ตอนที่แล้วเล่ม 1 ตอนที่ 4: เล่ยหลวนลี่ กงล้อสายฟ้า (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 1 ตอนที่ 6: คทาสายฟ้า (2)

เล่ม 1 ตอนที่ 5: คทาสายฟ้า (1)


Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

เล่ม 1 ตอนที่ 5: คทาสายฟ้า (1)

“ข้ารู้สึกราวกับมีโพรงอยู่ในร่างกาย มันโล่ง ๆ มันชัดเจนในความรู้สึกมากเหลือเกิน... คือเรื่องจริงงั้นหรือ? ประหลาดยิ่ง!”

“ไม่เลว ไม่เลวเลยเจ้าหนุ่ม มันสามารถเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ หลังจากสร้างกงล้อสายฟ้าได้สิบรอบแล้ว ชื่อของมันคือ มิติหลวนชาง ไม่ต้องตกใจ ...ว่าแต่มันใหญ่เท่าใดรึ?”

ความเงียบปกคลุมบรรยากาศครู่หนึ่ง เขาตอบกลับ “มันใหญ่ประมาณกำปั้นขอรับ มิติหลวนชางคือสิ่งใด?”

“ตอนนี้มันยังไม่มีประโยชน์กับเจ้า หลังจากที่เจ้าสร้างกงล้อสายฟ้าได้หนึ่งพันรอบ เมื่อนั้นมันจะมีประโยชน์ รัศมีของมันจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสองฟุต เจ้าจะวางสิ่งของบางสิ่งได้ ที่ยอดเยี่ยมก็คือเมื่อระดับของเจ้าเพิ่มขึ้น มันจะมีรัศมีกว่าหนึ่งเมตร เป็นพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ สามารถวางสิ่งของได้หลากหลาย โฮ่โฮ่ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วยซ้ำ”

สีหน้าของเฟิงตกตะลึง มิติเก็บของงั้นหรือ? คำนี้ลอยเข้ามาในศีรษะของเขา “แล้วพื้นที่กว้างขนาดนั้น… มันจะไม่ทำลายอวัยวะภายในของข้าหรือ?”

ชายชราหัวเราะพร้อมตอบกลับ “เป็นไปไม่ได้ นั่นไม่ใช่เรื่องของกายภาพ” เขาหยุดคิดอยู่ชั่วขณะพร้อมอธิบายต่อ “แต่จริง ๆ แล้วเจ้าสามารถใช้งานมันได้บ้างเล็กน้อย มันสามารถเก็บหลวนฉีไว้ได้ภายในมิติหลวนชางได้”

ความไม่เข้าใจปรากฏขึ้นบนหน้าของเฟิงอีกครั้ง เขาถาม “หลวนฉีคือสิ่งใดขอรับ?”

“อ่า หลวนฉีคืออาวุธของผู้ฝึกตนเล่ยหลวน แน่นอนว่ามันสอดคล้องกับประเภทธาตุของเจ้า ตัวอย่างเช่น สำหรับเจ้าที่ถือครองธาตุสายฟ้า เจ้าจะต้องใช้หลวนฉีของสายฟ้าเท่านั้น หากเจ้าเก็บหลวนฉีของอัคคีเอาไว้ ก็จะไม่สามารถใช้งานได้”

“การจะใช้หลวนลี่อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ มีวิธีการมากมายซึ่งจะทำให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สองวิธีหลัก ๆ ก็คือ หนึ่งใช้หลวนลี่โดยตรงแต่จะต้องเสียเวลาในการรวมรวบพลังก่อนทุกครั้งและมันสิ้นเปลืองพลังงานมากโข สองใช้หลวนฉีเข้ามาช่วยเหลือ หลวนฉีสามารถบรรจุพลังของหลวนลี่เอาไว้ได้และช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้รุนแรงอีกด้วย”

“แล้วข้าจะหาหลวนฉีได้จากที่ใด?” เฟิงถามชายชราอย่างตื่นเต้น

“มันเป็นสิ่งที่เจ้าจะต้องใช้หลวนลี่สร้างขึ้นเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก ทุกคนที่มีหลวนลี่และสามารถสร้างหลวนฉีได้ แต่ต้องเลือกวัสดุที่เหมาะสมเท่านั้น วิธีการสร้างมันนั้นมีทั้งง่ายและยากตามลำดับ สำหรับวิธีการที่ยากนั้นเจ้าคงจะต้องพึ่งพาโชคด้วยสักหน่อยและมันจำเป็นจะต้องใช้วัสดุพิเศษเท่านั้น”

“ส่วนในมือข้านี้คือหลวนฉีประเภทหนึ่งเช่นกัน”

ชายชราหยิบบางสิ่งออกมาพร้อมกางมือออก รูปร่างของมันคล้ายกับคทาชนิดหนึ่ง “มันคือคทาสายฟ้า ใช้งานกับหลวนลี่และใช้ได้เพียงครั้งเดียว”

มือของเด็กหนุ่มเอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นพร้อมกับจ้องมองอย่างถี่ถ้วน รูปทรงหลายคทามีหมุดสีเงินอยู่ด้านบนสามอัน ขณะที่มองเขารู้สึกถึงพลังอันน่าเกรงขาม ซึ่งคทานี้มีน้ำหนักที่มากพอตัว “แล้วมันใช้อย่างไรขอรับ?”

หลังจากที่ได้ฟังสองสามประโยคจากชายชรา เฟิงอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก “ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าใช้มันฆ่าวัวได้ไหม?”

วัวตัวผู้เป็นสัตว์ที่สมควรแก่การล่าอย่างยิ่ง ร่างกายของมันเปรียบได้กับหีบสมบัติเดินได้ เขาของมันสามารถทำเป็นเครื่องประดับ เนื้อของมันมีรสชาติหวานหอมและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหนังของมันสามารถนำมาผลิตเป็นชุดเกราะสำหรับนักล่าได้

ทว่ามันเป็นสัตว์ที่มีพลังสูงและจัดการได้ยากยิ่ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง น้ำหนักของมันอาจมากถึงหลายตัน เมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นความปั่นป่วนจะตามมาทันที อีกทั้งหากมันอยู่ร่วมกับฝูง การล่าจะยากลำบากขึ้นหลายเท่า

สำหรับนักล่าของปราสาทผาพยัคฆ์ ถ้าสมาชิกของทีมน้อยเกินไปหรือไม่ได้ตระเตรียมกับดักเอาไว้ ไม่มีใครคิดจะต่อสู้กับมันแน่นอน ในสายตาของเฟิง วัวเป็นสัตว์ป่าที่แสนดุร้าย แม้มันจะเป็นสัตว์กินพืชก็ตามที ในโลกใบนี้เขาสามารถทุบตีหินให้แหลกได้ในหมัดเดียว แต่เขาก็ตระหนักอยู่เสมอว่าสัตว์ป่านั้นโหดร้ายมากเพียงใด

ชายชราส่ายศีรษะ “เจ้าแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปแล้ว วัวนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป ถ้าเจ้าใช้สายล่อฟ้ากับวัวล่ะก็มันจะเป็นการสิ้นเปลืองอย่างแท้จริง ข้ามีอยู่สี่อัน จงเก็บมันไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หากมิได้อยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต ห้ามใช้มันเด็ดขาด เพราะข้าไม่อาจสร้างมันขึ้นมาได้อีกแล้ว…”

เฟิงรับคทาสายฟ้าไว้ในมือ “มันสามารถวางในมิติหลวนชางของข้าได้ไหม?” แม้มิติเก็บของยังเล็กจ้อย แต่เขาก็คิดว่ามันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคทาสายฟ้าทั้งสี่

“จงลองพิสูจน์ด้วยตนเองเถิด”

เฟิงถือคทาทั้งสี่ไว้แน่นหนา เร็วเท่าความคิดคทาทั้งสี่หายไป หัวใจเขาเต้นรัวอย่างแตกตื่น เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงคทาทั้งสี่ที่อยู่ในมิติหลวนชาง เรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม แต่เขาสัมผัสทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ครู่หนึ่งคทาปรากฏขึ้นในมืออีกครั้ง เฟิงรู้สึกคุ้นเคยกับมันพร้อมหัวเราะออกมา “ยอดไปเลยปู่!”

แม้วันหนึ่งเขาถูกจับกุม ก็ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาพกสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ อีกทั้งในช่วงเวลาสำคัญ มันจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกด้วย “แล้วข้าจะควบคุมมันได้อย่างไรหรือ?”

“ควบคุมคทาสายฟ้างั้นหรือ... เจ้ายังไม่อาจใช้มันได้ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้เลย หลังจากที่เจ้าเข้าสู่ระดับที่หนึ่งร้อย เจ้าสามารถสร้างหลวนฉีของตนเองได้ แต่ในตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถใช้มันได้หรอก แต่ไม่ต้องกังวลไป เท่าที่ข้ามองดู ความเร็วของเจ้าไม่เลวเลย เพียงแค่ระดับหนึ่งร้อยนั้นไม่นานเกินรอหรอก”

“กงล้อหนึ่งร้อยรอบนั้นคือพลังระดับไป่หลุนซึ่งเป็นน้องเล็กสุดในระดับขั้นของผู้ฝึกตน การจะผ่านพ้นไปได้นั้นไม่ง่ายนัก อีกหน่อยเจ้าจะได้พบกับสภาวะตีบตัน แต่เจ้าก็มิต้องกังวลไป”

เฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเลิกสนใจมันและกล่าวต่อ “ปู่... ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา เราจะแย่ถ้าหากข้าไม่ออกไปข้างนอกและเริ่มล่าสัตว์... เราต้องเตรียมตัวกันแล้วนะขอรับ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปล่ากับคนอื่น ๆ”

“อืม ใช่แล้ว สำหรับครั้งแรกเจ้าควรจะออกไปกับนักล่าสองสามคน ส่วนหลังจากนั้นเจ้าควรจะไปคนเดียวเพราะในตอนนี้พลังของเจ้าคือน้องเล็กในระดับไป่หลุน มิใช่คนธรรมดาอย่างใครเขา เจ้าควรจะมีศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่ง!”

เฟิงพยักหน้ารับ เขาเข้าใจสิ่งที่ชายชราจะสื่อได้ “ก่อนอื่นข้าต้องเรียนรู้การล่าจากคนอื่น ๆ หลังจากนั้นข้าจะออกไปคนเดียวขอรับ”

“ดีมาก กลับกันเถอะ ถ้าหากว่าเรายังอาศัยอยู่ที่ปราสาทผาพยัคฆ์แห่งนี้ เจ้าจงใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อฝึกฝน”

……

ครอบครัวใหญ่ในปราสาทผาพยัคฆ์นั้นมีอยู่สองตระกูลใหญ่คือ เก๋อและฮู่ นอกเหนือจากตระกูลของเฟิงแล้ว ทั้งสองนี้คือกลุ่มคนที่มากที่สุดในปราสาท

ครอบครัวของเฟิงใช้นามสกุลเล่ย ชื่อเต็มของเฟิงคือ เล่ย ซินเฟิง ส่วนชายชราชื่อเล่ยเป่า น้องสาวของเขาชื่อเล่ย ซินเหยา  เดิมทีชายชราต้องการจะตั้งชื่อของเขาว่า เล่ย ซินหลุน แต่บิดาของเฟิงคัดค้านอย่างหนักแน่น เด็กที่ชื่อซินหลุนนั้นแปลกประหลาดเกินไป ชายชราจำเป็นต้องยอมแพ้และตั้งชื่อของเด็กชายว่าเล่ยซินเฟิง

ทีมนักล่าในปราสาทมีสองถึงสามทีม แต่ละทีมมีสมาชิกอย่างน้อยสามคน

หลังจากฝึกฝนไปสามวัน เฟิงสามารถหมุนกงล้อได้ถึงสามสิบรอบ ความเร็วของเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง มีเวลาอีกสิบวัน เฟิงรู้สึกอยากจะพบเจอกับลุงเก๋อให้เร็วที่สุด เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวในการออกล่าครั้งแรกกับทีม

ลุงเก๋อเป็นที่รู้จักในนาม เก๋อ ต้าเชิง ความสามารถในการล่าสัตว์ของเขากับสมาชิกอีกสามเป็นที่เลื่องชื่ออย่างมากภายในปราสาท ลุงเก๋อดูแลเฟิงมาด้วยดีโดยตลอด ซึ่งเป็นธรรมดาที่เฟิงอยากจะเข้าร่วมทีมกับเขา

ทีมนี้มีความคุ้นเคยและเป็นกันเองให้กับทุกคนโดยเฉพาะลุงเก๋อ เขาใจดีกับเฟิงเสมอมาและเด็กหนุ่มให้ความเคารพเขาอย่างถึงที่สุดเช่นกัน

ไม่กี่วันถัดมา ชายชราพร้อมด้วยหลานสาวและซินเฟิงช่วยกันจัดการชุดเกราะให้เรียบร้อย

หลังจากเฟิงสวมใส่ชุดเกราะ รูปลักษณ์ของเขาจากอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งทันที เขาดูเหมือนใครอีกคนที่ให้ความรู้สึกอันตรายอย่างยิ่งหากได้เข้าใกล้ เหยาเหยาหยิบกริชเล่มหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับเสียบมันไว้ในรองเท้าบูทของพี่ชาย มุมปากของเธอยกยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับช่วยเฟิงจัดเส้นผมที่ยาวรุงรังอย่างมีความสุข

ชายชราสวมถุงมือให้เด็กหนุ่มหนึ่งข้างและอีกข้างยัดธนูสีดำใส่มือของเขาไว้

สีหน้าของเฟิงแสดงความประหลาดใจ “ข้าจะได้ใช้ธนูนี้งั้นหรือขอรับ?”

คันธนูสีดำนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชายชราเป่า ในความทรงจำของเด็กหนุ่ม สิ่งนี้ใช้เวลาสร้างนานกว่าสี่ปี ตราบใดที่เขามีวัสดุเพียงพอ เขาก็จะสร้างสามารถสร้างมันได้ มันเพิ่งจะเสร็จสิ้นในปีที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นเฟิงยังไม่ได้ฝึกฝนหลวนลี่และเขาไม่สามารถดึงสายธนูได้

“ในครั้งสุดท้ายที่เจ้าได้ลองใช้มัน เจ้าเต็มไปด้วยความอ่อนแอและไม่สามารถจะง้างสายธนูได้ด้วยซ้ำ แม้แต่การยิงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ก็ยังเป็นไปไม่ได้ ทว่าตอนนี้เจ้าสามารถใช้มันได้แล้ว จงใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุดเถิด”

แววตาของเฟิงทอประกาย “ปู่คิดว่าข้าสามารถใช้มันได้จริง ๆ ใช่ไหม?” เด็กหนุ่มเคยสูญเสียความมั่นใจและคิดว่าชายชราผู้นี้เลิกคาดหวังในตัวเขาไปแล้ว แต่ในวันนี้ความรู้สึกตื้นตันได้กลับสู่จิตใจของเขาอีกครั้ง

เหยาเหยากัดนิ้วของตนเองด้วยความตื่นเต้นพร้อมกล่าว “พี่เฟิง... ลองดึงสายธนูดูสิ”

เฟิงพยักหน้า คันธนูนี้สร้างขึ้นจากใยของแมงมุมดำหลอมรวมกันและใช้เส้นเอ็นของวัวร่วมด้วย ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ความแข็งแกร่งนี้เขาสามารถรับรู้มันได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้การดึงสายธนูเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังทั้งหมดที่เขามีก็ยังไม่สามารถง้างมันได้ด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขาทำมันได้อย่างง่ายดาย...

เขาค่อย ๆ ดึงสายธนูอย่างเชื่องช้า เสียงเล็ก ๆ ของมันเปล่งออกมาอย่างสดใส เฟิงฝึกยิงธนูมาตั้งแต่หกขวบด้วยคันธนูอันเล็กจ้อย ทักษะการยิงธนูของเขาไม่สามารถดูแคลนได้เลย ในวันนี้เขาจะได้ทดลองใช้มันในการล่าที่แท้จริง!

การเคลื่อนไหวของเด็กชายเป็นไปอย่างลื่นไหล สายธนูถูกดึงออกจนตึง เมื่อเขาปล่อยมัน เสียงกังวาลดังขึ้นอย่างน่าประทับใจ “ติ๊ง!”

••••••••••••••••••••

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด