ตอนที่แล้วบทที่ 8 : การค้นพบเหมืองเหล็ก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 : ระหว่างการล่า

บทที่ 9 : หมียักษ์!


มันเป็นเวลาพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ได้ลาลับจากสายตาของพวกเขาไปนานแล้ว

ท้องฟ้ากลายเป็นสีเข้มสนิท แสงจันทร์เลือนลางนั้นไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในป่าลึก

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เป็นภัยต่อเอลฟ์มากเท่าใดนัก แม้แต่นักรบที่ไปตามหาแหล่งเหมืองด้านนอกก็จะไม่หลงทางง่ายๆ

ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกพวกเขาจะได้รับอาหารที่เพียงพอสำหรับสามวันโดยเฉพาะภารกิจที่ยิ่งใหญ่เช่นภารกิจนี้

นอกจากนี้ การมองเห็นในตอนกลางคืนเป็นสิ่งที่เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ล้วนทำได้อยู่แล้วในโลก

ยกเว้นแต่… มนุษย์

มันเป็นการคัดเลือกโดยธรรมชาติในการที่จะดำรงชีวิตอยู่สำหรับทั้งผู้แข็งแกร่งและผู้อ่อนแอ

แน่นอนว่าหลังจากที่มนุษย์ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นความสามารถของการมองเห็นในตอนกลางคืนของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ตอนนี้วิลเลียมสามารถใช้แสงดาวจางๆ ในการมองเห็นสิ่งรอบตัวในระยะยี่สิบเมตรได้อย่างชัดเจน ขณะนี้เข้ากำลังนั่งบนกิ่งไม้และจ้องมองไปที่ลิงตัวหนึ่งที่รู้วิธีทักทายและมองกลับมาที่เขา เขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงมัน แต่ในตอนที่เขาเห็นลิงนั่นเขากลับสะกิดใจขึ้นมา…

ใต้ร่างของเขาเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างและเต้นท์มากมายอยู่ในเผ่าออร์ค

อย่างไรก็ตาม เอลฟ์จะไม่มีทางเลือกไปอยู่ในที่สกปรก พวกเขาเลือกที่จะนอนบนต้นไม้มากกว่าอยู่ในเต้นท์ที่ส่งกลิ่นเหม็นพวกนั้น

แต่ไม่มีตรงไหนที่ส่งกลิ่นชวนดมในที่แห่งนี้…

ในฐานะผู้นำ วิลเลียมจึงไม่จำเป็นต้องไปตามหาเหมืองเหล็กด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่เขาสามารถสั่งให้คนของเขาจัดการได้

นี่คือความสุขที่แท้จริงของการเป็นลอร์ด โดยที่ผู้เป็นหัวหน้าทำเพียงแค่เปิดปากของเขา จากนั้นคนของเขาก็จะทำทุกอย่างตามทันที

มีเพียงลอทเนอร์และนอร์ตันที่ยังคงอยู่กับเขา

ในฐานะองครักษ์ส่วนตัวของเขา ความสามารถของนอร์ตันนั้นค่อนข้างดีทีเดียว เขาเป็นนักดาบเวทย์ รูปร่างของเขาทั้งสูงและล่ำสันกำลังดี ในขณะที่ออร่าของเขานั้นแข็งแกร่งและดุร้าย เขาเป็นชายที่มีกล้ามเนื้อบึกบึน และนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ในหมู่เอลฟ์

โดยเฉพาะที่เขานั้นไม่ชอบดาบยาวแบบปกติ และกลับเลือกที่จะใช้ดาบที่มีใบมีดแบบโค้งราวตะขอแทน นั่นทำให้เขาสามารถเกี่ยวศัตรูแล้วฟันพวกมันอย่างบ้าคลั่งได้อย่างสะใจ

ความชอบของเขานั้นช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

เกินกว่าที่วิลเลียมจะสามารถจินตนาการได้…

ลักษณะเฉพาะของเหล่าเอลฟ์นั้นธรรมดามาก พวกเขาจะทำในสิ่งที่พวกเขาพูดหรือต้องการ พวกเขาจะไม่ถอยกลับในระหว่างการต่อสู้ และรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามองไปที่เผ่าพันธุ์อื่นๆ

แม้ว่าศัตรูของพวกเขาจะแข็งแกร่งและมีความสามารถ หรือต่อให้พวกนั้นจะดูดีกว่าพวกเขา… นั่นมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!

อย่างไรก็ตาม เหล่าเอลฟ์ก็จะเงยหน้าขึ้นสูงอย่างภาคภูมิใจ พร้อมใช้รูจมูกของพวกเขาจ้องมองศัตรูและใช้สายตาบอกพวกมันว่า แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้แต่พวกเขาก็มีชีวิตยืนยาวยิ่งกว่ารุ่นทายาทของพวกศัตรู ทั้งรุ่นลูก, รุ่นหลาน, รุ่นเหลน และแม้กระทั่งพวกมันไม่มีทายาทเหลืออีกต่อไป!

มันไม่มีทางอื่นหรอก…

ความเย่อหยิ่งของพวกเขามาจากรูปลักษณ์, อายุที่ยืนยาว, และความสามารถของพวกเขา

คำพูดและการกระทำของพวกเขานั้นเหมือนกับชนชั้นสูงของมนุษย์ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มีกฎระเบียบหรือมารยาทมากเท่าพวกชนชั้นสูง ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

และแน่นอนว่า

บางคนก็บอกว่าพวกเขาเหมือนกับชนชั้นสูง

แต่บางคนก็บอกว่า น่าจะเป็นมนุษย์ถูกปกครองโดยเอลฟ์ เขาคิดว่า ‘ชนชั้นสูง’ นั้นเลียนแบบวิธีการพูดและการกระทำของเอลฟ์

วิลเลียมไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใด แต่ในที่สุดเขาก็หลับไปบนกิ่งไม้ที่กว้างขวาง

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องดังขึ้น

ลอทเนอร์ปลุกเขาให้ตื่น

หน่วยลาดตระเวนเอลฟ์สองตนเดินเข้ามา มือซ้ายของพวกเขาทาบลงบนอกขณะพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ท่านลอร์ด ทีมของพวกเราค้นพบเหมืองเหล็กแล้ว ทีมที่เหลืออีกสามคนของพวกเรากำลังรออยู่ที่นั่นในขณะที่เรากลับมารายงานท่านในตอนนี้”

“ดีมาก เยี่ยมมากๆเลย พวกท่านทั้งห้าคนจะได้รับเหรียญเงินคนละสิบเหรียญเป็นรางวัล!”

“ขอบคุณท่านลอร์ด!” หัวหน้าทีมโค้งคำนับเล็กน้อย เงินนั้นเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ แน่นอนว่าพวกเขายังคงความเย่อหยิ่งและปั้นหน้านิ่ง จึงทำเพียงโค้งคำนับเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

สำหรับชาวนาแล้ว เหรียญทองแดงห้าเหรียญก็มากพอที่จะทำให้พวกเขามีวันที่ดีซักหนึ่งวัน พวกเขาจะสามารถซื้อขนมปังดำได้สี่ชิ้น แม้ว่ามันจะแข็งแต่พวกเขาก็จะจุ่มมันลงในน้ำและกินมัน

หากพวกเขาอยากจะฟุ่มเฟือยอีกซักหน่อย เหรียญทองแดงที่เหลือก็อาจจะถูกนำไปซื้อวิสกี้คุณภาพยอดแย่ซักแก้ว และพวกเขาจะสามารถนอนหลับเต็มอิ่มได้จนกระทั่งรุ่งสาง

ถ้าพวกเขาต้องการที่จะประหยัดมากกว่านี้ล่ะ?

เหรียญทองแดงสามเหรียญสามารถซื้อขนมปังดำได้สามชิ้น

พวกเขาสามารถเก็บออมเหรียญทองแดงได้อีกสองเหรียญ…

อย่างไรก็ตาม นี่คือทหารผู้พิทักษ์ของวิลเลียม แบล็คลีฟ

เอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์กลุ่มนี้จะไม่มีวันมีชีวิตที่ยากลำบาก เอลฟ์โดยปกติแล้วจะเป็นพวกมัธยัสถ์มาก แม้ว่าพวกเขาจะกำลังกินอาหารที่แย่ที่สุดอยู่ พวกเขาก็จะกินมันอย่างผู้ดี

ทหารเหล่านี้มาจากอาณาจักรเอลฟ์ พวกเขาคุ้นเคยกับชีวิตที่ดีและขนาดที่นำทรัพย์สินบางส่วนมาด้วยเมื่อย้ายมาที่เมืองชายแดน

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมวิลเลียมถึงไม่ควรใจแคบมากนัก ยิ่งทำดีต่อพวกเขามากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะภักดีมากขึ้นเท่านั้น

“นอกจากนั้น พวกเขาอาจเป็นคนที่ช่วยรับหน้าให้ฉันในช่วงเวลาที่สำคัญอีกด้วย!”

วิลเลียมคนก่อนอาจไม่เป็นที่รักเท่าใดนักเพราะว่าเขาเป็นคนขี้เหนียวเกินไป…

มันอาจเป็นเพราะว่าเขายากจนมากยังไงล่ะ!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้เหรียญทองมาจำนวนหนึ่งแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ว่าออร์คไปยึดมันมาจากผู้โชคร้ายที่ไหนก็ตาม แต่เหรียญทองก็เป็นโชคลาภที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา

เขาจำได้ตั้งแต่ตอนแรกว่าความมั่งคั่งนั้นแสดงให้เห็นเป็นตัวเลข เขาอาจจะถูกมองข้ามไปบ้างแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการแบ่งปันความมั่งคั่งของเขานั้นสำคัญยิ่งกว่า

ความภักดีอาจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็มีประโยชน์แน่นอนเมื่อจำเป็น

ลอร์ดที่ตระหนี่เกินไปจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้มากเท่าใดนัก

“พวกท่านควรไปพักผ่อนเช่นกัน โอ้ มีออร์คเฝ้าเหมืองอยู่รึเปล่า?” วิลเลียมถามขึ้นอย่างกระทันหัน

“ไม่พบครับ แต่เราพบรอยเท้าของหมีป่ายักษ์ที่ปากทางเข้าเหมืองเหล็ก นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเราถึงไม่กล้าทำอะไร ทำได้แค่ให้อีกสามคนเฝ้าระวังเผื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น!”

“หมีป่ายักษ์หรอ?” วิลเลียมเลิกคิ้ว พวกเขาต้องล่ามันตอนนี้ ไม่แปลกใจที่เหล่าออร์คไม่ได้ให้ใครเฝ้าเหมืองไว้ ดูเหมือนว่าถ้ำใหม่แห่งนี้จะเป็นบ้านของหมีป่ายักษ์

หมียักษ์ระดับกลางประเภทนี้ไม่อ่อนแอแน่นอน

ไม่เพียงแต่หนังที่หนาเท่านั้นแต่พวกมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน โดยทั่วไปใครก็ตามที่โดนพวกมันโจมตีจะเสียชีวิต การมีอยู่ของพวกมันเป็นอะไรที่บ้าบิ่นยิ่งกว่าพวกออร์ค

หมีป่ายักษ์เหล่านี้รู้จักเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน ทักษะที่หลากหลายของพวกมันยิ่งทำให้น่ารำคาญ

ในช่วงเริ่มต้นของเกมจนกระทั่งถึงกลางเกม โดยทั่วไปผู้เล่นนั้นต้องเจอกับพวกหมีป่ายักษ์ที่ยากจะจัดการ…

เนื่องจากพวกมันมีโอกาสเติบโตเป็นอสูรเวทย์ระดับสูง ถ้าเป็นหมีป่ายักษ์ที่เพิ่งเพิ่มเลเวลหรือกำลังจะเลื่อนระดับ ถ้าลอทเนอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามันได้ ทหารเอลฟ์ทั้งสามร้อยตนคงจะบาดเจ็บสาหัส

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมออร์คถึงเลือกที่จะยกธงขาวไม่เตะต้องเหมืองเหล็ก มันเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด หรือไม่พวกมันเองก็อาจจะประสบกับความเดือดร้อนไปแล้ว

ลอทเนอร์คว้าดาบยาวที่แขวนไว้กับเอวและพูดด้วยความลังเลว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมีป่ายักษ์นั้นอยู่ในระดับใด?”

“พวกเราไม่รู้ครับ แต่ดูจากรอยเท้าแล้วมันน่าจะใหญ่พอๆ กับเกราะของผม!”

วิลเลียม แบล็คลีฟตกอยู่ในห้วงความคิดก่อนจะพูดว่า “ท่านลุงลอทเนอร์สามารถกำจัดมันด้วยตัวคนเดียวได้รึเปล่า?”

“...” มุมปากของลอทเนอร์กระตุก “มันอาจจะเป็นหมีป่ายักษ์ที่กำลังจะกลายเป็นอสูรเวทย์ระดับสูง ไม่ต้องห่วงกับการจัดการมันด้วยตัวคนเดียว ฉันหล่อและแข็งแรงมาก ถ้าฉันรังแกมันฝ่ายเดียวพวกที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉันจะนินทาเอาได้”

วิลเลียมมองไปที่เขาก่อนจะพยักหน้า…

แม้ว่าจะมีระดับอีปิคมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟันไม่เข้าหรืออยู่ยงคงกระพัน ลอทเนอร์ยังคงนับว่ายังหนุ่มในหมู่เอลฟ์ ทุกคนที่ติดตามวิลเลียมนั้นเพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พวกเขายังเด็กมากและยังไม่เติบโตขึ้นอย่างเต็มที่นัก แต่ศักยภาพของพวกเขานั้นสูงมาก

การที่ลอทเนอร์มีสายเลือดระดับอีปิคไม่ได้หมายความว่าเขามีความสามารถในระดับอีปิค เขาเองก็ยังไม่ได้พัฒนาศักยภาพของสายเลือดระดับอีปิคอย่างเต็มที่

เช่นเดียวกับวิลเลียมที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารี…

ในสายตาของผู้เล่นคนอื่นในระดับเดียวกัน เขาคือบอสระดับรีเจนดารี เพราะสำหรับพวกผู้เล่นแล้วเขาจะถูกกำกับด้วยสัญลักษณ์ระดับรีเจนดารี แม้จะดูที่ค่าสถานะหรือส่วนเพิ่มเติมต่างๆ เขาก็เป็น NPC บอสระดับรีเจนดารีเลเวล 9 จริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงที่เขามีสัญลักษณ์พิเศษของบอสระดับรีเจนดารี

การฆ่าเขาอาจจะทำให้เกราะชั้นในเติบโตขึ้นเป็นระดับอีปิค…

เวร

อย่างไรก็ตามในโลกของGodsนั้น ไม่ว่าจะสายเลือดระดับนอร์มอล, อีลิท, ชีฟ, มาสเตอร์, อีปิค, หรือรีเจนดารี ก็จะแสดงถึงศักยภาพ, พรสวรรค์ และค่าสถานะ ไม่ใช่ระดับตำแหน่งของพวกเขา

ผู้เล่นและ NPC มองจุดนี้ต่างกัน

ท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นก็สนใจที่ระดับสายเลือดมากกว่าและไม่สนใจในระดับตำแหน่งเพราะพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะคนอื่นที่มีตำแหน่งสูงกว่าและทำได้เพียงประจบเท่านั้น…

แต่สำหรับ NPC แล้วค่าสถานะเพิ่มเติมในเลเวลต่างๆมีดังนี้…

เลเวลระดับเริ่มต้น +0.1% โดยเลเวลที่ 10 ถึง 39 จะอยู่ในเลเวลระดับเริ่มต้น

เลเวลระดับกลาง +0.2% โดยเลเวลที่ 40 ถึง 69 จะอยู่ในเลเวลระดับกลาง

เลเวลระดับสูง +0.3%  โดยเลเวลที่ 70 ถึง 99 จะอยู่ในเลเวลระดับสูง

ระดับมาสเตอร์ +0.5%

ระดับอีปิค +0.7%

ระดับรีเจนดารี +1%

ในเลเวลโดยรวมของ NPC ทุกเลเวลจะเพิ่มตามค่าสถานะพื้นฐานด้วยเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน

วิลเลียม แบล็คลีฟคือตัวอย่าง ตอนนี้เขาอยู่เลเวล 9 เขาจะได้ค่าสถานะเพิ่มเติม 9% เมื่อเทียบกับค่าสถานะพื้นฐาน มันจะเพิ่มต่อไปจนถึงเลเวล 100 หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาเพิ่มเลเวล ระดับสายเลือดจะไม่เพิ่มค่าสถานะให้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อระดับรีเจนดารีมีเลเวล 100 ค่าสถานะจะสูงขึ้นเป็นสองเท่า

สรุปก็คือสายเลือดระดับรีเจนดารีนั้นน่ากลัวและบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก

สำหรับหมีป่ายักษ์แม้ว่าพวกมันจะยังไม่โตเต็มที่แต่เลเวลของพวกมันนั้นสูงกว่าลอทเนอร์ หากเลเวลของมันสูงมากกว่านี้มันก็จะแข็งแกร่งกว่าลอทเนอร์อย่างแน่นอน

โดยสรุป ไม่ว่ามันจะมีค่าสถานะระดับพื้นฐานหรือค่าพลังชีวิตพื้นฐาน อสูรเวทย์ก็ยังคงแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอื่นๆ

“เตรียมตัวให้พร้อม รอจนถึงวันพรุ่งนี้แล้วทำยาสลบที่ไม่ใช่พิษร้ายแรง”

“แน่นอนว่าเราต้องใช้กับดักด้วยเช่นกัน! เมื่อเราเตรียมทุกอย่างเสร็จก็ไปออกล้มมัน!” วิลเลียมไม่มีทางเลือกนอกจากนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่เห็นหมีตัวนั้นและไม่รู้ว่ามันอยู่เลเวลใด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด