ตอนที่แล้วเคียวที่ 17 : รับน้องนอกสถานที่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 19 : ผีพราย

เคียวที่ 18 : คำสารภาพจากชาบู


“มี”

“เฮ้ยสั้นไป ตอบยาว ๆ หน่อย” ไอ้อิฐพูด มันก็น่าจะรู้เหมือนที่ผมรู้นั่นแหละ มันเลยกระตุ้นไอ้ชา มันไม่ตอบเพราะถือว่าตอบคำถามไปแล้ว ผมจึงหมุนขวดอีกรอบ

และจงใจใช้พลังยมทูตหยุดปลายฝาขวดเบียร์ที่มันอีกครั้ง

“คนคนนั้นเป็นใครวะ”

จัดเลยเพื่อน กล้า ๆ หน่อย ไอ้ชานิ่งไปสักพัก ก่อนมันจะค่อย ๆ พูดขึ้นมา

“คนคนนั้น กูรู้จักกับเขามาตั้งแต่ประถมเลย เป็นคนสวย น่ารัก มีเสน่ห์ ใคร ๆ ก็ชอบ กูไม่รู้หรอกว่ากูเริ่มชอบเขาตอนไหน แต่กูมันปากหมาไง แถมเจ้าชู้อีก หนำซ้ำยังชอบไปกวนตีน ไปแกล้งเขาตลอด จนเขาอาจไม่รู้ตัว”

อื้มฮืม ชัดขนาดนี้ ไหมน่าจะรู้ตัวนะ เมื่อชาจบประโยคไว้แค่นั้นผมเลยหมุนขวดใหม่

และทำให้หยุดที่ใยไหม

ทุกคนต่างเงียบ เพราะรู้ดีว่าคนที่อยากถามคำถามต่อเป็นใคร เมื่อทุกคนต่างนิ่งชาบูก็พูดออกมา

“ขอถามนะ ถ้าคนคนนั้นเป็นแก แกจะว่าไง”

เนี่ย โอ้โห เพื่อนผมคนจริงครับ ในที่สุดมันก็กล้ายอมสารภาพออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์เบียร์ที่กินเข้าไปหรือเปล่า ก็ได้แต่ลุ้นว่าไหมมันจะคิดเหมือนกันกับไอ้ชา ผมดูเพื่อนสองคนนี้มานานแล้ว

ไหมเงียบไปสองสามวิ ด้วยสีหน้าที่พวกผมคาดเดาไม่ออก ก่อนจะเริ่มพูดออกมา

“ถ้าฉันเป็นคนคนนั้นจริง ฉันก็จะบอกกับแกว่า ฉันคิดกับแกแค่เพื่อน แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของฉัน ขอโทษนะ ฉันรู้สึกง่วง ๆ แล้วอะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ” ไหมพูด พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นเดินออกไป

“งั้นฉันกลับไปพร้อมไหมเลยนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ครีมลุกขึ้นเดินตามไหมออกไป

บรรยากาศรอบตัวพวกเรากร่อยลงไปในทันที หลังจากที่เพื่อนทั้งสองลุกขึ้นเดินจากไป คำตอบของไหมชัดเจนมาก จนทำให้ผมรู้สึกเฟลแทนไอ้ชาไปเลย อย่างกับหนังม้วนเดิมที่ผมเล่นเมื่อสองปีที่แล้วในวันปัจฉิม ต่างกันตรงที่ คนคนนั้นเป็นไอ้ชาแทนผม

“มึงโอเคปะวะ” ผมพูด ตบบ่ามัน

“ไม่อะ กูไม่โอเค”

“กูว่าแล้ว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้” ชาบูพูดขึ้นมา เห็นมันเป็นแบบนี้แล้ว ผมกับไอ้อิฐไม่สบายใจเลย

“กูอยากได้เบียร์เพิ่มว่ะ พวกมึงไปซื้อให้กูหน่อยได้ปะ กูขอนั่งอยู่คนเดียวสักแปบ”

ผมกับไอ้อิฐพยักหน้า ไม่อยากขัดใจเพื่อนในตอนนี้ ก่อนพวกเราจะลุกขึ้น เดินออกไปซื้อเบียร์เพิ่มให้มัน

เสียงเกลียวคลื่นกระทบหาดทรายดังเป็นจังหวะตามที่กระแสน้ำทะเลซัดเข้าสู่ฝั่ง บรรยากาศริมทะเลยามเที่ยงคืนคงจะเงียบเหงาเหลือเกินถ้าไม่มีเสียงนี้ ที่ริมหาด ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเศร้าเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ เจ้าตัวทำใจไว้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ได้จากการถามคนที่ชอบมันจะออกมาเป็นแบบนี้ รู้ว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะชอบกลับน้อย แต่อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าได้บอกไปแล้ว เฟรนด์โซนสินะ เป็นได้แค่นั้นแหละ ก็ได้แต่หวังว่าวันพรุ่งนี้ถ้าเห็นหน้ากันแล้วมันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม ระหว่างที่คิดอะไรไปเพลิน ๆ สายตาก็หันไปเห็นร่างหนึ่งเข้าให้

ร่างบางในชุดว่ายน้ำทูพีชกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมชายหาด ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร ผมยาวสลวยปลิวไปตามสายลมที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ชายคนไหนเห็นก็ต้องมองตาม

ดูมีเสน่ห์ ช่างน่าหลงใหล น่ามองเหลือเกิน

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก่อนเดินตามร่างนั้นไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมกับอาการอกหักเข้าเต็ม ๆ หรือเปล่า มันเหมือนมีมนต์สะกดให้สายตาจ้องมองไปยังร่างนั้น ยิ่งเดินตามก็เหมือนว่าร่างหญิงสาวคนนั้นยิ่งเดินไกลห่างออกไปเรื่อย ๆ

ไกลออกไปเรื่อย ๆ …

ผมกับไอ้อิฐเดินกลับมาที่บริเวณเดิมอีกครั้งก็ไม่พบชาบูแล้ว เห็นเพียงเสื่อกับขวดเบียร์สองสามขวดที่วางอยู่ หายไปไหนของมันอีกวะเนี่ย ผมกับอิฐเลยเดินไปถามแม่ค้าที่ยังขายของอยู่แถวนั้นว่าเห็นชาบูบ้างรึเปล่า

“ป้าครับ เห็นผู้ชายหน้าตี๋ ๆ ที่นั่งกินเบียร์อยู่ตรงนี้ไหมครับ เขาหายไปไหน” ผมถามป้าเขาไป

“ป้าเห็นเขาเดินเลาะริมหาดไปทางนู้นน่ะ แต่แถวนั้น กลางคืนไม่ค่อยมีคนไปหรอกนะ มันเปลี่ยว”

พอได้คำตอบผมกับอิฐก็รีบเดินตามทางที่ป้าเขาชี้ออกไป พวกเราเดินไปกันเกือบสิบนาทีก็เห็นร่างของชาบูอยู่ลิบ ๆ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ

มันกำลังเดินลงไปในทะเล...

ไม่รอช้า ผมกับไอ้อิฐรีบวิ่งตรงไปหาชาบูทันที ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้คนขี้เล่นมองโลกในแง่ดีอย่างมันคิดสั้นได้ขนาดนี้ กว่าจะเข้าไปถึงตัวมัน ระดับน้ำทะเลก็อยู่ในระดับหัวไหล่ของพวกเราแล้ว ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวหัวมันได้อยู่ใต้ระดับน้ำทะเลแน่ ๆ ไอ้อิฐดึงแขนไอ้ชาบูขึ้นมา มันดูราวกับคนไม่มีสติ

“มึงทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย !” ไอ้อิฐตะคอกถามไอ้ชาหลังจากพวกเราลากตัวมันขึ้นมาถึงริมหาดได้ สภาพเปียกโชกกันหมดทุกคน มันดูเหม่อลอยเอามาก ๆ

“ไอ้ชา มีสติหน่อยดิวะ” ผมพูด เอามือไปตบ ๆ หน้ามันเรียกสติ สักพักมันก็มองหน้าผมกับไอ้อิฐอย่างงง ๆ ก่อนพูด

“กู กูมาทำอะไรตรงนี้”

“พวกกูต่างหากที่ต้องถามมึง” ไอ้อิฐพูด มันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที มันเป็นคนใจร้อนที่สุดในกลุ่มแล้วครับ ผมเลยแตะบ่ามันเป็นเชิงบอกให้ใจเย็น ๆ

“มึงเดินลงไปในทะเลทำไม” ผมถามชาบูออกไป

“อย่าบอกนะว่ามึงคิดจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแค่นี้อะ”

“เปล่า กูแค่ ... แค่เดินตามใครคนหนึ่งไปอะ”

พอได้คำตอบกลับมา เล่นเอาผมงงไปเลย ผมยังไม่เห็นใครแถวนี้สักคน ผีสักตัวก็ไม่มี มันเมาแล้วแหละ

“ใคร กูไม่เห็นจะมีใครสักคนตรงนี้นอกจากมึงอะ”

“กูเห็นจริง ๆ นะ”

“เออ ๆ มึงเมาแล้วแหละกูว่า กลับกันเถอะ” ผมบอกมันไป

“มันจะมีใครมาเดินลงทะเลเอาตอนนี้วะไอ้ชา” ไอ้อิฐพูดเสริมก่อนเสยผมตัวเองขึ้นอย่างอารมณ์เสีย พวกเราจึงเดินออกจากที่ตรงนั้นไป ระหว่างนั้นผมก็ฉุกคิดอะไรได้ขึ้นมา แล้วถ้าไอ้ชาบูมันไม่ได้เมาล่ะ

สัญชาตญาณบอกผมให้หันกลับไปมองที่ทะเลอีกรอบ

ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดทูพีชกำลังยืนอยู่ริมหาดทราย ดวงตาสีแดงก่ำ ผมสีดำลากยาวจนถึงพื้นหาดทราย ตามตัวมีเมือกสีเขียว ๆ เกาะอยู่เหมือนตะไคร้น้ำกำลังจ้องมองผมกลับมา ที่สยดสยองไปกว่านั้นคือที่บริเวณปาก มีแผงฟันที่คมกริบราวกับปาปิรันย่ากำลังแยกเคี้ยวขู่ผมอยู่

นี่มันวิญญาณบ้าบออะไรเนี่ย ...

“ที่มึงเห็นอะ ไม่ใช่คนหรอก” ผมบอกชามันไปหลังจากเรากลับถึงรีสอร์ตแล้ว ไม่อยากบอกระหว่างทางให้มันมีเวลาทำใจก่อนสักพักหนึ่ง ไหนจะเรื่องไหมอีก

“นี่มึงอย่าบอกนะ ว่ากูเจอผีอะ” เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เออดิ ตอนแรกกูก็ไม่เห็นหรอก แต่ตอนกำลังจะออกมาจากที่ตรงนั้น กูหันกลับไปมองอีกที เต็มสองตาเลย” ผมพูดเล่าลักษณะของวิญญาณดวงนั้นให้ชาบูกับอิฐฟัง ซึ่งชาบูก็เล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างอีกที ลักษณะที่เห็นโคตรจะสวนทางกันเลย มันโดนผีหลอกเข้าให้เต็ม ๆ แล้วล่ะ

“ว่าแต่มึงอกหักจริงเปล่าเนี่ย เห็นผู้หญิงใส่ทูพีชเข้าหน่อย เดินตามไปเฉย” อิฐถามต่อขำ ๆ

“กูไม่รู้ตัวเลยว่ะ ตอนนั้นอารมณ์เศร้ามันหายไปเฉย เหมือนกูโดนสะกดจิตยังไงยังงั้น”

“เกือบตายแล้วนะมึง” ไอ้อิฐเสริม มันคงใจเย็นลงแล้วเมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ

“เจอสิ่งที่มึงเล่าเข้าไป กูนี่หายเศร้าเลยนะเนี่ย สยองแทน” ชาบูพูด หันมายิ้มกว้างกับผมจนตาปิด เหมือนอยากให้ผมกับไอ้อิฐสบายใจเรื่องมันกับไหม แต่ผมว่ามันดูหลอก ๆ ยังไงไม่รู้ ลึก ๆ มันก็ยังคงเศร้าอยู่นั่นแหละ แอบรักมาตั้งหลายปี แถมเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย พรุ่งนี้เจอหน้ากันจะทำหน้ายังไงเนี่ย เป็นผม ผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ ๆ

“แล้วมึงจะทำไงต่อวะ ต้องส่งวิญญาณไปตีสามไหมวันนี้” อิฐถามผม

“ไม่อะ จะกลับไปส่งที่หอทีเดียวพรุ่งนี้ อีกอย่างมันไม่ใช่พื้นที่ของกูด้วย แต่กูแปลกใจมากกว่า แถวนี้ต้องมียมทูตอยู่สักคนสิวะ ทำไมวิญญาณดวงนั้นถึงไม่ถูกจัดการส่งไปยังนรกอีก”

ได้แต่ตั้งคำถามต่อไป ...

ผมว่าจะโทรหาพี่เคนตะ ยมทูตผู้สอนทักษะการต่อสู้เพิ่มให้ผมมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว เขาน่าจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างให้ผมบ้าง

ผมว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับยมทูตตาสีฟ้าอีกแน่ ๆ ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด