ตอนที่แล้วบทที่ 3: เผ่าพันธุ์จากหลากมิติและสายอาชีพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5: การเติบโตของชุดเกราะชั้นใน

บทที่ 4 : ลอทเนอร์ผู้เป็นระดับอีปิค


 

อากาศด้านนอกบ้านต้นไม้นั้นสดใสและแสนอบอุ่น พื้นหญ้าและใบไม้มีสีเขียวชอุ่ม ในขณะหมู่ดอกไม้ที่บานสะพรั่งนั้นไม่เคยเหี่ยวเฉา

เมืองชายแดนเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเขตชายแดนของป่าแบล็คลีฟ ที่แห่งนี้อยู่ในโซนเขตร้อนและใกล้กับทะเลทางใต้ ดังนั้นจึงมีลมทะเลพัดมาตลอดและอากาศไม่ได้ร้อนเกินไปนัก สภาพอากาศนั้นจึงคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี ดังนั้นทิวทัศน์จึงไม่เคยเปลี่ยนแปลงและสวยงามราวกับภาพวาดอยู่เสมอ

เมืองนี้สร้างบนหน้าผาที่สูงอย่างน้อย 80 เมตร มีแม่น้ำสายแคบแต่ลึกไหลลงมาจากทะเลสาบของภูเขาผ่านใจกลางเมืองก่อนจะไหลลงหน้าผากลายเป็นน้ำตกซึ่งทำให้เกิดรุ้งกินน้ำตลอดเวลา ทำให้เมืองนี้ถูกเรียนขานว่า แม่น้ำสายรุ้ง

ในขณะเดียวกันหน้าผาสูง 80 เมตรนี่ก็เป็นราวกับปราการกั้นตามธรรมชาติของเมืองนี้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของเมืองแห่งนี้ก็ว่าได้!

ถ้าหากไม่ได้หน้าผานี้ล่ะก็ การอยู่ระหว่างอาณาจักรเหล็กและอาณาจักรลาวาดำคงทำให้เมืองนี้ถูกรบกวนจากทั้งสองอาณาจักรบ่อยครั้งเป็นแน่

การอยู่ในฝ่ายสว่างไม่ได้แปลว่าพวกเขาเป็นคนดีและการที่อยู่ฝ่ายมืดไม่ได้หมายความว่าพวกเขาชั่วร้ายไปซะหมด… นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก

ทุกอย่างมันก็วนกลับมาที่เรื่องของเผ่าพันธุ์และผลประโยชน์ นั่นแหละคือสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดสงครามมากมายภายในอาณาจักรมนุษย์และในระหว่างเผ่าของพวกออร์คเช่นกัน

เมืองนี้ไม่ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาหรือป่าทึบไปซะหมด หากพวกเขาเดินไปทางด้านทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ตรงไปยังขอบหน้าผา พื้นดินแถบนั้นถูกปกคลุมไปด้วยดินสีดำ

พื้นดินตรงนั้นเป็นที่สำหรับผลิตผลผลิตทางการเกษตรมากมาย ซึ่งมากพอที่จะผลิตอาหารให้แก่คนในเมือง

ทางตอนใต้ของเมืองคือป่าแบล็คลีฟที่ทอดยาวจากตะวันออกไปยังตะวันตก เมืองนี้ถูกตั้งอยู่ในพื้นที่เล็กและแคบข้างภูเขา เมื่อคุณข้ามภูเขาทางตอนใต้คุณจะสามารถมองเห็นมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุด

อย่างไรก็ตาม ลึกเข้าไปในป่าแบล็กลีฟนั้นเต็มไปด้วยอสูรเวทย์และอสูรป่าหลายเลเวลจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งเข้าไปในป่าลึกเท่าไหร่อสูรเวทย์ที่พบก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และอาจพบมังกรป่าหลายตัวอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้วเอลฟ์แบล็คลีฟก็ไม่ได้เป็นเผ่าพันธ์ุเดียวที่อาศัยอยู่ในป่าแบล็คลีฟ แต่ยังมีอีกหลายเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาอาศัยอยู่เช่นกัน

พวกครึ่งเอลฟ์และเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ที่อาศัยในเมืองนั้นค่อนข้างมีความต้องการน้อยกว่าพวกมนุษย์ เนื่องจากพวกเขาไม่ชอบกินอาหารมากนักแต่มักจะชอบไปล่าสัตว์ในป่าแบล็คลีฟ แต่ละครั้งที่เข้าไปในป่าก็จะได้ผลไม้และเนื้อสัตว์มาด้วยความสามารถของตนเอง

ด้วยเหตุที่ว่าในภูเขาทางตอนใต้นั้นไม่ค่อยมีสัตว์เลเวลสูงให้ล่ามากนัก ตราบใดที่ไม่เสี่ยงตัวเข้าไปสำรวจทางด้านตะวันออกและตะวันตก การที่จะได้เจอกับอสูรป่าและอสูรเวทย์เลเวลสูงนั้นก็เป็นเรื่องยาก

เอลฟ์ในเกม Gods นั้นกินทั้งพืชและสัตว์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกินผักและผลไม้ด้วย แต่อาหารหลักของพวกเขาก็คือเนื้อ ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพวกเอลฟ์ต้องการที่จะยืนที่จุดสูงสุดบนพีระมิดของสังคม แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่มีทางที่จะมีพละกำลังมากพอจากการกินเพียงแค่อาหารมังสวิรัติ

วิลเลียมผู้หล่อเหลาสุดคูลกับหูทรงแหลมกำลังอยู่ในชุดคลุมสีม่วงเข้มเรียบหรูขณะที่เขากำลังเดินออกจากบ้านต้นไม้ หลังจากที่เขาเปิดการใช้งานหน้าต่างผู้เล่น อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาต้องยอมรับว่า การเป็นผู้เล่นนั้นยังคงเป็นความได้เปรียบอย่างมากในโลกแห่งนี้

ท้ายที่สุดแล้ว บาทหลวงในโลกแห่งนี้เองก็ไม่สามารถเพิ่มแต้มพลังชีวิตได้ตามใจชอบ พวกเขาทำได้เพียงรักษาอาการบาดเจ็บและใช้ความเชี่ยวชาญในการดำรงชีวิตอยู่

เพราะว่าบาทหลวงในเกมนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อซัพพอร์ตผู้เล่นซะทีเดียว และพวกเขายังเป็นพวกสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่พกกระบองห้อยลูกตุ้มหนามไปมาสำหรับจับวิญญาณที่ตายแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนกำยำล่ำสันและถึกทนสุดยอดอีกด้วย

พวกเขาอาจจะร้องตะโกนถึงนักบุญของพวกเขาในขณะที่กำลังถือกระบองห้อยลูกตุ้มและวิ่งตรงไปเข้าไปในสนามรบด้วยซ้ำไป…

ไม่สำคัญว่าจะเป็น NPC หรือผู้เล่น การฟื้นฟูพลังชีวิตนั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งสมรรถภาพร่างกายและการดื่มโพชั่น นักเวทย์ธาตุน้ำเองก็มีความสามารถคล้ายๆ กับบาทหลวงและสามารถใช้สกิลการรักษาได้ อย่างไรก็ตาม สกิลนั้นเพิ่มแค่ความเร็วในการรักษาบาดแผล แต่ผลลัพธ์นั้นไม่ต่างกัน

แต่นักเวทย์ยังไงก็เป็นนักเวทย์วันยังค่ำ และไม่ใช่อาชีพที่มีไว้เพียงเพื่อซัพพอร์ตผู้อื่นเท่านั้น

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ไม่ค่อยมีคนเล่นเป็นนักเวทย์มากนัก อาชีพนี้ถูกหลีกเลี่ยงราวกับว่ามันคือคริปตอน หากผู้เล่นต้องการที่จะพัฒนาตัวละครตัวนี้ พวกเขาต้องใช้โชคด้วยเพราะการหาเงินของพวกเขาขึ้นอยู่กับอาวุธจับปีศาจของพวกเขาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น นักเวทย์ที่แข็งแกร่งก็เป็นที่นิยมอย่างมากตราบเท่าที่พวกเขายังว่างมาจับปีศาจ…

“ท่านลอร์ด ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะหายดีแล้ว!” เมื่อเอลฟ์ทั้งสองที่ตรวจตราอยู่หน้าบ้านต้นไม้เห็นเขาเดินออกมา พวกเขาโค้งคำนับอย่างเคารพและนำมือไปทาบที่หน้าอก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบวิลเลียมสักเท่าไหร่ แต่พวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่สุภาพต่อเขา

“ฉันดีขึ้นแล้ว การพัฒนาอาณาเขตเป็นอย่างไรบ้าง?” วิลเลียมมองไปยังนอร์ตันและน็อกซ์ เอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์แห่งตระกูลแบล็คลีฟทั้งสองคนนี้เป็นองครักษ์ประจำตัวของเขา

พวกเขาเป็นมืออาชีพระดับกลางที่อยู่ในเลเวล 40 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าทหารปกติอย่างน้อย 10 เลเวล เนื่องจากพวกเขามีสายเลือดระดับมาสเตอร์และคุณสมบัติที่ค่อนข้างดี

แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงเลเวล 8 แต่เขาก็สามารถห็นคุณสมบัติของทั้งสองคนได้เพียงแค่ปรายตามองเพราะทั้งสองคนเป็นทหารของเขา เขาสามารถดูค่าสถานะของใครก็ได้ตราบใดที่คนนั้นมีความภักดีต่อเขา แต่สำหรับคนอื่นนั้น เขาคงต้องใช้สัญชาตญาณส่วนตัวของเขา การเป็นทั้ง NPC และผู้เล่นทำให้วิลเลียมได้เปรียบที่สุดในการเอาชีวิตรอด

นอร์ตันและน็อกซ์จ้องมองลอร์ดของพวกเขาด้วยความประหลาดใจก่อนที่ทั้งสองจะส่ายศีรษะ “นับตั้งแต่ที่ท่านลอร์ดตัดสินใจจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ มีหลายคนหนีออกไป ความคืบหน้าในการพัฒนาจึงไม่ได้ดีนัก”

“ท่านต้องการให้ผมไปเรียกผู้บริหารลอทเนอร์มารึเปล่าครับ? เขาเป็นผู้รับผิดชอบปัญหาภายในอาณาเขต”

“ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าเมืองนี้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่แล้วและยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างเมืองใหม่ เราควรจะจัดกิจกรรมล่าสัตว์และนำอสูรเวทย์บางส่วนไปขายในอาณาจักรมนุษย์ นี่น่าจะทำให้เราพอได้เหรียญทองมาบ้าง”

“ช่วยพาฉันไปหาท่านลุงลอทเนอร์ที”

“ไม่รู้ว่าทำไม ดูเหมือนว่าหัวของฉันจะได้รับการกระทบกระเทือนหลังจากที่ตกต้นไม้ ความทรงจำบางส่วนมันเลือนลางไปหมดและฉันก็จำทางไปบ้านลุงลอทเนอร์ไม่ได้อีกด้วย!” วิลเลียมแสดงพร้อมกับทำท่าทางจับศีรษะ

นอร์ตันพยักหน้าพลางคิดว่าหลังจากตกต้นไม้ในที่สุดหัวของท่านลอร์ดก็เริ่มจะทำงานเสียที!

เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก

จำนวนประชากรเพียง 3000 คน เมืองนี้จึงถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก

ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ที่สร้างจากต้นไม้ยักษ์ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะนำไม้ไปสร้างบ้านไม้ การออกแบบนั้นเรียบง่ายและแข็งแรงพอสมควร

อีกอย่าง พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตร้อน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอากาศเย็น

นอกเหนือจากบ้านต้นไม้ของเขาที่ตระการตาแล้ว อาคารอื่นๆในเมืองก็ล้วนแต่เรียบง่าย

โดยเฉพาะตั้งแต่ที่ประชากรและทหารหลายคนนำสิ่งของต่างๆ ของพวกเขาติดตัวไปด้วยตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลังจากที่พ่อของเขาหายตัวไป

“มีเรื่องที่ต้องทำอีกตั้งเป็นร้อยอย่าง! เมื่อไหร่ที่ฉันไปถึงเลเวล 10 แล้วล่ะก็ ฉันจะต้องรีบเปลี่ยนอาชีพของฉันให้เป็นผู้เล่นใหม่มืออาชีพ!” วิลเลียมเลือกที่จะเป็นมนุษย์ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาและยังเป็นถึงนักรบ อาชีพที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพัฒนา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหาอาชีพพิเศษใดๆ ได้ในตอนเริ่มต้นของเกม แต่ในที่สุด ยังไงซะทุกๆ อย่างก็มีโอกาสอยู่เสมอ หลังจากพยายามอยู่สองสามปี ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสและเปลี่ยนอาชีพของเขาสู่อาชีพพิเศษอาชีพหนึ่ง

ถ้าไม่อย่างนั้น การที่เขาจะกลายเป็นระดับรีเจนดารีนั้น เขาคงต้องใช้ความพยายามและอาศัยอุปกรณ์และคุณสมบัติของเขาในการทำภารกิจให้สำเร็จ

เขาคิดว่าตัวเขานั้นไม่ได้เรื่องเอาซะเลยในตอนเริ่มต้น ด้วยการที่เขามีแต้มความโชคดีแค่ 3 แต้มทั้งในชีวิตก่อนหน้านี้และชีวิตปัจจุบัน นี่มันยังไม่ใช่หลักฐานแห่งความไม่ได้เรื่องอีกหรอ?

นี่คือความต่อเนื่องของการเป็นพวกไม่ได้เรื่อง

ความต่อเนื่องของบางสิ่งบางอย่างที่แม้แต่ห้วงเวลาและสถานที่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ทำให้วิลเลียมรู้สึกซาบซึ้งจนแทบจะหลั่งน้ำตา…

หลังจากเดินไปเรื่อยๆ ราว 3 นาที ในที่สุดวิลเลียมก็ได้เจอกับท่านลุงลอทเนอร์ เขาเคยเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ส่วนตัวของแม่เขาและในตอนนี้เป็นผู้บริหารของเมืองแห่งนี้ และยังเป็นที่ปรึกษาชีวิตของเขาด้วย…

งานสายกายภาพทุกงานจำเป็นต้องมีการฝึกฝนพลังการต่อสู้

ก็เหมือนกับที่งานสายเวทย์ทั่วๆ ไปจำต้องต้องใช้พลังจิตและเวทมนต์

ตราบใดที่เขาเลเวล 10 เขาจะสามารถเรียนรู้พลังการต่อสู้หรือเวทมนต์ก็ได้ จากนั้นก็เลือกสายอาชีพที่เขาชอบ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้วิลเลียมทั้งแปลกใจและมีความสุขยิ่งขึ้นเกี่ยวกับหน้าต่างคุณสมบัติของลอทเนอร์นั้นคือการที่เขาไม่เคยคาดหวังว่าในอาณาเขตของเขาจะมีผู้ชำนาญการคนสำคัญอยู่ด้วย

ชื่อ: ลอทเนอร์

เผ่าพันธุ์: เอลฟ์แบล็คลีฟ

อาชีพ: นักล่าปีศาจ หน่วยลาดตระเวน

ระดับ: ผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง

ศักยภาพของสายเลือด: อีปิก (เลเวล 52 คุณสมบัติพื้นฐาน +39.2%)

เลเวล: 52

ความสามารถติดตัว: ชีวิตระดับกลาง, 1 ความแข็งแรง = 40 แต้มชีวิต

ความสามารถติดตัว: ความรวดเร็วระดับกลาง แต้มความว่องไว 100 แต้มจะเพิ่ม 10% ของแต้มการโจมตีแบบคริติคอล, เพิ่ม 20% ของความรวดเร็วและการเทเลพอต

ความสามารถติดตัว: ดวงตาแห่งการสืบสวน ทำให้สามารถมองเห็นจุดอ่อนของศัตรูได้อย่างง่ายดาย เมื่อโจมตีที่จุดอ่อน แต้มการโจมตีแบบคริติคอลจะเพิ่มขึ้นถึง 20%!

ความสามารถติดตัว: …

พลังชีวิต: 15300

ความแข็งแรง: 3500

แต้มการต่อสู้: …

“อะไรคือความสามารถติดตัว…? นี่คือการได้รับพรสวรรค์ใช่มั้ย?!” วิลเลียมอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพัมด้วยความเศร้าในใจ

จากนั้นเขาจึงพูดพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำตาคลอ “ท่านลุงลอทเนอร์ ขอบคุณ!”

เขาแทบอยากจะเขาไปกอดลอทเนอร์แน่นๆ ระหว่างที่เขาพูด

เมื่อเห็นแบบนี้ลอทเนอร์ก็รู้สึกสงบและสบายใจอย่างประหลาด เขารู้มาจากเซียว่าวิลเลียม แบล็คลีฟคนปัจจุบันนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อย่างไรก็ตาม เขากลายเป็นคนที่สุภาพขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจ้องวิลเลียมราวกับเขากำลังแสดงความเป็นกังวลและความใส่ใจให้กับเจ้าคนสมองกระทบกระเทือนพร้อมกับพูดขึ้นช้าๆ “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเรื่องที่ข้าควรจะทำอยู่แล้ว อีกอย่างท่านควรจะเรียกข้าว่า ท่านผู้บริหาร ไม่ใช่ท่านลุงลอทเนอร์”

วิลเลียมปาดหยดน้ำตาที่ไม่เคยมีออก แล้วมุ่ยปากอย่างดื้อดึง “ไม่ ผมทำไม่ได้ ท่านลุงลอทเนอร์จะเป็นลุงของผมตลอดไป ท่านลุงไม่ใช่แค่ผู้บริหาร แต่ยังเป็นอาจารย์ของผมอีกด้วย ถึงแม้ว่าผมจะสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ไป ผมก็รู้ว่าท่านลุงคือคนที่ดีกับผมที่สุดในโลกนี้”

“เราไปดูการพัฒนาของอาณาเขตกันเลยเถอะ ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อาณาเขตที่พ่อของท่านทิ้งไว้ให้ท่านอาจจะหายไปบนแผ่นดินนี้!” ลอทเนอร์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจอย่างมาก เด็กคนที่เขาคอยดูตั้งแต่เล็กในที่สุดก็รู้จักเคารพเขาสักที

ดูเหมือนว่าการที่หัวของวิลเลียมได้รับการกระทบกระเทือนจะเป็นเรื่องที่ดี

“อย่างไงก็เถอะ ท่านจับต้นแขนของข้าทำไม?” ลอทเนอร์ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไร เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าวิลเลียมนั้นถูกเติมเต็มด้วยความชื่นชมอย่างสุดจะพรรณนาที่มีต่อลอทเนอร์หลังจากที่รู้ว่าเขามีสายเลือดระดับอีปิกและสัมผัสความแข็งแกร่งที่ได้จากกล้ามแขนของเขา?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด