ตอนที่แล้วคาถาที่ 3 : ความฝัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 5 : คนป่วย

คาถาที่ 4 : ตรุษจีนสีเลือด


ตรุษจีนเป็นอีกหนึ่งเทศกาลปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีน

จริง ๆ แล้ววันตรุษจีนมีทั้งหมดสามวันครับ คือวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว วันจ่ายคือวันที่พวกเราจะต้องไปซื้อข้าวของต่าง ๆ เครื่องเซ่นไหว้เพื่อเตรียมนำมาไหว้บรรพบุรุษ พร้อมกับทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย เพราะในวันไหว้จะมีข้อห้ามไม่ให้ทำความสะอาดบ้านทุกอย่างหรือแม้กระทั่งการซักผ้า ส่วนวันไหว้ก็คือวันที่เรานำของที่ซื้อมาในวันจ่ายมาทำไหว้บรรพบุรุษนั่นเอง วันเที่ยวเป็นวันสุดท้าย ซึ่งพวกเราจะออกไปเที่ยวขอพรรับสิ่งดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิต หรือจะพักผ่อนอยู่บ้านก็ได้ตามสะดวก

ผมกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นของวันจ่าย ก็เจอป๊ากับม๊ากำลังเตรียมของไหว้อยู่ด้านล่างของร้าน กี้กำลังนั่งพับกระดาษเงินกระดาษทองเพื่อนำไปเผาในพิธีไหว้วันพรุ่งนี้

“สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า” ผมเข้าไปไหว้ป๊ากับม๊า พร้อมเข้าไปกอดม๊าให้หายคิดถึง จริง ๆ มันก็มีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่นั่นแหละ

“ม๊า ผมอยากกินเป็ดย่าง ปีนี้ซื้อเป็ดมาหรือเปล่า” ผมถามม๊าไป

“ของโปรดเฮีย ม๊าเขาไม่ลืมหรอกน่า รีบมาช่วยกี้พับกระดาษเลย” กี้พูดขึ้นมา

“ไม่ต้องมาอ้อนม๊าเรื่องของกินเลย เราไปช่วยกี้มันพับกระดาษโน่น” ม๊าพูดพร้อมดันหน้าผมให้ออกห่าง รู้ทันอีกละม๊าผมคนนี้

“โอเคครับ เดี๋ยวผมขอเอาของขึ้นไปเก็บก่อน”

ผมเอาข้าวของที่เตรียมมาไปเก็บไว้บนห้องเสร็จ ก็เดินลงมาช่วยกี้พับกระดาษเงินกระดาษทอง ที่ดูแล้วเหลืออีกเยอะเลย ม๊าน่าจะให้ลูกจ้างในร้านมาช่วยจะได้เสร็จเร็ว ๆ แต่เออ ผมลืมไป วันนี้ร้านปิดนี่นา

“ถามไรหน่อยดิ ไอ้อิฐมันยังจีบกี้อยู่ปะ” ผมถามกี้ขณะตัวเองกำลังจับปลายของกระดาษให้ม้วนสลับด้านกันไปเรื่อย ๆ นั่งทำไปก็เพลินดีเหมือนกันนะ ทำเสร็จก็จะได้เป็นแท่นกระดาษเงินกระดาษทองคล้ายดอกไม้สวย ๆ ออกมา

“ก็จีบอยู่มั้ง ไม่รู้ซิเฮีย ตอนนี้กี้โฟกัสแค่เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า เฮียอิฐก็ไลน์มาคุยเรื่อย ๆ นะ” กี้ตอบผมมา

“แล้วรู้สึกยังไงกับมันบ้าง” ผมถามกี้ต่อ ใช่ว่าจะไม่ไว้ใจอะไรไอ้อิฐมันหรอก ผมก็รู้จักเพื่อนผมดี แต่ก็อยากรู้ข่าวคราวจากปากของน้องตัวเองบ้างก็เท่านั้น

“ตอนนี้ก็เหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่งอะ ยังไม่มีอะไรพิเศษ แต่เฮียเขาก็หล่อนะ ได้เป็นแฟนก็คงดี” กี้พูดขำ ๆ ประโยคหลังดูไม่จริงจังมากนัก

“หูย ไอ้หน้าเหมือนแม้วเพิ่งลงจากดอยอะนะหล่อ” ผมพูดออกไปพร้อมหัวเราะ ผมหล่อกว่ามันตั้งเยอะ ไอ้เรื่องโรคหลงตัวเองเนี่ย ไม่มีใครเกินผมหรอก ก็ผมมันหล่อจริง ๆ นี่หว่า อย่าลืมนะครับ นี่เป็นทั้งเดือนคณะและเดือนมหาวิทยาลัยเลยนะ

“นั่นเพื่อนเฮียปะ พูดซะ เฮียอิฐเขาหล่อสไตล์หนุ่มเหนือไง ลุคเขาก็เท่ออก เป็นดาราได้เลยนะ” กี้พูด

“ไม่รู้อะ หวง ดีแล้วที่ตั้งใจเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อน เรื่องแฟนเอาไว้ทีหลัง แต่จริง ๆ คบกับไอ้อิฐเฮียก็ไม่ว่านะ มันก็เป็นคนดี ส่วนเรื่องหน้าตา ก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายอะไรมาก”

“แหม เคยสอนตัวเองแบบนี้บ้างรึเปล่าคะ เมื่อก่อนเห็นควงสาวไม่เลือกหน้า แล้วไอ้หน้าตาไม่ได้เลวร้ายแบบนั้นมันดูดีกว่าหน้าตี๋ ๆ ของเฮียอีก ไหนคะ ลืมตารึยั้ง” กี้ย้อนผมกลับมา ดูดิ ดูไอ้น้องคนนี้ ชอบเถียงให้ผมดูเป็นคนไม่ดีอยู่เรื่อย แถมเข้าข้างคนอื่นอีกต่างหาก

“อ้าวเฮ้ย เข้าข้างมันเหรอ ก็ตอนนั้นมันเจ็บเว้ย เจ้ไหมของแกเทเฮียนี่หว่า ช่วงนั้นเลยอยากใช้ชีวิตให้มันสุด ๆ ว่าแต่เขา ตัวเองลืมตารึยั้งเนี่ย” พูดจบผมก็แกล้งเอามือไปดีดหน้าผากกี้หนึ่งทีเพื่อเป็นการลงโทษที่ไปเข้าข้างไอ้อิฐมัน ไม่เข้าข้างพี่ชายตัวเอง

พวกเราสองพี่น้องนั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยจนพับกระดาษเงินกระดาษทองเสร็จ ก่อนจะพากันไปช่วยม๊าทำอาหารเย็นกินกัน คืนนี้กะว่าจะเข้านอนไวหน่อย จะได้ตื่นมาช่วยป๊ากับม๊าเตรียมจัดของไหว้ในวันพรุ่งนี้แต่เช้า

เช้าวันต่อมา ผมก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อไปช่วยป๊ากับม๊าจัดของไหว้ อาหารหลากหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้ที่โต๊ะขนาดใหญ่บริเวณชั้นล่างของร้าน มีทั้ง หัวหมู เป็ด ไก่ หมี่ซั่ว อาหารอีกหลายอย่างและพวกผลไม้ มีญาติ ๆ ของทางบ้านผมบางส่วนมารวมตัวไหว้ตรุษจีนกันที่นี่ด้วย เนื่องจากป๊าของผมเป็นพี่ชายคนโต พวกอา ๆ ก็จะมารวมตัวกันที่นี่ เหมือนเป็นวันนัดเจอกันสำหรับบรรดาญาติพี่น้องอีกหนึ่งวัน วันนี้ชั้นล่างของร้านจึงดูคึกคักเป็นพิเศษแม้ไม่ใช่วันที่เปิดร้านรับลูกค้า

พิธีไหว้ก็ถูกทำขึ้นตามธรรมเนียมในช่วงสาย ๆ ของวัน เมื่อไหว้เสร็จก็เอาธูปไปปักที่อาหารแต่ละชนิด รอจนเทียนสีแดงละลายจนเกือบทั้งหมด ก็ถือว่าเสร็จพิธี จากนั้นพวกเราก็จะช่วยกันเผาเสื้อผ้ากระดาษ เงินกระดาษ กระดาษเงินกระดาษทองที่ได้เตรียมเอาไว้ พร้อมจุดประทัดที่ด้านหน้าของร้านเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีและโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ออกไปให้หมด

หลังทานอาหารจากการไหว้ตรุษจีนเสร็จ คุยเล่นกันพอหอมปากหอมคอ พวกญาติ ๆ ของผมก็ต่างลากันกลับไปพักผ่อน ส่วนผมหลังจากกินเป็ดย่างของโปรดจนอิ่มเต็มท้องก็กลับขึ้นมาบนห้องของตัวเองอย่างอารมณ์ดี กะว่าจะไลน์ไปชวนไอ้คีย์กับไอ้อิฐเล่นเกมกันสักหน่อย วันนี้วันดี ท่าทางจะเล่นชนะทุกตา แล้วตอนบ่าย ๆ หน่อยค่อยกลับเอาของไปให้พวกมัน

ผมนั่งลงบนโต๊ะอ่านหนังสือก่อนหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาไอ้คีย์และไอ้อิฐ แต่ยังไม่ทันจะกดส่งข้อความออกไป สายตาผมก็เลื่อนไปเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันทำลายอารมณ์ดี ๆ ของผมที่มีในตอนนี้จนหมดสิ้น

หนังสือเล่มนั้น มันถูกวางอยู่บนโต๊ะของผม ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานผมโยนมันลงถังขยะหน้าหอไปแล้วกับมือ !

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ผมชักจะไม่ไหวแล้วนะ ผมไม่ได้คิดไปเองอีกแล้ว หนังสือนั่นมันจงใจทำให้ผมหลอน

เกาะ ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ทำให้ผมละความสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนลุกขึ้นไปเปิดประตูให้กับคนที่มาเคาะห้อง

เฮ้ย !

ผมตกใจจนร้องออกมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือคนร่างเปลือยที่มีหัวเป็นหมู เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดที่เหมือนมันไปอาบมา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งจนผมต้องเอามือปิดจมูก มือขวาของมันถือมีดง้างขึ้นมาพร้อมที่จะแทงตรงมายังตัวของผม ผมรีบถอยตัวขยับออกห่างจนล้มลงไปกับพื้น สติแทบไม่อยู่กับตัว เป็นใครจะไม่ตกใจบ้าง เมื่ออยู่ดี ๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้เข้ามาเคาะประตูห้องแล้วจะเข้ามาฆ่า

นี่มันเรื่องบ้าอะไร มันออกมาจากความฝันผมได้ยังไง !

ร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อย ๆ มันน่าขยะแขยงเหลือเกิน

“เฮ้ย อย่า ! อย่าเข้ามานะเว้ย !” ผมร้องออกไป

“เฮีย ! เฮีย ! เป็นอะไร เห็นหน้ากี้ทำไมตกใจขนาดนั้น” เสียงใสดังขึ้น พร้อมร่างของกี้ที่เข้ามาหาผมที่ล้มลงไปกองที่พื้นข้างเตียง ผมกะพริบตาถี่ ๆ พร้อมเอามือขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง ภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่มีหัวเป็นหมูอีกต่อไป แต่เป็นร่างของน้องสาวผมต่างหาก

... เป็นผมเองที่ตาฝาด

… งั้นเหรอ

“เปล่า ๆ เฮียตาฝาดน่ะ” ผมบอกกี้ไป ใจยังเต้นรัวอยู่เลย เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า

“กี้มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามต่อ

“ม๊าบอกว่าม๊าจัดหมี่ซั่ว แล้วก็พวกขนมใส่กล่องให้เฮียเอาไปให้เพื่อนเสร็จแล้วนะ” กี้พูด

“อ่อ ขอบใจมาก” ผมตอบกี้ไป กะว่าช่วงบ่ายของวันผมจะเอาพวกขนมและของไหว้ไปฝากไอ้คีย์และไอ้อิฐที่หอ เลยให้ม๊าเตรียมใส่กล่องเอาไว้ให้

หลังจากกี้เดินออกจากห้องผมไป ผมก็ได้สติ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผมชักทนไม่ไหวแล้วนะ ผมจะเป็นบ้าเพราะไอ้หนังสือนั่นอยู่แล้ว มันกลับมาอยู่บนโต๊ะหนังสือผมได้ยังไงอีก แถมทำให้ผมเห็นภาพหลอนเหมือนตอนอยู่ในฝันอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าผมโชคร้ายเก็บหนังสือนั่นมาทำไม เวรกรรมแท้ ๆ อารมณ์ตอนนี้มันทั้งโมโหและหงุดหงิด เหมือนไอ้หนังสือนั่นมันกวนประสาทผมอยู่

เจ๋งนักใช่ไหม เดินกลับมาหาได้ตลอดใช่ไหม

… ได้ เราจะได้เห็นดีกัน

อะไรก็คงเทียบไม่ได้กับความบ้าของผมในตอนนี้ ผมหยิบไอ้หนังสือเวรนั่นก่อนเดินออกจากห้องเพื่อลงไปชั้นล่างด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากจะรู้นัก ว่าคราวนี้มันจะเจ๋ง เดินกลับมาหาผมได้อีกครั้งหรือเปล่า

“ป๊า เก็บถังสังกะสีไปแล้วเหรอ” ผมถามป๊าที่อยู่ที่ชั้นล่างของร้าน เมื่อมองหาของที่ตัวเองต้องการไม่เจอ ถังสังกะสีที่เอาไว้ใช้เผากระดาษเงินกระดาษทอง

“มีอะไรเหรอชา ป๊าเอาไปไว้หลังร้านแล้วอะ” ป๊าผมตอบกลับมา

“ผมอยากจะเผาอะไรสักหน่อยน่ะป๊า”

“อ่อ ไปเอาซิ”

ผมเดินไปหลังร้านมองหาไปรอบ ๆ สักพักก็พบกับของที่ต้องการ ผมหยิบไฟแช็คที่อยู่แถวนั้นมาจุดไฟใส่กระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้วหนึ่งกองใหญ่ พร้อมใส่มันลงไปในถังสังกะสี เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากเชื้อไฟที่ผมได้สร้างขึ้นมา ไม่รอช้า ผมหยิบไอ้หนังสือเวรนั่นโยนลงไปถังสังกะสีทันที

ฟู่ม ! เปลวไฟลุกท่วมตัวของหนังสือเล่มนั้น ปลายกระดาษเก่า ๆ เริ่มไหม้จนกลายเป็นสีดำ มันลามไปทั่วตัวของหนังสือ

ผมยืนมองหนังสือเล่มนั้นถูกเผาอย่างสะใจ ดูซิ มันจะกลับมาหาผมได้อีกหรือเปล่า

โอ๊ย !

อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงบทสวดหลอน ๆ ที่เคยได้ยินในความฝันดังขึ้นมาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงหัวเราะ เสียงคนร้องไห้ ผสมปนเปกันไปหมด เสียงพูดคุยด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจ มันตีกันจนทำให้ผมยกมือขึ้นมาปิดหูของตัวเองเอาไว้ แต่เสียงเหล่านั้นก็ยังทะลุผ่านเข้ามาได้ ภาพกลุ่มคนประหลาดที่หัวเป็นสัตว์ในความฝันโผล่ขึ้นมาในความคิดของผม ภาพกลุ่มคนที่ถูกทรมานและเผาทั้งเป็นในสถานที่ที่ผมไม่เคยรู้จัก ทุกภาพมันเต็มไปด้วยเลือด เลือดเต็มไปหมด ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดของการถูกทรมาน การถูกเผาทั้งเป็น แสบร้อนไปทั่วทั้งตัว มีเลือดกำเดาไหลออกมาทางจมูกของผม สติผมตอนนี้มันรางเลือนเหลือเกิน เหมือนผมกำลังจะตาย ผมล้มลงร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมทำอะไรลงไป

เปลวไฟตรงหน้ามีตัวอักษรโบราณที่เคยอยู่ในหนังสือมากมายลอยออกมาล้อมรอบตัวของผมเอาไว้ ภาพที่ผมเห็นตอนนี้มันไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ ผมแยกมันไม่ออกอีกต่อไปแล้ว สติผมกำลังจะหายไป ผมเห็นกลุ่มเงาสีดำมืดกำลังลอยออกมาจากถังสังกะสีที่เปลวไฟยังคงลุกโชน

ตาของผมกำลังจะปิด ภาพทุกอย่างค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ พร้อมกับเสียงเรียกของป๊าที่เต็มไปด้วยความตกใจเป็นเสียงสุดท้ายที่ชัดเจนที่สุดที่ผมได้ยิน

“ชา !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด