ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0794
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0796

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0795


ตอนที่ 795 : บัลลังก์ราชันแห่งพระราชวังใหญ่

หลันซูเหยาพบเห็นฉินหยุน นางจึงกล่าวอย่างนึกทึ่ง “ข้าพันธนาการมันไว้แล้ว ผู้ใดช่วยเหลือมันออกมา?”

ฉินหยุนหัวเราะดังกล่าวคำ “นางเฒ่าดุร้ายซูเหยา เป็นเจ้าปรามาสต่อข้าเกินไป ด้วยลูกเล่นต่ำทรามของเจ้า คิดหรือว่าจะพันธนาการท่านลุงฉินหยุนของเจ้าผู้นี้เอาไว้ได้?”

กลุ่มของเปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียนย่อมได้เห็นสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อที่นี่ พวกเขาจึงคาดเดาว่าฉินหยุนสมควรมาที่นี่ ตอนนี้ พวกเขาได้เห็นฉินหยุนสบถด่าทอต่อหลันซูเหยา พวกเขาเผยอาการตื่นตะลึงไม่รู้จบ พวกเขาไม่คิด ว่าฉินหยุนจะถึงขั้นมีสัมพันธ์เบาะแว้งกับหลันซูเหยา

“เสี่ยวหยุน... เจ้า... เจ้าอย่าได้พูดแล้ว...” สื่อชิงเฉิงตะโกนคำเบา

“เหตุใดข้าไม่อาจพูด? นางเฒ่าหิวโซและโฉดชั่วผู้นี้มันเปลื้องผ้าข้าและฉวยโอกาสต่อข้า เป็นนางที่แทบข่มขืนและหยามเหยียดเกียรติที่ข้ามี เหตุใดข้าจึงไม่อาจกล่าวต่อนาง?” น้ำเสียงของฉินหยุนดังก้องทั่วทั้งห้องโถง

ได้รับฟัง ผู้คนล้วนกายแข็งทื่อ พวกเขาต่างมองฉินหยุนราวกับคนตายผู้หนึ่ง

“องค์ราชินีซูเหยาโปรดวางใจ ข้ารับประกันว่าผิวหนังของมันต้องถูกถลกออกทั้งสภาพยังมีชีวิต!” ผู้ปกครองแพะภูตผีเร่งรีบกล่าว

“เจ้าปีศาจน้อย เร่งรีบยอมรับความผิดต่อองค์ราชินีซูเหยา!”

“เจ้ามนุษย์เด็กที่สมควรตาย!”

“ไม่ว่าเจ้าครอบครองกี่ชีวิต วันนี้มันจะไม่พอให้เจ้าได้ใช้รับความตาย!”

“เร่งรีบยอมรับความผิดต่อองค์ราชินีซูเหยา บางทีนายท่านใหญ่อาจรับเจ้าไว้เป็นข้าทาสและไม่ลงมือสังหาร!”

เวลานี้ผู้คนต่างไม่อาจขยับ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่กล่าววาจาคุกคามฉินหยุน

ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำและตระกูลหลงยังกล่าว ว่าฉินหยุนเป็นตัวตนเลวทรามเกินกว่าการชดใช้บาป เป็นเขาครอบครองสองจารึกวิญญาณ ทั้งยังเชี่ยวชาญอักขระโทเทมมากมาย

หลังถูกสบถก่นด่า สีหน้าหลันซูเหยากลายเป็นดำมืดชวนสะพรึง ดวงตาสีครามทั้งสองของนางพลันระเบิดแสงสีน้ำเงินยิงเข้าใส่ฉินหยุน ร่างฉินหยุนซึ่งถูกแสงสีน้ำเงินโจมตีใส่ ฉับพลันจึงกลับกลายเป็นหินสีน้ำเงิน

“อาจารย์... โปรดละเว้นเขา!” สื่อชิงเฉิงเร่งร้อนขอความเมตตา

“อาจารย์ เป็นเขาโกรธจนหน้ามืดจนกล่าวเช่นนั้นออก” ได้เห็นฉินหยุนกลายเป็นหินสีน้ำเงิน สุ่ยเทียนสื่อรู้สึกเสียใจเป็นล้นพ้น

หลันซูเหยาพลันกล่าวเสียงเย็น “มีแต่ข้าสามารถควบคุมพลังได้ในอีกครึ่งชั่วยาม ไม่เช่นนั้นมันตาย! ผู้ใดซึ่งถูกข้าแปรเปลี่ยนเป็นหิน ผ่านไปครึ่งชั่วยามมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงแม้ข้าไม่ลงมือ!”

หลายคนต่างหวาดกลัวหลันซูเหยาเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ที่นี่ไม่มีผู้ใดสามารถขยับหรือใช้พลังในร่าง กระนั้น หลันซูเหยากลับยังแปรเปลี่ยนฉินหยุนเป็นหินสีน้ำเงินทั้งที่อยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรได้!

โถงใหญ่แห่งนี้เงียบสงัด ไม่มีผู้ใดกล้าพูดกล่าวเพราะเกรงยั่วยุหลันซูเหยา

ภายในห้องโถงเงียบงัน ฉับพลันเสียงปริแตกดังขึ้น มันดังจากร่างของฉินหยุน! ผู้คนต่างจับจ้องมองเขม็ง ฉินหยุนที่ร่างแปรเปลี่ยนเป็นหินสีน้ำเงิน ตอนนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินหยุนมันตายแน่แล้ว!” ชายชราจากเขตแดนลึกล้ำหัวเราะเสียงดัง

“นายท่านซูเหยาช่างยอดเยี่ยม ถึงขั้นสังหารฉินหยุนได้เพียงแค่มอง!” ผู้คนของตระกูลหลงต่างออกปากโห่ร้องตะโกน

คนของทั้งตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ำ ต่างชื่นชมหลันซูเหยาเป็นการใหญ่

ได้เห็นหินสีน้ำเงินแตกออกเป็นเสี่ยง สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อต่างคร่ำครวญกันออกมา

หลังหินสีน้ำเงินนั้นเริ่มปริแตก อย่างไม่คาดคิด มันระเบิดออก!

ฉินหยุนปรากฏกาย!

เป็นฉินหยุนที่ไร้รอยขีดข่วน ที่ปริแตกภายนอก มันเป็นเพียงเปลือกที่สร้างขึ้นจากหินสีน้ำเงิน!

“ฮ่าฮ่า ข้าหรือจะตาย! และตอนนี้ข้าก็ขยับร่างได้แล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะดังจากใจ ถัดจากนั้น เขาจึงพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มก้าวเดินไปทางหลันซูเหยา

ผู้คนที่นี้ต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง! หลันซูเหยาลงมือพลาด!

กระทั่งหลันซูเหยายังหวาดกลัวไม่รู้จบ นางเร่งรีบยิงแสงสีน้ำเงินออกจากดวงตาอีกครั้งหนึ่ง ลำแสงสีน้ำเงินปะทะร่างฉินหยุน ทว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น ตัวเขายังคงก้าวเดินได้ ไม่ช้า ฉินหยุนจึงเข้าถึงตรงหน้าหลันซูเหยา

“เจ้า... นี่เจ้าคิดทำอะไร?” หลันซูเหยาตอนนี้ค่อยรู้สึกถึงความหวาดกลัวซึ่งไม่เคยมีมาก่อน นางร้องตะโกนดัง

“เจ้าหนูนี่...” สื่อชิงเฉิงได้แต่ครวญคราง

“นายท่านซูเหยา คล้ายเส้นผมนี้ดูน่าลูบนัก!” ฉินหยุนหัวเราะซุกซนก่อนจะเริ่มเล่นกับเส้นผมเหยียดตรงของหลันซูเหยา ก่อนจะม้วนมันไปมาพร้อมขยี้จนยุ่งเหยิง

การกระทำของฉินหยุน เป็นผลให้ยอดฝีมือที่นี้ตะโกนก่นด่าโกรธแค้น กระนั้น ภายใต้คำสาปที่ครอบงำ มีแต่ฉินหยุนที่ละเล่นได้อย่างสนุกสนานหัวเราะยินดี

ร่างกายหลันซูเหยาสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ดวงตาสีครามของนางอัดแน่นด้วยจิตสังหาร

ภายใต้คำก่นด่าของผู้คนมากมาย เรื่องราวชวนสะพรึงได้บังเกิด ฉินหยุนเข้าไปด้านหลังหลันซูเหยาพร้อมตบก้นดัง “เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ” หลายครั้งต่อเนื่อง

ฉินหยุนกระทำเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณชน มันไม่ต่างอะไรกับหยามต่อหลันซูเหยา!

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่มลูบคลำใบหน้าหยกแก้วงดงามของหลันซูเหยา เขาหัวเราะเบาก่อนจะจูบที่ใบหน้าของนาง

ผู้คนที่สบถก่นด่าต่างหยุดปาก! พวกเขาพบว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อ องค์ราชินีซูเหยาผู้สูงส่งทรงอำนาจ เวลานี้ถึงขั้นถูกผู้อื่นหยามเหยียดได้เพียงนี้!

“อย่าได้กังวลไป ข้าย่อมไม่ต่ำทรามดังเช่นเจ้า! ดังนั้นข้าจึงไม่คิดเปลื้องผ้าเจ้าที่ตรงนี้!” ฉินหยุนกล่าว ก่อนจะนำเอาปากกาและน้ำหมึกออกมา ถัดจากนั้น เขาจึงเริ่มวาดหัวหมูและหลังเต่าที่ใบหน้าหลันซูเหยา

เส้นผมหลันซูเหยายุ่งเหยิง ใบหน้างดงามมีแต่ภาพวาดเล่นชวนขบขัน นางเวลานี้ไม่ทราบแล้วว่าเป็นคนหรือผี!

นางโกรธจัดจนไม่อาจพูดกล่าว เพราะไม่ว่าภาษาใดในโลกหล้า ยามนี้ล้วนไม่อาจบรรยายความโกรธของนางออกได้!

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่มตบก้นของนางอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งสาแก่ใจเขาจึงค่อยเดินไปหาผู้ปกครองแพะภูตผี เขาถือค้อนเทวะเก้าตะวันไว้ในมือ!

“เจ้า... ตัวบัดซบ เจ้าคิดทำอะไร?” ผู้ปกครองแพะภูตผีร้องตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว

“ตัวบัดซบ ให้ข้าได้กัดกินเจ้าทั้งเป็น!” เฟิงหยางเริ่มร้องตะโกนดัง

“มันผู้นี้คิดอยากกินข้า ดังนั้นข้าหรือจะปล่อยมันไป ชะตาของมันคือตาย!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมฟาดหวดค้อนลง

ครืน!

อัคคีเพลิงสีดำทะลักล้นลุกโชนจากค้อนเทวะเก้าตะวันของฉินหยุน มันมาพร้อมกับพลังสั่นไหวรุนแรง ทั้งหมดทั้งมวลนี้สะกดลงที่ร่างของเฟิงหยางจนกลับกลายเป็นเถ้าธุลี

“ตัวบัดซบ เจ้าต้องตาย!” ผู้ปกครองแพะภูตผีตะโกนร้องด้วยโทสะดังสนั่นห้องโถง

ผู้คนของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ำ เวลานี้ต่างหวาดกลัวที่จะเผยความหาญกล้า พวกเขาย่อมได้เห็นแล้วว่าฉินหยุนกระทำต่อหลันซูเหยาเช่นไร พวกเขาทราบกระจ่างชัด ฉินหยุนไม่ใช่ผู้ที่ไว้หน้าสวรรค์หรือโลกหล้า และพวกเขามีข้อพิพาทกับฉินหยุนไม่รู้จบ ตอนนี้ฉินหยุนคือผู้เดียวที่มีโอกาสคุกคามชีวิตพวกเขา

ฉินหยุนที่สังหารเฟิงหยางเรียบร้อย ขณะคิดสังหารผู้ปกครองแพะภูตผี พื้นเบื้องล่างพลันเริ่มสั่นไหว

“บัดซบ!”

ฉินหยุนย่อมได้เห็นแสงสีทองเบื้องล่างเท้าผู้คนที่เลือนหาย เขาทราบว่าคำสาปคลายออก ตัวเขาเร่งรีบใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงลงสู่พื้นเบื้องล่าง

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ขณะฉินหยุนทะลวงผ่านลงสู่พื้น การโจมตีดุดันพลันปรากฏจากทั่วทิศ เหล่านี้มาจากครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์

การโจมตียังคงประดังเข้าต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ผ่านไปพักหนึ่งจึงค่อยสงบ ฉินหยุนหายตัวลงพื้นดิน ทุกการโจมตีล้วนไร้ผลต่อตัวเขา และตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด เพราะเห็นได้ชัดว่าพื้นในห้องโถงแห่งนี้แข็งแกร่งไร้รอยขีดข่วน

“เซียนเฒ่าเต่า ตัวบัดซบนั่นไปที่ใดแล้ว?” น้ำเสียงเย็นเยือกของหลันซูเหยาดังขึ้น ความสงบเกินคาดคิดนี้เป็นผลให้ผู้คนต่างตระหนกวิตก

“ข้า... ข้าไม่ทราบ!” เซียนเฒ่าเต่าเองก็รู้สึก ว่าฉินหยุนผู้นี้ประหลาดเหลือเชื่อเกินไป

หลายคนล้วนเชื่อ ว่าหลันซูเหยาคิดสังหารฉินหยุนให้ตายตก พวกเขาแทบไม่อาจเก็บซ่อนความหวาดกลัวในจิตใจ เวลานี้มีแต่คิดถอยหนีห่าง หลันซูเหยาที่สงบได้ในทันทีเช่นนี้ มันเปรียบดังความสงบก่อนพายุมาเยือน

“ข้าจะฉีกกระชากไอ้ตัวบัดซบนั่นให้เป็นชิ้น!” ผู้ปกครองแพะภูตผีเผยดวงตาแดงก่ำอย่างโกรธแค้น

“นี่... เรื่องนี้... หากเขาไม่สังหารผู้อื่น ข้าเกรงว่าพวกเราก็จะยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้!” เซียนเฒ่าเต่ากล่าวคำเบา “เพราะจิตวิญญาณสังเวยชีพ คำสาปต่อพวกเราจึงคลายออก ไม่เช่นนั้น พวกเราคงต้องติดอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลานาน มีแต่ผู้ใดผู้หนึ่งตายตกพวกเราจึงค่อยเคลื่อนไหว!”

“เหตุใดมันสามารถขยับ? แล้วเหตุใดมันหลุดพ้นจากพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้?” หลันซูเหยาเอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ

“ข้า... ข้าไม่ทราบแล้ว!” เซียนเฒ่าเต่าไม่อาจอธิบายถึงสถานการณ์ตอนนี้ “ข้าเพียงทราบว่าพวกเราไม่อาจเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน และเกือบที่จะ... หากไม่มีผู้ใดตายตกเมื่อครู่ พวกเราก็ไม่มีทางเป็นอิสระเช่นตอนนี้ได้!”

ได้ยินเช่นนี้ ผู้ปกครองแพะภูตผียิ่งพิโรธ

แคร้ก แคร้ก แคร้ก...

อย่างกะทันหัน เสียงปริแตกดังแผ่ขยาย พื้นที่รอบห้องโถงกว้าง ก้อนหยกสีทองบนพื้นเริ่มพังทลาย ผู้คนที่นี้ต่างเดินไปรวมตัวกันรับชม พวกเขาพบเห็นเป็นถ้ำสีดำสนิทแห่งหนึ่ง เบื้องล่างไม่อาจพบเห็นว่าเป็นอันใด เพราะมันมีหมอกสีดำหนาบดบัง กลุ่มคนหารือกันว่าจะส่งผู้ใดลงไปสำรวจ

ฉินหยุนที่ใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงผ่านพื้นดิน เขาจึงมาถึงอุโมงค์น้ำใต้ดิน ทั้งนี้ กระแสน้ำยังเชี่ยวกรากจนนำพาเขาสู่พื้นที่อื่น

“บ้าฉิบ! เหตุใดหลังสังหารตัวบัดซบนั่นพวกมันจึงเคลื่อนไหวได้กัน?” ฉินหยุนสบถออก

“เสี่ยวหยุน หลังเจ้าสังหารมันผู้นั้น จิตวิญญาณของมันเลือนหาย อย่างนั้นหมายถึงต้องมีบางอย่างดูดกลืนมันไป” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ให้ข้าคาดเดา ห้องโถงแห่งนั้นจำเป็นต้องสังเวยจิตวิญญาณเพื่อที่จะไปต่อได้”

“ช่างมัน ได้ฝากความแค้นกับหลันซูเหยาได้ ตอนนี้ใจข้าค่อยโล่งไปมาก!” ฉินหยุนเพียงนึกถึงเรื่องที่กระทำไป เขาจึงยิ้มอย่างสุขสันต์

เดิมฉินหยุนคิดอยากกระทำเหี้ยมโหดกว่านั้น เขาคิดจับตัวหลันซูเหยา โยนนางเข้าไปให้เหยาเฟิง กระนั้นเขาไม่อาจขยับตัวนาง สาเหตุต้องเป็นเพราะก้อนหยกทองคำที่พื้นดึงดูดนางเอาไว้แน่น สาเหตุว่าทำไมฉินหยุนสามารถขยับ ก็เพราะหลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยเลือดประหลาดที่ดูดกลืนเข้าไปจำนวนมากออกมา สาเหตุว่าทำไมเขาจึงคลายพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยาได้ ก็เพราะเลือดประหลาดนั้นอีกเช่นกัน

“เลือดประหลาดนั่นช่างยอดเยี่ยม มันทำให้ข้าเคลื่อนไหวได้โดยไม่ติดขัดใด!” ฉินหยุนกล่าวชื่นชมหลิงหยุนเอ๋อ หากนางไม่ให้เขารวบรวมเลือดประหลาดเหล่านั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงเลวร้ายกว่านี้มากมายนัก

เวลานี้ เขากำลังไหลไปตามกระแสน้ำสู่พื้นที่อื่น ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาสัมผัสได้ถึงกระแสน้ำที่หยุดนิ่ง ดังนั้นจึงว่ายมุ่งหน้าไป

หลังออกพ้นจากห้วงน้ำ เขาจึงได้พบเห็นพระราชวังอันตระการตาที่อัดแน่นด้วยแสงทองม่วงสาดส่อง พระราชวังตรงหน้าของเขานี้ มันมีบัลลังก์มังกรแกะสลักอันวิจิตร มันคล้ายพระราชวังแห่งผู้ครอง ที่ใจกลางพระราชวัง มันปูไว้ด้วยพรมทองม่วง ขณะเดินไป ฉินหยุนรับรู้ถึงความรู้สึกยากบรรยายออก มันเป็นความรู้สึกราวกับแหวกว่ายผ่านมวลเมฆล่องผ่านสายหมอก!

อย่างรวดเร็ว เขามาถึงพื้นที่ตรงหน้า นั่งลงที่บัลลังก์ราชัน ภาพมุมกว้างของเขาเวลานี้คือทั่วทั้งพระราชวัง ทั้งมันยังทำให้รู้สึกราวกับได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกหล้าและสรวงสวรรค์!

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

อย่างกะทันหัน หลายคนร่วงหล่นลงมาที่บ่อน้ำสีดำเบื้องหน้า ไม่คาดคิด เหล่านี้เป็นหลันซูเหยาและคณะ!

ฉินหยุนสบถก่นด่าภายใน เขาคิดใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงเพื่อหลบหนีเข้าพื้นดิน!

แต่แล้ว เขาพลันต้องตื่นตะลึง พบว่าตนเองถูกรั้งเอาไว้กับบัลลังก์ราชันรูปสลักมังกร ตัวเขาไม่อาจหลบหนี!

ตู้ม!

ยิ่งผ่านไปยิ่งมีคนร่วงหล่นลงมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนมาจากห้องโถงที่เบื้องบน!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด