ตอนที่แล้วChapter 3 ก่อนเดินทางไปแดนมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 5 หาข่าวของผู้กล้า

Chapter 4 ข้ามเขตแดนสู่แมนไคน์


ในที่สุดวันไปแดนมนุษย์ก็มาถึง โรซาเลียในชุดเดินทางพร้อมดาบประจำกายดูเวสซ่าก็เดินทางมาที่ปราสาทตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนแรกเรเนสซ่าจะให้เธอนั่งรถม้ามาแต่เพราะอากาศหนาวและเธอก็อยากออกกำลังกายมากกว่าจึงวิ่งจากคฤหาสน์มาถึงปราสาท ด้วยความที่สมัยเป็นผู้กล้า เธอต้องวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่นจึงใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย

“มาเร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ” เอราเคียในชุดสีดำเรียบ ๆ กำลังลูบหัวสัตว์อสูรอยู่ที่สนามหญ้า เห็นหลานสาวสวมวิญญาณนักวิ่งลมกรดมาหาก็เป็นห่วง “กินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” สาวผมแดงหันมามองสัตว์ตรงหน้า มันเป็นกริฟฟินที่มีขนาดใหญ่ เธอเดาว่าจอมมารสาวคงเรียกมันมาใช้งานแน่ ๆ

“เจ้านี่จะพาเราไปลงในป่าใกล้ ๆ กับเมืองมนุษย์ที่ใกล้กับเขตชายแดนมากที่สุด” หญิงสาวปีนขึ้นไปนั่งบนหลังกริฟฟินก่อนจะเขยิบไปด้านหน้าเล็กน้อยเพราะกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งให้หลานสาว

โรซาเลียปีนขึ้นไปนั่งอยู่ข้างหลังผู้เป็นป้า เมื่อผู้โดยสารประจำที่แล้ว เจ้าสัตว์อสูรที่มีศีรษะเป็นนกอินทรี ตัวเป็นสิงโต แต่มีปีกบินได้ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที อดีตผู้กล้ากวาดสายตาไปรอบ ๆ ใช่ว่าเธอไม่เคยใช้เวทลอยตัวเหาะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บินแล้วมองสำรวจภูมิประเทศ

“พื้นที่ส่วนใหญ่ในบ้านเราไม่ได้อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยภูเขา หน้าผา บางพื้นที่ก็แห้งแล้งเกินกว่าจะอยู่ได้ ถึงส่วนใหญ่ฟ้าจะครึ้มแต่ใช่ว่าฝนจะตกบ่อย ๆ ป่าไม้ก็มีน้อยกว่าแดนมนุษย์ จอมมารบางรุ่นก็เลยอยากได้แมนไคน์ เพราะอย่างนี้ถึงมีการสู้รบตลอด พวกมนุษย์จึงมีผู้กล้าไว้ปราบจอมมาร”

“จอมมารถูกผู้กล้าสังหารทุกรุ่นหรือเปล่าคะ” ความจริงเรื่องนี้เธอรู้อยู่แล้ว แต่เพราะไม่รู้จะชวนคุณป้าอะไรคุยจึงถามเรื่องนี้แทน

“ก็ไม่ทุกรุ่น แต่ที่แน่ ๆ พ่อข้าตายเพราะผู้กล้า” น้ำเสียงของเอราเคียคล้ายคนคิดถึงญาติผู้ใหญ่ โรซาเลียก็พอจะเข้าใจ จอมมารรุ่นที่สิบสี่เป็นพ่อแท้ ๆ ของคู่สนทนา ใครไม่เสียใจก็แปลกแล้ว

“เสียใจด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าล้างแค้นให้ท่านพ่อแล้ว หลังท่านตายได้สามนาที ข้าก็ส่งผู้กล้าไปอยู่เป็นเพื่อนในนรก ท่านพ่อคงไม่เบื่อแล้วล่ะ”

เอ่อ...ท่านป้าคะ พอได้ยินอย่างนี้ ร่างบางก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อันที่จริงเรื่องราวก็ไม่ต่างจากโลกเดิมของเธอเลย โรซาเลียจำได้จากบันทึกประวัติศาสตร์ ผู้กล้าที่สังหารจอมมารรุ่นที่สิบสี่ถูกเจ้าหญิงปีศาจตัดหัวก่อนจะแพ็กใส่กล่องส่งกลับไปแดนมนุษย์อย่างดี จากนั้นเธอก็ก้าวขึ้นมาเป็นจอมมารรุ่นที่สิบห้าแทนผู้เป็นพ่อ

“ดูนั่น” เอราเคียชี้ไปยังหุบเหวลึกจนมองไม่เห็นก้น โรซาเลียจำได้ว่านี่เป็นเหวที่กั้นระหว่างชายแดนของแมนไคน์กับซาตาน่า

“เหวนั่นทำไมเหรอคะ”

“ช่วงที่ซาตาน่าถูกก่อตั้ง ตรงนี้มันไม่มีเหวหรอกนะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวถามต่ออีก ในความทรงจำสมัยอยู่โลกเดิม เธอเคยข้ามเหวแห่งนี้มาแล้ว ซึ่งตอนนั้นทุกคนต้องพึ่งพานักเวทจำนวนมากในการใช้เวทลอยตัวเดินทางข้ามมายังแผ่นดินของซาตาน่าเนื่องจากไม่มีสะพานให้ข้าม

“เรื่องเกิดในสมัยจอมมารลำดับที่หนึ่ง โอดิสเซียส วาซิลิส”

“จอมมารรุ่นที่หนึ่งไม่ได้ใช้นามสกุลอาโครอสเหรอคะ” ในโลกของเธอ เรื่องราวของจอมมารตนแรกมีน้อยเพราะเรื่องราวของเขาเกิดขึ้นเมื่อสองพันปีที่แล้ว และรู้แค่ว่าเป็นคนเริ่มต้นสงครามระหว่างผู้กล้ากับจอมมาร แต่เรื่องที่เขาไม่ได้ใช้สกุลอาโครอสเหมือนจอมมารตนอื่น ๆ เป็นเรื่องที่โรซาเลียเพิ่งรู้หมาด ๆ เลย

“จอมมารตั้งแต่รุ่นที่สามเป็นต้นไปสืบเชื้อสายมาจากจอมมารรุ่นที่สอง เดิมทีเขาเป็นข้ารับใช้คนสนิทของจอมมารโอดิสเซียส แต่พอจอมมารสิ้นไปทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานมีทายาท ต้นตระกูลข้าซึ่งมีอำนาจรองจากจอมมารจึงถูกเลือกเป็นจอมมารรุ่นที่สอง”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”

“จอมมารโอดิสเซียสทำให้เกิดเหวนั่นขึ้นมา” เอราเคียเริ่มเล่าต่อจากที่ค้างไว้ในตอนแรก “แมนไคน์ส่งผู้กล้ามาปราบ แต่ก็พ่ายแพ้ถึงแปดครั้ง จนกระทั่งผู้กล้าคนที่เก้า ว่ากันว่าเขาทุ่มเทและสู้สุดใจ ในศึกตัดสิน ทั้งสองสู้กันที่ชายแดน พลังทำลายล้างทำให้เกิดหุบเหวขึ้นมา ส่วนทั้งสองก็ตกลงไปข้างล่าง แล้วก็ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขาอีกเลย”

“ข้ามองไม่เห็นก้นเหว คงจะลึกมาก ต่อให้คนตกลงไปเป็นปีศาจ ข้าว่าก็คงไม่รอดหรอกค่ะ” โรซาเลียรู้สึกเสียวสันหลัง ถ้าเธอตกลงไป ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแหง ๆ

“เข้าเขตแดนแมนไคน์แล้ว อีกสักพักก็คงถึง” หญิงสาวกล่าวขณะที่กริฟฟินพาเธอกับหลานสาวข้ามฝั่งมายังแผ่นดินของชาวมนุษย์

“ป่าไม้แถวชายแดนอุดมสมบูรณ์จัง” อดีตผู้กล้าพึมพำขณะมองผืนป่าสีเขียวด้วยแววตาคิดถึง เพราะในโลกของเธอ จอมมารรุ่นที่สิบหกกวาดล้างมนุษยชาติจนหมด ทรัพยากรธรรมชาติตามที่ต่าง ๆ ก็พลอยโดนลูกหลงจากพลังทำลายล้างไปด้วย ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะฟื้นกลับมา

ขณะที่สองสาวพ้นเหวกั้นระหว่างแมนไคน์กับซาตาน่าไปแล้ว ใครบางคนก็ก้าวออกมาจากป่าแล้วตรงมาใกล้ ๆ เหว เจ้าตัวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไร พลันเสียงฝีเท้าอีกคู่ก็ดังแว่วมาก่อนที่ชายหนุ่มอีกคนจะวิ่งกระหืดกระหอบมาหา

“เลโอนาร์ด เจ้าอยู่นี่เอง ข้าวิ่งหาซะทั่วเลย”

“ขอโทษที ข้าแค่รู้สึกคิดถึงที่นี่ก็เลยมาดูน่ะ” ชายหนุ่มผมสีทองยาวประบ่า นัยน์ตาสีฟ้าสดใส ใบหน้าหล่อเหลากว่าคนทั่วไป ยิ่งเวลายิ้มก็ยิ่งเหมือนเทวดาสักองค์มามอบแสงสว่างให้ผู้คนอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าก็ลืมไป ชาวบ้านที่มาหาของป่าเจอเจ้าใกล้ ๆ เหวนั่นนี่ นี่ก็ผ่านไปสามปีแล้วนะ นึกอะไรออกหรือยัง” ชายคนที่มาด้วยถามกลับตามประสาคนรู้จัก เลโอนาร์ดกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งที่ขมวดคิ้ว แม้จะรู้สึกว่ามีความหลังกับที่นี่แต่ก็นึกอะไรไม่ออกอยู่ดี

“ก็เหมือนเดิม ข้าจำได้แต่ชื่อตัวเอง”

“ไม่เป็นไร สักวันเดี๋ยวก็นึกออก เอ้อนี่ ข้าเก็บสมุนไพรตามที่ท่านหมอสั่งจนครบทุกชนิดแล้วนะ” เพื่อนร่วมงานชูถุงผ้าที่เก็บสมุนไพรขึ้นมา

“ข้าก็เหมือนกัน แต่ของข้ากลิ่นฉุนมาก”

“ท่านหมอคงรู้ว่าจมูกเจ้ามันด้านถึงสั่งให้เจ้าเก็บสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน เอาเถอะ รีบกลับเมืองดีกว่า ชักช้าเดี๋ยวก็โดนหักเงินกันพอดี” คนพูดตบบ่าเพื่อนเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในป่า ส่วนเลโอนาร์ดก็หันไปมองเหวเบื้องหลังแวบหนึ่งก่อนจะเดินตามไป

เวลาผ่านไปสามปี นอกจากชื่อแล้วก็มีแต่ความเปล่า บางครั้งก็สงสัย เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วภูมิหลังของเขาเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะเสียความทรงจำ

กริฟฟินค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เอราเคียและโรซาเลียทิ้งตัวลงมาก่อนที่จอมมารสาวจะลูบหัวมันเป็นการขอบคุณและให้สัตว์อสูรบินกลับไปรอที่เขตแดนฝั่งซาตาน่าเพื่อความปลอดภัย

“เอาไว้ตอนเย็น ๆ เราจะเรียกมันมา” หญิงสาวเก็บนกหวีดเรียกสัตว์อสูร แต่ยังไม่ทันจะเดินต่อ คนเป็นหลานสาวก็เรียกไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ท่านป้า” คุณหนูเบอร์นาเด็ทวิ่งมาจัดเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายโดยไม่ลืมสวมฮู้ดคลุมศีรษะให้ ถึงแม้ว่าเอราเคียจะใช้เวทพรางตัวเพื่อปลอมเป็นมนุษย์แต่ใบหน้าของเธอก็ยังสะดุดตาอยู่ดี

“มีอะไรผิดปกติเหรอ”

“ท่านป้าสวยมาก รู้หรือเปล่าคะ ดีแล้วที่ท่านป้าใช้เวทเก็บเขาไว้ก็เลยสวมฮู้ดได้” จอมมารทุกรุ่นจะมีเขาคล้ายแพะบนศีรษะ และมีนัยน์ตาสีแดงโกเมน แต่แค่สีตา โรซาเลียคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา ส่วนเขาก็ใช้เวททำให้หายไป แต่ใบหน้าของเอราเคียต่างหากที่ทำให้เธอกังวล

คุณป้าสวยขนาดนี้ เกิดหนุ่ม ๆ มาชอบเอาจะเป็นเรื่องใหญ่!

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ” จอมมารในคราบมนุษย์เดินนำหน้าหลานสาวมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของเมืองที่อยู่ไม่ไกล “เจ้าเองก็อย่าลืมสวมฮู้ดด้วยนะ”

“คะ?” โรซาเลียทำหน้าเหลอหลา

“ข้าเพิ่งรู้จากเรเนสซ่าว่าเจ้าแต่งหน้าให้ดูจืดชืดตลอด เพิ่งจะเปิดเผยหน้าจริงไม่นานนี้เอง สวย ๆ อย่างนี้ ระวังมีคนรุมจีบนะ”

“...” พอโดนคุณป้าแซวกลับ อดีตผู้กล้าก็ทำอะไรไม่ถูก คิ้วสองข้างขมวดจนแทบเป็นปม เธอจำได้ว่าทั้งร่างเก่าและร่างใหม่หน้าเหมือนกันรวมทั้งขนาดตัวและเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนสวยอะไรขนาดนั้นด้วย

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงมีคนมาชอบเธอแล้ว!

“ข้าไม่ใช่คนสวยขนาดนั้นหรอกค่ะ ท่านป้า ชาติก่อนเดินเข้าใกล้ผู้ชายทีไร วิ่งหนีหายหมดทุกที”

เมืองของชาวมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชายแดนมากที่สุดเป็นเมืองเล็ก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนเดินพลุกพล่านให้วุ่นวาย สองป้าหลานเข้ามาในเมืองพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ สำหรับโรซาเลียอาจจะเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะโลกไหน เมืองนี้ก็ยังเหมือนเดิม และเธอก็เคยมาแล้วสมัยที่แมนไคน์เคลื่อนพลไปยังเขตแดนของซาตาน่า แต่สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นก็คือท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเอราเคีย

“ท่านป้าเคยมาแมนไคน์หรือเปล่าคะ”

“นี่เป็นครั้งแรก” ร่างบางตอบพลางเดินไปดูเครื่องประดับที่วางโชว์บนโต๊ะหน้าร้านอย่างสนใจ “ทำจากแก้วเหรอเนี่ย สวยจัง เหมือนของราคาแพงเลย”

“บางครั้งของราคาถูกก็ใช่ว่าจะไม่สวยนะคะ” โรซาเลียเดินมาดูเครื่องประดับ ทุกอย่างคุ้นเคยกับเธอมาก ดังนั้นถ้าท่านป้าที่เคารพรักอยากรู้อะไร เธอก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล

จอมมารเป็นผู้หญิงนี่นา จะสนใจพวกเสื้อผ้ากับเครื่องประดับเหมือนผู้หญิงคนอื่นก็ไม่แปลก หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ ขนาดผู้กล้าอย่างเธอยังอยากแต่งงานและมีครอบครัวเหมือนสาว ๆ วัยเดียวกันเลย

“ไปเถอะ จุดประสงค์ที่เรามาคือหาข่าวของผู้กล้าคนใหม่” เอราเคียวางเครื่องประดับไว้ตามเดิมจากนั้นก็เดินออกจากร้านไป ตลอดสองข้างทางมีร้านค้ามากมายแต่เธอก็ไม่ชายตามองอีก “เจ้ามีอะไรจะแนะนำไหม”

“หมายถึงหาข่าวเหรอคะ”

“ใช่”

“ข้าขอแนะนำร้านอาหารค่ะ ที่นั่นน่าจะมีนักเดินทางแวะไปเยอะ พวกเขาจะชอบแลกเปลี่ยนข่าวสารกันที่นั่น ไม่แน่นะคะ อาจจะมีข่าวของทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยก็ได้”

“งั้นข้าจะเลือกร้านอาหารสักร้านแล้วกัน” ว่าแล้วจอมมารสาวก็เดินต่อพลางกวาดสายตามองหาร้านอาหารสักร้านที่คิดว่าจะเข้าไป

“ถ้าท่านป้าทราบข่าวของผู้กล้าคนใหม่ ท่านป้าจะทำยังไงเหรอคะ” โรซาเลียถามออกไปเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ อีกอย่างเอราเคียไว้ใจหลานตัวเองจึงไม่น่าจะโกหก

“ฆ่าผู้กล้า” คำพูดนั้นทำให้มือซ้ายของคนฟังขยับเล็กน้อย ไอพลังสีขาวแผ่ออกมาจาง ๆ เนื่องจากเธอคิดจะเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์มาสังหารจอมมาร

ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะใจดีกับเธอ แต่ในฐานะของผู้กล้าที่ล้มเหลวและได้รับโอกาสให้มาแก้ไขเรื่องราวใหม่ โรซาเลียจะต้องปกป้องมนุษย์จากจอมมาร แม้เอราเคียจะมีบุญคุณแต่เธอก็ยอมปล่อยให้คู่สนทนามีชีวิตอยู่เพื่อทำลายมนุษยชาติไม่ได้

“...ถ้าเป็นจอมมารรุ่นก่อน ๆ ก็คงพูดแบบนี้”

“คะ?”

“หนึ่งร้อยปีที่ข้าเป็นจอมมาร ข้าเห็นการสู้รบที่ชายแดนบ่อย ๆ ถ้าไม่ใช่ฝ่ายเราบุกไป ฝ่ายนั้นก็บุกมาเองโดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้ที่เราสู้กันน่าจะเป็นเพราะไม่ถูกกันตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วมากกว่า ถ้าข้าได้ข่าวผู้กล้า ข้าอยากพบเขาและอยากเจรจาสงบศึกด้วย ควรแล้วเหรอที่เราจะเป็นศัตรูกันตลอดไป ไม่สู้มาจับมากันแล้วทำให้โลกนี้ดีขึ้นดีกว่าเหรอ”

“นั่นสินะคะ บางทีเราก็ควรจะหยุดสู้กันด้วยเรื่องงี่เง่าพวกนี้สักที” โรซาเลียสลายพลังศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขออภัยที่เข้าใจท่านป้าผิดนะคะ หญิงสาวกล่าวในใจแล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไปติด ๆ ดูเหมือนว่าเอราเคียจะเลือกร้านอาหารได้แล้ว แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้า อยู่ ๆ ก็มีคนวิ่งออกมาอย่างแตกตื่น

“มีคนตีกัน!”

“หนีเร็ว!

โครม!

พริบตานั้นก็มีคนกระเด็นออกมานอกร้านก่อนจะมีชายอีกคนวิ่งออกมาขยุ้มคอเสื้อคนเจ็บแล้วต่อยหน้าไปสามที ชายคนแรกคว้าข้อมือคู่อริตามด้วยเอาหัวโขกและเหวี่ยงอีกฝ่ายออกไป เมื่อลุกขึ้นได้จึงวิ่งตามไปกระทืบกลับคืนเป็นการแก้แค้น

“ท่านป้า ข้าว่าเราไปร้านอื่นเถอะค่ะ” แม้จะเป็นเรื่องปกติเพราะเธอก็เคยเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง ดังนั้นเธอคิดว่าพาเอราเคียไปที่อื่นน่าจะดีกว่า

โรซาเลียรีบพาหญิงสาวเดินเลี่ยงไปทางอื่นแต่ดูเหมือนโชคร้ายจะเลือกพวกเธอเป็นเป้าหมาย เมื่อชายคนหนึ่งหักขาเก้าอี้ขว้างใส่คู่อริ เจ้าตัวหลบทันควันทำให้ไม้พุ่งไปหาร่างบางที่กำลังเดินตามหลังหลานสาวพอดี

“ระวัง!” อีกเสียงตะโกนดังขึ้นก่อนที่ผู้มาใหม่จะพุ่งใส่ผู้ที่เกือบจะเคราะห์ร้ายจนล้มลงกับพื้น ส่วนขาเก้าอี้ก็บินเลยไปหาโรซาเลียแทน แต่เธอชักดาบฟันฉับเดียว ไม้แยกออกเป็นสองท่อนทำให้ตัวเองไม่เป็นอะไร

ทางด้านเอราเคียที่ตอนนี้อยู่ในท่านอนหงาย ส่งผลให้ฮู้ดที่คลุมศีรษะหลุดออก เส้นผมสีดำสยายบนพื้นดิน นัยน์ตาสีแดงโกเมนมองคนที่มาช่วยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่ขาเก้าอี้ธรรมดาย่อมทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผู้ชายที่คร่อมอยู่บนตัวเธอก็ยังจะมาช่วยอีก บางทีเพราะเป็นผู้หญิง เขาถึงพุ่งเข้ามา

“เจ้าจะลุกออกไปได้หรือยัง” เธอถามกลับเสียงเรียบพลางจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสดใส ชายคนนั้นเหมือนได้สติก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยเร็ว

“ขอโทษด้วย ข้าเหม่อลอยนิดหน่อย” ความจริงแล้วเขาเกิดอะไรชะงักค้างทันทีที่ได้เห็นอีกฝ่ายชัด ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน ทำเอาเขาเคลิ้มไปเลยทีเดียว

“ถ้าจะทะเลาะกันก็ไปที่อื่น มันเดือดร้อนชาวบ้านนะ รู้ไหม!” ทางด้านโรซาเลียก็เอาดาบชี้หน้าชายสองคนที่ทะเลาะกันจนทั้งคู่ต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ไปกันเถอะ” เอราเคียเดินมาเรียกหลานสาวพลางสวมฮู้ดคลุมศีรษะ “ขอบคุณที่ช่วย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว” กล่าวจบก็เดินจากไปพร้อมสาวผมแดงทันที

“เจ้านี่เป็นคนดีจริง ๆ เลโอนาร์ด คนที่เจ้าช่วยเป็นสาวสวยซะด้วย แต่เป็นผู้หญิงที่แปลกชะมัด ถ้าเป็นคนอื่นคงเขินอายไปแล้ว” เพื่อนสนิทที่อยู่ในเหตุการณ์เดินมาตบไหล่ชายผมสีทองก่อนจะชวนคุยกันต่อ “แล้วเจ้าเป็นอะไรอีก มองตามนางไม่กะพริบเชียว”

“ตัวนางนิ่มมากเลย”

“ตื่น ๆ อย่าเพิ่งละเมอ เราต้องรีบเอาสมุนไพรไปให้ท่านหมอนะ ลืมแล้วเหรอ เจ้าบ้า!” เพื่อนร่วมงานตบกะโหลกคู่สนทนาไปทีหนึ่งก่อนจะเดินหนี เลโอนาร์ดจึงรีบเดินตามเพราะใจหนึ่งก็รู้สึกว่าชักช้าไปแล้ว

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มผู้ไร้ความทรงจำก็หันกลับไปมองด้านหลัง ยังดีที่เมืองนี้ไม่มีคนเยอะ บนถนนตอนกลางวันจึงไม่มีคนพลุกพล่านมาก เขาก็เลยเห็นหญิงสาวคนนั้นเดินไปกับผู้หญิงอีกคนได้ชัดเจน อยู่ ๆ ก็เกิดความอยากรู้ว่าพวกเธอจะไปไหน

“เลโอนาร์ด! ไปได้แล้วโว้ย!”

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

สุดท้ายเขาก็ต้องรีบกลับไปทำงานตามเดิม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด