ตอนที่แล้วChapter 55 - 56: ประมูล, หยกชิ้นต่อไป (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 59 - 60: แผนการของกู้หนิง, เดิมพัน (ฟรี)

Chapter 57 - 58: เกือบพลาด, ลี่เจินเจินไม่เป็นมิตร (ฟรี)


Chapter 57: เกือบพลาด

กู้หนิงออกจากร้าน จากนั้นก็เดินเข้าไปอีกร้านหนึ่ง เธอโชคดีเจอหยกระดับสูงและระดับกลาง หยกระดับสูงมีขนาดเท่าผลแอปเปิ้ล ในขณะที่ระดับกลางมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย มีขนาดครึ่งหนึ่งของลูกฟุตบอล

กู้หนิงยังไม่ผ่าเอาหยกระดับสูงออกมาตอนนี้ เธอเพิ่งผ่าได้หยกระดับสูงมาสองก้อน เธอไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจะผ่าเอาหยกระดับกลางออกมาก่อน

หยกระดับกลางมีราคาอยู่ที่ประมาณแปดล้านหยวน

กู้หนิงเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่หกร้าน หลังจากร้านที่หก เธอก็สะสมหยกได้เจ็ดแปดก้อนขนาดต่างกันไป แน่นอนว่าราคาก็ต่างกันออกไปด้วย ก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล ส่วนขนาดเล็กที่สุดเท่าผลแอปเปิ้ล

นอกจากหยกระดับสูงแล้ว เธอก็สะสมหยกระดับกลางได้ห้าก้อน สำหรับหยกระดับต่ำ กู้หนิงไม่สนใจเลย

ตามทางกู้หนิงก็ผ่าเอาหยกระดับกลางออกมาสองก้อน ทำเงินได้ยี่สิบสามล้านหยวน ส่วนที่เหลือกู้หนิงยังไม่อยากจะผ่ามัน เธอไม่ต้องการเป็นที่รู้จัก

จนตอนนี้กู้หนิงมีเงินอยู่ทั้งหมดแปดสิบหกล้านหยวนจากการพนันหิน

ราคาของหินดิบมี่ทั้งสูงและต่ำ ราคาแพงสุดต่อน้ำหนักหนึ่งปอนด์อยู่ที่หลายหมื่นหยวน ในขณะที่ถูกสุดก็หลายร้อยหยวน ดังนั้นกู้หนิงจึงใช้เงินสามล้านในการซื้อหินดิบที่เธอต้องการ

แต่ถ้าเธอผ่าหินออกทั้งหมด เธอจะได้เงินสะสมทั้งหมดหกร้อยถึงเจ็ดร้อยล้านหยวน

กู้หนิงตัดสินใจเก็บหินดิบไว้ก่อน เธอจะขายมันให้กับอาจารย์ฝูกับจ้าวหยูเฟิง

ทุกครั้งที่กู้หนิงซื้อหินดิบ เธอจะแอบเก็บไม่เอาไว้ในพื้นที่ตาทิพย์ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องแบกมันไปด้วยตลอดทาง

กู้หนิงก้าวเข้ามาในร้านอีกครั้ง ร้านนี้มีขนาดใหญ่กว่าทุกร้านที่เธอเคยเข้า มีลูกค้าอยู่เยอะพอๆกับหินดิบที่วางเรียงรายในร้าน

ได้ยินเสียงพูดคุยกันของลูกค้า กู้หนิงก็รู้ว่าที่ร้านเพิ่งจะได้ก้อนหินดิบคุณภาพสูงมา มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าจะมีหยกอยู่ข้างใน

ถึงแม้ว่าก้อนหินดิบสีเขียวจะคุณภาพสูง เขาหรือเธอก็ต้องอาศัยโชคด้วย

ทันใดนั้นกู้หนิงก็ใช้ตาทิพย์ของเธอตรวจสอบดูทันที มีหยกอยู่ข้างในหินและ หนึ่งในนั้นมีสีแดง

มีหยกอยู่ในก้อนหินเพียงสองก้อน ก้อนหนึ่งขนาดเล็กกว่าลูกฟุตบอล ส่วนอีกก้อนใหญ่เป็นสองเท่าของผลแอปเปิ้ล

นาทีที่กู้หนิงเห็นหยกสีแดงอยู่ข้างใน เธอก็ชอบมัน ดังนั้นเธอจึงเลื่อนรถเข็นตรงเข้าไป

เมื่อกู้หนิงใกล้จะถึง ก็มีผู้หญิงอายุราวๆสามสิบต้นๆในชุดทันสมัย เธอหยิบมันไปก่อนกู้หนิง กู้หนิงรู้สึกผิดหวัง

เธอรู้กฎ คุณไม่อาจฉวยแย่งเอาของคนอื่นได้ หากคนอื่นไม่เอามันแล้วคุณถึงจะได้มันไป กู้หนิงไม่อยากสูญเสียก้อนหินอีกสองก้อนที่มีหยกสีเขียวอยู่ข้างใน ดังนั้นเธอจึงรีบหยิบมันโดยไม่รอช้า

ในขณะเดียวกันเธอก็จับตาดูก้อนหินที่มีหยกสีแดงอยู่ข้างใน ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้วางมันคืน เธอจะรีบหยิบมันขึ้นมา

“ผมไม่คิดว่าข้างในหินก้อนนี้จะมีหยกอยู่ข่างใน มันดูน่าเกลียด” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น

“ไร้สาระ! คุณไม่ควรตัดสินมันจากรูปร่าภายนอก เพียงเพราะมันดูน่าเกลียดก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหยกอยู่ข้างใน” ผู้หญิงคนนั้นตอบโต้

ได้ยินแบบนั้น หัวใจของกู้หนิงก็สะดุด ผู้หญิงคนนี้ก็ชอบก้อนหินก้อนนี้ด้วยเหมือนกันเหรอ

จากนั้นเจ้าหล่อนก็เอ่ยเสริมขึ้นมา “แต่ฉันจำเป็นต้องพิจารณามันก่อนว่าจะซื้อหรือเปล่า”

หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็วางมันกลับที่เดิม และจดจำหมายเลขของก้อนหินเอาไว้ เธอชอบหินก้อนนี้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อมันหรือเปล่า

วินาทีที่ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป กู้หนิงก็หยิบก้อนหินขึ้นมา เธอถอนหายใจโล่งอก

โชคเข้าข้างเธอที่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตัดสินใจซื้อมัน กู้หนิงไม่อยากพลาดหยกหายากก้อนนี้ มูลค่าของมันประเมินค่าไม่ได้!

กู้หนิงใช้ตาทิพย์มองดูข้างใน เธอเห็นหยกสองก้อน ทั้งสองมีขนาดสองในสามลูกฟุตบอล

หยกพวกนี้ยังไม่เพียงพอ แต่กู้หนิงตัดสินใจจ่ายเงินก่อนและเอาพวกมันเก็บไว้ในพื้นที่ตาทิพย์

มันคงไม่สะดวกหากเธอต้องหอบหิ้วก้อนหินหลายก้อนเดินไปด้วย

ก้อนหินดิบเหล่านี้เพิ่งได้มาใหม่ล่าสุด ดังนั้นมันจึงมีราคาแพง ก้อนเล็กที่สุดก็มีราคาหนึ่งหมื่นหยวนต่อหนึ่งปอนด์ ในขณะที่ก้อนใหญ่ที่สุดมีราคาสองหมื่นหยวนต่อปอนด์ กู้หนิงซื้อทั้งหมดห้าก้อนซึ่งมีน้ำหนักรวมเก้าสิบสามปอนด์ ราคาอยู่ที่หนึ่งล้านห้าแสนหยวน

กู้หนิงเก็บหินในพื้นที่ตาทิพย์ จากนั้นก็กลับไปชอปปิ้งต่อ

ไม่นานกู้หนิงก็เจอหินอีกก้อนที่มีหยกสีเขียวข้างใน ครั้งนี้หยกมีขนาดใหญ่กว่าก้อนอื่นๆ มันมีขนาดเป็นสองเท่าของลูกฟุตบอล

กู้หนิงเข็นรถเข็นเข้าไป มันมีน้ำหนักอย่างน้อยห้าสิบปอนด์ และมีราคาสองหมื่นหยวนต่อหนึ่งปอนด์

พูดได้ว่าหินดิบก้อนนี้มีราคาหนึ่งล้านหยวน

แน่นอนกู้หนิงย่อมไม่สนใจตราบใดที่มีหยกข้างใน ต่อให้มีราคาสิบล้านหยวนก็ตาม เพราะหยกที่อยู่ข้างในนี้มีราคามากกว่าสิบล้านหยวนอย่างแน่นอน

กู้หนิงสามารถจำแนกประเภทของก้อนหินจากพลังงานของมันได้ พลังที่หนากว่ามีหยกที่มีค่ามากกว่าอยู่ข้างใน อย่างไรก็ตามกู้หนิงก็ไม่อาจทราบราคาที่แน่นอนของหยกได้ ราคานั้นขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ

“กู้หนิง?”

เมื่อกู้หนิงวางก้อนหินลงในรถเข็น เธอก็ได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเธอ เสียงฟังดูคุ้นหู ดังนั้นเธอจึงรู้ได้ทันทีว่าใครโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง

กู้หนิงหันกลับไปดู เป็นฉินอี้ฟานที่กำลังท่าประหลาดใจ เธอจึงเอ่ยทักยิ้มๆ “ยินดีที่ได้เจออีกครั้งค่ะ บังเอิญจัง พวกคุณมาที่นี่เพื่อซื้อก้อนหินด้วยเหรอคะ?”

ฉินอี้ฟานมาพร้อมกันกับลี่เจินเจินและชายหนุ่มอีกคนที่อายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี

ลี่เจินเจินหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เห็นกู้หนิงอยู่ที่นี่ เธอเกลียดดู้หนิงและไม่อยากเจอกู้หนิงอีก

ในขณะที่กู้หนิงไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

“ใช่ เพื่อนของฉันเปิดร้านนี้ วันนี้มีก้อนหินเข้ามาใหม่เลยว่าจะมาดูสักหน่อย จริงๆแล้วฉันมาเมือง G เพื่อมาดูหินน่ะ แต่ไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน” ฉินอี้ฟานอ่ย เขาดูดีใจ ไม่มีใครรู้ว่าเขาดีใจที่ได้เจอกู้หนิงหรือได้เจอคนรู้จัก

“ฉันสนในการพนันหินค่ะ แต่ยังเป็นมือใหม่อยู่ ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก” กู้หนิงตอบ

“เธอถามฉันได้ถ้ามีคำถาม” ฉินอี้ฟานเอ่ยอย่างใจดี

“แน่นอนค่ะ” กู้หนิงไม่ปฏิเสธ เธออาจจะได้ขอความช่วยเหลือเขาก็ได้

ลี่เจินเจินทนมองเห็นฉินอี้ฟานใจดีกับกู้หนิงไม่ได้ เธอจึงเดินเข้ามาแทรก “มีชั้นหินที่ผุกร่อนบนพื้นผิวก้อนหิน ซึ่งทำให้คนไม่สามารถมองเห็นหยกที่อยู่ข้างใน ดังนั้นหลายคนคิดว่าการพนันหินต้องอาศัยโชคช่วย ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด”

Chapter 58: ลี่เจินเจินไม่เป็นมิตร

“หินที่โชว์มีลักษณะเฉพาะตัว เราสามารถตัดสินสภาพภายในของหินตามลักษณะเหล่านี้ได้ จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญนักธรณีวิทยา ภายในหยกมีความสัมพันธ์กับสีของเปลือกนอก ลักษณะของ ‘ซงหัว’ ‘ลายงูหลามและมอส’ (1: ซงหัว มีลักษณะเป็นริ้วรอยลายงูหลามและต้นมอส เป็นการกระจายของสีไปตามร่องรอยแตกของหิน) เป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับแยกแยะสภาพภายในของหยกเจไดต์” ลี่เจินเจินอธิบายอย่างมืออาชีพอย่างกับเธอกำลังสอนกู้หนิง อย่างไรก็ตามความรังเกียจและความเย่อหยิ่งในดวงตาของเธอก็ไม่อาจปิดบังไว้ได้

ลี่เจินเจินทำเป็นอวดความรู้ของตัวเองและทำให้กู้หนิงรู้สึกเสียหน้าเพราะกู้หนิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหิน

ในระหว่างที่กู้เจินเจินอธิบาย เธอก็ใช้สายตาตรวจสอบก้อนหินในรถเข็นของกู้หนิงไปด้วย จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ

“ไม่มีลายงูหลามซงหัวหรือมอสบนเปลือกผิวของหิน ฉันเกรงว่าก้อนหินของเธอคงจะไร้ค่าซะแล้วล่ะ คุณกู้”

คำอธิบายอย่างมืออาชีพของลี่เจินเจิน ได้รับคำชื่นชมจากผู้คนรอบตัวเธ

“อายุเท่านี้ก็รู้มากขนาดนี้แล้ว!”

“จริง มีคนหนุ่มสาวไม่มากที่มีความรู้ในเรื่องนี้”

ได้ยินเสียงชื่นชม ลี่เจินเจินรู้สึกภาคภูมิใจราวกับว่าเธอเอาชนะกู้หนิงได้

ครอบครัวของลี่เจินเจินเกี่ยวข้องกับธุรกิจอัญมณี เธอจึงเติบโตมากับหยกหลายชนิดและมีความรู้เรื่องหินดิบเป็นอย่างดี ในอดีตเธอผ่าก้อนหินที่มีหยกระดับกลางอยู่ข้างในมามากมาย

แบรนด์จิวเวอร์รี่ของตระกูลลี่ไม่ได้อยู่ในแบรนด์อันดับสาม แต่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมือง G

ตระกูลลี่มีสินทรัพย์ห้าร้อยล้านหยวน ถึงจะเป็นตระกูลเศรษฐีแต่ถ้าเทียบกับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามก็ยังห่างไกลกันมาก

นอกจากนี้สินทรัพย์ของบริษัทไม่เพียงแต่เป็นของตระกูลลี่เท่านั้น แต่ยังเป็นของผู้ถือหุ้นด้วย

ลี่เจินเจินอธิบายได้ถูกต้องและเป็นความจริง ดังนั้นฉินอี้ฟานจึงไม่ได้ระวังว่าเธอมีจุดประสงค์ไม่ดี

“คุณลี่พูดถูก แต่ถึงแม้ก้อนหินจะไม่มีลวดลายซงหัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหยกอยู่ข้างใน ฉันชอบก้อนนี้และอยากจะลองเสี่ยงกับมันดูค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างถือดี

กู้หนิงชื่นชมความมืออาชีพของลี่เจินเจิน แต่ไม่สำคัญว่าเธอจะเชี่ยวชาญแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าหยกก้อนไหนมีหยกหรือไม่มีหยกอยู่ข้างใน ความรู้ของลี่เจินเจินไม่อาจเทียบกับตาทิพย์ของเธอได้แม้แต่น้อย

กู้หนิงรู้ว่ามีหยกอยู่ข้างในหินดิบก้อนนี้เพราะตาทิพย์ของเธอ ในขณะที่ลี่เจินเจินแน่ใจว่ามันไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าใครผิดใครถูก

กู้หนิงสนแค่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ คนชนะถึงจะได้สิ่งที่ดีที่สุด

ลี่เจินเจินเยาะเย้ยแต่ต้องแกล้งทำเป็นชมเชยกู้หนิง “คุณกู้ช่างแน่วแน่นัก!”

ถึงแม้ฉินอี้ฟานจะไม่รู้ว่าก้อนหินในรถเข็นกู้หนิงจะมีมูลค่าสูงเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าจะหยุดการโต้เถียงเล็กๆนี้ได้อย่างไรและดูเหมือนว่ากู้หนิงก็มั่นใจในตัวเองด้วย

“พี่อี้ฟาน ไปดูหินกันเถอะค่ะ!” ลี่เจินเจินเร่งฉินอี้ฟาน เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้กับกู้หนิงนานๆ

“กู้หนิง เธออยากมาร่วมกับเราไหม?” ฉินอี้ฟานเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ

“พี่อี้ฟาน...” ลี่เจินเจินอยากจะห้ามเขา

แต่ก่อนที่ลี่เจินเจินจะพูดจบ กู้หนิงก็ปฏิเสธก่อน “ขอบคุณค่ะ แต่คิดว่าไม่ดีกว่า ร้านไม่ได้ใหญ่มาก”

“ก็ได้ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ บอกฉันได้นะ” ฉินอี้ฟานไม่เซ้าซี้ ร้านไม่ได้มีขนาดใหญ่ เดินไปอาจจะเจอกันอีกก็ได้

กู้หนิงพยักหน้าจากนั้นก็เข็นรถเข็นเดินจากไป

ในขณะที่ผู้หญิงที่หยิบก้อนหินที่มีหยกสีแดงก่อนหน้ากู้หนิงก็เดินกลับมา

เธอตัดสินใจที่จะซื้อมัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ก้อนหินนั้นเป็นของกู้หนิงแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกเสียใจเพราะเธอพลาดก้อนหินที่เธอชอบไปแล้ว กู้หนิงไม่สนใจเธอและเดินเลือกก้อนหินต่อ

ไม่นานก้อนหินที่มีหยกอยู่ข้างในก็ปรากฏสู่สายตากู้หนิง ก้อนที่หนึ่งมีขนาดเท่าลุกฟุตบอล อีกก้อนมีขนาดหนึ่งในสามของลูกฟุตบอล ก้อนที่สองอยู่ในมือของผู้ชายอายุสี่สิบ

กู้หนิงไม่อาจฉวยไปหยิบจากมือเขาได้ กู้หนิงจึงหยิบอีกอัน เธอหยุดยืนมองดูก้อนที่อยู่ในมือผู้ชายคนนั้น

กู้หนิงไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดเอาก้อนหินที่มีหยกอยู่ข้างในทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง แต่เหตุผลที่เธอจ้องไปที่หินในมือชายผู้นั้นเพราะข้างในมีหยกสีแดง เธอไม่อยากจะพลาดมัน

เนื่องจากมันยังไม่ได้ถูกผ่าออก กู้หนิงจึงไม่รู้ว่ามันอยู่ในระดับสูงหรือกลางกู้หนิงจึงหันไปมองกองก้อนหินอีกอัน และได้มาอีกสองก้อนที่มีหยกสีเขียวอยู่ข้างใน ถึงมันจะมีขนาดเล็กเท่าแอปเปิ้ล แต่มันมีสีพิเศษ

ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้เพิ่มมาอีกก้อนซึ่งมีขนาดเป็นสองเท่าลูกฟุตบอล กู้หนิงวางแผนจะผ่าก้อนหินสองสามก้อนที่นี่ เธอจึงเลือกหยิบก้อนหินธรรมดามาด้วยอีกสองก้อน

กู้หนิงเป็นเด็กสาววัยรุ่นจึงง่ายต่อการสังเกต นอกจากนี้เธอยังเลือกหยิบก้อนหินแบบไม่ใส่ใจซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบตัวเธอ

กู้หนิงรู้ว่ามีผู้คนจ้องมองเธอ แต่เธอไม่สนใจ

ก้อนหินดิบที่กู้หนิงเลือกไม่เล็กไม่ถูก พวกมันมีราคาสูงถึงสี่ล้านห้าแสนหยวน

หลังจากจ่ายเงิน กู้หนิงก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังพิจารณาหินในมือ เธออยากจะบอกชายผู้นั้นว่าซื้อมันเถอะ แต่เขาคงไม่เชื่อเธอ เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ

“นั่นใช่เจ้าของร้านอัญมณีโจวฝูรึเปล่า? โจวเจิ้งหง? โอ้ะ แต่เป็นอดีตเจ้าของร้านนี่นะ เพราะตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของร้านคนปัจจุบัน อะไรน่ะ? คุณยังจะเล่นพนันหินหลังจากสูญเสียทุกอย่างไปแล้วหรือ?”

เสียงพูดสดใสแต่เต็มไปด้วยการประชดประชัน ทุกคนรวมทั้งกู้หนิงต่างมองดูเป็นจุดเดียวกัน

ร้านโจวฝูเปิดมาสิบหกปีมีทรัพย์สินหลายร้อยล้านหยวน เป็นแบรนด์ระดับล่าง อดีตประธานบริษัทคือโจวเจิ้งหง และเชาผิงกลายมาเป็นประธานคนปัจจุบันได้คร่งปีแล้ว

ส่วนสาเหตุนั้นยังเป็นความลับ

เชาผิงสวมสูทถือกระเป๋าหนังสีดำ เขามีรูปร่างท้วมเล็กน้อย เขาเดินอกผายไหล่ผึ่งและตามมาด้วยลูกน้องหลายคน อย่างกับผู้ทรงอิทธิพล

แต่แววตาของเชาผิงนั้นแฝงด้วยความชั่วร้าย

เมื่อได้ยินเสียงร้องทักดังขึ้น โจวเจิ้งหง ผู้ชายคนที่กำลังถือหินในมือก็ผงกศีรษะขึ้น “เชาผิง” โจวเจิ้งหงขบฟันแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เมื่อเผชิญหน้ากับความเกลียดชังของโจวเจิ้งหง แต่เชาผิงไม่สนใจ เขายังคงพูดต่อว่า

“ฉันได้ยินมาว่านายเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ แต่ฉันคิดว่านายควรหยุดดีกว่า เก็บเงินไว้เป็นค่าเรียนลูกชายไม่ดีกว่าหรือไง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด