ตอนที่แล้วตอนที่ 26 เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 ให้ข้าได้สอนเจ้าถึงวิธีการทำของเก๊อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ตอนที่ 27 สมดุลแสนเปราะบาง


วันเวลาได้ไหลเวียนแปรเปลี่ยนไปดั่งท่วงทำนองแสนไพเราะที่ผ่านเลยมาแล้วก็ผ่านเลยไป... ที่จริงมันก็ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก พอดีข้าแค่อยากลองพูดแบบนี้ดูน่ะ เอาล่ะความจริงแล้ว เวลาพึ่งไปเพียงสองวันเท่านั้น แต่นครภูผาหลิวฮวงก็กลับคืนสู่ความสงบสุขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในวันนั้นเมื่อครั้งที่นักโทษหลบหนีและอาชญากรทั้งหลายที่ฉวยโอกาสจากความวุ่นวายออกมาก่อความผิดต่างก็ถูกพิพากษาจนสิ้น ถ้าพวกมันไม่ถูกจับแขวนคอโดยเชือกที่มองไม่เห็น ก็หัวหลุดออกจากบ่าแบบไม่รู้ตัว เช่นนี้ผู้ที่ตั้งใจจะก่อความผิดแต่ยังไม่ได้ก่อหรือผู้ที่คิดจะท้าทายอำนาจกฎหมาย หลังจากรับรู้ได้ว่าพวกตนกำลังก้าวขึ้นสู่ลานประหารที่มองไม่เห็น ก็รีบยุติความคิดหยาบช้าของตนในทันที

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อครั้งที่ผู้รุกรานโดนกำจัดไปจนสิ้น ทาง 4 สำนัก 1 ศาลก็รีบส่งผู้บังคับใช้กฎหมายออกมาช่วยรักษาความสงบในทันที เพียงไม่นาน นครภูผาหลิวฮวงก็กลับคืนสู่ความสงบที่เคยมีอีกครั้ง

ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้มีมังกรแดงร่างมหึมา ที่ทั่วทั้งเรือนร่างปกคลุมไปด้วยบาดแผลหลังจากศึกนองเลือด โลหิตได้หลั่งรินชโลมไปทั่วร่างพร้อมกับตัวนางที่บินถลาไปกว่าครึ่งนครก่อนที่จะตกลงที่ย่านแสงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครั้งที่ข่าวเรื่องผู้พิทักษ์แห่งนครภูผาหลิวฮวง มังกรแดงโบราณ ไอน์ เมซุส บาดเจ็บหนักถึงขนาดที่ต้องใช้อัศวินศักดิ์สิทธิ์และนักบวชกว่าร้อยชีวิตมารักษาบาดแผลของนาง ข่าวลือที่ว่า 3 ผู้นำคอยเอาแต่เฝ้ามองอยู่วงนอกไม่ลงมาแก้ไขสถานการณ์ก็พังทลายลงไปเอง

ทั้งนี้ ด้วยฝีมือการชักใยของใครบางคน ทำให้ตอนนี้ข่าวที่ว่าทาง 3 ผู้นำต้องเข้าต่อสู้รับศึกหนักจากจ้าวแห่งโลกใต้พิภพถึง 2 ตน จนเป็นเหตุให้ไอน์ เมซุสต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้แพร่สะพัดออกไปทั่วทุกถนนตรอกซอกซอย

และแน่นอนว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีต้นเหตุมาจากผนึกเทพอสูรแห่งธาตุไฟย่อมถูกพับเก็บเป็นความลับ ฉะนั้นถ้ามองอย่างผิวเผินล่ะก็สาเหตุที่ก่อให้เกิดสงครามครั้งนี้ขึ้นก็คือความต้องการชิงดินแดน ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลกใต้พิภพแห่งนี้

ด้วยการรุกรานจากตัวตนที่แข็งแกร่งฝ่ายศัตรู จนเป็นเหตุให้ผู้พิทักษ์ฝ่ายตนเองต้องเกือบถึงแก่ความตาย แม้ว่าเหล่าผู้พิทักษ์ของพวกตนจะแข็งแกร่งกว่าก็ตาม เหล่าปวงชนที่รอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ด้วยการสละตัวเองมาปกป้องของเหล่าผู้พิทักษ์ ต่างรู้สึกขมขื่นและขอบคุณในเวลาเดียวกัน แล้วครั้งใดที่ปัจจัยและอารมณ์ความรู้สึกอันสลับซับซ้อนนี้ยังอยู่กันพร้อมหน้าภายใต้ภัยคุกคาม นครแห่งความหลากหลายแห่งนี้ก็คงรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่

ถ้าจะให้พูดถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นในนครล่ะก็ ก็คงเป็นเรื่องที่มะเขือเทศและไข่เน่าขายหมดตลาดแบบไม่มีเหลือ สาเหตุน่ะเหรอ? เรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรทรยศต่อบ้านเมืองได้แดงออกมาแล้วน่ะสิ แล้วยิ่งเหตุการณ์ที่สมาชิกสภาต่างถูกสั่งประหารจากปาฏิหาริย์คำพิพากษาที่เกิดขึ้นย่อมเป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดชั้นดี จนตอนนี้ ประตูห้องสภาเลอะเทอะไปด้วยเศษมะเขือเทศและเศษไข่เน่า แม้แต่หน้าต่างทุกบานเองก็แตกจนหมด

และเมื่อใดที่สมาชิกสภาที่เป็นที่รู้จักหน้าค่าตาต้องการจะออกจากบ้านพักของตน แล้วยังไม่อยากออกจากบ้านในสภาพสะอาดแต่กลับบ้านเละทั้งตัวล่ะก็ ก็ต้องพาคนคุ้มกันออกไปค่อยกางโล่กันชีปนาวุธที่จะพุ่งเข้าใส่

ถึงแม้จำนวนผู้เสียชีวิตจากคราวเคราะห์ครั้งนี้จะสูงถึง 300 ชีวิต แต่คนตายก็ได้จากไปแล้ว คนผิดเองก็ถูกลงทัณฑ์หรือถูกฆ่าไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ฉะนั้นเหล่าเหยื่อและครอบครัวจึงต้องควานหาเป้าหมายใหม่เพื่อระบายความคุกกรุ่นที่มี เลยเป็นผลให้ร้านขายผักผลไม้รอบนอกห้องสภาขายดิบขายดีเป็นประวัติการณ์ บ้านเมืองเรานี่ช่างสามัคคีกันจริงๆ บันไซ บันไซ...

ขนาดที่พ่อค้าแม่ขายหัวใสบางคนเห็นลู่ทางทำมาหากินยอมยกร้านมาตั้งขายที่หน้าประตูห้องสภาเลยก็มี...

“นี่ท่านยังใช้วิธีโบร่ำโบราณเยี่ยงมะเขือเทศกับไข่เน่าอยู่อีกรึ? วิธีนี้น่ะมันล้าสมัยไปแล้ว มาสิ มาลองระเบิดเหม็นเน่าคนแคระกัน ระเบิดนี้สร้างขึ้นด้วยกรรมวิธีผลิตสุดพิเศษจากช่างตีเหล็กชาวคนแคระ เราขอเสนอราคาเพียงแค่สามเหรียญทองคำเท่านั้น กลิ่นที่ได้จากระเบิดนี้นั้นสุดจะเข้มข้นแถมไม่จางหายไปตามเวลาอีกต่างหาก นอกจากนี้ ทางเรายังมีระเบิดสีคนแคระที่ราคาแสนจะเล็กน้อย เพียงแค่สองเหรียญทองคำเท่านั้น ทางเรามีสีให้ท่านเลือกสรรกว่า 13 เฉดสี ยิ่งกว่านั้นเรายังจะแถมของสมนาคุณเป็นการ์ดสีแสนสวยให้ท่านอีกด้วย เพียงแค่ท่านซื้อสินค้าจากทางเราไปเท่านั้น ถ้าท่านสามารถเก็บสะสมการ์ดสีได้ครบชุดล่ะก็ ท่านก็รับไปเลยของขวัญจากทางเรา หุ่นยนต์น้องไก่ตราคนแคระ! ทั้งนี้สินค้าของทางเรานั้นต่างจากของพวกก็อบลิน เครื่องจักรของพวกเราชาวคนแคระนั้นเปี่ยมด้วยคุณภาพ ย่อมไม่เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน!”

“ระเบิดควันก็อบลิน! ระเบิดก็อบลินหมายเลข 1 ถึง 7 ทางเราขอรับประกันคุณภาพ ว่าระเบิดแล้วเป้าหมายของท่านจะเจ็บหนักแต่ไม่ถึงแก่ชีวิตแน่นอน นี่แหละสินค้าสุดจะจำเป็นในการระบายความโกรธแค้นที่ท่านมี! ยิ่งกว่านั้น สินค้าของทางเรายังถูกอีกด้วย!! ราคาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของราคาของเล่นของพวกคนแคระตุ๊ดซีส์ฟากโน้นเท่านั้นเอง! เพียงแค่หนึ่งเหรียญทองคำต่อชิ้นเท่านั้น!”

“จะมากไปแล้ว ลอเรน จินบี แห่งสำนักพิพากษา ข้าอดทนต่อเจ้ามานานพอแล้ว! ถึงเจ้าจะดูถูกข้าได้ แต่เจ้ามิอาจดูถูกสิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญาของเราเผ่าคนแคระได้!”

“อ้าวคุณตุ๊ดซีส์ มิฮีเออร์ ซูไซด์สตรอม แห่งสำนักนิติบัญญัติ เป็นทางเจ้าเองไม่ใช่รึที่ใช้วาจาจู่โจมว่าร้ายพวกเราก่อนน่ะ ให้คิดว่าคนแคระเยี่ยงพวกเจ้ามีหน้ากล้ามาว่าสิ่งประดิษฐ์ของพวกเราชาวก็อบลินเนี่ยนะ? ก็จริงที่สิ่งประดิษฐ์ที่พวกเจ้าสร้างขึ้นจะไม่ระเบิด แต่ก็มักพ่วงด้วยผลข้างเคียงที่ร้ายแรงเสียยิ่งกว่าการระเบิดอยู่เสมอ ลองถามใจเจ้าดูสิว่า เจ้ากล้าที่จะบอกออกมามั้ยว่าเจ้าไม่เคยเลยที่จะโดนวาร์ปส่งไปกลางอากาศด้วยเครื่องขนย้ายมวลสารคนแคระน่ะ ไม่เคยเลยที่จะโดนตาข่ายไฟฟ้าคนแคระช็อตใส่น่ะ ไม่เคยเลยที่จะโดนย่อส่วนด้วยรังสีมรณะคนแคระน่ะ? สิ่งประดิษฐ์ของพวกคนแคระก็เหมือนกับชื่อซูไซด์สตรอมของเจ้านั้นแหละ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ฆ่าตัวตายโดยเฉพาะเท่านั้น!”

“ข้าชื่อเมจิคสตรอมต่างหากโว้ย เมจิคสตรอม!!”

เพื่อได้ยินเช่นนั้น ทางฝั่งพ่อหนุ่มคนแคระที่มีเรือนร่างเช่นเดียวกับเด็กก็เดือดดาลขึ้นในทันที

“เอานี่ไปกิน!!” ก่อนที่พ่อหนุ่มคนแคระจะชักเครื่องจักรกลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับปืนของเล่นออกมา แล้วทำการเหนี่ยวไกออกไป ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ...

ป๊อกป๊อกป๊อกป๊อกป๊อกป๊อก!” ไก่ตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมากระโดดโลดเต้นไปมา พร้อมกันนั้นเครื่องจักรที่กำลังเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ไก่ก็ได้หยุดชะงักล้มลง...

“ฮาฮาฮา! เห็นไหมล่ะ อย่างที่ข้าบอกไว้เลย สิ่งประดิษฐ์ของพวกคนแคระตุ๊ดซี่ส์น่ะพึ่งพาอะไรไม่เห็นจะได้!” ลอเรนได้ชี้นิ้วไปที่ไก่ตัวเล็กๆที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนที่ก็อบลินผู้นี้จะหยิบลูกบอลสีเงินเล็กๆสามลูกมาบีบขยี้เล่นในมือ

แม้ว่าเจ้าตัวกำลังเล่นกับระเบิดด้วยมือเปล่าก็ตาม แต่ก็อบลินผู้นี้กลับไม่แสดงท่าทีเกรงกลัวหรืออาการสั่นเทาที่มือเลยแม้เพียงเล็กน้อย ตอนนี้เองที่ตัวลอเรนได้แสดงให้ผู้ชมเห็นถึงความกล้าหาญที่เผ่าก็อบลินพึ่งมี

“จงดูผลงานแสนมหัศจรรย์ของพวกเราชาวก็อบลินซะ! พวกเรานั้นไม่เคยเลยที่จะปฏิเสธถึงความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของศาสตร์วิศวกรรมอันยิ่งใหญ่ แต่ตราบใดที่พวกเรา เหล่าก็อบลินผู้ทรงภูมิปัญญา ยังคงศึกษาค้นคว้าวิจัยและเฝ้าคอยสืบทอดมรดกความรู้นี้ต่อไปจากรุ่นสู่รุ่นล่ะก็ ศาสตร์วิศวกรรมก็อบลินก็จะยิ่งก้าวล้ำขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าพ่อของข้า ปู่ของข้าจะต้องสิ้นชีพไปจากอุบัติเหตุในการทดลองก็ตามแต่ ตัวข้าก็ยังขอเฝ้าติดตามทำตามความฝันนี้ให้จงได้ และข้ายังเชื่อมั่นว่าแม้ตัวข้าจะพลาดพลั่งสิ้นชีพไป บุตรของข้าหลานของข้าก็จะยังคงสานต่อความฝันนี้ต่อไป!!”

ตัวลอเรนที่เมินเฉยต่อไก่ตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังจิกที่เท้าของตนอย่างเมามันส์ ได้ยืดอกชูมือขึ้นเหนือหัว ประกาศออกมาอย่างดังก้อง ราวกับว่าตัวเองนั้นพร้อมที่จะสละชีวิตที่มีอยู่ได้ทุกเมื่อ

คำประกาศที่ว่าก็อบลินนั้นยอมสละได้แม้เพียงชีวิตเพื่อให้ได้ไขว้คว้าหาศาสตร์แห่งวิศวกรรมนั้นชนะใจคนดูจนได้รับเสียงเชียร์และเสียงปรบมือกลับมาอย่างคาดไม่ถึง

“พูดได้ดี!” ขนาดที่มีประชาชนบางคนเต็มใจยอมก้าวออกมาเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าวิศวกรรมของลอเรน แต่ตัวลอเรนที่ยังพูดไม่จบก็ได้พูดต่อไปว่า

“เมื่อครั้งที่ปู่ข้าตายนั้น ท่านฝากรอยหลุมระเบิดไว้ได้เพียงแค่ 13 เมตรเท่านั้น เมื่อถึงคราวพ่อของข้าท่านฝากรอยหลุมระเบิดไว้ได้ถึง 30 เมตร ฉะนั้นเมื่อถึงครั้งที่ข้าตาย ข้าจะต้องฝากรอยหลุมระเบิดไว้ 100 เมตร ให้จงได้! ตระกูลจินบีของพวกเราจะต้องสำเร็จในการสร้างระเบิดขนาดมหึมาที่สามารถเป่าเมืองทั้งเมืองให้หายไปให้จงได้!!”

เอาล่ะ ทันทีทันใดที่ก็อบลินผู้นี้เผยธาตุแท้ออกมา เหล่าผู้ซื้อผู้หาญกล้าก็รีบกลับลำถอยหลังกลับไปในทันที เหล่าผู้ชมที่อยู่รอบด้านเองก็พร้อมใจกันถอยหลังไปก้าวใหญ่ๆเช่นกัน ซึ่งนี่ก็ถือคิดถูกต้องแล้วที่ทำเช่นนั้น...

“อ้าว แผ่นทองแดงงอๆนี่มันมีไว้ทำไมกัน?” และแล้วการโจมตีอันเร้าร้อนของน้องไก่ก็ดึงความสนใจของลอเรนไปได้ในที่สุด ตัวลอเรนที่ได้เห็นแผ่นทองแดงที่ร่วงลงจากเสื้อของตน ก็พยายามใช้ความคิดนึกถึงว่าสิ่งนี้คืออะไร พอนึกขึ้นได้ เหงื่อเย็นๆก็เริ่มไหลท่วมตัวก็อบลินผู้นี้ในทันที...

“นี่มันสลักเซฟตี้นี่หว่า!!”

ตู้ม!” “ตู้ม!” “ตู้ม!”

“นี่น่ะ... นี่น่ะเป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ข้ายังไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก!  ข้า...ข้าจะต้องกลับมา!”

เอาล่ะ หลังจากที่แสดงความกล้าหาญไม่กลัวตายของเผ่าก็อบลินไปเรียบร้อยแล้ว ลอเรนก็จัดการจัดแสดงกิจกรรมประจำวันหาเรื่องฆ่าตัวตายของเผ่าก็อบลินให้ชมเป็นขวัญตาเช่นกัน

หลังจากระเบิด 3 ครั้งซ้อน พ่อค้าวิศวกรชาวก็อบลินของพวกเราก็ลอยละลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้าหลงเหลือไว้เพียงควันดำที่ลอยตามเจ้าตัวไป แต่เมื่อฟังจากเสียงระเบิดที่ดังตามมาดูท่านี่จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นกิจกรรมระเบิดฆ่าตัวตายสินะ...

ข้าที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชนก็ได้เป็นสักขีพยานในเรื่องตลกชวนหัวครั้งนี้ ก็ได้หันหน้าไปหาอิลิซ่าที่ยืนอยู่ข้างข้าก่อนจะบอกกับนางไปว่า

“ตอนนี้สถานการณ์ภายในนครยังไม่มั่นคงดีพอที่จะปล่อยให้เจ้าพวกบ้านี่มาก่อเรื่องก่อราวได้ ฉะนั้นเจ้าจงบันทึกคำข้าไว้นะ นี่คือคำสั่งจากหัวหน้าแห่งศาลสูงสุด: ให้ระงับกิจกรรมทางวิศวกรรมทุกชนิดตลอดทั้งเดือนหน้านี้ แล้วก็หาข้ออ้างจับเจ้าพวกเตี้ยที่ชอบก่อเรื่องก่อราวนี่ไปเข้าสถานกักกันซะให้หมด เจ้าพวกเตี้ยทั้งหลายจะได้ระลึกถึงการกระทำของพวกตนเสียบ้าง และเหล่าเจ้าหน้าที่จากหน่วยรักษาความสงบและสำนักพิพากษาทุกคนจะเป็นผู้ออกเคลื่อนไหวจัดการเรื่องในครั้งนี้”

“และตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นวิศวกร ก็ให้ทำการจับกุมเสียก่อนแล้วค่อยทำการรื้อค้น ไงซะเจ้าพวกนี้ก็ต้องมีความผิดอยู่แล้ว แล้วถ้าเราจับคนผิดงั้นเหรอ? เช่นนั้นข้าก็จะเป็นคนออกไปขอโทษขอโพยด้วยตัวข้าเอง แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เรื่องนี้มันก็เหมือนกับการที่ชายชาตรีย่อมต้องมีความปรารถนาในอิสตรีนั้นแหละ ฉะนั้นมีรึที่เจ้าพวกก็อบลินจะไม่ก่อเรื่องระเบิด พวกคนแคระจะไม่ก่อเรื่องฆ่าตัวตาย?”

“อืม จริงสิ คู่พี่น้องเบยารต์ยังอยู่ในสถานกักกันกันใช่ไหม?”

“ค่ะ ทั้งคู่ยังเหลือเวลาในสถานกักกันอีก 3 วันค่ะ”

หลังจากได้รับคำยืนยันเรียบร้อยแล้ว ข้าก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“ในวันพรุ่งนี้ ก็จงมอบอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือช่างให้ทั้งคู่สักสองสามชิ้นซะ เจ้าพี่น้องคู่นี้คงอดใจไม่ไหวจนต้องสร้างระเบิดขึ้นในสถานกักกันเป็นแน่ เท่านี้ พวกเราก็จะมีข้ออ้างพอจะขังทั้งคู่ไว้ได้อีกซักเดือนแล้ว เช่นนี้พวกวิศวกรมากปัญหาที่อยู่ข้างนอกนั้นก็จะขาดแกนนำที่ชอบก่อเรื่องระเบิดไปสองคนแล้ว และเมื่อไร้ซึ่งตัวหัวหน้าคำสั่งระงับนี้ก็คงจะดำเนินการได้ง่ายขึ้น”

หลังจากที่ฝากฝั่งคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ตัวข้าก็หมุนตัวเตรียมที่จะเดินจากไป โดยมีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่ที่พำนักเจ้านครซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่แล้วตัวข้าก็เหลือบไปเห็นภาพที่เมจิคสตรอมที่ตัวไหม้เกรียมกำลังนอนกองอยู่กับพื้น ข้าก็หยุดชะงักลง

“จริงสิ ข้าเกือบลืมไป เมื่อถึงตอนที่ซูไซด์สตรอมพื้นตัวจากสถานะ ‘ไก่ย่างไหม้เกรียม’ แล้วล่ะก็ ก็ให้บอกกับมันและลอเรนด้วยล่ะว่า ‘ในเวลา 2 เดือนข้างหน้านี้ พวกเจ้าทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องมารอรับเงินเดือน และข้าก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเจ้าจะทำอะไรในเวลาส่วนตัว แต่ถ้าครั้งหน้าพวกเจ้ายังประกาศตัวว่าเป็นสมาชิกของศาลสูงสุด แล้วทำตัวให้ชั้นศาลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกล่ะก็ ข้าจะ...’”

เมื่อถึงจุดนี้ คำพูดของข้าก็ขาดตอนอย่างกะทันหัน เจ้าพวกเตี้ยพวกนี้นั้นใจกล้ากันแบบสุดเหวี่ยง ระดับที่การท่องมิติอื่นหรือโดนระเบิดอัดใส่นั้นเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ต้องพบเจอชีวิต เช่นนี้บทลงโทษแบบใดกันที่จะทำให้เจ้าพวกนี้กลัวได้? ข้าล่ะนึกไม่ออกเลยจริงๆ

แต่แล้ว อิลิซ่าก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูข้า

“ก็ให้ทั้งคู่สลับเครื่องมือช่างและสิ่งประดิษฐ์ของตนกับอีกฝ่ายซะสิค่ะ สั่งให้พวกวิศวกรชาวก็อบลินไปใช้เครื่องไม้เครื่องมือของคนแคระ แล้วสั่งให้พวกวิศวกรคนแคระไปใช้เครื่องไม้เครื่องมือของเหล่าก็อบลินแทน จากนั้นก็บังคับให้ทั้งสองฝ่ายสร้างของเล่นวิศวกรรมด้วยเทคโนโลยีของอีกฝ่ายขึ้นมาสักสิบชิ้นสิค่ะ”

เมื่อได้เห็นถึงใบหน้าอันเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง รวมทั้งได้ฟังน้ำเสียงที่ใสดุจระฆังนี้ ตัวข้าก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง

“ไปบังคับให้เจ้าพวกนี้ทำเรื่องเช่นนี้ นี่มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการไปฆ่ากันตรงๆเสียอีก ถึงแม้วิศวกรรมคนแคระและวิศวกรรมก็อบลินจะแลดูคล้ายคลึงกัน แต่ที่จริงแล้ว วิศวกรรมของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่หลักการพื้นฐานจนไปถึงตัวระบบการทำงานเลย ของเล่นสักสิบชิ้น? เวลาทั้งชีวิตจะพอทำรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แถมยังจะให้เจ้าพวกนี้ไปใช้เครื่องมือที่ตนเกลียดชัง ให้ร่ำเรียนหลักทฤษฏีที่พวกตนชิงชังอีก นี่ช่างเป็นบทลงโทษที่เลวร้ายนัก แต่...”

ข้าได้ชูนิ้วโป้งให้กับอิลิซ่าพร้อมกล่าวว่า “นี่ช่างเป็นความคิดที่ดีนัก นับวันความคิดเจ้าจะยิ่งคล้ายข้าเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย”

แค่ก เอาล่ะเรามากลับเข้าเรื่องกัน ส่วนสาเหตุที่ข้าเลิอกที่จะใช้วิธีเดินไปที่ที่พำนักเจ้านครนั่นก็เพราะข้าอยากที่จะเห็นว่าการฟื้นตัวของนครภูผาหลิวฮวงหลังความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่การที่ได้เห็นเหล่าประชาชนยังมีแรงเหลือมากพอมาสร้างฉากตลกชวนหัวเช่นนี้ได้ ข้าก็เบาใจไปหลายเปราะทีเดียว

ในด้วยฐานะตัวต้นคิดผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ข้านั้นค่อยข้างพอใจกับความร่วมมือในการบิดเบือนข่าวสารของ ‘ผู้สังเกตการณ์’ และกิลด์จอมโจรแห่งนครภูผาหลิวฮวงเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อย สถานการณ์ผิวเผินภายนอกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม

ใช่แล้ว แค่ผิวเผินภายนอกเท่านั้น เหตุการณ์ที่สองจ้าวแห่งโลกใต้พิภพจับมือกันโจมตีนครแห่งนี้ แต่กลับมีเพียงตัวท่านจ้าวเท่านั้นที่สามารถหนีกลับไปได้แบบเป็นๆ โดยที่กองทัพของทั้งสองถูกทำลายจนสิ้นไม่มีเหลือ มีรึที่ข่าวใหญ่เช่นนี้ จะไม่ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเลย?

“ว่ากันมาตรงๆ เลยดีกว่าถึงสาเหตุที่เจ้าสร้างสถาบันกฎหมายหน่านเซี่ยงขึ้นน่ะ รวมทั้งเรื่องที่เจ้าไปแย่งบุคลากรจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วทำการขยับขยายเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ของระบบกฎหมายขึ้นเป็น 3 เท่าเช่นนี้ด้วยน่ะ นี่เจ้าวางแผนจะทำอะไรกันแน่?”

ภายในที่พำนักเจ้านคร มากาเร็ตและอดัมที่มาถึงก่อนแล้วได้พูดคุยไปพลางจิบชาไปพลาง ส่วนเสี่ยวหงส์ นางนั้นไม่ขอเข้าร่วมเพราะนางกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่ในทันทีทันใดที่ข้านั่งลง มากาเร็ตก็เริ่มทำการสอบสวนข้าในทันที

“เหเห ก็พวกนังหนูทั้งหลายอุตส่าห์ต่อสู้กันอย่างหาญกล้า แถมยังยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเหล่าประชาชนไว้อีกแน่ะ ข้าก็เลยมอบโอกาสให้พวกนางได้เข้าร่วมกับระบบกฏหมายอย่างเต็มตัวก็เท่านั้นเอง นี่น่ะเป็นความปรารถนาของพวกนางมาตั้งหลายปีดีดัก อย่างบอกนะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”

ข้าที่ถือมีดโครงกระดูกเอาไว้ในมือ ก็ทำการแกะสลักลงไปที่คทาไม้สีดำอย่างระมัดระวัง

ตั้งแต่เมื่อครั้งที่การพิพากษาผ่านพ้นไป ข้าก็เริ่มติดใจการแกะสลักไม้เช่นนี้ นี่คือหนึ่งในทักษะงานบ้านงานเรือนที่ต้องอาศัยสมาธิความตั้งใจของผู้ใช้ในการลงมือทำ

“ความจริงล่ะ?”

“ก็มันยุ่งยากเกินไปนี่น๊า จนเค้าไม่อยากจะอธิบายเลยอะ”

มากาเร็ตได้แต่ส่ายศีรษะแล้วนั่งลงดังเดิม ในยามปกติ เจ้าลิชนี่ต้องวางแผนชั่วอะไรไว้แน่แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยินดีที่จะปริปากพูด เช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับให้เจ้าลิชนี่พูดออกมา

จะให้คาดเดาความคิดของเจ้าหมอนี่งั้นเหรอ? ความคิดในหัวของเจ้าสหายผู้นี้นั้นแปลกประหลาดและนอกกรอบสิ้นดี มีหลายครั้งหลายคราวที่หมอนี่ทำตัวเหมือนเล่นไปงั้นๆ แต่เมื่อเวลามาถึงกลับปรากฏว่าที่เล่นๆนั้นคือแผนการอันแยบยลที่วางไว้อย่างดี ถ้าชายผู้นี้ตั้งใจจะแอบทำอะไรเป็นความลับจริงๆล่ะก็ แม้แต่ตัวนักบุญที่ค่อยเฝ้ามองการกระทำของชายผู้นี้อยู่ทุกฝีก้าวก็มิอาจนึกออกได้เลยว่าชายผู้นี้กำลังตั้งใจจะทำอะไรอยู่

มีอยู่ครั้งนึงที่ตัวมากาเร็ตได้เอ่ยปากถามเรื่องนี้ออกไป แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับเป็นเพียงคำตอบรับที่มิอาจเข้าใจได้เท่านั้น

“ความคิดของเจ้านั้นเป็นเส้นตรงเสียจนเกินไป มันก็เหมือนกับหมากรุกเวทมนต์ที่เจ้าชอบเล่นนั้นแหละ ที่ตัวผู้เล่นต้องคอยตะเกียกตะกายคิดหาวิธีลิดรอนตัวหมากของอีกฝ่ายมาทีละตัวทีละตัวเพื่อสั่งสมชัยชนะอันแสนเล็กน้อยนั้นจนให้ได้มาซึ่งชัยชนะในหมากกระดานนั้น ถึงนี่จะแลดูเป็นวิธีที่ถูกต้องแต่ที่จริงแล้ว วิธีนี่จะทำให้อาวุธที่เจ้าใช้ประหัตประหารศัตรูปรากฏออกมาให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์ชัดเจน ซึ่งนั้นจะทำให้ฝ่ายศัตรูสามารถมองทะลุความคิดของเจ้าได้อย่างง่ายดายนัก จนแทนที่ตัวเจ้าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบกลับเป็นตัวเจ้าต่างหากที่กำลังเสียเปรียบอยู่ ด้วยฐานะที่ข้าเป็นเซียนโกะ(หมากล้อม) ข้าขอเลือกที่จะกระจายตัวหมากออกไปทั่วกระดานแล้วเฝ้ารออย่างใจเย็นเสียดีกว่า ข้าจะไม่เล็งไปที่ชัยชนะเล็กๆแต่จะเล็งไปที่ชัยชนะครั้งใหญ่ตั้งแต่ต้นแล้ว”

“โกะ? มีหมากรุกแบบนั้นในโลกนี้ด้วยเหรอ? หรือว่านี่จะเป็นเกมกระดานที่สูญหายไปในประวัติศาสตร์กัน?” มีหลายครั้งหลายครานักที่มากาเร็ตพยายามที่จะสานต่อหัวข้อสนทนานี่ต่อไป แต่ตัวลิชโรแลนด์กลับหันเหความสนใจไปที่เรื่องอื่นและเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำถามของเธอแทน

“จริงสิ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าตั้งใจว่าจะเปิดศาลสูงสุดสาขาใหม่น่ะ ศาลสูงสุดสาขานครโครม”

เจ้านครโครม อู๊ด อู๊ด ได้สิ้นชีพไปภายใต้ผลของเวทมนต์ต้องห้ามของมากาเร็ตในระหว่างการรุกรานเมื่อไม่กี่วันก่อน ทิ้งให้ตอนนี้นครโครมไร้ซึ่งหัวหน้าผู้ปกครอง ฉะนั้นเจตนาของข้าย่อมชัดเจนอยู่แล้ว

“ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่าทำไมเจ้าถึงเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ขึ้นเช่นนี้ นี่เจ้าตั้งใจจะไปบุกยึดนครโครมงั้นสินะ?”

“ย่อมแน่อยู่แล้ว หลังจากฆ่าตัวบอสไป ข้ายังพอรับได้ที่ระดับข้าไม่เพิ่มขึ้นเลย รวมทั้งข้ายังพออดกลั้นได้แม้ข้าจะไม่ได้รับทรัพย์สมบัติอะไรเลย แต่ถ้าข้ามิได้พิชิตดินแดนของพวกมัน แล้วพาสาวงามร่วมทางกลับมาด้วยสักสองสามนาง ข้าคงต้องลื่นล้มลงกลางถนนจากความโศกานี้เป็นแน่”

แล้วก็เป็นเหมือนเช่นเคย ทั้งสองคนต่างเมินเฉยต่อคำพูดบ้าๆของข้าแต่ในความเป็นจริงแล้ว คำพูดของข้านั้นเป็นมุมมองหลักของโลกใบนี้ และโดยส่วนตัวข้าเองก็คิดว่าขอแค่เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ฉะนั้นเมื่อครั้งที่เจ้าเบื่อ เจ้าก็ปล่อยมุกตลกออกมาแล้วมีความสุขไปกับมันซะสิ หรือไม่ก็เที่ยวไปทำเรื่องบ้าๆเพื่อให้ทุกคนได้ขำออกเมื่อครั้งที่กลับมาระลึกถึงวีรกรรมที่เจ้าทำไป เจ้าไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเหรอไง ที่ต้องไปไหนมาไหนด้วยใบหน้าบูดบึ้งคอยเอาแต่สู้รบปรบมือกับผู้อื่นเพียงเพื่อให้เจ้ารู้สึกว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งน่ะ

แค่ก ดูท่าข้าจะเผลอเขียนประโยคที่ยาวเกินไปหน่อยสินะ ถ้าใครสามารถอ่านจบได้ด้วยลมหายใจเฮือกเดียวล่ะก็ สงสัยคนผู้นั้นคงต้องมีปอดที่ใหญ่มากแน่ๆเลย

เรามากลับเข้าเรื่องกัน ใช่แล้ว ข้าตั้งใจที่บุกยึดนครโครมจริงๆ แต่เป้าหมายของข้าไม่ใช่การตีให้อีกฝ่ายตกเป็นเมืองขึ้นหรอกนะ

“ในมุมหนึ่งก็เพราะพลังแห่งกฎหมายนั้นยังต้องการผู้นับถือและศรัทธาอีกมากนัก ในอีกมุมหนึ่งฝ่ายพวกเราเองก็ต้องการไพ่ในมือมากกว่านี้เหมือนกันมิใช่รึ แล้วพวกเจ้าคิดจะจัดการกับปัญหาเรื่องพันธมิตรโลกใต้พิภพเช่นไรล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำถามของข้า ทุกคนก็ต่างเงียบลงในทันที

การรุกรานพื้นทวีปของพันธมิตรโลกใต้พิภพนั้นคือความต้องการที่มีร่วมกันของประชาชนส่วนใหญ่ในโลกใต้พิภพ ฉะนั้นย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่การรุกรานนี้จะเกิดขึ้นจริง แถมสาเหตุที่พวกเราสามารถกำราบกองทัพความร่วมมือของสองจ้าวแห่งโลกใต้พิภพได้ก็เพราะท่านจ้าวทั้งสองนั้นได้เร่งรีบเดินทางมาที่นี่หลังจากที่ได้รับข่าวเรื่องที่ผนึกจะโดนเสริมพลัง บางทีทั้งคู่อาจจะยอมใช้เวทมนต์เคลื่อนย้ายเลยเสียกระมัง เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจ้าวทั้งสองจึงสามารถนำหน่วยอารักขาติดตัวมาด้วยได้เพียงแค่เสี้ยวเล็กๆเสี้ยวเดี่ยวเท่านั้น บางทีกองทัพที่มารุกรานครั้งนี้อาจจะไม่ถึงหนึ่งในสิบของกองทัพจริงๆของทั้งคู่เลยเสียละมั่ง เพราะอย่างน้อย พวกเราก็ยังไม่เจอเหล่ายอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใต้อาณัติของทั้งคู่ในศึกครั้งนี้เลย

แถมนอกจากนี้ ถึงแม้พวกเราจะสามารถเอาชนะเหล่าจ้าวแห่งโลกใต้พิภพได้ แต่พวกเราจะสามารถเอาชนะเหล่าเจ้านครโลกใต้พิภพนับพันนับหมื่นในกองทัพพันธมิตรโลกใต้พิภพได้งั้นเหรอ? ตัวข้านั้นได้บทเรียนแล้วล่ะว่ากระแสแห่ง ‘ประวัติศาสตร์’ นั้นเป็นสิ่งที่มิอาจที่จะหยุดยั้งได้ ถ้าข้าทะเลอทะล่าเข้าไปหยุดกระแสนี้ด้วยแขนอันอ่อนแอทั้งสองของข้าล่ะก็ ก็คงมีแต่ข้าเท่านั้นที่จะถูกกระแสนี้บดขยี้ไป

และเมื่อครั้งที่สองจ้าวแห่งโลกใต้พิภพเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แล้วกลับมาอีกครั้งด้วยกองทัพเต็มศักดา หรือบางทีก็อาจจะพาเจ้านครโลกใต้พิภพติดตัวมาด้วยสักสามร้อยสี่ร้อยตนเพื่อมาจัดการกับพวกเรา เช่นนี้ นครภูผาหลิวฮวงก็เหมือนกับไอ้โง่ที่คิดจะเข้าไปขวางทางที่รถบรรทุกวิ่งผ่าน จนสุดท้ายก็หลงเหลือไว้เป็นเพียงรอยแผลในประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า – เศษซากปรักหักพัง

“งั้นก็ขอให้ข้าได้เสนอทางแก้ละกัน เอาความจริงเลยนะ ความคิดของเจ้าน่ะไม่รู้จักยืดหยุ่นเอาเสียเลย นี่คิดจริงๆหรือว่าพวกเราจำเป็นจะต้องยืนอยู่คนละฟากฝั่งกับอีกฝ่ายเพื่อที่จะต่อต้านการรุกรานพื้นทวีปน่ะ? ถ้าเกิดพวกเราคอยแต่ใช้การทูตร้องเพลงคนละตัวโน๊ตกับอีกฝ่าย ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแหละที่พวกเราจะถูกปลีกวิเวกออกมา พวกเจ้าทั้งคู่นั้นแข็งแกร่ง จนเจ้าทั้งคู่อยากจะจากไปเมื่อใดก็ได้ ฉะนั้นเรื่องในครั้งนี้อาจจะไม่มีผลกระทบต่อตัวเจ้า แต่เมื่อใดที่แอนนี่ขึ้นมาปกครอง เหล่าอริที่พวกเจ้าไปสร้างความหมาดหมางไว้ย่อมกลับมาเอาคืนแน่ เช่นนี้นังหนูจะรับมือไหวงั้นเหรอ?”

“ถ้างั้นพวกเราควรจะทำเช่นไรกันดี?” มากาเร็ตเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่ตัวเธอเองนั้นยังไม่มีวิธีการแก้ไขที่จะจัดการกับเรื่องนี้เลย

“เจ้าก็รู้นิ พวกเราก็แค่ไปเข้าร่วมกับพวกพันธมิตรโลกใต้พิภพซะก็จบ! ใช่แล้ว ไปเข้าร่วมกับพวกมันซะ ณ สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ในกองทัพพันธมิตรโลกใต้พิภพได้มีผู้นำอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่คน โดยแบ่งออกเป็นสองพรรคสองพวก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้สมดุลอันแสนเปราะบางในพันธมิตรนี้คงอยู่เอาไว้ได้ แต่ถ้าเกิดอยู่ดีๆก็มีจ้าวแห่งโลกใต้พิภพคนใหม่เข้าไปร่วมแจมด้วยล่ะ เจ้าลองเดาดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้น?”

ตอนนี้ใบหน้าของอดัมนั้นเต็มไปด้วยความมึนงง ส่วนตัวมากาเร็ตกลับตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิด

“และแน่นอนว่า จะอย่างไรซะ พวกเราก็สามารถกำราบจ้าวแห่งโลกใต้พิภพลงได้ถึงสองตน ฉะนั้นพวกเราเองก็สมควรที่จะมีคุณสมบัติมากพอจะขึ้นเป็นจ้าวแห่งโลกใต้พิภพเช่นกัน และในเมื่อท่านจ้าวที่มาบุกพวกเรานั้นมีเพียงแค่สองตนเท่านั้น นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วล่ะว่าฝ่ายนั้นเองก็ไม่ได้สมานสามัคคีอย่างที่พวกเราคิดเหมือนกัน เช่นนี้ ถ้าเกิดเราหันไปเข้าร่วมกับท่านจ้าวอีกสองคนที่เหลือล่ะ...”

“ใช่แล้วล่ะ ตำแหน่งผู้นำแห่งกองทัพพันธมิตรเป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการต่อสู้ให้ได้มา”

จู่ๆ ตัวข้าก็คิดถึงบ้านเกิดอันแสนห่างไกลของข้าขึ้นมา ภายใต้อำนาจของขุมกำลังห้าฝ่ายที่อยู่มาช้านาน ก็ได้มีขุมกำลังอำนาจใหม่ปรากฏตัวขึ้น ในช่วงเวลาที่ขุมกำลังนี้เติบโต ขุมกำลังนี้ก็คอยสับเปลี่ยนฝ่ายเข้าร่วมกับฝ่ายนู้นทีฝ่ายนี่ทีเพื่อคอยรับผลประโยชน์มากมาย และเมื่อครั้งใดที่ถึงเวลาตัดสินเรื่องต่างๆ ขุมกำลังนี้ก็จะใช้สิทธิ์ของตนปฏิเสธคำตัดสินนั้น หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่ใช้สิทธิ์ ซึ่งเป็นการสร้างความรำคาญให้ประเทศต่างๆอย่างมากนัก แต่ในท้ายที่สุด กลับเป็นขุมกำลังนี้เองที่ขึ้นมามีอำนาจเป็นประเทศชั้นนำในยุคสมัยใหม่

“นอกจากนี้ ข้ายังมีของขวัญชิ้นสำคัญเตรียมเอาไว้อีกด้วย ของขวัญชิ้นที่จะทำให้สมดุลแสนเปราะบางนี้แปรเปลี่ยนเป็นความวุ่นวายที่มิอาจแก้ไขได้อีกเลย”

“อะไรนะ?”

“ของขวัญชิ้นสำคัญ?”

ข้าหัวเราะอย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะวางคทาไม้สีดำในมือข้าลงบนโต๊ะ

“อุปกรณ์ชั้นเทวะ คทาหย่งเยี่ย นี่คืออุปกรณ์ชั้นเทวะระดับสูงสุดซึ่งเทียบเท่าประกาศิตแห่งองค์จักรพรรดิเหนือจักรวรรดิแห่งอันเดดซีหลัว สร้างขึ้นด้วยมือของลอร์ดหย่งเยี่ยเอง เป็นของจริงแท้แน่นอน ทางเรายินดีเข้ารับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน แล้วถ้าเกิดพิสูจน์ได้ว่านี่เป็นของปลอม ทางเรายินดีคืนเงินให้ท่านเป็นสิบเท่า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด