ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPart 1 ร่างใหม่ในโลกที่ต่างไปจากเดิม (1)

บทนำ


บทนำ

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา

‘ผู้เฒ่าจันทรา’ มีหน้าที่ผูกด้ายแดงไว้ที่นิ้วให้กับชายหนุ่มหญิงสาวที่เป็น

เนื้อคู่กัน เกิดมาเพื่อครองรักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า แล้วตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาฉายประกายแน่วแน่

ตั้งอกตั้งใจออกตามหาคู่ชีวิตที่จะมาร่วมเส้นทางเดินแห่งรัก เป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างให้มายืนเคียงข้างแม่ทัพใหญ่ ‘หานเจี้ย’ แห่งแคว้นซือเสียน

ทว่า...เรื่องราวทุกอย่างกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิด เมื่อเนื้อคู่ของแม่ทัพใหญ่

ผู้มีชื่อเสียงดีงามแห่งยุคกลับไม่ได้อยู่ในชาติภพเดียวกัน

โลกคู่ขนานได้ขีดเส้นแบ่งช่วงเวลาของพวกเขาออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แม้เดินสวนกันไปมาก็ไม่อาจมองเห็นกันได้ เรียกได้ว่าอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล หากไม่ใช่เพราะด้ายแดงที่ผูกกันไว้แน่นหนา ป่านนี้พวกเขาคงสิ้นไร้วาสนาหมดหนทางได้ครองคู่กัน

ในเมื่อสมุดบันทึกรายชื่อบอกว่าพวกเขาทั้งสองยังมีชะตาที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันเพื่อพิสูจน์รักแท้ แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องนำพาพวกเขาให้มาพบกัน เขาผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อชักนำคนรักให้กับมนุษย์โลก มีหรือจะทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้

“ตรงนี้แหละ!”

ชายชราในเสื้อผ้ายุคสมัยใหม่สีสันแปลกตาน้อยชิ้น ยืนหรี่นัยน์ตาฝ้าฟางมองหาเจ้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามที่สมุดรายชื่อมีบันทึกไว้ มือเหี่ยวย่นลูบหนวดเครายาวสีขาวไปมาอย่างครุ่นคิด อีกมือหนึ่งถือสมุดบันทึกรายชื่อเล่มหนาไว้

ชั่วอึดใจต่อมาดวงตาของผู้เฒ่าจันทราก็พลันเบิกกว้างถลึงมองร่างเด็กหนุ่มที่อาบโชกไปด้วยเลือด ร่างถูกวางทิ้งไว้ข้างถังขยะ สภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่ถูกคนใจร้ายตีตายแล้วนำมาโยนทิ้งไว้ไม่มีผิด!

“สภาพเช่นนี้รึ เป็นเนื้อคู่ของแม่ทัพใหญ่หาน? ไอ้หยา...นี่ข้าคงไม่ได้ดูชื่อผิดไปใช่หรือไม่ เจ้าเด็กที่ลมหายใจดับสิ้นไปแล้วนี่น่ะรึ จะเป็นเนื้อคู่ของคนผู้นั้นจริงๆ”

พูดไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ เรียวคิ้วยาวปลายหางตกเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา อยู่เหนือดวงตาหยีเล็กฝ้าฟางที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจในชะตารักของบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินซือเสียน

ไม่นึกฝันมาก่อนเลยว่าผู้ที่เป็นใหญ่เป็นรองแค่คนคนเดียวจะมีชะตาชีวิตเช่นนี้

เดิมทีหยินต้องคู่กับหยาง หญิงต้องเกิดมาคู่กับชาย ไฉนคราวนี้จึงกลายเป็นชายคู่ชายไปได้เสียเล่า แถมยังเป็นผู้ที่ตายไปแล้วด้วย

สภาพของเจ้าเด็กหนุ่มนี่ตอนตายช่างน่าอนาถนัก หยาดโลหิตไหลอาบท่วมร่าง ทั้งตัวเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากการถูกทุบตีสาหัส ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดทำให้มองไม่เห็นเค้าโครงหน้าเดิม ไม่อาจรู้ได้ว่ารูปโฉมยามปกติเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้มีชะตาต้องกันกับแม่ทัพใหญ่หาน เป็นผู้ที่เขาต้องพาตัวกลับไปให้ได้

น่าเศร้าใจยิ่งนัก ทั้งที่มีคุณหนูตระกูลน้อยใหญ่มากมายต่างชม้ายชายตามองเขา หวังใจให้ได้เป็นหนึ่งในยอดบุปผางาม ได้อิงแอบแนบชิดอยู่ข้างกาย แต่พวกนางกลับต้องฝันสลาย ด้วยด้ายแดงล่องหนทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง ผูกโยงชะตาชีวิตของคนทั้งสองไว้ให้ครองคู่กัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกันได้

เว้นเสียแต่ว่าตาแก่อย่างเขาจะเห็นว่าความรักนี้ไม่เหมาะสมไปด้วยกันไม่ได้เขาถึงจะใช้ ‘กรรไกรตัดวาสนา’ ตัดด้ายแดงเส้นนี้ให้ขาดจากกัน

หานเจี้ยเอ๋ยหานเจี้ย เนื้อคู่เจ้าผู้นี้ช่าง...

เฮ้อ! นี่คงเป็นลิขิตฟ้าที่กำหนดมาให้เป็นอย่างนี้สินะ

เขาคงต้องรีบหาทางส่งตัวเจ้าเด็กนี่ไปยังโลกนั้นให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่ด้ายแดงล่องหนจะหลุดออกจากกันเพราะเวลาที่ล่วงเลยนานไป มิเช่นนั้นแม่ทัพใหญ่หานจะเหลือเพียงครึ่งชีวิต ชะตาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอาภัพไร้คู่ไปทุกภพทุกชาติ!

ทางด้านของแบงค์

วิญญาณเด็กหนุ่มเจ้าของร่างโชกเลือดลอยละล่องไปมาไม่รู้ทิศ ในแต่ละวันผ่านไปโดยไร้จุดหมาย เขาเฝ้าวนเวียนนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง แต่ยิ่งคิดยิ่งเค้นสมองมากเท่าไรก็ยิ่งพบเจอแต่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความทรงจำในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน แล้วยิ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไรตัวเองถึงต้องมาตายอย่างน่าอนาถแบบนี้ ถ้าให้เดาคนที่ทำร้ายเขาจะต้องมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำร้ายกันด้วยวิธีโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างนี้หรอก

‘เฮ้อ เหนื่อยใจจริงๆ ตกลงแล้วเราเป็นใครกันแน่วะ ทำไมถึงนึกอะไรไม่ออกเลย แล้วใครกันที่บังอาจมาทำร้ายเราถึงตาย มิหนำซ้ำยังใจดีเอาร่างมาโยนทิ้งไว้ข้าง

ถังขยะไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งให้น่าสังเวชใจอีก!’

อย่าให้รู้นะ พ่อจะตามไปหลอกหลอนให้หัวโกร๋น ช็อกตายกันไปข้างหนึ่งเลย!

เสียงของวิญญาณเด็กหนุ่มไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้คนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครมองเห็นเขา และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ตรงนี้

เขาเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนไร้ชีวิต หมดสิ้นลมหายใจไปนานแล้ว ไม่มีเพื่อน ไม่มีผีตนไหนแวะเวียนมาพูดคุยกับเขา พวกเราต่างฝ่ายต่างไม่ข้องแวะกัน แต่ละวันผ่านไปอย่างเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวหัวใจเหลือเกิน

ยอมรับว่าช่วงแรกที่รู้สึกตัวใหม่ๆ เขารู้สึกกลัวมาก ใครมันจะไปทำใจยอมรับได้ว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความชินชา พยายามไม่สนใจความอ้างว้างเดียวดายที่คืบคลานมาเกาะกุมหัวใจ

แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงมันซะ แค่นี้ก็ใช้ชีวิตในแบบผีๆ ได้แล้ว

เฮ้อ! ให้ตายสิ ถึงจะบอกไปอย่างนั้น แต่ใจจริงก็ยังอยากรู้เรื่องทั้งหมดอยู่ดี

อยากรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ทำไมเขาถึงมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ เขาไปมีเรื่องต่อยตีกับใครมา ทำไมอีกฝ่ายถึงได้โกรธแค้นกันถึงขนาดที่ต้องเล่นงานกันให้ถึงตาย?

ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกันบ้างหรือไง ไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกจับติดคุกกันบ้างเหรอ แล้วนี่ตำรวจหายหัวไปไหนหมด ทำไมถึงปล่อยให้อันธพาลครองเมืองฉุดคร่าชีวิตคนเล่นเป็นผักปลาแบบนี้

หรือไม่ก็เป็นเพราะตัวเขาที่เลวร้ายเกินไปจนเผลอสร้างศัตรูไปทั่ว สุดท้ายเลยถูกพวกมันตามมาล้างแค้น แล้วก็ตายอย่างที่เห็น

ช่างหัวมันเถอะ ไหนๆ เขาก็ตายไปแล้ว ถึงหาตัวคนทำได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร คนตายก็คือคนตาย ยังไงซะก็ไม่มีวันฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก ปัญหาหนักอึ้งยิ่งกว่าการสืบเสาะหาตัวคนร้าย คือเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ในเมื่อไม่รู้ก็หาทางกลับบ้านไม่ได้น่ะสิ

พ่อแม่เขาจะรู้หรือยังว่าเขาตายไปแล้ว

ให้ตายสิ! การจำว่าตัวเองเป็นใครไม่ได้นี่มันน่าหงุดหงิดใจชะมัด เขาไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนี้คือ...เขาตายแล้ว

ตายในสภาพอนาถน่าสังเวช โคตรน่าสมเพชเลย!

ในระหว่างที่กำลังเจ็บใจในโชคชะตาอาภัพของตัวเอง กลับมีตาแก่คนหนึ่งโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มเสียง เล่นเอาตกใจผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ มองดูท่าทางดีอกดีใจเกินเหตุของตาแก่ตรงหน้าอย่างงงๆ

การแต่งตัวก็เหมือนกับคนปกติธรรมดาทั่วไป แต่ท่าทีกลับดูแปลกประหลาดพิลึกคนชะมัด ไม่ทราบว่าตาแก่นี่เป็นใครกันน่ะฮะ ทำไมพอเห็นหน้าเขาแล้วถึงต้องยิ้มแป้นทำตาหยีแบบนั้นด้วย ดูทำปากเข้าสิ ปากนี่แทบจะฉีกเลยไปถึงหูอยู่แล้ว!

แปลกคนจริงตาแก่นี่ ดูท่าทางว่าจะเพี้ยนไปแล้วแฮะ

‘มีอะไรรึเปล่าตา กำลังหาทางกลับบ้านอยู่เหรอ’

ด้วยอุปนิสัยกวนโอ๊ยปากวอนหาเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้วิญญาณ

เด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท สองมือล้วงกระเป๋ากวาดสายตามองสำรวจขึ้นลงไปทั่วร่างของชายชราตรงหน้า

ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับพวกเขาแฮะ แต่บอกไม่ถูกว่าไม่เหมือนกันตรงไหน คงเป็นความรู้สึกล่ะมั้ง ตาแก่นี่มีอะไรที่ต่างออกไป ทั้งที่ก็น่าจะเป็นผีเหมือนกัน

ผู้เฒ่าจันทรากวาดตาขึ้นลงมองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าหลายรอบจนมั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่แล้วจึงเงยหน้าขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก รีบกล่าววาจาตรงเข้าประเด็นในทันใด ‘เจ้าหนู เจ้าอยากไปเกิดใหม่หรือไม่?’

‘หือ เอ่อ ก็...อยากดิ ใครบ้างจะอยากอยู่ในสภาพนี้ วันๆ ได้แต่ลอยไปลอยมาข้าวก็กินไม่ได้ บ้านก็ไม่มีให้อยู่ น่าเบื่อชะมัดยาด แต่เดี๋ยวก่อน! ตาพูดเหมือนรู้ว่าผมเป็นผีงั้นแหละ หรือว่าตาเองก็ตายแล้วเหมือนกัน!’

ดวงตาของวิญญาณเด็กหนุ่มเบิกกว้างแทบถลน ก่อนจะหรี่ตาจ้องเขม็งตาแก่ตรงหน้าที่ยังฉีกยิ้มกว้างไม่ยอมหุบสักที แสดงว่าสิ่งที่เขาพูดไปเป็นความจริง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนที่มองเห็นเขาได้ล้วนแต่ต้องตายไปแล้วทั้งนั้น

‘ฮะๆ ข้าไม่ใช่ทั้งผีและมนุษย์ แต่ข้าสามารถช่วยให้เจ้ามีชีวิตใหม่อีกครั้งได้ เพียงแต่มีข้อแม้สักเล็กน้อย หากเจ้ารับปาก ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่ทันที สนใจหรือไม่เล่า’

‘เงื่อนไขอะไร อย่ามาล้อเล่นน่ะ ตาเห็นผมเป็นเด็กสามขวบรึไง ถึงมาหลอกกันง่ายๆ เป็นผีก็ต้องถูกส่งไปลงนรกสิ ส่วนเรื่องที่จะถูกส่งตัวไปเกิดใหม่ก็คงต้องภาวนาต่อฟ้าเอา ไม่มีใครไปเกิดใหม่ได้ง่ายๆ อย่างที่ตาพูดหรอก’

อย่าคิดว่าเขาจำอะไรไม่ได้แล้วจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ เขาจำได้น่ะว่าพอตายแล้วก็ต้องรอให้ยมทูตมารับตัวไปยมโลก

‘เจ้านี่ฉลาดใช่ย่อย นี่สิ ถึงค่อยสมกับท่านแม่ทัพหานหน่อย’ เสียงพึมพำแผ่วต่ำ ทำให้วิญญาณเด็กหนุ่มใบหน้าอาบเลือดหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง ท่าทางตาแก่นี่จะเสียสติไปแล้ว เขารีบเผ่นหนีไปที่อื่นดีกว่า

เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างโปร่งแสงก็ลอยลิ่วหนีไปอย่างไม่คิดสนใจอีก ทว่า...คำพูดต่อจากนั้นกลับรั้งร่างเขาไว้ให้หยุดชะงัก นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยหันกลับไปมอง

‘ข้าจะส่งเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นแตกต่างจากที่นี่มากนัก แต่เจ้าไม่ต้องกลัว หน้าที่ของเจ้าคือสืบคดีไขปริศนาการตายของนางโลมคนหนึ่งนามว่า ‘เฟยหนี่ว์’ นางอยู่ที่ ‘หอเฟยเซียง’ หอคณิกาอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เป็นบุตรสาวของแม่เล้าเฟย นางมีรูปโฉมงดงามประหนึ่งดอกบัวล้ำค่า เป็นที่หมายตาของคุณชายตระกูลใหญ่ ภายในหนึ่งปีเจ้าต้องจับตัวคนร้ายในคดีนี้มารับโทษให้ได้ หากเจ้าทำตามที่ตกลงไว้ไม่ได้ ร่างใหม่จะค่อยๆ อ่อนแรงลง ผ่านไปหกชั่วยามเจ้าจะหลับใหลไม่ได้สติ วิญญาณหลุดลอยออกจากร่างกลายเป็นผีเร่ร่อนเหมือนเดิม’

‘อืม...แล้วมันจะต่างจากเดิมตรงไหน สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ’

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วคิดตามคำพูดของตาเฒ่าตรงหน้า ถึงเงื่อนไขนี้จะน่าสนใจแต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ต้องกลับมาเป็นผีเหมือนเดิม แล้วมันจะต่างอะไรจากที่เป็นอยู่ตอนนี้มิทราบ?

‘เจ้าอย่าดูถูกชะตาชีวิตของตนนักสิ สิ่งใดควรไขว่คว้าย่อมต้องไขว่คว้า เมื่อมีโอกาสจงอย่าละทิ้ง เจ้าสามารถเลือกที่จะมีชีวิตต่อไปได้ เพียงแค่ทำตามเงื่อนไขให้สำเร็จ หากไขปริศนาการตายของแม่นางเฟยได้ เจ้าก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในร่างนั้นต่อไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปเวียนว่ายตายเกิดเข้าสู่วัฏสงสาร ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถแต่งงานมีครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว’

‘แล้วตาเป็นใคร ที่พูดมาทั้งหมดนี่ทำได้จริงแน่เหรอ’

เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาแก่นี่พูดสักเท่าไหร่เลย ท่าทางดูเหมือนคนสติ

เลอะเลือน พูดจาเรื่อยเปื่อยหาความจริงไม่ได้ แล้วนี่เขาจะเสียเวลาทนฟังไปเพื่อ? รีบเผ่นหนีก่อนดีกว่า!

‘เดี๋ยว! นี่เจ้าคิดว่าตาแก่อย่างข้าเลอะเลือนเสียสติไปแล้วหรือเจ้าหนู!’

น้ำเสียงฉุนเฉียวกรุ่นโทสะทำให้วิญญาณเด็กหนุ่มชะงักพลางกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำมาเป็นโกรธไปได้ เขาพูดความจริงแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยรึไง

คราวนี้เขาไม่ได้หันกลับไปมองอีกฝ่าย เพียงเงี่ยหูรอฟังประโยคถัดไปเท่านั้น

‘ข้าแก่ก็จริง แต่หูตาข้ายังดีอยู่นะ ไม่เชื่อแล้วไยเจ้าไม่พิสูจน์เองเล่า ลองไปดูให้เห็นกับตาสิ แล้วเมื่อนั้นเจ้าจะรู้เองว่าสิ่งที่ตาแก่คนนี้พูดเป็นความจริงหรือไม่’

ผู้เฒ่าจันทราแย้มยิ้มกว้างขึ้น แม้เสี้ยววินาทีหนึ่งมุมปากจะบิดเบี้ยว หางตาจะกระตุกถี่ยิบ แต่กระนั้นก็มิได้แสดงท่าทีอะไรออกไป

เจ้าเด็กนี่ท่าทางฉลาดรู้ทันคน รู้จักระมัดระวังตัวไม่หลงเชื่อใครง่ายๆ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย ด้ายแดงที่ผูกโยงไว้คงไม่ผิดตัวแน่แล้ว…

‘ก็ได้ ผมจะลองเชื่อดูสักครั้งก็ได้ แต่รู้เอาไว้ด้วยว่าถ้าตาพูดโกหก ต่อให้ต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหา ผมก็จะตามหาลากเอาตัวตามาลงโทษให้ได้ พอเจอแล้วก็จะต่อยให้ฟันร่วงหมดปาก เอาให้เคี้ยวข้าวไม่ได้กันไปเลย คอยดู!’

เด็กหนุ่มหันขวับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึงขังเอาเรื่อง เขาไม่รู้หรอกว่าจะเชื่อคำพูดของตาแก่นี่ได้หรือไม่ แต่ข้อเสนอเย้ายวนใจแบบนี้เป็นใครจะไม่สนกันบ้างล่ะ

ไหนๆ ก็ตายไปแล้ว อย่างมากก็ขอเที่ยวเล่นให้สนุกสักหน่อย เขาไม่หวังว่าจะได้เกิดใหม่เป็นคนอีกครั้ง เพราะฉะนั้นการได้เข้าไปอยู่ในร่างใหม่เลยก็ไม่เลวดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปเกิดใหม่ด้วย ที่สำคัญงานเสร็จเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายเป็นผีเร่ร่อนเหมือนเดิม

‘นี่ตา แล้วตาจะให้ผมเข้าไปอยู่ในร่างใคร ชื่ออะไร เป็นคนแบบไหนเหรอ แล้วหน้าตาหล่อไหม...เฮ้ย! หายไปไหนแล้ววะ!’

หลังจากที่ดีใจกับตัวเองอยู่พักใหญ่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามรายละเอียดของคนที่จะให้เข้าไปอาศัยอยู่ในร่าง เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะถามดูให้รู้เรื่อง แต่กลับต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เพราะคนที่คิดจะถามดันหายตัวไปซะแล้ว

ตกลงว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ฟุ้งซ่านจนละเมอคุยกับตัวเองหรอกใช่ไหม?

‘มัวยืนทำอะไรอยู่ฮึ! รีบตามข้ามาสิเจ้าหนู’

‘หนูที่ไหนตัวใหญ่ขนาดนี้กันเล่าตา!’ เขาสวนกลับไปด้วยคำพูดยียวน ก่อนจะรีบลอยตามร่างของตาแก่ไป

สรุปว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง เมื่อกี้นี้เขาคุยกับตาแก่นี่จริงๆ

เขารีบติดตามชายชราตรงหน้าไป แต่แปลกที่ทุกครั้งพอเขาตามใกล้จะถึงตัวอีกฝ่ายก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างดีดให้ไกลออกไป สุดท้ายไปๆ มาๆ ก็เหมือนเขาลอยเล่นอยู่คนเดียว ก่อนที่แสงสว่างตรงหน้าจะวาบขึ้น ทำเอาสองตาของเขาแสบไปหมดจนต้องปิดลง เขาพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ มันคล้ายกับมีอะไรมากดทับไว้จนหนักอึ้งเปิดไม่ออก

อย่าบอกนะว่ากลหลอกเด็ก นี่เขาชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว!

วิญญาณเด็กหนุ่มผู้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนถึงกับแค่นหัวเราะ

เยาะหยันตัวเองในใจ เพียงเพราะรู้สึกเหงาต้องการเพื่อนคุยด้วยก็ถึงกับหลอกตัวเอง

ใครมันจะไปเชื่อเรื่องพรรค์นั้นกันเล่า!

โดยที่ไม่รู้เลยว่าบัดนี้ตัวเองได้โผล่มายังอีกโลกหนึ่งแล้ว และทันทีที่ลืมตาขึ้นก็ไม่รู้เลยว่าควรตีสีหน้าอย่างไร เพราะทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดันไม่เหมือนกับสิ่งที่คิดไว้ ช่างแตกต่างจนไม่สามารถเอามาเทียบเคียงกันได้เลย!

นี่มันล้อเล่นกันใช่ไหม! เรื่องแปลกพิลึกพิสดารอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขาจริงๆ น่ะเหรอ?!

วิญญาณเด็กหนุ่มถึงกับตะลึงลานทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เขาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงก็ไม่มีแม้แต่เสียงจะหลุดออกมา อยากจะร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ ก็ไม่มีแม้สักหยด

หลังจากได้รับความสะเทือนใจอย่างหนัก เขาก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบเอนเอียงไปมา สองขายืนไม่มั่นคง สองตาพร่ามัวมองเห็นอะไรไม่ชัดนัก ก่อนที่สติอันน้อยนิดจะดับวูบเหลือเพียงเสียงกรีดร้องร่ำไห้ในใจ

ขอให้นี่เป็นเพียงฝันไป ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็สลายหายไปในพริบตา ขออย่าให้เป็นความจริงเลย!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นิยายเรื่องนี้แต่งเองนะครับ ตอนนึงค่อนข้างยาวหน่อย เป็นฉบับที่รีไรท์แล้วและตีพิมพ์เป็นเล่มแล้ว จะเปิดขายเป็นรายตอน ฝากสนับสนุนผลงานและคอมเมนต์บ้างนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด