด จักรวรรดิเองก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย

แต่ในบรรดาผู้ที่มีความคิดฉลาดล้ำเลิศหรือขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลายต่างก็ยังมีเรื่องให้ต้องแคลงใจ ท้ายที่สุดแล้วเป็นเจียงอี้จริงๆหรือที่หยุดยั้งกองทัพสัตว์อสูรไว้ได้? หรือจะเป็นเพราะจักรวรรดิมังกรเวหาที่งัดไพ่ตายลับออกมาใช้กันแน่?

ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผู้ที่ได้ครองใจประชาชนก็จะกลายเป็นผู้ที่ครองโลก

ไม่ว่าจะเป็นในอาณาจักรใดๆก็ตาม สิ่งที่พวกเขาควรจะมีก็คือยอดฝีมือขั้นสูงสุดที่จงรักภักดี ตามมาด้วยกองทัพที่น่าเกรงขามและอย่างสุดท้ายก็คือหัวใจของผู้คน!

ในเวลานี้ จักรวรรดิมังกรเวหาได้กุมหัวใจของผู้คนทั่วทั้งทวีป อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ อาณาจักรบริวารทั้งหลายก็ไม่กล้าที่จะบุกโจมตีเมืองเทียนชิงสุ่มสี่สุ่มห้า มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะถูกคนทั้งโลกรังเกียจหรือแม้กระทั่งถูกกองทัพของตัวเองก่อกบฏ

แม้ว่าจักรวรรดิมังกรเวหาจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ประสบพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน กำลังรบที่พวกเขาซุ่มปกปิดมากว่าหมื่นปีได้ถูกเปิดเผยและในเวลาเดียวกันก็สูญเสียไปกว่าครึ่ง อีกทั้งบรรพบุรุษเฒ่ายังได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่รู้ว่าเป็นหรือตายกันแน่

……

อีกด้านหนึ่ง เจียงอี้ยังคงมีชีวิตอยู่ตามคาด!

ฝ่ามือของจักรพรรดินีสัตว์อสูรเป็นเพียงแค่ข้ออ้างให้นางใช้นำทัพอสูรกลับไปโดยไม่เผยความอ่อนแอออกมา ที่จริงแล้วควรจะเรียกมันว่าของขวัญเสียมากกว่า เพราะมันทำให้เจียงอี้กลายเป็นวีรบุรุษในชั่วข้ามคืน!

หากว่านางเอาจริง เกรงว่าเพียงแค่นิ้วเดียวก็คงจะบดขยี้เขาให้ตายเป็นร้อยๆรอบได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจียงอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังคงเป็นเรื่องจริง กระดูกทั่วทั้งร่างแหลกละเอียด อวัยวะภายในฉีกขาด แต่โชคดีที่จักรวรรดิมังกรเวหามีหมอเทวะประจำการอยู่และยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่มากมาย เพียงแค่ครึ่งวัน อาการบาดเจ็บก็กลับมาทรงตัว

แต่ก็แน่นอนว่าด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ หากต้องการที่จะฟื้นตัวสมบูรณ์ เกรงว่าเวลาแค่สิบวันหรือครึ่งเดือนนั้นจะไม่เพียงพอ

หลังจากที่รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆมั่นใจแล้วว่าเจียงอี้จะไม่เป็นไร พวกเขาก็ทยอยกันใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อกลับไปรายงานภารกิจยังต้นสังกัด

ทางด้านขององค์หญิงหลิงเสวี่ยก็ช่างใจกว้างยิ่งนัก นางมอบศิลาสวรรค์ให้กับทุกคนคนละหนึ่งก้อน รวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์จำนวนหนึ่งและเหรียญเกียรติยศ

เจียงอี้ตื่นขึ้นครั้งแรกในวันที่สามแต่เขายังไม่สามารถเดินไปไหนได้ เขาทำได้เพียงแค่ฝืนลุกขึ้นนั่งและบ่มเพาะพลังเพื่อเร่งกระบวนการฟื้นฟู

เข้าวันที่เจ็ดเขาถึงลุกเดินจากเตียงได้ และในวันที่สิบ อาการบาดเจ็บของเขาก็ดีขึ้นมาก

ในวันที่สิบเอ็ด…

เจียงอี้นั่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอกวังหลวง เมื่อหลิงเสวี่ยเดินมาเห็นเข้า นางก็โบกมือเพื่อที่จะไล่บรรดาสาวใช้ให้ออกไปและตะโกน “เจียงอี้ เจ้ามาทำอะไรที่นี่? อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีทำไมถึงไม่กลับไปพักผ่อนเสียล่ะ?”

เจียงอี้ที่กำลังนั่งบ่มเพาะพลังลืมตาตื่นขึ้นและกล่าวตอบพลางหัวเราะเบาๆ “ร่างกายของข้าไม่เป็นอะไรแล้วและอีกอย่างข้าก็ยังมีเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นต้องกลับไปทำที่สำนักจิตอสูร ข้าคงไม่อยู่รบกวนพวกท่านแล้ว”

ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลที่สุดคืออาการของเจียงเสี่ยวนู๋ เด็กสาวผู้นั้นกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานานกว่าหนึ่งปี แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเป็นห่วงได้ยังไง?

แต่ทันใดนั้นใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของหลิงเสวี่ยแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากนั้นนางก็รีบเอ่ย

“ไม่ได้นะ! อาการของเจ้ายังน่าเป็นห่วงและต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เจ้ายังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อีกอย่าง เจ้าอย่าลืมสิว่าตัวเองนั้นเป็นทูตตรวจการของจักรวรรดิ เจ้าจะจากไปง่ายๆได้อย่างไร? ข้ายังมีภารกิจสำคัญให้เจ้าทำอยู่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเจียงอี้ก็เผยให้เห็นร่องรอยความเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก

“องค์หญิง ท่านกำลังสั่งข้าหรือ? หึหึ ข้าสามารถละทิ้งตำแหน่งทูตตรวจการอะไรนั่นตอนนี้เลยก็ได้”

“ไม่นะ…”

ทันใดนั้นสีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ไม่นานนักสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอีกครั้งซึ่งดูคล้ายกับเด็กสาวที่ร้อนรนและทำอะไรไม่ถูกจนเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ

“เจียงอี้ ถือว่าข้าขอร้องเจ้าเถอะนะ… เจ้าอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม?”

“เห้ออ…”

เจียงอี้ถอนหายใจออกมา หากว่าหลิงเสวี่ยยืนกรานที่จะให้เขาอยู่ต่อด้วยท่าทีราวกับนางพญา เขาก็ตัดสินใจที่จะใช้กำลังเพื่อฝ่าออกไป แต่ตอนนี้นางกลับใช้วิธีขอร้องเขาซึ่งเขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบกลับไป

“ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำจริงๆ… เอาแบบนี้แล้วกัน หากว่าข้าจัดการธุระของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าอาจจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”

“เจียงอี้!”

ทันใดนั้นหลิงเสวี่ยก็นั่งลงบนเบาะที่นั่งเดียวกับเจียงอี้ จากนั้นนางก็คว้าแขนเขาไว้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนปนขอร้อง

“หะ… หากว่าเจ้ายอมอยู่ที่นี่ ละ… หลิงเสวี่ยจะยอมเป็นของเจ้า!”

“เราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลัง!”

เจียงอี้รีบดึงแขนของหลิงเสวี่ยออก เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกไป จากนั้นก็หันกลับมามองหลิงเสวี่ยและกล่าว

“องค์หญิง ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ของคนเราควรเริ่มจากความบริสุทธิ์ใจและเรียบง่ายที่สุด หากชายหญิงต้องการที่จะรักกัน เรื่องของสถานะก็ไม่ควรที่จะถูกเอ่ยถึงและยังไม่ควรที่จะตั้งเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้น มันก็จะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด