ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 849 ประสบความสำเร็จในการหลบหนี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 851 แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 850 ร่างแยกปีศาจโลหิต (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 850 ร่างแยกปีศาจโลหิต (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT 

“ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกปีศาจโลหิต...” ฟางหยวนมองท่อนแขนที่อยู่ในระฆังทองและพึมพำ

อ้างอิงจากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งซื่อซิงใช้ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกปีศาจโลหิต สิ่งนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการหลบหนีและทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากขึ้น

นี่เป็นท่าไม้ตายที่สามารถสร้างร่างแยกได้อย่างรวดเร็วและสมจริง กระทั่งท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบก็ไม่สามารถตรวจพบข้อบกพร่อง

อย่างไรก็ตามวิธีนี้ต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงมาก

มันต้องใช้ชิ้นส่วนร่างกายของร่างต้นเพื่อสร้างร่างแยก นอกจากนั้นพวกเขายังต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมากเพื่อเป็นแหล่งพลังงานและรักษาการคงอยู่ของมัน

มีวิธีการมากมายบนโลกใบนี้ที่สามารถสร้างแขนใหม่ แต่ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกปีศาจโลหิตไม่ได้ใช้เพียงชิ้นส่วนร่างกายแต่ยังต้องจ่ายด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือดที่อยู่บนร่างของผู้ใช้งานอีกด้วย

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ท่าไม้ตายนี้สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์

หากไม่ใช่เพราะพลังงานแห่งเต๋า ร่างแยกปีศาจโลหิตจะไม่สมจริง

ในกรณีของผู้อมตะทั่วไป หากพวกเขาสูญเสียส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือกระทั่งครึ่งร่าง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะถูกดึงเข้าสู่มิติช่องว่างของพวกเขา หลังจากกู้คืนร่างกาย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าก็จะกลับออกมาอยู่บนร่างใหม่

เมื่อผู้อมตะตาย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะถูกดึงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

หากซ่งซื่อซิงใช้ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกปีศาจโลหิต แม้เขาจะสร้างแขนขึ้นมาใหม่ในภายหลัง มันก็จะเป็นเพียงแขนที่ว่างเปล่าและปราศจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือดอีกต่อไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังงานแห่งเต๋าเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลสำหรับผู้อมตะ

เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหาได้ยาก พวกเขาจะได้รับมันหลังจากผ่านภัยพิบัติสวรรค์พิภพเท่านั้น ในการก้าวข้ามภัยพิบัติ ผู้อมตะต้องเสี่ยงชีวิตและสูญเสียทรัพยากรจำนวนมาก

ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจึงมีความสำคัญสำหรับผู้อมตะ

เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นคุณค่าของวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งอีกด้วย

แต่ฟางหยวนมั่นใจว่าซ่งซื่อซิงไม่มีวิญญาณอมตะลักษณะเดียวกับวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างกายของผู้อมตะจะเพิ่มพลังให้กับวิญญาณอมตะรวมถึงท่าไม้ตายของพวกเขา

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะส่งผลกระทบอย่างมาก มันอาจเพิ่มพลังให้กับผู้อมตะนับร้อยนับพันเท่า นี่เป็นเหตุผลที่ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถเอาชนะผู้อมตะระดับแปดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า

ด้วยเหตุนี้ซ่งซื่อซิงจึงสามารถหลบหนีแม้ร่างกายของเขาจะเหลือเพียงครึ่งเดียวจากการใช้ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกปีศาจโลหิตก็ตาม

หลังการต่อสู้ครั้งนี้สิบนิกายโบราณไม่เพียงสูญเสียใบหน้า พวกเขายังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายและกระทั่งได้รับบาดเจ็บ

ด้านซ่งซื่อซิง เขาสูญเสียมังกรโลหิต ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด และยังได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังการต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณะชนเป็นเวลาถึงสองร้อยปี ในช่วงเวลาเหล่านี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย นี่ทำให้หลายคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว

แต่เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เขากระทั่งแข็งแกร่งกว่าเดิมและมีมังกรโลหิตถึงสามตัว

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อเก็บชิ้นส่วนร่างกายของซ่งซื่อซิง

หากฟางหยวนได้รับท่อนแขนของซ่งซื่อซิง เขาสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดเปลี่ยนมันให้เป็นศีรษะของเป้าหมาย

หลังจากทั้งหมดศีรษะของซ่งซื่อซิงคือเงื่อนไขในการรับสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

จิตวิญญาณแผ่นดินมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ตราบเท่าที่ฟางหยวนส่งมอบศีรษะของซ่งซื่อซิง เขาจะกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวทันที

แม้วันหนึ่งซ่งซื่อซิงจะปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าจิตวิญญาณแผ่นดิน จิตวิญญาณแผ่นดินก็จะไม่ทรยศฟางหยวนเนื่องจากฟางหยวนได้ทำตามเงื่อนไขอย่างสมบูรณ์แล้ว มันไม่สนว่าซ่งซื่อซิงจะมีชีวิตอยู่หรือไม่

อย่างไรก็ตามหากฟางหยวนทำลายระฆังทอง ท่อนแขนของซ่งซื่อซิงจะถูกทำลายไปพร้อมกัน

ฟางหยวนต้องมีวิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อจัดการกับมัน

ในความเป็นจริงระฆังทองจะหายไปหลังจากหนึ่งคืนขณะที่ท่อนแขนของซ่งซื่อซิงจะระเบิดเป็นละอองเลือดปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมดและสร้างปัญหาให้กับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่

หลายร้อยปีต่อมา เมืองหยวนหยางจะรับสมัครอัจฉริยะเพื่อทำภารกิจสำรวจหมอกโลหิตและสังหารสัตว์อสูรโลหิตที่ต้องการโจมตีเมืองหยวนหยาง

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนเคยอาศัยอยู่ในเมืองหยวนหยางและยังรับภารกิจดังกล่าว

ฟางหยวนสังเกตอย่างถี่ถ้วนก่อนจะใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ทดสอบมัน

อย่างไรก็ตามระฆังทองไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน มันคู่ควรที่จะเป็นท่าไม้ตายอมตะอย่างแท้จริง

ฟางหยวนเดินสำรวจรอบๆระฆังทองและคิดแผนการ

แต่ก่อนที่เขาจะโจมตีระฆังทอง เขากลับได้ยินเสียงพูดคุย

“เสียงระเบิด! พวกเจ้าได้ยินหรือไม่?”

“ข้าเห็นแสงลึกลับ...”

“บางที...มันอาจเป็นสมบัติ!”

เสียงเหล่านี้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ฟางหยวนตระหนักทันทีว่ากลุ่มผู้ใช้วิญญษณถูกดึงดูดโดยการต่อสู้ที่รุนแรง

สถานที่แห่งนี้อยู่บริเวณรอบนอกของภูเขาเปลวเพลิงที่แท้จริง โดยปกติสัตว์อสูรทั่วไปจะไม่ออกมาเพราะที่นี่อยู่ใกล้เมืองหยวนหยาง

ท่าไม้ตายอมตะของผู้อมตะคนก่อนหน้าสร้างลำแสงสีทองขึ้นบนท้องฟ้า ดังนั้นมันจึงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสำรวจ

“พวกแมลงตัวเล็กตัวน้อย” ฟางหยวนเย้ยหยัน

ด้วยหนึ่งความคิด ภูตบนเส้นทางแห่งความแข็งแกร่งพุ่งออกจากมิติช่องว่างของเขา

ในไม่ช้าภูตมนุษย์จำนวนมหาศาลก็ปรากฎขึ้นรอบตัวฟางหยวน

ทุกครั้งที่ฟางหยวนออกมาปฏิบัติภารกิจ เขาจะเก็บภูตมนุษย์จำนวนมากเอาไว้ในมิติช่องว่าง เนื่องจากการสร้างภูตมนุษย์แต่ละตนต้องใช้เวลาพอสมควร

“ฆ่า” ฟางหยวนออกคำสั่ง

“นั่นคือสิ่งใด?”

“อ๊าก...”

“จัดกระบวนรบ!”

“วิ่ง!”

เสียงกรีดร้องทุกประเภทดังขึ้น เพียงไม่กี่ลมหายใจกลุ่มผู้ใช้วิญญาณก็ถูกกำจัด

กองทัพภูตมนุษย์ของฟางหยวนโจมตีอย่างไร้ปรานี ผู้ใช้วิญาณนับไม่ถ้วนเสียชีวิตขณะที่กลิ่นคาวเลือดลอยไปถึงตำแหน่งของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนยืนมือไพล่หลังและมองระฆังทองอย่างสงบนิ่ง

แม้ฟางหยวนจะมีวิธีการมากมายแต่เขายังไม่เคลื่อนไหว

หากเร่งรีบอาจเกิดข้อผิดพลาด

แม้ภูตมนุษย์จะแข็งแกร่งแต่พวกมันไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบ ผู้ใช้วิญญาณบางคนอาจไม่ยอมแพ้และแอบซุ่มอยู่ในมุมมืด

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจึงวางค่ายกลวิญญาณสายตรวจสอบเอาไว้รอบๆ ทุกการเคลื่อนไหวไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเขา

พลังงานอมตะคือข้อได้เปรียบของผู้อมตะเนื่องจากมันสามารถกระตุ้นการทำงานของท่าไม้ตายระดับมนุษย์ได้อย่างยาวนาน

จากประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนจึงรู้จักท่าไม้ตายที่ดีกว่าท่าไม้ตายของยุคนี้

เป็นดังที่ฟางหยวนคาดเดา หลังจากชั่วครู่เขาพบผู้ใช้วิญญาณสี่คนลอบเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

ฟางหยวนสั่งภูตมนุษย์โจมตีพวกเขา

“เป็นไปได้อย่างไร? เขาพบข้าได้อย่างไร?”

“ไว้ชีวิตข้าด้วย โปรดเมตตาข้าด้วย”

“อ๊าก...”

ผู้ใช้วิญญาณเหล่านั้นถูกสังหารทั้งหมด

สภาพแวดล้อมกลับมาเงียบสงบแต่กลิ่นคาวเลือดกลับเข้มข้นมากขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนเริ่มเคลื่อนไหว

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

กำปั้นยักษ์พุ่งออกไปคว้าระฆังทองเอาไว้

หลังจากเพิ่มวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเข้าไปในท่าไม้ตายกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน พลังการต่อสู้ของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก หากเขาต้องการ ระฆังทองจะแตกละเอียดภายในพริบตา

ระฆังทองพยายามต่อต้านแต่ไม่สามารถขัดขืน

ในความเป็นจริงสิ่งที่ฟางหยวนกำลังทำก็คือป้องกันไม่ให้ระฆังทองระเบิดตัวเอง มิฉะนั้นท่อนแขนที่อยู่ภายในจะกลายเป็นละอองโลหิตทันที

โชคดีที่ฟางหยวนไม่เพียงเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่เขายังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ทักษะมากมายบนเส้นทางแห่งเลือด

เขาวางแผนมานานแล้วและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

หลังจากนั้นเขาจึงสร้างค่ายกลวิญญาณขึ้น เขาตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนจะพบข้อบกพร่องสองจุดและพยายามแก้ไข เขายังตรวจสอบซ้ำอีกหลายรอบด้วยความอดทน

เมื่อทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เขาจึงเริ่มโจมตี

ระฆังทองพังทลายลงแต่ท่อนแขนถูกผนึกเอาไว้

หลังจากทั้งหมดซ่งซื่อซิงอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ เขาใช้พลังงานอมตะเพียงเล็กน้อยในการควบคุมท่อนแขนชิ้นนี้ นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ฟางหยวนสามารถครอบครองมันได้อย่างง่ายดาย