ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0791
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0793

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0792


ตอนที่ 792 : ชนเผ่าแพะภูตผี

ฉินหยุนตอนนี้สามารถสัมผัสได้ ถึงมวลพลังงานสีดำที่ทะลักล้นออกจากประตูใหญ่ มันอัดแน่นด้วยออร่าอันขื่นขมโหดเหี้ยม

“บัดซบ... ยายเฒ่าหลันซูเหยานั่นคิดอยากนำพี่สาวซาลาเปานึ่งกับภูติวารีเข้าไปที่นั่นหรือ?” ฉินหยุนสบถคำด่าออกในใจ

ตู้ม!

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง กระนั้น แรงสั่นสะเทือนกลับไม่ได้มาจากประตูเมืองที่เบื้องหน้า แต่กลับเป็นสถานที่ซึ่งห่างไกลออกไป

“ไม่ดีแล้ว! ประตูเมืองมีสี่ทิศ แต่ละประตูจะมีชนเผ่าใหญ่แยกกันไปโจมตีประตูเมือง!” ผู้นำหน่วยพยัคฆ์สบถออกเสียงดัง “พวกมันเลือกโจมตีฝั่งนี้ก่อน เพื่อเป็นการดึงความสนใจพวกเราให้สับสน!”

“บุกไป!”

สุดท้ายผู้นำหน่วยพยัคฆ์จึงสั่งการ นำทัพมิตรสหายโหมบุกเข้า

ฉินหยุนเร่งรีบมองหาหลันซูเหยา ที่ได้ทราบ คือหลันซูเหยาอยู่ใกล้เคียงบริเวณนี้

“นางเฒ่านี่คิดอยากรับชมจากแถวนี้!” หลิงหยุนเอ๋อร้องบอก

“ได้ อย่างนั้นข้าจะเองก็จะรับชมอยู่ที่นี่!” ฉินหยุนไม่คิดลงมือในช่วงเวลานี้ เพราะเขายังไม่ต้องการให้หลันซูเหยาจับได้ หากถูกนางจับตัวอีกครั้ง ก็คงเป็นการไม่สะดวกแล้ว

ตู้ม!

เสียงสนั่นเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ประตูเมืองขนาดใหญ่เวลานี้กลับกลายเป็นแตกกระจาย

กลุ่มก้อนพลังงานหนาแน่นสีดำทะลักออกรุนแรงจากประตูเมืองราวกับสายธารแห่งความมืด

ครืน! ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เสียงสารพัดชนิดพลันดังตามติด

สิ่งที่ฉินหยุนได้เห็น คือผู้นำพาความตาย พวกมันเป็นมนุษย์สัตว์สีดำทั้งตัว ส่วนบนเป็นคน ส่วนล่างเป็นสัตว์ พวกมันเหล่านี้ควบขี่ม้าโครงกระดูกตัวใหญ่ ทั้งยังถือกระบองใหญ่และสารพัดอาวุธ พวกมันคำรามร้องโกรธเกรี้ยวจนส่งผลให้ผู้คนที่รับชมต่างต้องรู้สึกเย็นเยียบ

ผู้นำพาความตายจำนวนนับหมื่นกำลังไหลทะลักออกมา!

หน่วยพยัคฆ์มีคนหลายสิบ ต่อหน้าฝูงผู้นำพาความตาย มันไม่มีอันใดให้สามารถเทียบเปรียบยืนหยัดต้านรับไว้ได้ กระนั้น ผู้นำหน่วยพยัคฆ์ก็ยังหาญกล้า พวกเขาไม่หวาดเกรงใดแม้แต่น้อย พวกเขาร้องตะโกนเสียงดังพุ่งทะยานเข้าห้ำหั่นเปิดศึกกับผู้นำพาความตาย

ฉินหยุนซ่อนตัวด้านบนหอคอยหิน เขารับชมสิ่งปลูกสร้างใกล้ประตูเมืองถูกทำลายโดยพวกผู้นำพาความตายที่ทะลักล้นออก

เบื้องหน้า มวลพลังงานสีดำกระจายทั่วทิศ กระนั้น แสงอันศักดิ์สิทธิ์สีทองทั้งหลายพลันปรากฏ หน่วยพยัคฆ์ถือกระบองไว้ในมือ พวกเขาฟาดหวดมันออกด้วยคลื่นแสงสีทองสว่างไสว

พยัคฆ์สีทองร่างใหญ่แต่ละตัวล้วนเปล่งแสงสีทองออกจากทั่วทั้งร่าง พร้อมกันนี้ พวกมันยังยิงลำแสงสีทองออกจากปากเข้าห้ำหั่นกับฝูงผู้นำพาความตาย

“หน่วยพยัคฆ์เหล่านี้ยอดเยี่ยมนัก พวกเขาทั้งอาจหาญและดุดัน!” ฉินหยุนลอบชื่นชมต่ออีกฝ่าย

ผู้ขี่พยัคฆ์ทั้งหลายทราบว่าฝ่ายตนมีจำนวนน้อยกว่า กระนั้นก็ยังเข้ารับศึกกับฝูงผู้นำพาความตายจำนวนมหาศาล

ฝูงผู้นำพาความตายที่ทะลักล้นออกมา เริ่มไล่ทำลายสิ่งปลูกสร้างนอกประตูเมือง

ที่ไกลห่างออกไป หลายล้านคนกำลังรับชม กระนั้น พวกเขาไม่กล้าเข้ามาใกล้ กระทั่งว่ามีหลายคนที่เร่งรีบเผ่นหนีหลังได้พบเห็น

อย่างไรแล้ว ไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องหวาดกลัวต่อความตาย นอกจากนี้ ผู้นำพาความตายเหล่านี้ยังถูกผนึกเอาไว้เป็นเวลานาน ตอนนี้ได้ออกมา สิ่งแรกที่พวกมันกระหายเด่นชัดคืออาหาร และผู้คนที่ยังมีชีวิต ก็เป็นอาหารอันโอชะแก่มัน

หอคอยซึ่งฉินหยุนใช้ซ่อนตัว เวลานี้ถูกทัพผู้นำพาความตายโหมบุกจนถูกทำลาย ฉินหยุนซ่อนตัวกลางอากาศเพดานบินต่ำ ตัวเขายังไม่ถูกพบเห็น

ผู้นำหน่วยพยัคฆ์ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ ทุกครั้งที่เขาลงมือ ผู้นำพาความตายหลายร้อยตนจะสิ้นชีพ หอกเมื่อแทงออก มันจะนำพามาซึ่งพลังงานสีทองแกร่งกล้าทะลวงผ่านร่างบรรดาผู้นำพาความตาย ยามเมื่อหอกกวัดแกว่งออก มันจะทะลักล้นซึ่งพลังงานรุนแรงเข้าทำลายล้างผู้นำพาความตายในละแวกใกล้เคียง

“คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเพียงใดกันนี่?” ฉินหยุนลอบขมวดคิ้ว “อย่างน้อยเท่าที่เห็น ก็เป็นกำลังระดับราชันยุทธ์”

“ใช่ พวกเขาเป็นราชันยุทธ์ ทว่ายายเฒ่าซูเหยานั่นแข็งแกร่งกว่าพวกเขา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนเดิมคิด ว่าหน่วยพยัคฆ์หลายสิบคนเหล่านี้ไม่มีทางต้านรับไว้ได้ กระนั้นตอนนี้ ร่างของผู้นำพาความตายต่างกระจายเกลื่อน

“ผู้นำพาคววามตายอาจหาญยามออกมา แต่แท้จริงแล้วกลับอ่อนแอนัก!” ฉินหยุนลงมาที่พื้น รับชมร่างของผู้นำพาความตาย ก่อนจะลอบส่งฝ่ามือโจมตีออก เขาจึงได้ทราบ ว่าร่างกายพวกมันอ่อนแออย่างยิ่ง

“ไม่แปลกใจ อย่างไรแล้วพวกมันเหล่านี้ก็ถูกผนึกเอาไว้นานนัก” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ภายในมวลพลังงานสีดำที่ปิดล้อมพื้นที่ ฉินหยุนลงมือสังหารผู้นำพาความตายไปจำนวนหนึ่ง ทว่าก็ยังไม่พบผลประโยชน์อันใดจากพวกมัน กล่าวได้ว่าไร้ค่า

มวลพลังงานสีดำยังคงกระจายตัวต่อเนื่อง หน่วยพยัคฆ์ที่อยู่แนวหน้า เวลานี้ต่างกระจายตัวไปยังประตูพร้อมตั้งแถวต้านรับ เพื่อไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้าและออก

หลันซูเหยานำสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อบินไป

“อย่าได้คิดว่าจะข้ามผ่านตรงนี้ไปได้!” ผู้นำหน่วยพยัคฆ์คำรามดัง

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าลำบากสังหารผู้นำพาความตายไปมากขนาดนั้น จะถือว่าเห็นแก่เจ้า! เมืองภูตผีต้องห้ามมีทั้งสิ้นสี่ประตู ประตูอื่นก็คงใกล้แตกแล้ว พวกเจ้าตั้งระวังที่ตรงนี้ไปจะได้อะไร?” หลันซูเหยากล่าวเย้ยหยันขณะบินไปทางอื่น

ฉินหยุนมองตามสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ เขาคิดอยากไล่ตามคนทั้งสามไป ทว่าเขาเองก็คิดอยากถามเรื่องเมืองภูตผีต้องห้ามจากผู้นำหน่วยพยัคฆ์ เห็นได้ชัดว่าหลันซูเหยาและผู้นำชนเผ่าโบราณทั้งหลาย คิดอยากเปิดทางเข้าสู่ภายในเมืองภูตผีต้องห้าม ถึงขั้นขนาดต้องร่วมมือกับตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ำเพื่อให้เกิดความสำเร็จ

กลุ่มคนขี่พยัคฆ์ตรงหน้า คิดเพียงแต่ป้องกันประตูเมืองเอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้คนภายนอกได้เข้า และไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในได้ออก

ขณะฉินหยุนครุ่นคิด เขาจึงได้เห็นกลุ่มคนชุดแดงบินมาจากแต่ไกล คนกลุ่มนี้เผยความชัดเจนทางร่างกาย ศีรษะมีเขาแพะงอกออกมาถึงสอง พบเห็นคนกลุ่มนี้ ฉินหยุนจึงค่อยตระหนักได้ ว่าสมควรเป็นชนเผ่ามนุษย์สัตว์

มันทำให้เขานึกย้อนถึงพี่ชายผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิสัตว์ราชันสวรรค์ ครั้งนั้นที่จักรพรรดิสัตว์ราชันสวรรค์และอีกหลายคนออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ นับแต่นั้นเขาก็ไม่ทราบอีกเลยว่าอีกฝ่ายไปที่ใดแล้ว

“กลุ่มตัวบัดซบแพะภูตผีย่อมได้เห็นว่าพวกเราอยู่ตรงนี้ กระนั้นยังคิดเข้าไป!” ผู้นำหน่วยพยัคฆ์คำรามดัง

“ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ เมื่อครู่ทำได้ดีนัก ถึงขั้นกวาดล้างผู้นำพาความตายเหล่านั้นได้จนหมดสิ้น!”

ผู้นำชนเผ่าแพะภูตผีแท้จริงยังเยาว์ ทั้งยังมีเสน่ห์อันชั่วร้าย เมื่อร่อนลงที่พื้น เขาคว้ามือของผู้นำพาความตายขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะเริ่มกัดกิน

“ผู้ปกครองแพะภูตผี เจ้าเองก็ทราบว่าพวกเราเอาจริง เหตุใดยังเข้ามาวุ่นวาย?” ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่กล่าวขึ้นเสียงเล็กน้อย พร้อมเปิดเผยออร่าสะกดข่มออกมา

ผู้ปกครองแพะภูตผีเข้ากัดกินเนื้อผู้นำพาความตาย ราวกับมันคืออาหารอันโอชะ คำถามที่ได้ยิน ล้วนไม่มีการตอบกลับ

ผ่านการกินไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าว “มิตรสหาย ผู้นำพาความตายเหล่านี้กล่าวได้ว่าเลิศรส กระนั้นเจ้าที่กินพวกมันได้กลับไม่คิดกิน ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะเสียโอกาสอันดีไปแล้ว!”

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่และผู้ขี่พยัคฆ์คนอื่นต่างเฝ้ามองแพะภูตผีเหล่านี้ กัดกินเนื้อทั้งร่างของผู้นำพาความตาย ภายในต้องรู้สึกเย็นเยือกที่แขนขา

ฉินหยุนอุทานดังในใจ “เจ้าพวกนี้มันตัวบ้าอะไรกัน?”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน กลุ่มนี้คือชนเผ่าโบราณที่น่าจะข้องเกี่ยวกับพวกสัตว์!”

“อย่างนั้นหลันซูเหยาผู้นั้นก็เป็นสัตว์อสูรงั้นหรือ? นางอสูรบัดซบ!” ฉินหยุนสบถเสียงเบา

ผู้ปกครองแพะภูตผีพลันหัวเราะพร้อมกล่าว “ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ คิดหรือว่าข้าไม่ทราบ ว่าเจ้าจงใจข่มขวัญพวกเรา เพื่อซ่อนเร้นความจริงที่พวกเจ้าพยายามกระทำอยู่!”

กลุ่มคนขี่พยัคฆ์ได้เข้าห้ำหั่นสังหารผู้นำพาความตายไปมาก เมื่อครู่เป็นพวกเขาลงแรงไปอย่างมหาศาล

“ผู้ปกครองแพะภูตผี เจ้าจงเร่งรีบไสหัวไป!” ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ตะโกนกราดเกรี้ยว

“ชนเผ่าอื่นเห็นแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เลือกมาที่ประตูนี้!”

ใบหน้าของผู้ปกครองแพะภูตผีพลันแสยะออกหัวเราะโฉดชั่ว “กระนั้นข้าไม่ใช่ ข้าไม่เคยไว้หน้าผู้ใด! นอกจากนี้แล้ว ประตูอีกสามที่เหลือก็เป็นชนเผ่าอื่นใช้เพื่อเข้าไปกันแล้ว ดังนั้นข้าจึงคิดอยากเข้าผ่านประตูนี้ เพื่อให้ชนเผ่าข้าได้ดูน่าเกรงขาม!”

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่เผยเสียงทุ้มลึก “เจ้าคิดหรือว่าสามารถผ่านประตูนี้? ที่พวกเจ้าจะผ่านไปได้ มีแต่ร่างที่ไร้ชีวิต!”

ฉินหยุนเลิกคิ้วขึ้น ผู้ควบขี่พยัคฆ์เหล่านี้คิดต่อสู้กับชนเผ่าแพะภูตผีแล้ว!

เขตแดนอ้างว้างแห่งนี้ดูลึกลับ มันมีหลายชนเผ่ามนุษย์สัตว์โบราณ ทั้งยังแข็งแกร่งกันถ้วนหน้า พวกเขาทราบวิธีการเข้าสู่เมืองภูตผีต้องห้าม เห็นได้ชัดว่าภายในต้องมีของดีคงอยู่ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงพร้อมเสี่ยง

“ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ ข้าจะมอบโอกาสให้ พวกเราจะประลองยุทธ์กันสามรอบ ฝ่ายที่ชนะได้สองรอบจึงเป็นผู้ชนะ” ผู้ปกครองแพะภูตผียิ้มกล่าว “หากเจ้าเอาชนะ เช่นนั้นพวกเราจะไปยังประตูอื่นเอง!”

ฉินหยุนย่อมได้เห็น ว่าแม้กลุ่มผู้ขี่พยัคฆ์เหล่านี้ไม่แข็งแกร่งเป็นล้นพ้น ทว่าชนเผ่าอื่นต่างไว้หน้า กระทั่งหลันซูเหยายังไม่คิดสู้

“ตกลงตามนั้น!” ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่เห็นพ้องด้วย

ชนเผ่าแพะภูตผีมีกันกว่าร้อยคน นอกจากนี้แล้ว พวกเขาล้วนแข็งแกร่ง หากเกิดการปะทะ ผู้ขี่พยัคฆ์เหล่านี้อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้อย่างสาหัส

ตามปกติ ชนเผ่าแพะภูตผีหากคิดปะทะโดยตรง ก็อาจต้องสูญเสียคนกว่าครึ่ง ผู้ปกครองแพะภูตผีจึงเสนอเช่นนี้ เพราะเขาไม่คิดแบกรับความสูญเสียครั้งใหญ่ หากสามารถเอาชนะได้ พวกเขาย่อมได้เข้าสู่เมืองภูตผีต้องห้ามด้วยเกียรติอันสูงส่ง!

“ข้าออกไปก่อนเอง!” ผู้ปกครองแพะภูตผีหัวเราะดัง เขาร่อนลงกับพื้นและกล่าว “ฝ่ายเจ้าคิดส่งผู้ใดออกมา?”

ผู้ปกครองแพะภูตผี ย่อมต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในชนเผ่า ดังนั้นแล้ว ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่จึงต้องเป็นฝ่ายออกหน้าต้านรับ

“ผู้นำพยัคฆ์ใหม่ แม้เจ้าเอาชนะรอบนี้ รอบหน้าเจ้าก็ไม่อาจลงต่อได้! ข้าเองก็ด้วย พวกเราสามารถลงประลองต่อกันได้ครั้งหนึ่งเท่านั้น!” ผู้ปกครองแพะภูตผีกล่าวคำจบ จึงนำเอาห่วงสีดำซึ่งน่าจะเป็นอาวุธออกมาถึงสอง ที่ตัวห่วง มันมีเขาแพะปรากฏ ดูไปแล้วเป็นอาวุธที่ให้ความรู้สึกคุกคาม

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ย่อมใช้กระบอง

“เริ่มได้!” เขาร้องตะโกนดังพร้อมพุ่งทะยานรุนแรง

ใบหน้าหล่อเหลาโฉดชั่วของผู้ปกครองแพะภูตผีเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ร่างกายพลันสว่างวาบระเบิดแสงสว่างสีแดงออกมา ห่วงทั้งสองส่องประกายแสงสีแดงชั่วร้ายประหนึ่งอสนีบาต มันพุ่งตรงเข้าปะทะกับร่างผู้นำพยัคฆ์ใหญ่

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่กลับกลายเป็นฝ่ายโดนระดมโจมตีเสียก่อน ร่างสูงกำยำของเขาต้องปริปากแผลจำนวนมากเพราะการโจมตีต่อเนื่อง

“พี่ใหญ่!” หนึ่งในผู้ขี่พยัคฆ์ตะโกนออกอย่างเกรี้ยวกราด

ไม่นานนัก ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่จึงถูกทำร้ายจนถึงขั้นต้องล้มนอนกับพื้น

“เจ้าพ่ายแล้ว!” แสงสีแดงควบแน่นรวมตัว กลับกลายเป็นผู้ปกครองแพะภูตผีตามเดิม

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ถูกหามกลับ

ผู้ปกครองแพะภูตผีถอยฉาก ส่งชายวัยกลางคนออกมาแทนที่ เขาที่ศีรษะของชายผู้นี้ราวกับมันเป็นหนามแหลมคม มันทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกถึงกำลังอันแข็งแกร่ง

“ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ ฝ่ายเจ้าคิดส่งผู้ใดออกมากันเล่า?” ผู้ปกครองแพะภูตผีเผยยิ้มอหังการ

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่ทราบกระจ่างถึงกำลังของชนเผ่าแพะภูตผี แม้เป็นระดับพลังเดียวกัน ทว่าผู้ขี่พยัคฆ์ที่ไม่อาจขี่พยัคฆ์ในการต่อสู้ ทั้งเมื่อครู่ยังต้องสูญเสียพลังงานไปอย่างมหาศาล พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทุกด้าน

“ให้ข้าเอง!” อย่างกะทันหัน ฉินหยุนปรากฏตัวพร้อมตะโกนดัง

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่และคณะต่างตื่นตะลึง เพราะผู้ขี่พยัคฆ์มีจำนวนน้อยนิด ทั้งพวกเขายังมารวมกันที่นี้หมดสิ้น และพวกเขาไม่เคยมีมิตรสหาย ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่สมควรต้องยื่นมือช่วยเหลือพวกเขา

ผู้นำพยัคฆ์ใหญ่และคณะต่างมองไปยังชายชุดสีเทา ผิวหนังค่อนข้างเข้ม เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเคลื่อนตัวลงจากฟากฟ้าด้านบน ใบหน้านั้นเผยรอยยิ้มอันมาดมั่น

“โอ้? หน้าใหม่! ข้าไม่นึก ว่าผู้ขี่พยัคฆ์เช่นพวกเจ้าจะถึงขั้นเปิดรับคนใหม่เข้ามา! หาได้ยากยิ่งนัก!” ผู้ปกครองแพะภูตผีหัวเราะกล่าว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด