ตอนที่แล้วเคียวที่ 19 : ผีพราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 21 : คนไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด

เคียวที่ 20 : ภัยร้ายกำลังคืบคลาน


วันจันทร์ผมกับเพื่อน ๆ ก็กลับไปเรียนกันตามปกติ

คาบเรียนแรกตอน 8.30 ทำเอาพวกเราอยากโดดใจจะขาด ถ้าไม่ติดว่าวิชานี้มีคะแนนควิซแบบสุ่มอยู่ ซึ่งถ้าดวงซวยเจอวันที่อาจารย์นึกครึ้มจะควิซขึ้นมา พวกเราจะแย่เอาได้ ดังนั้นเลยต้องไปเรียนครับ

และคาบนั้นก็ไม่มีควิซ ให้มันได้อย่างนี้สิ …

หลังเรียนเสร็จพวกเราก็ลงมากินข้าวกันตอนเกือบ 11 โมงเช้า โรงอาหารในอาคารเรียนรวมเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจากหลากหลายคณะ ซึ่งช่วงใกล้เที่ยงจะมีคนเยอะเป็นพิเศษ เพราะว่าทุกคนต่างเลิกคลาสกันหมดแล้ว

“เดี๋ยวพวกเราเฝ้าโต๊ะให้ก่อนก็ได้ ไหมกับครีมไปซื้อข้าวก่อนเลย” ผมบอกไป ขณะเอากระเป๋าเป้ตัวเองวางบนโต๊ะและหย่อนตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้ หันไปหาไอ้อิฐก็พบว่าฟุบตัวหลับบนโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ชาบูนั่งอ้าปากหาวจนแมลงวันแถวนั้นเกือบบินเข้าปากไปหลายรอบ หลังจากเหตุการณ์ที่ทะเล แม้ภายนอกชาบูมันอาจจะดูเป็นปกติดี แต่ผมรู้สึกลางสังหารณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้เกี่ยวกับมัน

อยู่ ๆ เสียงโวยวายก็ดังขึ้นกลางโรงอาหาร จนทำให้ผมต้องหักเหความสนใจไปมอง นั่นมันไหมกับครีมนี่หว่า เหมือนยืนทะเลาะอะไรกับใครไม่รู้อยู่ตรงนั้น ทำให้ผมสะกิดเรียกสองคนที่กำลังจะหลับไม่หลับอยู่ให้เดินไปดูกัน

“เธอจงใจ”

“ก็บอกว่าไม่ไง”

“แล้วน้ำแดงมันจะมาหกใส่เสื้อฉันได้ไง ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสาดมา ใช่ไหมครีม”

“อย่ามามั่ว ก็พวกเธอเพื่อนกัน ถ้าไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากันลอย ๆ นะ”

ผมเดินไปถึงก็เห็นไหมในสภาพเสื้อนักศึกษาเปียกน้ำแดง กำลังยืนเถียงอยู่กับผู้หญิงอีกสามสี่คนตรงนั้น

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ชาบูพูด เดินตรงเข้าไปขวางกลางระหว่างผู้หญิงกลุ่มนั้น ก่อนมันจะถอดเสื้อคลุมมาสวมทับให้ไหม

“อุบัติเหตุอ่าค่ะชาบู” เสียงผู้หญิงที่เถียงกับไหมอ่อนลงขึ้นมาทันที เมื่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเดือนมหาวิทยาลัยเดินไปขวางแบบนั้น

“สตรอว์เบอร์รีปั่นหน่อยมั๊ย” ไหมพูด

เรื่องความแรงของไหมก็ใช่ว่าจะน้อย ๆ ทำให้ผมยกมือขึ้นปรามก่อนแตะไหล่ไหมเป็นเชิงเตือนว่าอย่ามีเรื่องเลย

“เอาเป็นว่าขอโทษละกันนะจ๊ะใยไหม”

พูดจบผู้หญิงกลุ่มนั้นก็เดินแยกย้ายออกไป

“พวกมันจงใจสาดน้ำแดงใส่ฉัน” ไหมพูดขึ้นมาเมื่อพวกเรากลับมานั่งลงที่โต๊ะอีกครั้ง

“มันเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่าไหม” ผมพูดออกไป มันอาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิดกันก็ได้

“ไม่ใช่ ครีมก็เห็น ใช่ไหม”

“ฉันไม่แน่ใจ มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้นะไหม อย่าคิดมากเลย” ครีมเสริม

“นั่นดิ พวกนั้นจะมาทำแบบนี้กับเธอทำไม เธอไม่ได้ไปทำอะไรพวกนั้นสักหน่อย” ตามมาด้วยอิฐ

“โอเค ๆ ตามนั้นก็ได้” ไหมพูดขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กินข้าวเสร็จก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อซะ” ผมบอกไหม

หลังจากทานข้าวกันเสร็จ อิฐก็แยกตัวออกไปทำธุระอะไรของมันสักอย่าง ไหมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงเหลือเพียงแค่ ผม ชาบู แล้วก็ครีม พวกเราจึงตัดสินใจไปนั่งรอเรียนในห้องเลคเชอร์ที่คณะของพวกเราในคาบเรียนตอนบ่ายกันต่อ

ภายในห้องสโลปยังไม่ค่อยมีคนมากเท่าไรนัก พวกเราจึงเดินไปจองที่นั่งประจำ ซึ่งแน่นอน มันอยู่ห่างไกลจากหน้าชั้นเรียนอยู่มากโข แสดงถึงความตั้งใจเรียนของพวกเราเป็นอย่างยวดยิ่งที่ไม่น่าเอาเป็นแบบอย่าง คาบนี้เป็นคาบที่ควรค่าแก่การนอนหลับเป็นอย่างยิ่งหลังจากทานข้าวมากันอิ่ม เสียงอาจารย์คนนี้ก็จะเรียบ ๆ นิ่ง ๆ โมโนโทน พร้อมกับสไลด์บนจอโปรเจกเตอร์ในห้องมืดสลัวที่คอยกล่อมพวกเราให้หลับทั้งคลาสเหมือนทุกครั้งไป

พวกเรานั่งคุยกันสักพัก ก่อนหยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่น รอเวลาเรียน ... ที่อาจารย์จะมากล่อมให้หลับ ก่อนเริ่มเรียนสิบนาทีไหมก็เดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยอิฐที่ตามหลังมาไม่ห่างกันเท่าไรนัก

“เพื่อน ๆ กูมีอะไรมาให้ด้วย” อิฐพูดขึ้น หลังจากเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้เลคเชอร์ระหว่างผมกับชาบูก่อนจะหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋าเป้ของมัน

“อะไร ๆ ไหนดูดิ” ไอ้ชาพูด

อิฐหยิบรูปถ่ายเดี่ยว ๆ ห้าใบแล้วยื่นส่งให้พวกเรา นี่มันเป็นรูปที่พวกเราถ่ายเซลฟีกันไว้ที่ทะเลเมื่อวานนี่นา ธุระของมันคือไปล้างรูปเองสินะ

“โอ๊ย สวยว่ะภาพนี้ มึงเอาไปแต่งต่อเหรอ อาร์ตเชียว” ผมถาม เพราะภาพที่ได้มันดูสวยกว่าต้นฉบับอีก มิน่าเห็นเมื่อคืนพอกลับมาถึงหอก็รีบนั่งทำอะไรสักอย่างในแล็ปท็อปของตัวเอง

“ชอบปะ”

“ชอบดิ ๆ”

“ดี ๆ เก็บไว้คนละใบ”

บรรยากาศการเรียนยังคงผ่านไปอย่างเชื่องช้า เหมือนกับเวลาหยุดเดิน เสียงโมโนโทนกับสไลด์ที่อยู่บนจอทำเอาตาผมจะปิดอยู่รอมร่อ คนที่ตั้งใจเรียนที่สุดเห็นจะเป็นใยไหมกับครีมซะมั้ง ส่วนอีกสองคนที่นั่งทางขวามือผม ขึ้นไปเฝ้าเทวดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” ไหมหันไปพูดกับครีม

“ให้ไปเป็นเพื่อนปะ”

“ไม่เป็นไรอะครีม”

ผมลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าเหลืออีก 20 นาทีกำลังจะหมดคาบ

นี่ยังไม่หมดคาบอีกเหรอ ...

พอหันไปข้างตัวเก้าอี้ที่ว่างอยู่ก็ยังไม่มีคนกลับมานั่ง นี่เข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไร ทำไมจะนานขนาดนั้นเนี่ย

“ทำไมไหมไปนานจังครีม โทรตามหน่อยไหม” ผมพูด สะกิดเรียกครีมที่นั่งอยู่ที่นั่งถัดไป

“นั่นสิ นี่ลืมไปเลยนะเนี่ย มัวแต่จดเลคเชอร์เพลิน”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเบอร์โทรออก เสียงสั่นครืด ๆ ดังออกมาจากกระเป๋าถือที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ผม

“โทรศัพท์อยู่ในนี้นี่ ไหมไม่ได้เอาไป” ครีมบอกเมื่อสังเกตเห็นเหมือนผม

“ออกไปตามดีกว่า” ผมพูด รู้สึกไม่ดีขึ้นมา จึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปตามหาไหม

ผมเดินไปถึงหน้าห้องน้ำหญิงก็เจอป้ายห้องน้ำชำรุดอยู่ทางด้านหน้า แถมยังมีแม่กุญแจล็อกประตูห้องน้ำไว้อยู่ ผมเลยกำลังจะหันหลังกลับลองไปดูที่ชั้นอื่น แต่สัญชาตญาณมันก็บอกว่า ไหมอาจติดอยู่ในห้องน้ำนี้ก็ได้ เอาวะ ไม่ลองก็ไม่มีทางรู้ได้หรอก

ไม่รอช้า ผมเดินเข้าไปใกล้ประตู ก่อนใช้พลังยมทูตเอาแม่กุญแจนั้นออก พอเปิดเข้าไปก็ได้แต่ตกใจ เมื่อเห็นไหมนั่งหมดแรงอยู่บริเวณอ่างล้างหน้า ผมจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวออกมา

“มีคนแกล้งฉัน แกเห็นแล้วใช่ไหมคีย์” เจ้าตัวแม้จะหมดแรงแต่ก็พูดออกมาด้วยความหงุดหงิด บรรยากาศในห้องน้ำที่ถูกปิดอยู่อย่างนั้นมันร้อนมากครับ

“โอเค ๆ ใจเย็น เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน” ผมพูด

ใช่เลย เรื่องแบบนี้ต้องมีคนทำแน่ ๆ ห้องน้ำที่ตึกนี้จะอยู่เกือบสุดโถงทางเดิน ทำให้ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมา อีกอย่างยังมีป้ายห้องน้ำชำรุดวางอยู่ขวางทางอีกต่างหาก ต่อให้ทุบประตูเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครได้ยินหรอก ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาโทรหาครีมว่าเจอไหมแล้ว ฝากเก็บของไหมและของผมที่อยู่ในห้องให้ด้วย แล้วไว้ไปเจอกันที่ร้านกาแฟข้าง ๆ กับตึกคณะ

ผมยื่นชาเขียวเย็นส่งให้ไหม ตอนนี้เราสองคนลงมานั่งในร้านกาแฟให้ใจเย็น ๆ แถวตึกคณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“มั่นใจนะว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครมา” ผมถามย้ำกับไหมขึ้นมาอีกที

“จะไปมีเรื่องกับใครล่ะ ฉันก็อยู่กับพวกแกตลอด”

“แล้วแกไปติดอยู่ในห้องน้ำได้ไง”

“ไม่รู้ ตอนเข้าไปใช้ห้องน้ำมันยังปกติดีอยู่เลย ป้ายชำรุดอะไรนั่นไม่มีสักหน่อย”

“ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาปะ ว่ามีคนทำแบบนี้กับแก” ผมแนะนำไหม

“ไม่ต้องหรอก ฉันอยากจะรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป อีกอย่างมันเป็นใครกันแน่”

พวกเราคุยกันอีกสักพักก่อนเพื่อนอีกสามคนจะเดินเข้ามาภายในร้าน ผมเลยเล่าเรื่องที่ไหมถูกขังไว้ในห้องน้ำให้ทุกคนฟัง ชาบูดูเป็นห่วงใยไหมมาก ถามซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

“โอเค ไม่เป็นไรหรอกชา”

“อื้ม หรือว่าเป็นพวกผู้หญิงที่มาหาเรื่องแกเมื่อกลางวัน” ไอ้อิฐพูดทำหน้าคิด

“พวกนั้นจะบ้าตามมาถึงคณะเราเลยเหรอ ไม่น่าจะใช่มั้ง”

“ช่วงนี้ก็ระวัง ๆ ตัวหน่อยละกัน” ผมพูด

หลังจากนั้นสามสี่วันผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไหมอีก ทุกอย่างเป็นปกติ พวกเราจึงไม่สามารถหาตัวได้ว่าใครเป็นคนแกล้งไหมแบบนั้น ไหมกับครีมแยกตัวไปห้องสมุดต่อหลังจากเราเรียนเสร็จในคาบบ่าย ส่วนผม ชาบู และอิฐว่าจะกลับหอเลย

“คีย์ อิฐ วันนี้กูไม่กลับหอนะ ว่าจะกลับบ้านอะ” ชาบูพูดขึ้นมา ขณะพวกเรากำลังเดินออกจากห้อง

“อาทิตย์นี้มึงจะกลับไปบ้านทุกวันเลยไง๊ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าวะ คุยกับพวกกูได้นะ” อิฐถามออกไป เพราะตั้งแต่กลับมาจากทะเล ชาบูมันก็ไม่ได้กลับไปนอนที่หออีกเลย

“กูรู้ มึงยังไม่โอเค กูเข้าใจนะ มึงกลับไปอยู่บ้านกับครอบครัวก็ดีเหมือนกัน จะได้ดีขึ้น ปล่อยมันไปเถอะอิฐ” ผมบอกมันก่อนหันไปคุยกับอิฐ เห็นหน้ากันทุกวันแบบนี้ ปากบอกไม่คิดอะไรแล้ว แต่ลึก ๆ ก็เจ็บล่ะวะ

“อื้ม ๆ ขอบใจพวกมึงนะที่เป็นห่วง กูไปละ”

“โอเค ๆ”

ชาบูยังไม่ทันจะก้าวขาเดินพ้นออกนอกตัวตึก ผมกับอิฐก็เห็นนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหามัน ถ้าจำไม่ผิด นั่นมันรุ่นพี่ดาวบัญชีนี่หว่า

เพียะ !

ฝ่ามือเน้น ๆ ตบไปที่หน้าของชาบูหลังจากเจ้าตัวเดินมาถึง ทำเอาผมกับอิฐต้องรีบวิ่งเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ต้องทำกันอย่างนั้น

“นี่มันอะไรอะชา !” รุ่นพี่คนนั้นพูด หยิบมือถือตัวเองขึ้นมา ก่อนโชว์รูปอะไรบางอย่างให้ชาบูดู

เดี๋ยวนะ นั่นมันรูปชาบูกำลังนัวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านเหล้า

“เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย ! มาตบหน้าผมทำไม” ชาบูร้องออกไปก่อนเอามือกุมที่แก้มตัวเอง

“เรื่องระหว่างเรามันคืออะไร ที่ไปกอดจูบกับมัน หมายความว่าไง”

“ระหว่างเราก็แค่สนุก ๆ อะ เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“เลว แก ไอ้เลว !”

ผมกับอิฐรีบเข้าไปห้ามก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ เมื่อรุ่นพี่คนนั้นเข้ามากระชากคอเสื้อชาบู ก่อนใช้ฝ่ามือตีไปที่กลางอกมันอยู่หลายที ถ้ามีอาจารย์มาเห็นเข้าโดนทำทัณฑ์บนแน่ ๆ ดีไม่ดีเสียอนาคตอีก ทะเลาะวิวาทกันหน้าตึกแบบนี้

กว่าจะเคลียร์รุ่นพี่คนนั้นออกไปได้ก็เล่นเอาแทบหมดแรง ดีที่มีเพื่อนของรุ่นพี่คนนั้นตามเข้ามาห้ามเจ้าตัวไว้แล้วพากันออกไปด้วย ไม่งั้นไม่จบง่าย ๆ แน่ ผมกับอิฐหันไปมองตัวสร้างปัญหาที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนที่หน้าตึก สภาพรอยมือแดงเถือกทั้งหน้า ผมถูกทึ้งจนยุ่งไปทั้งหัว

“นี่มึงไม่ได้กลับไปนอนบ้านใช่ไหมไอ้ชา” อิฐนั่งลง ถอนหายใจก่อนพูดขึ้น

“กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ”

“กูกับเขาตกลงกันแล้วไง ว่าต่างคนต่างสนุกแล้วก็จบ แต่เขาไม่จบเอง” ชาบูพูดออกมา

“มึงอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้าง ที่มึงทำไป เพราะประชดไหม” ผมบอกมัน การที่เห็นเพื่อนตัวเองเดินไปในทางที่มันผิด คนเป็นเพื่อนที่ดีก็ควรจะเตือนถูกไหม อีกอย่างมันยังดึงคนอื่น ที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย

“ใช่ เพราะเรื่องไหม กูก็พยายามทำตัวเป็นเพื่อนปกติอยู่ไง พวกมึงไม่เห็นเหรอ”

“กูเข้าใจ แต่การที่มึงไปมั่วแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้มึงดีขึ้นเลย” ไอ้อิฐพูดต่อ

“เดี๋ยวมันก็ได้”

“แล้วตอนนี้มันเริ่มได้ไหมล่ะ ?” ผมถามต่อ

“นี่พวกมึงจะมาเซ้าซี้เอาอะไรกับกูกันนักหนาวะ กูไม่ได้ไปทำบนหัวพวกมึงนะ จะเดือดร้อนทำไม” ชาบูพูดขึ้นมา ดูท่าทางมันจะเริ่มอารมณ์เสียขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกผมเริ่มต้อนใส่อารมณ์พูดกับมันไป

“พวกกูเป็นห่วงมึงไง” ไอ้อิฐพูดต่อ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเหมือนกัน

“เออ กูรู้แล้ว แต่พวกมึงเป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่พ่อ”

สิ้นคำพูดไอ้ชา หมัดหนัก ๆ ของอิฐก็พุ่งเข้าไปที่หน้าเจ้าตัวทันที ไม่ทันที่ผมจะห้ามทัน มันสองคนก็ลงไปซัดกันที่พื้นเรียบร้อยแล้ว

“หยุด ๆ ! เชี้ยเอ้ย มึงจะต่อยกันทำไมวะเนี่ย”

เดือดร้อนผมที่ต้องลงไปคลุกฝุ่นแยกพวกมันอีกที กว่าจะจับตัวพวกมันแยกกันได้ ก็ได้กันไปคนละหลายแผล นักศึกษามุงแถวนั้นก็ไม่มีท่าทีจะช่วยเพื่อนร่วมคณะเลยได้แต่ยืนมองหน้าตาเฉย

“เออ สัส ! มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึง ต่อไปนี้กูจะไม่ยุ่ง” ไอ้อิฐพูด

ผมรีบรั้งไอ้อิฐไว้เมื่อมันทำท่าจะเข้าไปต่อยไอ้ชาอีกรอบ ขณะที่คนหน้าตี๋ชูนิ้วกลางให้ก่อนเดินออกไป พอก่อน ๆ ผมเหนื่อย

“ปล่อยมันไปก่อน เชี้ยอิฐ ! พูดอะไรไปตอนนี้มันก็ไม่ฟังหรอก”

ไอ้นี่ก็อีกคน โคตรใจร้อน

หลังจากที่ผมกับอิฐกลับมาที่หอพัก ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว ผมนั่งเล่นเฟสบุ๊คไปตามเรื่องตามราว มีใยไหมทักมาในแชทบ็อกซ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากข่าวที่พวกเราสามคนต่อยกันคงกระพือไปในกลุ่มวิศวะปีหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเลยเล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นให้ไหมฟัง เจ้าตัวจึงวีดีโอคอลมาหาผมทันที

“นี่ชามันเป็นแบบนั้นเพราะฉันเลยเหรอ”

“อย่าคิดมากเลยไหม เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น คงต้องใช้เวลาหน่อยแหละ” ผมบอกไหมไป

“พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง”

ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับใยไหมอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ขึ้นสายซ้อนขึ้นมา เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นของเพื่อนคนหนึ่งในคณะรุ่นเดียวกันกับผม

“ไหมเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ มีสายเข้า” ผมพูด ผมกดวางวีดีโอคอลของไหมก่อนกดรับอีกสายหนึ่ง

“ฮัลโหล ไอ้คีย์” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ปลายสายพูดด้วยความรีบร้อน

“อื้ม มึงมีไรป่าววะ” ผมถามออกไป งง ๆ เหมือนกันที่อยู่ดี ๆ โทรมาดึกขนาดนี้

“พวกกูมาเจอชาบูมันที่ร้านเหล้า มึงรีบมาเลย ก่อนมันจะโดนยำตีน”

“เฮ้ย ! มีเรื่องอะไรวะ” ผมถามออกไปด้วยความตกใจทันทีที่เพื่อนร่วมคณะพูดจบ

“มันเมา แล้วไปนัวกับแฟนรุ่นพี่เกษตร ให้เร็วเลย”

ทำไมมันถึงขยันหาแต่เรื่องวะเนี่ยไอ้ชา

“เออ ๆ แค่นี้นะ เดี๋ยวกูกับไอ้อิฐรีบไป” ผมพูด วางสายเสร็จก็หันไปเจอไอ้อิฐที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อได้ยินผมพูดถึงมันในสายด้วย

“มีไรวะ”

“เพื่อนมึงกำลังจะโดนยำตีน” ผมบอกไอ้อิฐไปสั้น ๆ ก่อนคว้ากระเป๋าสะพายรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปยังร้านเหล้าร้านนั้น

ผมกับอิฐมาถึงร้านเหล้าภายในเวลา 10 นาทีเนื่องจากมันไม่ได้อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากนัก พวกเรารีบเดินแหวกทางกลุ่มคนเข้าไปในร้านทันที มองหาไม่นานก็เห็นหลังชาบูไกล ๆ อยู่บริเวณห้องน้ำหลังร้านกับกลุ่มเพื่อนวิศวะที่ทำท่าทางเหมือนปราม ๆ ปนขอโทษอีกกลุ่มที่กำลังจะมีเรื่อง

“เมียเมิงมายุ่งกับกูก่อนเอง”

“นี่มึงจะเอาเหรอวะ !”

“แน่เจงก็เข้ามาเดะ”  ชาบูยังคงพูดหาเรื่องไม่หยุด ดูก็รู้ตอนนี้มันเมาแล้วกร่างมาก

“โทษครับพี่ ๆ เพื่อนผมมันเมาแล้ว อย่าไปถือสาเลย” เพื่อนคนหนึ่งพูดแก้ตัวให้มัน

“กูไม่มาว”

ชาบูพร้อมจะมีเรื่องทุกเวลา ขณะที่กลุ่มเพื่อนวิศวะที่ผมรู้จักยืนยื้อมันไว้อยู่ ผมกับไอ้อิฐจึงรีบเข้าไปทันที

“ปล่อยกู ปล่อย !”

“มึงว้อนท์มากใช่ไหม ได้”

พูดจบรุ่นพี่คนนั้นก็พุ่งตัวเข้ามาหาไอ้ชา ก่อนประเคนหมัดหนัก ๆ ไปบนใบหน้ามันหนึ่งหมัด แล้วความชุลมุนก็ได้เริ่มต้น พวกเราเข้าตะลุมบอนทันที เวรเอ้ย ! ผมไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

เละครับ ...

ได้มากันคนละอีกหลายแผล ดีที่เจ้าของร้านไม่โทรแจ้งตำรวจ แต่ยังไงก็ต้องเสียค่าปรับไปอีกบาน ไปทะเลาะกันที่ร้านเขา ผมบอกขอบใจกลุ่มเพื่อนวิศวะที่อย่างน้อยก็มีน้ำใจโทรมาบอกผม แถมยังโดนลูกหลงไปกันอีกด้วย

ส่วนไอ้คนก่อเรื่อง ...

นอนแอ้งแม้งอยู่เบาะหลังรถ ด้านของอิฐก็ไปขับรถของชาบูอีกคันกลับไปที่หอ

“มึงเป็นไงบ้างวะ” อิฐถามผมหลังจากพยุงตัวไอ้ชาไปนอนบนเตียงของมัน

“กูอะไม่เป็นไรหรอก แผลกูมันรักษาตัวเองได้ มึงเถอะ”

“กูโอเค”

“นี่มึงหายโกรธมันแล้วเหรอ” ผมถามออกไป

“ยัง”

“แล้วยังจะมีหน้าไปช่วยมันเนี่ยนะ”

“ยังไงมันก็เพื่อนเปล่าวะ”

“เออ ๆ มานี่ เดี๋ยวกูทำแผลให้” ผมพูดพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ต่อให้มีเรื่องร้ายแรงแค่ไหน พวกเราก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว

เช้าวันถัดมา พวกเราตื่นนอนกันอีกทีก็เกือบเที่ยงวัน เมื่อคืนผมไม่ได้ส่งวิญญาณไปนรกด้วย คืนนี้ท่าจะงานสองเท่าอีกแล้ว ตอนนี้ผมกับไอ้อิฐกำลังนั่งกินข้าวกล่องกันอยู่ระหว่างรอชาบูมันตื่น

“นี่พวกมึงไปพากูกลับมาเหรอ”

พอตื่นขึ้นมา เจ้าตัวก็ยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงสักพัก ก่อนจะเรียบเรียงความทรงจำของตัวเองว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วถามขึ้นมา

“ไม่ใช่พวกกูแล้วจะใครล่ะ” ผมตอบกลับตักข้าวใส่ปาก

“กูขอโทษ” มันตอบกลับมาเสียงอ่อยเหมือนจะสำนึกผิด

“ขอโทษไอ้อิฐนู่น กูไม่ได้โกรธมึง”

“เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงชาบูร้านป๊ากับม๊า ขอโทษนะไอ้อิฐ กูผิดเอง”

“ไม่ต้องก็ได้มั้ง กูไม่ใช่พ่อมึงนี่”

เออ เอ้าเข้าไป !

“เออ ๆ กูให้มึงกับไอ้คีย์เป็นพ่อคนที่สองคนที่สามของกูก็ได้”

แล้วมันก็พูดอะไรของมันไปเรื่อย เพื่อเป็นการง้อเพื่อน

“กูเติมเงินในเกมให้ด้วยเลยเอ้า !”

“มาแดกข้าว”

ไอ้อิฐเหมือนจะทนรำคาญ หรือทนแรงยั่วยุที่จะเติมเกมให้จากไอ้ชาไม่ไหว จึงเรียกมันให้ลงมาจากเตียงก่อนยื่นข้าวกล่องที่เหลืออีกกล่องส่งให้

“ครับพ่อ”

เออ ... ดีกันได้สักที

ภายในห้องมืด ๆ มีเพียงแสงสว่างส่องออกมาจากเทียนแค่หนึ่งแท่ง รูปถ่ายของกลุ่มเพื่อนห้าคนกำลังถูกวางไว้อยู่ที่พื้น มือหนึ่งกำลังถือคัตเตอร์ที่คมกริบไว้อยู่ ปลายคมแหลมถูกจรดลงบนรูปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนความคมของคัตเตอร์จะค่อย ๆ กรีดทำลายรูปนั้นลงทีละน้อย

มือนั้นกดคัตเตอร์ลงไปด้วยความแค้นเคืองและรุนแรง ก่อนกรีดซ้ำไปซ้ำมาที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น หลังจากทำจนพอใจแล้ว มืออีกข้างก็หยิบไม้บรรทัดขึ้นมา ก่อนค่อย ๆ บรรจงกรีดตัดรูปของผู้ชายคนหนึ่งออกมาเพียงคนเดียว เจ้าตัวดึงรูปที่กรีดออกมากอดไว้อย่างหวงแหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่นาน อารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้ากลายเป็นเต็มไปด้วยความโกรธ มือขวาหยิบเศษรูปที่เหลือของคนทั้งสี่ขึ้นมา ก่อนยื่นมันไปใกล้กับแท่งเทียนที่เปลวไฟกำลังลุกโชน กลิ่นเหม็นไหม้ค่อย ๆ เกิดขึ้นตามเศษรูปที่ถูกยื่นไปโดนไฟทีละน้อย

ไฟกำลังไหม้รูปถ่ายของกลุ่มเพื่อนรัก ทีละคน ทีละคน ...

และท้ายที่สุด เหลือเพียงเศษกระดาษสีดำ ๆ แค่หนึ่งกอง ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด