ตอนที่แล้วเคียวที่ 7 : เคสพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 9 : จับฆาตกร

เคียวที่ 8 : ที่ตรงนั้น ฉันยังอยู่


บรรยากาศตอนกลางคืนบริเวณรอบหอพักหญิง‘วราพร’ ช่างน่ากลัวจับใจ

ประกอบกับข่าวนักศึกษาถูกฆ่าข่มขืนบริเวณหอพักท้ายซอยเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพียงลมพัดเบา ๆ ก็ทำให้ขนลุกซู่ได้ ตึกสี่ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า  มีเพียงไม่กี่ห้องที่ไฟยังเปิดอยู่  ด้วยความที่ตัวหอพักอยู่ท้ายซอยไกลจากมหาวิทยาลัยและไม่ค่อยมีผู้คน แม้ว่าค่าเช่าของหอจะถูกมาก แต่ก็ยังมีข่าวลือมากมายทำให้คนไม่กล้ามาเช่าอยู่ดี ต้นไทรขนาดใหญ่พร้อมกับผ้าหลากสีที่พันอยู่ถัดจากป้าย ‘หอพักหญิงวราพร’ ทางด้านหน้าหอยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก ส่วนทางด้านขวาเป็นที่ดินที่ปล่อยให้รกร้างมีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นอยู่เต็มไปหมด

เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังมาพร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังมุ่งหน้ามาสู่หอพักวราพร ทั้งคู่หัวเราะคิกคักโดยไม่สนใจบรรยากาศรอบกาย ฝ่ายหญิงมีอาการมึนเมาเล็กน้อย เอาหน้าพิงหลังของฝ่ายชายและกอดเอวไว้แน่น ไม่นานเสียงรถก็ดับลงเมื่อถึงหน้าหอพัก

“เค้าส่งตัวเองแค่นี้นะ เดินขึ้นห้องไหวเปล่า”

ฝ่ายชายลงมาจากรถ แล้วหันไปประคอง

“ไหว ไหว ม่ายต้องเปนห่วง”

ปากบอกไหวแต่แค่ยืนร่างก็โอนเอนจนไม่กล้าปล่อย จนเขาต้องพยุงตัวค่อย ๆ พากันเดินไปที่ด้านหน้าของหอ

“เมื่อไรตัวเองจะย้ายหอสักที หอนี้ไกลก็ไกล น่ากลัวก็น่ากลัว”  ฝ่ายชายพูด คนพูดมองไปรอบ ๆ แล้วส่ายหัว วันดีคืนดีถ้ามีอะไรออกมาจะทำยังไง

“ฮั่นแน่ ! ตัวเองกลัวผะ อี อุป”

มือใหญ่รีบเอามาอุดปากทันทีก่อนที่จะจบประโยค

“เฮ้ยตัวเอง เค้าห้ามพูดเรื่องนี้ตอนกลางคืน ตัวเองเมามากแล้วนะ ไป ๆ เดี๋ยวเค้าพยุงไปส่ง”  ชายหนุ่มพูดดุ แต่มือเล็กกลับดึงมือที่ปิดปากออกแล้วหัวเราะ

“ม่ายเมา มีที่หนายผีเผออ่า แน่จริงก็ออกมาดิ”

ชายหนุ่มตาโตมองคนที่พยุงที่พูดท้าทายขนาดนั้น ก่อนพยุงตัวแฟนสาวแน่นแล้วรีบเดิน

“ตัวเอง กลับขึ้นห้องได้แล้ว ไม่เอา ๆ ไม่พูดแล้ว”

แค่พูดถึงสิ่งนั้นขึ้นมา ใจก็หล่นไปที่ตาตุ่ม นี่ถ้าไม่ติดว่าเมามากนะ จะทิ้งไว้ให้นอนหน้าหอนี่แหละ เหมือนสัณชาตญาณกำลังบอกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องอยู่ด้านหลัง ในใจก็ได้แต่คิด โอย อย่าเลย แฟนผมเมาครับ อย่าออกมาให้เห็นเลย เท้าก็รีบจ้ำไม่กล้าหันไปมอง

“ตัวเอง เอาคีย์การ์ดมาดิ เค้าเปิดประตูไม่ได้ อย่าเพิ่งหลับซิ เอาคีย์การ์ดมาก่อน”

หันไปเขย่าตัว ก็เห็นหลับสนิทไปแล้ว ทำยังไงละทีนี้ ไม่มีคีย์การ์ดก็เปิดไม่ได้ ยืนจ้องประตูหอพักทางเข้าที่เป็นกระจกเงาสีดำอยู่พักหนึ่งก็ถอนหายใจ ก่อนหยิบกระเป๋าถือของหญิงสาวมาเปิด

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวก่อนหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียง ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษาคนหนึ่ง

“คือแฟนผมเขาเมาแล้วหลับไปน่ะครับ ผมเปิดประตูหอไม่ได้” ชายหนุ่มอธิบาย

“คีย์การ์ดนี่ค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

เขายื่นมือไปรับ พยายามจะมองหน้าให้ชัดแต่เหมือนผมหญิงสาวมันบังไว้ ชายหนุ่มค่อย ๆ พยุงแฟนสาวของตัวเองให้ลุกจากพื้น แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาสะท้อนในประตูกระจก ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบจะปล่อยตัวแฟนลงบนพื้น นักศึกษาหญิงคนที่เห็นเมื่อกี้ร่างกายช้ำเป็นจ้ำราวกับโดนใครรุมซ้อม ผมที่บังใบหน้าไว้เมื่อกี้ถูกลมพัดปลิวไสว เผยให้เห็นบริเวณด้านข้างยุบลงไปเหมือนถูกทุบด้วยของแข็งหลายครั้ง ดวงตาแดงก่ำ ปากเป็นสีม่วงคล้ำ จ้องผ่านกระจกมาที่เขาเขม็ง

“ผะ ผะ ผี ! ช่วยด้วย ผีหลอก !”

ไม่สนใจแฟนสาวอีกต่อไป มือสองข้างปล่อยร่างเล็กร่วงลงบนพื้นจนร้องโอดโอย ชายหนุ่มวิ่งหนีหน้าตั้งออกจากหอพักไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

‘ขอโทษนะตัวเอง เค้ายอมโดนตัวเองด่าดีกว่าผีหลอก’

“โอ๊ย ! ไอ้บ้า ปล่อยทำไมวะ เจ็บจนสร่างเมาแล้วเนี่ย”

หญิงสาวร้องโอดโอยลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีอะไรเลย สงสัยเมาจนหลอน ก่อนเจ้าตัวจะหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าหอพักไป

ภาพที่เห็นยังติดตาไม่หาย ขนาดมองผ่านกระจกสีดำยังเห็นชัดขนาดนั้น หึย ขนลุก จะว่าตาฝาดก็ไม่ใช่ หลังจากขี่มาสักพัก สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปมองกระจกรถมอเตอร์ไซค์ ทันทีที่มอง มือก็เผลอบิดแฮนด์รถจนเกือบเสียการทรงตัว ภาพที่ปรากฏในกระจกรถคือหญิงสาวคนเดิมในชุดนักศึกษาอาบไปด้วยเลือดนั่งแกว่งขาอยู่บนป้ายหอพักหญิงวราพร โอ๊ย ! ชัดเจนไม่ใช่ตาฝาดแน่ ๆ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกเด็ดขาด เป็นตายยังไงก็ต้องให้ย้ายหอให้ได้ ขืนได้มาส่งอีก มีหวังต้องเปลืองแว๊กซ์เซตผมไปเยอะเลยทีเดียว

“เฮ้ย มึง ได้ยินข่าวไอ้ภพภาคโยธาโดนผีหลอกหรือเปล่าวะ”

“เออดิ แม่งโคตรน่ากลัวอะ ที่มันไปส่งแฟนมันที่หอหลังมหาลัย”

“เขาว่ากันว่าเป็นผีที่โดนฆ่าข่มขืนอะ”

“ตอนนี้เห็นมันบังคับแฟนมันย้ายหออยู่นะ”

ฯลฯ

เสียงคุยหนาหูเรื่องข่าวลือหอหลังมหาวิทยาลัยยิ่งแพร่กระจายไปทั่ว จนผมชักเริ่มกลัวแล้วว่าจะไปจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่กับกลุ่มเพื่อนซึ่งกำลังคุยในหัวข้อนี้อยู่เหมือนกัน

“มึงว่าจริงปะวะ ถ้าจริงกูจะได้เอาไปเล่าในเพจกู” ชาบูพูดขึ้นมา

คืออย่างงี้ครับ ชาบูมันเป็นแอดมินเพจเรื่องผีสี่ห้าบรรทัด มันเป็นคนชอบเรื่องราวแบบนี้อยู่แล้ว ครั้งแรกที่ผมไปบ้านมันยังตกใจเลย นิยายผี เกมที่เกี่ยวกับผีเต็มไปหมด รวมถึงหนังผีด้วย คอนทราสกับนิสัยและหนังหน้ามันอย่างสุด ๆ

“กูก็ไม่รู้ แต่เขาว่ากันว่าเฮี้ยนน่าดูเลยนะ” อิฐพูดต่อ

“จริง ฉันฟังมานี่ขนลุกเลย” ใยไหมพูดเสริมเข้าไปอีก

“นายว่าไงคีย์ เชื่อเรื่องพวกนี้ปะ” ครีมถามความเห็นของผม จะให้ตอบยังไงล่ะ ก็มันมีจริง ๆ นี่หว่า

“ก็นิดหนึ่งนะ”

“งั้นเรามาพิสูจน์กันปะ”

ผมงี้ถึงกับขนลุกเลย ได้ยินไอ้ชาบูพูดแบบนี้ เอาอีกแล้ว หาเรื่องให้ผมอีกแล้ว

“ยังไง”

“พวกเรามาทำภารกิจส่องผีกัน คืนนี้ห้าทุ่ม ไลฟ์สดด้วย ลงเพจกู”

อื้อฮือ ผมนี่ไปไม่ถูกเลย นี่มึงกำลังเล่นกับของจริงอยู่นะไอ้ชา ไอ้ฉิบ …

“กูว่าอย่าเลย เล่นอะไรเป็นเด็ก”

“เฮ้ย ! อย่าป๊อดดิไอ้คีย์ ไปด้วยกัน ๆ ไม่ต้องกลัว”

“ฉันไปด้วย ครีมไปด้วยกันนะ”

“เอาจริงดิ ก็ได้”

สรุปแล้วกลายเป็นผมคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย เอาไงล่ะทีนี้ ไปก็ต้องไป …

23.30 น.

“สวัสดีครับ พบกันทุกวันศุกร์อีกแล้ว แปลกใจอะดิ ที่วันนี้เพจเรื่องผีสี่ห้าบรรทัดของเราไม่มีเรื่องเล่า วันนี้เรามีรายการสดครับ ผมมีแขกรับเชิญด้วยครับ เพื่อน ๆ ของผมนั่นเอง เฮ้ย ! พวกมึงทักทายแฟนเพจกูหน่อย” ไอ้ชาบูพูด หันกล้องโทรศัพท์ไปทางด้านหลังรถ ตอนนี้ผมและผองเพื่อนกำลังอยู่บนรถเก๋งของผม ที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีข่าวลือเรื่องผี จริง ๆ ก็ไม่ลือหรอก เพราะผมต้องพาดวงวิญญาณที่อยู่ที่นั่นไปรับการพิพากษาจริง ๆ

“คนสุดท้ายครับ คีย์ คนขับรถสุดหล่อของเพื่อน ๆ นั่นเองค้าบ”

ไอ้ชาบูหันกล้องมาทางผมที่กำลังขับรถอยู่ ทางข้างหน้าค่อนข้างมืด แสงไฟก็ไม่ค่อยจะมี ยิ่งขับมาผมยิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศมันวังเวงขึ้นเรื่อย ๆ

23.40 น.

“เอาละครับ เพื่อน ๆ ตอนนี้เรามาถึงบริเวณหอพักที่เป็นข่าวแล้วครับ บริเวณโดยรอบเงียบมากเลยครับ ไม่มีคนเลย” ชาบูพูดพร้อมหมุนกล้องโทรศัพท์โชว์บรรยากาศรอบ ๆ ในขณะที่อิฐกับคนอื่นกำลังปูเสื่อเตรียมอุปกรณ์ให้กับสิ่งที่ไอ้ชาบูมันจะทำต่อไป

“เอาตรงนี้ดีปะ ไอ้ชา” ไอ้อิฐตะโกนถาม

“เออ ตรงนั้นแหละ หูย ดูหน้าเพื่อนผมดิครับ เครียดเชียว ยิ้มหน่อย ๆ เพื่อนคีย์” ชาบูพูด หันมากอดคอผมแล้วหันกล้องมา แล้วมันก็ฉีกยิ้มกว้าง

โว้ย ! พวกมึงไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไรนะเนี่ย จะไม่ให้กูเครียดได้ไง

แล้วดูนั่น ไอ้อิฐไปปูเสื่อใต้ต้นโพธิ์ที่มีผ้าหลากสีมาพัน แถมบริเวณนั้นยังมีน้ำแดง รูปปั้นตุ๊กตาใต้ต้นไม้อีกด้วย เจริญละพวกมึง

“คีย์ ฉันว่าฉันเริ่มกลัวแล้วอะ”  ใยไหมพูด เดินเกาะแขนครีมมาสะกิดด้านหลังผม ก็สมควรจะกลัวแล้วเปล่า เล่นกันซะขนาดนี้ ตอนนี้ผมยังไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นครับ ปกติก็เจอแต่วิญญาณสงบ ๆ แล้วส่งไปนรกตอนตีสาม ผมยังไม่เคยเจอวิญญาณที่มีความอาฆาตมาก่อนเลย จะรับมือยังไงล่ะทีนี้

“สาว ๆ เราเริ่มกลัวแล้วนะครับเพื่อน ๆ อย่ารอช้าดีกว่า พวกมึงมานั่ง ๆ”

ไอ้ชาบูยังคงพากย์สถานการณ์ต่อไปพร้อมเรียกพวกเราให้ไปนั่งบนเสื่อ แผ่นกระดานที่มีตัวอักษรพยัญชนะไทยอยู่ด้านบนวางอยู่กลางเสื่อ พร้อมกับแก้วหนึ่งใบ มันคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากผีถ้วยแก้ว

นิ้วชี้ของพวกเราทั้งห้าจิ้มไปที่แก้วซึ่งคว่ำอยู่กลางกระดาน ชาบูใช้นิ้วมือขวาจิ้มไปที่แก้วในขณะที่มือซ้ายมันยังคงไลฟ์สดอยู่ ไอ้นี่มันความพยายามดีเหลือเกิน นิ่งกันไปสักพักไอ้ชาบูจึงเริ่มพิธีมันต่อ

“เอาล่ะ ถ้ามีวิญญาณดวงใด อยู่แถวนี้จริง ขอให้มาสถิตอยู่ที่แก้วใบนี้”

นิ่ง ทิ้งช่วงไปสักครึ่งนาที ชาบูมันก็เริ่มถาม

“ตอนนี้ดวงวิญญาณมาสถิตที่แก้วแล้วใช่หรือไม่”

ผมบอกได้เลยว่าไม่ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง วิญญาณตนนั้นผมก็ยังไม่เห็น ผมเหลือบไปมองหน้าไอ้ชาที่ลุ้นสุดขีด ผมว่าไลฟ์มันล่มแน่งานนี้ แก้วนิ่งไม่ขยับเลย

“ไอ้บ้าชา เลิกเถอะ ฉันเริ่มกลัวแล้ว” ใยไหมเริ่มส่งเสียงประท้วงพร้อมจะเอานิ้วมือออก

“เฮ้ย ๆ ห้ามเอาออกนะ ๆ ยังไม่จบพิธีห้ามเอาออก”

“เพื่อน ๆ ครับ ผมรู้สึกแรงสั่นอะไรบางอย่างที่แก้วครับ พวกมึงรู้สึกไหม ๆ”

พูดกับไหมจบ ชาบูก็หันไปพูดกับคนที่ดูมันไลฟ์ต่อ ผมว่าไอ้นี่เริ่มสตรอว์เบอร์รี่เรียกกระแสละ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย

แก้วที่คว่ำอยู่ค่อย ๆ ขยับเลื่อนไปที่คำว่า ใช่

...

อื้มนะ มึงแม่งดันเห็น ๆ

เสียงใยไหมกับครีมเริ่มกรีดร้องเบา ๆ แบบตกใจ ขณะที่ไอ้อิฐก็อินไปกับไอ้ชา คิดว่าแก้วมันเลื่อนไปเพราะมีผีเข้าไปสถิตอยู่จริง ๆ

ผมเริ่มเซ็ง ทำไมผมต้องมานั่งเอามือจิ้มแก้วเล่นแบบนี้ด้วยเนี่ย ละครของไอ้ชาบูดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยมีเสียงของใยไหมกับครีมเป็นซาวด์ประกอบเพิ่ม เรียกยอดไลค์และคอมเม้นท์ให้เพจมัน เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกบรรยากาศมันเปลี่ยนไป จากที่รู้สึกว่าวังเวงและเงียบ เริ่มมีความเย็นเพิ่มขึ้นเข้ามา

24.00 น.

ผมคิดว่าการเล่นละครของไอ้ชาบูควรจะจบลงได้แล้ว มันดันแก้วไปมาซะเป็นเรื่องเป็นราวเป็นราว นี่ก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วที่เรานั่งจิ้มแก้วกันอยู่อย่างนี้ ขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกมันให้พอ มันก็มีอะไรบางอย่างสะกิดใจผมให้รู้สึกว่า …

ของจริงกำลังจะมา

ตาของผมเหลือบขึ้นไปมองที่ป้ายหอพัก สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษากำลังนั่งอยู่ สภาพเลือดโทรมกาย กะโหลกยุบลงไปจนสังเกตได้มองตรงมาที่พวกเรา และเหมือนเธอจะรู้ว่าผมมองเธออยู่

เธอจ้องกลับมาที่ผม

ภาพของเธอขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จาก 50 เมตร มา 40 เมตร มา 30 เมตร และสุดท้าย

... อยู่ด้านหลังไอ้ชา

“ไอ้คีย์ มึงมองอะไรวะ” ชาบูทักผม อยากได้เรื่องจริงหรือคำตอบที่ทำให้สบายใจล่ะครับเพื่อนชา

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมตอบมันไป

ผมไม่อยากทำให้เพื่อนกลัวเลยบอกไปอย่างงั้น เอาเข้าจริงผมก็ยังไม่ค่อยชินกับการเห็นวิญญาณเลือดท่วมขนาดนี้นักหรอก แต่หลังจากผ่านด่านทัวร์นรกมาแล้ว อะไรต่าง ๆ มันเลยโอเคขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นป่านนี้ผมคงได้แหกปากร้องไปเรียบร้อยแล้ว

“คีย์แกอย่างเล่นแบบนี้ ฉันไม่ตลกนะเว้ย” ไหมหันมองหน้าผมแล้วพูดอย่างกลัว ๆ

“กูว่าพอแค่นี้เถอะ มึงบอกลาแฟนเพจมึงได้แล้ว เริ่มง่วงละ” ไอ้อิฐบอกต่อ

“งั้นเพื่อน ๆ เราลากันไปก่อนนะครับวันนี้ นอนหลับฝันดีค้าบ” พูดจบไอ้ชาก็ส่งยิ้มให้กล้อง

“เอามือออกได้ยั้งชา นิ้วมือฉันเป็นตะคริวหมดแล้ว”

“อะ ๆ เอาออกได้แล้ว”

พรึ่บ !

“ทำไมยกนิ้วไม่ขึ้นอะ”

“เฮ้ย ! กูก็เป็น”

“ฉันด้วย”

“กูด้วย”

มันจะยกขึ้นได้ยังไงล่ะครับเพื่อน ๆ ในเมื่อมันมีมือที่หกมาแปะไว้บนนิ้วของเพื่อนน่ะ มือซีดวางอยู่บนนิ้วชี้ของพวกเราทุกคนทำให้ยกนิ้วขึ้นมาไม่ได้ ผมจ้องหน้าวิญญาณดวงนั้นเหมือนประมาณว่าต้องการอะไร คราวนี้ผมว่าเราได้เล่นผีถ้วยแก้วของจริงแล้วแหละ แก้วที่วางนิ่งเริ่มขยับด้วยฝีมือของวิญญาณดวงนั้น เพื่อนผมแต่ละคนเริ่มโวยวายด้วยความตกใจ

ฆ – สระอา – ต – ก – ร – อ – ย – สระอู – ไม้เอก – ไม้ม้วน – น – ห – อ – พ – ไม้หันอากาศ – ก

“ฆาตกรอยู่ในหอพัก” ผมอ่านรวมคำทั้งหมดเมื่อแก้วมาหยุดที่ตัวอักษรตัวสุดท้าย

เพล้ง !

แก้วที่พวกเราใช้เล่นผีถ้วยแก้วแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ลงบนเสื่อ แต่ละคนชักนิ้วออกแทบไม่ทัน ครีมกับใยไหมร้องกรี๊ดแล้ววิ่งไปที่รถ ไม่ต่างกันกับไอ้ชาและไอ้อิฐที่ลุกขึ้นวิ่งหนีหน้าตั้งไม่แพ้กัน เหลือผมนั่งอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว

… รักเพื่อนอีกแล้วพวกมึง

ผมไม่รอช้ารีบใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองจับมือของวิญญาณดวงนั้นเพื่อที่จะส่งเธอไปยังนรกแบบวิญญาณดวงอื่น ๆ ที่ผ่านมา เธอจ้องผมเขม็ง ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นมือของผมเองที่ถูกเธอจับ เล็บของเธอจิกเข้าไปในเนื้อผมจนรู้สึกเจ็บ

ผมส่งเธอไปแบบดวงวิญญาณดวงอื่นไม่ได้ ...

วูบ … ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในดวงตาผม

“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉะ ฉัน ขอร้อง”

สภาพของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเสื้อผ้าฉีกขาด ตามตัวมีรอยช้ำเป็นจ้ำ พูดเสียงสั่นปนสะอื้น กำลังพนมมือขอร้องใครสักคนที่กำลังก้าวเดินมาหาช้า ๆ ร่างบางถอยหลังจนล้มลงบนพื้น น้ำตาไหลเป็นทาง ดูน่าสงสารจับใจ ฆาตกรเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ก่อนหยิบท่อนไม้บริเวณนั้นขึ้นมา

“กูบอกให้ยอมดี ๆ ก็ไม่ ทำกูเจ็บ มึงก็ต้องเจ็บเหมือนกัน”

ผลัวะ ! ท่อนไม้ถูกฟาดเข้าไปที่หัวของหญิงสาว ก่อนเธอจะสลบลงไป เหมือนเจ้าตัวยังไม่พอใจที่เธอทำให้ตัวเองเจ็บตัว ไม้ท่อนนั้นจึงกระหน่ำฟาดไปที่หญิงสาวอีกหลายครั้งจนกะโหลกยุบลงผิดรูป ก่อนมันจะลงมือทำสิ่งที่ต่ำช้าลงไป ศพของหญิงสาวถูกนำไปทิ้งไว้ที่ที่ดินรกร้างด้านขวาของหอพักหญิงวราพร จนตำรวจได้มาพบในวันถัดมา

“ไอ้คีย์ ไอ้คีย์ ตื่นดิมึง”

ผมรู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองกำลังถูกแบกเข้าไปในรถยนต์ของตัวเอง ด้วยฝีมือไอ้ชาบูและไอ้อิฐ

“ไป ๆ ไหมขับไปเลย คนครบแล้ว”

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งเรียบเรียงสติ ภาพที่ผมเห็นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ด้วยกัน ผีที่น่ากลัวยังไม่เท่าความน่ากลัวของจิตใจมนุษย์เลย รถที่พวกเรานั่งกำลังเคลื่อนที่ออกจากบริเวณนั้นไป ผมหันหลังกลับไปมองที่ป้ายหอพักหญิงวราพรอีกครั้ง

เธอ … ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองพวกเราที่กำลังจากไปด้วยแววตาที่แสนเศร้าจนเกินบรรยาย

ผมยังได้ยินเสียงของเธอที่ก้องอยู่ในหู ก่อนผมจะได้สติ

‘ช่วยฉันด้วย’

เช้าวันถัดมา

หลังจากจบคาบเรียนในช่วงเช้า ผมและเพื่อน ๆ ก็ไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้กับคณะ สภาพของแต่ละคนเหมือนกับไม่ได้นอน ขอบตาดำกันเชียว ที่สำคัญเมื่อคืนนี้กว่าผมจะปลีกตัวออกมาที่ระเบียงเพื่อส่งวิญญาณดวงอื่นได้ก็เกือบตีสี่ เพราะรู้สึกได้ว่าไอ้ชาบูกับไอ้อิฐยังไม่หลับนั่นเอง พลิกตัวไปมากันอยู่หลายชั่วโมง

“เรื่องเมื่อคืนแม่งน่ากลัวฉิบ” ว่าแล้วไอ้อิฐก็พูดเปิดประเด็น

“ใช่ เจอจัง ๆ ก็คราวนี้แหละกู” ไอ้ชาบูพูด ขณะที่ตามันยังจ้องไปที่นักศึกษาสาวสวยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังสั่งกาแฟอยู่ ชุดนักศึกษาที่รัดซะจนหนุ่ม ๆ หายใจไม่ทั่วท้อง

“นี่พูดกับเพื่อน ทำไมตามองไปทางนั้นครับ” ไอ้อิฐเลยหันไปมองตาม

ค้างคู่เลยพวกมึง ...

... แต่เออ งานดีนะนั่น

“นี่ขนาดเพิ่งเจอผีมานะ สยองสายตาพวกแกจริง ๆ เห็นละขนลุก สรุปว่าตอนแรกที่แก้วมันเลื่อน แกเป็นคนทำงั้นเหรอ” ใยไหมเรียกสติไอ้ชาบูให้หันกลับมาด้วยการโบกหัวไปหนึ่งที ทำให้มันร้องโอดโอยแล้วหันมาอายคอนแทกต์กับเพื่อน

“เออดิไหม ก็ไลฟ์ให้ลูกเพจดูอะ จะให้แก้วมันอยู่เฉย ๆ ได้ไง” ชาบูตอบ

“แต่รอบหลังนี่เปล่าดันแก้วใช่ปะ” ครีมถามต่อ

“ดันที่ไหนล่ะครีม รอบหลังอะของจริง”

“โอ๊ย ! น่ากลัวฉิบ”

“กูว่าคนต่างหากที่น่ากลัว” ผมพูด เงยหน้าขึ้นมาหลังจากนั่งคนกาแฟในแก้วเล่นอยู่พักใหญ่ ในหัวตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะหาวิธีจับตัวคนร้ายได้อย่างไร

“ยังไงของมึง คนจะน่ากลัวกว่าผีได้ไง” ไอ้อิฐถาม

“มึงก็ลองคิดดูดิ ใครกันที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น มึงอ่านข่าวแล้วสภาพศพเป็นยังไง ต้องโหดร้ายขนาดไหนวะถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลง คนนี่แหละน่ากลัวกว่าผี”

“ก็จริงของมึง แล้วเมื่อวานมึงเห็นจัง ๆ เหรอวะ ถึงได้ตกใจจนสลบไปแบบนั้น” ไอ้อิฐพูดต่อ

“เปล่าอะ อยู่ดี ๆ ก็วูบ สงสัยคงเป็นผลจากการถูกรถชนแหละ วันนี้กูไม่เข้าห้องเชียร์นะ มึน ๆ หัวว่ะ ใครถามก็บอกไม่สบายละกัน เย็นนี้พวกมึงติดรถไหมกลับหอนะ”

ผมพูดตัดบท ผมว่าเย็นนี้จะกลับไปที่หอนั่นอีกครั้ง

“งั้นวันนี้ผมขอติดรถเจ๊กลับหอนะค้าบ”

“ย่ะ”

ผมแยกกับเพื่อน ๆ ตอนเกือบสี่โมงเย็น วันนี้ทั้งวันเรียนก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังคิดไม่ตกเลยว่าจะหาทางช่วยวิญญาณสาวคนนั้นยังไงดี ทำไมฆาตกรถึงไม่หนี ทำไมถึงยังอยู่ที่หอพักนั่น หอพักนั่นเป็นหอหญิงแล้วทำไมฆาตกรเข้าไปอยู่ในนั้นได้ ทำไมวิญญาณถึงไม่ไปตามหลอกหลอนฆาตกร แต่กลับหลอกหลอนคนอื่นแทน คำถามลอยเต็มหัวผมไปหมด ทุกอย่างขึ้นต้นด้วยคำว่า ... ทำไม ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด