ตอนที่แล้วบทที่ 16 : ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว (2/2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 : ทวงข้าวคืน (2/2)

บทที่ 17 : ทวงข้าวคืน (1/2)


บทที่  17  :  ทวงข้าวคืน  (1/2)

บ้านลุงของเหลียนฟางโจวนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขามากนัก  บ้านหลังใหญ่โอ่โถ่งกว้างขวาง  อีกทั้งยังดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย  นับว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว

เมื่อนางเฉียวเห็นเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ  นางก็นึกถึงเรื่องที่นางหยางมาถอนหมั้น  แล้วเหลียนฟางโจวก็ไม่ยอมแบ่งเงินค่าถอนหมั้นให้นางขึ้นมา  ความโกรธที่มีเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง  นางเฉียวมองเหลียนฟางโจวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร  ก่อนจะตะคอกขึ้นว่า  “พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม!!  ออกไปจากบ้านของข้าซะ!!  ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า!!”

แต่แทนที่เหลียนฟางโจวจะเดินกลับไป  เธอกลับเดินดุ่มๆเข้าไปที่ห้องโถง  ก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งตัวหนึ่ง  แล้วตอบกลับไปว่า   “พวกเราก็มาทวงของที่ควรจะเป็นของพวกเราคืนน่ะสิ!!  หรือท่านป้าคิดว่าพวกเรามาทำไมอะไรกันล่ะ?”

“เหลวไหล!!”    ใบหน้าของเหลียนหลี่ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเหลียนฟางโจวเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม  ก่อนเขาจะขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า  “เหลียนฟางโจว!    เจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่  นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าควรพูดกับผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ?”

“โอ้ว.....ท่านลุงยังจำได้ด้วยเหรอว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโส!!”   เหลียนฟางโจวหัวเราะอย่างเยือกเย็นและพูดต่อว่า    “วางแผนฮุบเอาทรัพย์สมบัติของหลานๆที่กำพร้าพ่อแม่!!  อีกทั้งยังคอยกลั่นแกล้งและเอารัดเอาเปรียบเด็กกำพร้าไม่มีทางสู้  นี่นะหรือสิ่งที่ผู้อาวุโสพึงกระทำกัน!!  ลุงกับป้าไม่ละอายต่อท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราที่กำลังมองดูอยู่บนสวรรค์บ้างหรือยังไง?!”

“เจ้า!!”  เหลียนหลี่โมโหจนลมแทบจับ  เขาทั้งแน่นหน้าอกแล้วก็หน้าแดงก่ำไปหมด   “ไม่ต้องเอาพ่อแม่ของเจ้ามาอ้าง!!  พวกเราไม่ได้เป็นหนี้อะไรเจ้าทำไมพวกเราต้องชดใช้ให้เจ้าด้วย!  อีกอย่างถ้าเจ้าบอกว่าพวกเรารังแกเจ้า  ไหนล่ะหลักฐาน?  เอาหลักฐานออกมาสิ!  พูดจาไร้สาระจริงๆ  นี่เห็นว่าเจ้ายังเป็นเด็กและไม่บรรลุนิติภาวะอยู่นะ  ข้าก็เลยจะไม่เอาเรื่องก็แล้วกัน  ทีนี้พวกเจ้าก็รีบๆ ขอโทษมา  แล้วก็ออกจากบ้านข้าไปได้แล้ว!”

เหลียนหลี่จ้องหน้าเหลียนฟางโจวเขม็ง  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น  “เจ้าช่างเปลี่ยนไปจากเดิมมากจริงๆ  อะไรถึงทำให้เจ้ากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้  หรือว่าเจ้าจะโดนผีเข้าเหมือนอย่างที่พวกชาวบ้านเขาว่ากันจริงๆ  แล้วก็เพราะเจ้ากลายเป็นเด็กก้าวร้าวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่แบบนี้ไง  บ้านหยางเขาถึงเร่งเร้าอยากจะถอนหมั้นกับเจ้านักหนา  นิสัยอย่างนี้  ชาตินี้ทั้งชาติก็คงหาผู้ชายดีๆมาแต่งงานด้วยไม่ได้หรอก!!”

“ท่านลุง  ท่านพูดแบบนี้กับพี่สาวของข้าได้อย่างไร!!”  เหลียนเซ่อโกรธมาก แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง  เด็กชายเลยได้แต่กำมัดแน่น

เหลียนฟางโจวตบไหล่ของเขาเบาๆเป็นเชิงปรามให้เขาใจเย็นลง  ก่อนจะตอบเหลียนหลี่ว่า    “ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนแบบนี้น่ะหรือ?   ก็เพราะแม่ของข้ามาสอนข้าในฝันว่า  ม้าดีแบบไหนที่ควรเลือกมาขี่   แล้วก็คนแบบไหนที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือน่ะสิ  แถมท่านยังบอกอีกนะว่าถ้าเกิดเราทำตัวใจดีเกินไปจะโดนคนเอารัดเอาเปรียบและรังแกเอาได้   ดังนั้นข้าก็เลยกลายมาเป็นคนแบบนี้ยังไงล่ะ    อ่อ…อีกอย่างเรื่องในครอบครัวข้าท่านลุงไม่จำเป็นต้องมากังวล   ส่วนเรื่องที่บ้านหยางถอนหมั้นกับข้านั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่านลุงอีกเหมือนกัน  แล้วไหนจะเรื่องนิสัยของข้าที่ท่านลุงบอกว่าชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่ได้แต่งงานอีก   ถามจริงท่านลุงคิดว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะเสียใจหรือ  บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าข้าไม่สนใจแล้วก็ไม่เสียใจด้วย!!”

เหลียนฟางโจวคิดในใจว่าดีนะคนที่โดนด่าแบบนี้เป็นเธอ  เพราะสำหรับเธอแล้ว  คำด่าแค่นี้ถือว่าสบายมาก  แถมยังไม่ได้ระคายเคืองผิวเธอเลยสักนิดเดียว  กับอีแค่โดนถอนหมั้นแล้วไม่ได้แต่งงานถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก  แต่ถ้าลองเป็นเหลียนฟางโจวคนเดิมมาโดนด่าแบบนี้สิ  คงได้โมโหตายไปอีกรอบแน่ๆ

ในสมัยโบราณนั้นคำพูดสามารถมีพิษร้ายมหาศาลจนถึงขั้นทำให้คนๆ หนึ่งตายได้เลยทีเดียว  ยิ่งมาพูดว่าเป็นเด็กไม่มีสัมมาคาราวะ  หรือชาตินี้ทั้งชาติก็คงจะไม่มีใครมาแต่งงานด้วยแล้ว  สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่ถึงวัยแต่งงานดี  มีหรือที่พวกนางจะทนฟังคำพูดพวกนี้ได้

สังเกตง่ายๆจากอาการของเหลียนเซ่อที่พอได้ยินคำพวกนั้น  เขาถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังไงล่ะ

เหลียนหลี่คาดไม่ถึงว่าเหลียนฟางโจวจะยังคงสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเขาเลย  ยิ่งไปกว่านั้นนางยังตอกหน้าเขากลับมาเป็นฉากๆ อีก  และท่าทางที่ไม่แยแสเหล่านั้นของนาง  ก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่การแสดงหรือการแสร้งทำเลยสักนิด

เขาถึงกลับตกตะลึงและมึนงงเป็นอย่างมาก

นางเฉียวเมื่อเห็นว่าทางฝั่งสามีกำลังเพลี่ยงพล้ำ  นางก็เริ่มรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก  เธอฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า  “หน้าหนา!!   หน้าด้าน!!  คนอะไรช่างไร้ยางอายเสียจริง!!”

“ใช่ๆ  หน้าไม่อาย”   เหลียนหลี่พูดเสริมขึ้นมาบ้าง

“พวกท่านกำลังพูดอะไรกัน!!”  เหลียนเซ่อโกรธจนหน้าดำหน้าแดง   เขาพร้อมที่จะวิ่งเขาไปปะทะกับสองผัวเมียเต็มที่แต่ก็ดันถูกเหลียนฟางโจวห้ามเอาไว้ก่อน

“อาเซ่อไม่จำเป็นต้องโมโหไปหรอก”   เหลียนฟางโจวหัวเราะเบาๆ  ก่อนจะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ว่า  “เป็นคนแบบไหนก็มักจะพูดแบบนั้นออกมาเป็นธรรมดา   ถ้าท่านลุงท่านป้ายังด่าไม่สาแก่ใจท่านจะขุดบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโครตของข้ามาด่าด้วยก็ได้นะเจ้าคะ  พอด่าเสร็จแล้วจะได้มาคุยเรื่องธุระกันสักที!!”

เหลียนหลี่โกรธจนตัวสั่น  เขาจ้องเหลียนฟางโจวตาเขม็ง  ดูคำพูดคำจาของนางสิ  ฟังแล้วเขาก็อยากจะเป็นลมตายไปให้รู้แล้วรู้รอด  บรรพบุรุษสิบแปดชั่วโครตของนาง  มันก็บรรพบุรุษของเขาด้วยไม่ใช่หรือ  นี่แม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลนางก็ยังไม่เว้น  นังเด็กนี่มันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจริงๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด