ตอนที่แล้วเคียวที่ 21 : คนไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 23 : อดีตที่ยากจะลบเลือน

เคียวที่ 22 : หุ่นรูปรอย


หลังจากที่ชาบูเก็บข้าวของไปอยู่กับครีมเมื่อวาน ทั้งมันและครีมก็ไม่ได้เข้าเรียนในวันถัดมา

โต๊ะเดิม ที่ประจำ ในร้านกาแฟข้างตึกคณะ เป็นที่ที่พวกเราใช้เป็นแหล่งมีทติ้งย่อยสำหรับคุยเรื่องต่าง ๆ กันบ่อยครั้ง เว้นแต่เสียว่า วันนี้สมาชิกภายในกลุ่มหายไปสองคน

“อะไรนะ ! เป็นไปได้ไง” ไหมพูดขึ้นมาอย่างตกใจไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หลังจากผมกับอิฐเล่าเรื่องไอ้ชาให้ฟัง ไหมคงจะงงด้วยแหละ เพราะเมื่อวานยังไปเยี่ยมครีมอยู่เลย ไป ๆ มา ๆ วันนี้กลายเป็นแฟนกัน ย้ายไปอยู่หอเดียวกันซะงั้น

“ไหมเบา ๆ คนมองแกทั้งร้านแล้ว” ผมพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามีหลายคนจ้องมองมาที่กลุ่มพวกเรา

“เป็นไปแล้ว สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้เอง” ไอ้อิฐพูด

“ครีมกับไอ้ชาเนี่ยนะ”

“อื้ม”

“เหลือเชื่อกว่าไอ้ชาก็ครีมนี่แหละ ครีมยอมมันง่ายขนาดนี้ได้ไงวะ” อิฐพูดต่อ ประโยคหลังเหมือนพูดกับตัวเอง

“เออ นั่นแหละ ที่กูก็ไม่เข้าใจ แกสนิทกับครีมมากสุดอะไหม ว่าไง” ผมพูด หันไปถามไหมที่ยังดูมึน ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนผมเมื่อวานไม่มีผิด กับไอ้ชาผมอาจจะแปลกใจบ้าง แต่กับครีมนี่ผมตกใจเลย

“ไม่รู้เหมือนกัน ครีมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับฉันเลย” ไหมบอก

“แล้ววันนี้ดันไม่มาเรียนทั้งคู่อีก”

“ตอนเย็นค่อยไปหาพวกมันที่หอครีมละกัน” ผมพยักหน้าตอบไอ้อิฐไป

“แล้วนี่จะไปไหนกันต่ออะ ไปทำการบ้านแคลที่ห้องสมุดไหม หรือจะนั่งแช่ต่อที่นี่” ใยไหมถาม เนื่องจากช่วงบ่ายของวันนี้เราไม่มีเรียนครับ ว่างยาว แต่มีการบ้านที่ต้องทำมาส่งอาจารย์แทน

“ไปห้องสมุดก็ได้ คนเริ่มเต็มร้านแล้ว” ผมบอกกับเพื่อน ๆ ตอนนี้เครื่องดื่มที่เราสั่งมาก็หมดกันไปเกือบทุกคนแล้ว อันที่จริงมานั่งแช่ที่นี่กันเกือบสองชั่วโมงแล้วด้วย ขณะที่พวกเรากำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ของใยไหมก็ดังขึ้นมา

“แปบหนึ่งนะ รับโทรศัพท์แปบ” ไหมพูดขึ้นมา ก่อนหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย

“คะ ? นั่นใครพูดอะ เอาเบอร์ฉันมาจากไหน พูดเรื่องอะไร ขายอะไร ขายบ้านพ่อแกสิ ไอ้โรคจิต !”

ผมมองเจ้าตัวที่ทำท่าทางหัวเสียเต็มที่หลังจากวางโทรศัพท์ เกิดอะไรขึ้นอีกวะน่ะ

“ไรวะไหม ใครโทรมา” อิฐถาม

“ไม่รู้อะ โรคจิตที่ไหนไม่รู้”

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงริงโทนโทรศัพท์ของไหมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ไหมโชว์หน้าจอมือถือให้พวกผมดู เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมเอาไว้ มันบอกว่าน่าจะคนละเบอร์กับเมื่อกี้อีกด้วย

“มีคนโทรมาอีกเหรอ เอามานี่ เดี๋ยวรับให้”

พูดจบอิฐก็ยื่นมือไปหยิบมือถือของไหมมารับสาย

“ฮัลโหล มึงเลิกโทรมากวนเบอร์นี้ได้แล้วนะ ไม่งั้นกูจะตามล่าหาตัวมึงแล้วจะไปกระทืบ”

ว่าจบก็กดวางสายทันที ถ้าพูดถึงความหัวร้อนง่ายก็คงต้องยกให้ไอ้อิฐ

“นี่มันมีคนเริ่มกลับมาแกล้งแกอีกแล้วเหรอ” ผมพูดแบบปลง ๆ มองคนโดนแกล้ง

อะไรวะ หมู่นี้มีแต่เรื่องงานเข้า ดีที่ช่วงนี้ไม่มีเรื่องเคสพิเศษอะไรของยมทูตแทรกมาอีกเลย เพราะแค่นี้ผมก็ไม่มีปัญญาจะเคลียร์แล้ว

“เฮ้ย ! ไอ้คีย์ มึงดูนี่” เสียงไอ้อิฐพูดขึ้น

ผมที่กำลังนั่งทำการบ้านวิชาแคลคูลัสอยู่ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยหันไปหาไอ้อิฐที่กำลังดูอะไรสักอย่างอยู่บนมือถือของมัน ไอ้นี่ งานการไม่ทำ รอลอกอย่างเดียว

“อะไรวะ”

พูดจบผมเลยหยิบโทรศัพท์มือถือของมันมาดูบ้าง โหยไอ้หื่น นี่ในห้องสมุดนะ ใครเขาให้มานั่งอ่านกรุ๊ปไลน์ 18+ ในนี้วะเนี่ย

“ไรมึงเนี่ย ใช่เวลาปะ” ผมพูด ยื่นมือถือคืนมันไป

“มึงเลื่อนไปดูรูปล่างสุด” ไอ้อิฐพูดต่อ มันทำหน้าจริงจังจนผมต้องหยิบกลับมาดูอีกรอบ อะไรของมันวะ หรือว่าจะเด็ดจริง

เฮ้ย !

ผมเกือบร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะในจอมือถือข้อความล่าสุดนั้น ปรากฏเป็นภาพของใยไหมในชุดนักศึกษา มีเบอร์โทรของเจ้าตัวที่ถูกต้องอยู่ด้านล่าง พร้อมราคาระบุกันไว้อย่างชัดเจน นี่สินะ คือที่มาของเบอร์โทรไอ้พวกโรคจิตพวกนั้นน่ะ

“ดูอะไรกัน ทำไมทำท่าทางแปลก ๆ” ไหมทักขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของพวกเราสองคน พูดจบเจ้าตัวก็ไม่รอให้ไอ้อิฐอนุญาต รีบดึงมือถือของไอ้อิฐที่ผมถืออยู่ไปต่อหน้าต่อตา

ใบหน้าของไหมมีแววตกใจนิด ๆ หลังจากเห็นภาพที่ปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์มือถือ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เจ้าตัวพูดขึ้นมาอย่างโกรธจัด รู้ทันทีเลยว่ากำลังอดทนที่จะไม่กรี๊ดและวีนแตกเต็มที่ เจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มาทั้งวัน

“นี่มันชักแย่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะเนี่ย” ผมพูด

“คนทำนี่เลวจังวะ” ตามมาด้วยอิฐ

ผมกับอิฐนั่งปลอบใจใยไหม อันที่จริงเรียกว่าห้ามไม่ให้กรี๊ดแตกกลางห้องสมุดมากกว่า พร้อมกับระดมสมองหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้จนเกือบหนึ่งทุ่ม พวกเราจึงตัดสินใจออกจากห้องสมุดเพื่อไปหาครีมกับชาบูตามที่คิดกันเอาไว้เมื่อตอนบ่าย ระหว่างทางที่พวกเรากำลังเดินไปที่ลานจอดรถ อิฐก็เหมือนจะเห็นใครบางคนเข้า

“ไหม นั่นใช่คนที่เธอบอกว่าสาดน้ำแดงใส่เมื่อสี่ห้าวันก่อนปะ” อิฐพูดพร้อมชี้ไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินออกมาจากลานจอดรถที่อยู่ไม่ห่างจากพวกเรามากนัก

“คิดว่าใช่ ไม่ผิดแน่” ไหมทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ

“เฮ้ย ! อิฐ มึงจะไปไหนวะ” ผมตะโกนถามมัน เมื่ออยู่ ๆ ร่างของอิฐก็วิ่งตรงไปยังผู้หญิงคนนั้น ทำให้พวกเรารีบวิ่งตามมันไป

“อิฐจะทำอะไรอะ” ใยไหมที่วิ่งตามมาพร้อมกับผมถามขึ้น

“ใจเย็นมึง ปล่อยเขาเถอะ คุยกันดี ๆ”

ตอนนี้ไอ้อิฐดึงแขนของผู้หญิงคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา พอเธอเห็นหน้าไหมและพวกผมก็ดูตกใจนิด ๆ

“นี่ทำบ้าอะไรของพวกนาย ! ปล่อยนะ ฉันเจ็บ ไม่งั้นจะร้องจริง ๆ ด้วย”

“อยากร้องก็ร้องเลย มานี่” อิฐพูด ลากผู้หญิงคนนั้นมาทางที่จอดรถซึ่งอยู่ด้านหลังสุด ดูลับตาคน

“เฮ้ย ! อิฐ มึงใจเย็นดิ” ผมร้องเตือนมันเป็นระยะ ๆ กลัวมันจะทำอะไรรุนแรงเกินไป

“เธอเป็นคนทำใช่ไหม”

“ทำอะไร”

“ก็นี่ไง ไอ้เรื่องเลว ๆ แบบนี้ไง !” อิฐพูดพร้อมกับหยิบมือถือตัวเองออกมา แล้วยกมันโชว์ให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดู

“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้ทำ” ผู้หญิงคนนั้นดูภาพที่ไอ้อิฐโชว์ให้ดูแปบหนึ่งแล้วรีบละล่ำละลักพูดออกมา

“จะพูดดี ๆ หรือไม่พูด !”

ไอ้อิฐเข้าโหมดฆาตกรโรคจิตไปแล้วครับ

“ฉันไม่ได้ทำ นี่ปล่อยนะ”

ร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเราเริ่มดิ้น กลัวลนลาน

“อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำร้ายผู้หญิงนะ บอกมา !” ไอ้อิฐตะคอกเสียงดังลั่น พร้อมกำหมัดแน่นขึ้นโชว์ขู่คนที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

“กะ ก็เพื่อนเธอจ้างพวกฉันอะ”

“ใคร เธอหมายถึงใคร พูดให้ชัด ๆ”

เพื่อน ? คนไหน

“ก็ผู้หญิงที่อยู่กับเธอวันนั้นแหละ”

พวกเราอึ้งไปสักพักกับคำตอบที่ได้รับ โดยเฉพาะใยไหม

“นี่อย่ามาโกหกกันแบบนี้นะ” ไอ้อิฐปั้นเสียงเข้มอีกครั้งแล้วพูดออกไป

“ฉันไม่ได้โกหก”

ผมจ้องไปในตาของคนที่อยู่ตรงหน้าไอ้อิฐ อยากให้คำตอบที่มันเกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงแค่คำโกหกที้ถูกแต่งขึ้นมา แต่สัญชาตญาณและความรู้สึกที่ผมได้รับตอนนี้มันกลับบอกผมว่า

ผู้หญิงคนนี้ ... ไม่ได้โกหก

“เพื่อนเธอนั่นแหละ ที่จ้างให้เอาน้ำแดงมาสาดใส่เธอ” คนพูดหันไปหาใยไหม

“อย่ามาใส่ร้ายเพื่อนฉันนะ” ไหมพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ใบหน้าของเจ้าตัวเป็นสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันทั้งดูสับสน เสียใจ โกรธ ทุก ๆ อย่างปนอยู่ในเวลาเดียวกัน

“มึงปล่อยเขาไปได้แล้วไอ้อิฐ” ผมบอกไอ้อิฐ ก่อนมันจะปล่อยแขนทั้งสองข้างของผู้หญิงคนนั้นให้เดินจากไป

“ครีมจะทำแบบนั้นไปทำไม เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง”

พอร่างนั้นเดินพ้นสายตาไป น้ำตาของผู้หญิงตรงหน้าก็ไหลออกมาอย่างไม่อาย เจ้าตัวเข้ามาโผกอดผมกับไอ้อิฐ

“ใจเย็น ๆ นะไหม” ผมกอดไหมกลับพร้อมลูบหลังปลอบ ไหมเคยเจอเรื่องแบบนี้ครั้งหนึ่งตอนมัธยม แต่ไม่ใช่กับตัวเอง เธอเคยไว้ใจเพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งแต่มันก็เป็นการไว้ใจโง่ ๆ ที่ส่งผลเสียกับเธอมากมาย มันทำให้ไหมเข้ามาคบกับกลุ่มของผมตั้งแต่นั้นมา

“ถ้าแกพร้อมจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ เราจะไปถามครีมด้วยกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมพูด

ร่างสองร่างกำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ผ้าม่านบริเวณกระจกหน้าต่างมีแสงสีส้มแยงเข้ามาเล็กน้อย แสดงให้รู้ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเย็นของวันแล้ว อากาศภายในห้องยังคงเย็นเฉียบเนื่องจากเครื่องปรับอากาศ แต่ร่างทั้งสองที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่กลับกำลังเร่าร้อนราวกับถูกไฟเผา ฝ่ายชายใช้มือโอบหญิงสาวไว้ใกล้ตัว ก่อนโน้มตัวลงไปพรมจูบที่ใบหน้าขาวเนียนนั้น

ดวงตาคู่สวย ช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า

มีเสน่ห์ ช่างน่าหลงใหลและเย้ายวนเหลือเกิน

ทำไมเขาต้องเสียเวลาไปกับใครไม่รู้ตั้งนาน ในเมื่อมีของดีขนาดนี้อยู่ใกล้ ทำไมถึงไม่เห็น

ร่างของฝ่ายชายพลิกตัวขึ้นมาคร่อมอีกฝ่ายไว้ มือหนาค่อย ๆ ล้วงลงไปใต้ผ้าห่มอย่างซุกซน ใบหน้าตี๋ ๆ ฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด ถ้ามีเรียนวิชานี้ เขาต้องได้ A แน่ ๆ

“พอแล้วชา” เสียงใสเอ่ยห้าม ก่อนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับที่แก้มของคนตรงหน้าดึงเล่น ฝ่ายชายจึงถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ ก่อนขยับตัวออก แต่ก็ยังซุกหน้าไปที่ซอกคอของหญิงสาวใหม่อีกครั้ง

“งื้อ งั้นขอหอมหน่อย”

“จะเย็นแล้ว ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ ไม่หิวเหรอ”

“แค่กินครีม เค้าก็อิ่มแล้ว”

ผม อิฐ และไหมมายืนกันอยู่ด้านหน้าของตึกสีฟ้าห้าชั้นซึ่งเป็นหอพักของครีม หลังจากตัดสินใจได้ว่าวันนี้ยังไงก็ต้องเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้ได้ พวกเราแทบไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เลย ทำไมครีมต้องทำแบบนี้กับไหมด้วย เจ็บแค้นอะไรกันหนักหนาถึงทำได้ลง

ยังไม่ทันที่พวกเราจะได้ก้าวเท้าเข้าไปภายในหอพัก ร่างสองร่างก็เดินออกมาจากข้างใน ชาบูกับครีมเดินจูงมือกันออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับมีแค่ทั้งคู่อยู่บนโลกใบนี้ เมื่อชาบูสังเกตเห็นพวกผม มันก็โบกไม้โบกมือเรียกอย่างร่าเริง

“อ้าว พวกมึงมาถึงนี่เลย มีไรกันป่าววะ” ชาบูพูด

“มี มีมากด้วย” คนที่ตอบออกไปคือใยไหม เจ้าตัวกลับมาเป็นคนเดิมได้อย่างรวดเร็วหลังจากผ่านการร้องไห้มาพอสมควรก่อนหน้านี้ เป็นใครก็ต้องโกรธแหละ ถ้าคนที่เราไว้ใจทำกับเราแบบนั้นได้ลง

“งั้นไปนั่งหาไรกินกันปะ เนี่ยกูกำลังจะพาครีมไปกินข้าวพอดี”

“เอาสิ”

พวกเราทั้งห้าคนตอนนี้มานั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแถวหอของครีม หลังจากที่สั่งอาหารไปแล้ว แต่ละคนก็นั่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรจนบรรยากาศมันเริ่มน่าอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องแบบนี้ใครล่ะจะอยากเป็นคนเริ่ม

“พวกมึงเป็นไรเนี่ย ทำหน้าเครียดเชียว” ชาบูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น

“นั่นสิ มีเรื่องอะไรสำคัญเหรอ ถึงต้องมาหาถึงนี่” ครีมเป็นคนพูดตามมา ท่าทางครีมก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เจ้าตัวยังคงเป็นสาวแว่นที่ดูเรียบร้อย เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนทุกคน ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือครีมจริง ๆ

“นี่มันอะไร” ใยไหมโชว์รูปในมือถืออิฐแล้วยื่นส่งให้ครีมดู

“ไหม ! มีคนแกล้งแกอีกแล้วเหรอ” ครีมทำท่าทางตกใจสุดขีดเมื่อเห็นรูปในไลน์ ก่อนเอื้อมมือมาจับที่แขนไหมแล้วพูดเป็นเชิงเห็นใจ

ทำไมเธอแสดงเก่งอย่างงี้นะครีม...

“ทำไปเพื่ออะไร” ใยไหมพูด สะบัดมือที่เอื้อมมาแตะอยู่นั้นออกไป

“พูดอะไรของเธอน่ะไหม” ตามมาด้วยไอ้ชาที่พูดต่อพร้อมมองไหมด้วยความไม่พอใจ

“มาถึงขนาดนี้ ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ” เสียงไหมดังขึ้นจนกลายเป็นตวาด ทำให้คนรอบ ๆ แถวนั้นหันมามองที่โต๊ะของพวกเรา

“ไหม ! เป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย ทำไมต้องตวาดครีมด้วย” ชาบูพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย มันหันมามองหน้าพวกผมประมาณว่าไหมเป็นอะไร

“ก็ถามมันดูสิ มันทำอะไรไปบ้าง”

“ไหมใจเย็น ๆ นะ ครีม พวกเรารู้เรื่องที่เธอทำหมดแล้ว คนที่เธอจ้างไปทำเรื่องพวกนี้สารภาพหมดแล้ว” ผมพูดออกไปตรง ๆ ให้เรื่องมันเข้าใจง่ายขึ้น ขอทีเถอะ ให้มันเคลียร์ ๆ กันไป ทำไปทำไม ทำเพราะอะไร

“พวกนายพูดเรื่องบ้าอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ชา ชาฉันไม่รู้เรื่องนะ” ครีมพูด หันไปหาชาบูร้องขึ้นมาราวกับผมพ่นคำโกหกร้ายแรงออกไป หยดน้ำใสเริ่มไหลออกมาจากตาของครีมเหมือนเรียกความสงสาร

“ครีม ไม่ต้องกลัวนะ เค้าเชื่อว่าครีมไม่ได้ทำ” ชาบูพูด หันไปปลอบครีม ก่อนจ้องหน้าผมอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นแทน

“พวกมึงอย่ามาใส่ร้ายครีมได้ปะ ครีมเป็นเพื่อนพวกมึง เป็นแฟนกูนะ”

“ไอ้ชา พวกกูมีหลักฐานนะ ครีมเป็นคนทำทุกอย่าง เรื่องสาดน้ำแดงก็ด้วย” อิฐพูดเสริม

“แล้วครีมจะทำไปทำไม ไหมอาจจะไปมีเรื่องกับคนอื่นแล้วโดนแกล้งก็ได้ มึงก็รู้หนิ นิสัยไหมเป็นยังไง”

ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะพูดแบบนี้ออกมา พวกเรารู้นิสัยขี้วีน ขี้เหวี่ยงของไหมก็จริง แต่ไหมไม่เคยไปทำอะไรกับใครก่อน ที่สำคัญ เราก็อยู่ด้วยกันเกือบตลอด

“ชา แกพูดงี้ได้ไงวะ !” น้ำเสียงของไหมพูดออกมาด้วยความน้อยใจ

“ไหม ฉันเข้าใจนะว่าเธอโกรธเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่เธอจะมาลงที่ฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ทำ ฮึก ฮื่อ” ครีมพูดไปสะอื้นร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนชาบูเข้ามาโอบตัวไว้พลางลูบหลัง

เหมือนเส้นความอดทนของไหมจะขาดลง หลังจากที่ครีมพูดจบไม่นาน เจ้าตัวก็ลุกยืนขึ้น ยกแก้วน้ำด้านหน้าตัวเองขึ้นมา ก่อนสาดไปยังใบหน้าที่ใสซื่อนั่นทันที ไวจนพวกเราตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าไหมจะกล้าลงไม้ลงมือขนาดนี้

“เฮ้ย ! ไหม มากไปแล้วนะ”

พูดจบชาบูก็ลุกขึ้นมา ก่อนผลักไหมล้มลงไปกองกับพื้น

“มึงนั่นแหละมากไป ไอ้ชา !”

ผมเข้าไปผลักอกไอ้ชาจนเซถอยห่างออกไป ก่อนผมกับไอ้อิฐจะรีบเข้าไปช่วยไหมที่ล้มลงอยู่ที่พื้น มันเป็นบ้าอะไร ไหนว่ารักนักรักหนามาหลายปีไง ผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“ไหมเป็นไรเปล่า” ผมพูด สังเกตเห็นที่มือไหมมีเลือดซิบ เพราะตอนล้มลงไปมือของเจ้าตัวขูดไปกับพื้นฟุตบาทแถวนั้น

“นี่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหมชา” ใยไหมพูดออกมา จ้องไปที่หน้าคนที่ตัวเองคบเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก

“ก็ถ้าเธอยังทำแบบนี้กับครีมอยู่ เธอคงไม่ใช่เพื่อนเราหรอก”

มันพูดอะไรของมันออกมาว่ะนั่น

“ไอ้ชา นี่เพื่อนที่มึงคบมาเกือบทั้งชีวิตนะ” ไอ้อิฐพูด มันก็เริ่มจะเดือดขึ้นมาเหมือนกันเลยเข้าไปกระชากคอเสื้อของชาบู ผมจึงรีบไปดึงตัวมันออกมา ก่อนเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวตอนนี้เดินมาถึงโต๊ะพวกเรามองด้วยสายตาอย่างวิงวอนว่าอย่ามีเรื่องกันที่ร้านป้าเลย ลูกค้าในร้านหันมามองที่โต๊ะพวกเราเป็นจุดเดียว

“ต่อให้เป็นพวกมึงกูก็เลิกคบได้ ถ้ายังไม่เลิกใส่ร้ายครีม”

น้ำเสียงมันแน่วแน่จนน่าตกใจ ทำไมมันถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้

“ไปเถอะครีม”

พูดจบชาบูก็จูงแขนครีมเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเข้าข้างครีมมากมายขนาดนั้น โดยไม่ฟังเหตุผลอะไรจากพวกเราเลย พวกเรามองไล่หลังตามสองร่างนั้นไป

แวบหนึ่ง ใบหน้าใสซื่อที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาหันกลับมามองพวกเรา แววตาภายใต้กรอบแว่นใสเต็มไปด้วยความสะใจ เจ้าตัวยกยิ้มเล็กน้อยก่อนหันกลับไปหาชาบู

นี่คือตัวจริงของเธอสินะครีม …

พอส่งใยไหมเสร็จที่หอ ผมกับอิฐก็กลับไปที่ห้องของพวกเรา วันนี้เสียค่าก๋วยเตี๋ยวไปห้าชามโดยที่เอาใส่ปากกันไปคนละไม่กี่คำด้วยซ้ำ ไม่มีใครกินลงหรอก เมื่อเพื่อนมาทะเลาะกันเองแบบนี้ คิดแล้วก็ล้มตัวลงบนเตียงเอามือก่ายหน้าผาก ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ลงไปซ้อมฝึกฝีมือกับพี่เคนตะที่นรกเลย บอก ๆ เขาไปว่าช่วงนี้งานยุ่ง ยุ่งเรื่องเพื่อนนี่แหละ ตั้งแต่กลับจากทะเลคราวนั้นก็มีแต่ปัญหาเข้ามาตลอด

“ชามันหลงครีมขนาดนั้นได้ไงวะ” อิฐพูดขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ ระหว่างที่มันหยิบแล็ปท็อปตัวเองมาเปิด

“กูก็ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้มันยังคลั่งเรื่องไหมอย่างกับอะไร”

คนเรามันเปลี่ยนกันได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ

“หรือมันโดนเสน่ห์วะ”

“มึงจะบ้าเหรอ นี่มันปีอะไรแล้ว”

“แล้วไง ทีมึงยังเป็นยมทูตได้เลย เรื่องแบบนี้จะไม่มีได้ไงวะ”

จริงของมัน แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ โว้ย คิดแล้วปวดหัว แล้วถ้าอาการที่มันเป็นอยู่คือโดนเสน่ห์จริง ๆ จะต้องทำไงล่ะทีนี้

“แล้วถ้ามันโดนเสน่ห์จริง เราต้องทำไงวะ กูเป็นยมทูตนะ ไม่ใช่พวกหมอผี คนทรงที่แก้เสน่ห์อะไรพวกนั้นน่ะ” ผมพูดออกไป คิดถึงหนังสือคู่มือยมทูตเหมือนกัน แต่หนังสือคู่มือยมทูตใช่ว่าจะตอบได้ทุกอย่าง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับยมทูตเวลาถามออกไป ตัวอักษรในหนังสือก็จะไม่ปรากฏ เป็นเพียงหน้ากระดาษเปล่า ๆ เท่านั้น

“เสริชดิ อย่างที่มึงบอก นี่มันปีอะไรแล้ว ถามอากู๋เกิลดิ๊วะ” อิฐพูดพร้อมกวักมือเรียกผมไปดูที่จอแล็ปท็อปของมัน

“กูอ่านแต่ละวิธีแล้วขนลุกว่ะ เชี้ยเอ้ย ยาแฝดใช้ขี้เหงื่อขี้ไคล หงส์ร่อนมังกรรำ ใช้เลือดประจำเดือนงี้ โอ๊ย” อิฐพูดขึ้นมาหลังจากพวกเรานั่งอ่านข้อมูลแต่ละอย่างไปเกือบชั่วโมง การทำเสน่ห์มีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมันน่าขยะแขยงมาก ๆ ผมไม่เข้าใจว่าคนทำกล้าทำลงไปให้คนที่ตัวเองชอบแบบนี้ได้ยังไง แบบนี้เขาเรียกว่ารักกันจริงเหรอ

“ของพวกนั้นต้องกินเข้าไปเท่านั้นนะที่กูอ่าน ไอ้ชามันอยู่กับพวกเราเกือบตลอด กินข้าวหรืออะไรก็ซื้อเอา ไม่มีทางที่ครีมจะเอาอะไรมาใส่ให้กินได้”

“มันก็ไม่แน่หรอก แต่มึงดูวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องกิน แต่แค่มีของครบก็ทำได้” อิฐชี้ให้ผมดูอีกวิธีที่เป็นหนึ่งในการทำเสน่ห์

“อะไรวะ”

“ฝังรูปฝังรอย เขาว่ากันว่าอันนี้ร้ายแรงสุด ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ ถ้าหุ่นรูปรอยที่ทำไว้ไม่ถูกทำลาย ของจะติดตัวไปจนถึงชาติหน้า” ไอ้อิฐพูด

“แล้วมึงจะรู้ได้ไง ว่ามันโดนวิธีไหน” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สมมุติว่าถ้าไอ้ชามันโดนครีมทำเสน่ห์ใส่จริง ๆ แล้วจะไปรู้ได้ไงว่ามันโดนวิธีไหนเข้าไป

“ก็ลองมันแม่งทุกวิธีนี่แหละวะ”

หลังจากพวกเราอ่านวิธีแก้เสน่ห์แต่ละอย่างแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าแต่ละวิธีจะมีการแก้แตกต่างกันออกไป ซึ่งบางอย่างก็ทำได้ง่าย บางอย่างก็ทำได้ยาก

“ไอ้น้ำใต้ท้องเรือไม่เท่าไร เรื่องผ้าถุงแม่ไอ้ชากับน้ำล้างเท้าพ่อแม่มันจะทำไงวะเนี่ย งานยากฉิบ”

ผมจะไปอธิบายให้พ่อกับแม่มันฟังยังไงดี ว่าลูกชายของพวกเขาโดนของ ดีไม่ดีอาจจะหาว่าลูกชายตัวเองคบเพื่อนแปลก ๆ อีก เฮ้อ แต่เอาวะ ผมกับอิฐรู้จักพ่อแม่ไอ้ชาตั้งแต่ยังเด็ก แถมพ่อแม่พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอีก เพื่อเพื่อนก็ต้องลองสักหน่อยล่ะ

ผมกับอิฐตกลงกันว่าจะไปที่ร้านชาบูของครอบครัวไอ้ชาในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น ไม่รู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง คนเราเมื่อไม่ไม่มีทางเลือกอะไรแล้วจริง ๆ ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาคนที่สำคัญในชีวิตเราให้ยังอยู่นั่นแหละ

กูเชื่อว่ามึงต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ...

“อ้าว เฮียคีย์ เฮียอิฐ”

เสียงทักดังขึ้นเมื่อผมกับอิฐเปิดประตูเข้าไปในร้านชาบูในอีกวันถัดไป คนเรียกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นน้องสาวคนเดียวของชาบูนั่นเอง “สุกี้” ในชุดพนักงานร้านเดินตรงมาหาพวกเรา หน้าตาของกี้ไม่ได้ต่างอะไรจากชาบูมากนัก เหมือนจับชาบูมาใส่วิกผมยาวเลย มีเพียงใบหน้าที่ดูหวานกว่ากับดวงตาที่ดูกลมโตกว่าเล็กน้อย

“อ้าว กี้ ไม่เจอกันตั้งนาน กลับมาจากแลกเปลี่ยนแล้วเหรอ” ผมทักน้องไป ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนน้องเขาเพิ่งจะขึ้น ม.6 แล้วตอนนี้ เจ้าตัวได้ทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศมาสามสี่เดือนจากคำบอกเล่าของไอ้ชาเมื่อปีก่อน มันเป็นคนหวงน้องพอสมควร พวกเราเข้าใกล้น้องมันทีไรต้องกันท่าตลอด

“น่ารักเหมือนเดิมเลยนะเราเนี่ย” ไอ้อิฐพูด

โดนเฉพาะกันท่าจากไอ้อิฐ

“เฮียอิฐก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะคะ” กี้พูดต่อพร้อมกับยิ้มกว้าง หัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ

“แล้วนี่เฮียชาไม่มาด้วยกันเหรอ นี่หนูกลับมาอาทิตย์กว่าแล้วยังไม่เห็นหน้าเลย ป๊ากับม๊าก็บ่นถึงอยู่นั่นแหละ”

“เปล่าอะ แต่พวกพี่มาหาป๊ากับม๊าเราน่ะ” ผมพูดออกไป

“อ๋อ เดี๋ยวหนูไปตามให้นะคะ” สุกี้พยักหน้าก่อนพาพวกเราเดินเข้าไปด้านหลังร้าน

“สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า” ผมกับอิฐยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างคุ้นเคย

“อ้าว มากันสองคนเหรอ ชาล่ะลูก นี่ก็ไม่กลับบ้านหลายอาทิตย์แล้วนะ” ม๊าของไอ้ชาพูด

“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับป๊าม๊าน่ะครับ”

แล้วผมกับอิฐก็ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นให้กับป๊าม๊าไอ้ชาฟัง

“นะครับ ผมรู้ว่ามันเหลือเชื่อ แต่พวกเราไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ชามันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”

“คีย์กับอิฐ เชื่อแบบนั้นจริง ๆ เหรอลูก” ป๊าไอ้ชาพูดมองพวกเราแบบไม่แน่ใจ

“จริงครับ” อิฐพูด

“เพื่อความสบายใจของพวกผม ป๊ากับม๊าช่วยทำให้พวกเราหน่อยนะครับ” ผมพูดเสริมไอ้อิฐ

“จริง ๆ ป๊ากับม๊าก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้หรอกนะ แต่ก็เอาเถอะ ป๊ากับม๊าจะทำให้ ถ้าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริง ๆ ป๊ากับม๊าก็ขอบใจพวกเรามาก ๆ ที่เป็นเพื่อนที่ดีขนาดนี้”

ผมกับไอ้อิฐยิ้มกว้าง ก่อนเริ่มทำตามพิธีที่ศึกษามา น้ำล้างเท้าพ่อแม่แก้คุณไสย ผ้าถุงของแม่คล้องคอ อาบน้ำมนต์ ล้างหน้าด้วยน้ำใต้ท้องเรือ ลองมันหมดทุกอย่างนี่แหละ

... มึงต้องหายไอ้ชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด