ตอนที่แล้วChapter 3 ก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 5 อาหารและการทำคะแนน

Chapter 4 การสัมภาษณ์


ภายในพื้นที่ทดสอบมีโต๊ะเครื่องมือ ซึ่งมีคนยืนรอคิวอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เครื่องมือเหล่านี้ใช้สำหรับการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงของผู้สมัคร จากนั้นข้อมูลจะถูกสแกนลงในคอมพิวเตอร์โดยอัตโนมัติและเพิ่มลงในแบบฟอร์มข้อมูลของผู้สมัคร มันไม่มีอะไรที่ง่ายไปกว่านี้แล้ว

เมื่อเฉิงเจียวหยางเข้าสู่พื้นที่ทดสอบ เธอก็เข้าแถวเพื่อรับการตรวจวัด และทันทีที่ข้อมูลทางกายภาพของเธอถูกเพิ่มลงในข้อมูลของเธอในคอมพิวเตอร์แล้ว ข้อมูลได้ถูกส่งต่อไปยังพื้นที่อื่นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และเสร็จสิ้นการสมัครไปอีกหนึ่งส่วน

ถัดไปเธอถูกส่งไปยังพื้นที่สัมภาษณ์ ซึ่งมีผู้คนที่รอคิวอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ในทางเดินด้านนอกห้องสัมภาษณ์มีคนประมาณสิบคนที่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากพวกเขาทุกคนกำลังรอเจ้าหน้าที่มาเรียกรายชื่อของพวกเขา ทุกคนจึงนั่งกันอยู่อย่างเงียบๆ

เฉิงเจียวหยางสังเกตว่าเด็กหญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอยืนอยู่หน้าเธออีกครั้ง เด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงดูประหม่ามาก ในขณะที่เด็กผู้หญิงที่ชื่อหยางเปายืนอยู่ข้างๆเธอและคอยจับมือให้กำลังใจเธอ

ใช้เวลาไม่นานนักในการคัดคน ที่รออยู่ด้านนอก ในที่สุดก็ถึงคิวของเฉิงเจียวหยางเพียง ซึ่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“สวีเจี่ยวเจียว!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อเธอจากทางเข้าประตู

เฉิงเจียวหยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะเข้าห้องสัมภาษณ์

เมื่อเข้าไปข้างใน เฉิงเจียวหยางก็เห็นว่ามีผู้สัมภาษณ์สองคน เป็นผู้ชายและผู้หญิง พวกเขากระซิบอย่างเงียบๆ และเมื่อเธอเดินเข้าไป พวกเขาก็หยุดพูดและหันมามองเธอ

“สวีเจี่ยวเจียวใช่มั้ย...?” ผู้สัมภาษณ์ชายหนุ่มมองดูที่แท็บเล็ตในมือของเขา และน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ว้าว...คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะ!”

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้สัมภาษณ์ผู้ชายกับผู้สัมภาษณ์หญิง ดูแล้วผู้สัมภาษณ์ผู้หญิงดูมีอายุมากกว่า แต่เนื่องจากเธอแต่งตัวในสไตล์ที่วัยรุ่น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเดาว่าเธออายุเท่าไหร่

เฉิงเจียวหยางขยับเข้าไปใกล้ๆ และเธอเห็นแผ่นป้ายชื่อบนโต๊ะตรงหน้าผู้สัมภาษณ์แต่ละคนอย่างชัดเจน

จ้าวอี้หยาน และ เจียงอี้

เธอไม่รู้จักว่าเจียงอี้เป็นใคร แต่เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของจ้าวอี้หยาน เขาเพิ่งถูกขนานนามว่าเป็นไอคอนแฟชั่นยอดนิยมของวงการบันเทิง

เจียงอี้สำรวจเฉิงเจียวหยางอย่างละเอียด ก่อนที่จะพยักหน้ารับอย่างชื่นชม คนที่อยู่ในรูปถ่ายบัตรประชาชนของเธอนั้น เป็นรูปที่เธอผูกผมหางม้าและมีผมม้าหนา นอกจากนี้เธอยังสวมแว่นซึ่งทำให้เธอดูเหมือนหนอนหนังสือ ไม่มีจุดแข็งอะไรเลย แน่นอนว่าผู้หญิงในภาพแตกต่างกับผู้หญิงคนนั้น ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้อย่างสิ้นเชิง!! เธอมีผมสั้นสวยมีสไตล์และไม่มีการแต่งหน้า แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อยืดสีขาวราคาถูกและกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่เทคนิคเล็ก ๆ ที่เธอใช้กับเสื้อผ้าของเธอเผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบางและความอ่อนเยาว์ของเธออย่างเห็นได้ชัด

“ปกติแล้วคุณแต่งตัวแบบนี้เหรอ...?” เจียงอี้ถาม

“ใช่ค่ะ ครอบครัวของฉันยากจน” เฉิงเจียวหยางตอบอย่างตั้งใจ น้ำเสียงของเธอราบเรียบ นั่นแสดงว่าเธอไม่รู้สึกต่ำต้อยแม้แต่น้อย ผู้สัมภาษณ์สองคนไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“ชุดของวันนี้ค่อนข้างดี ชุด ทรงผม และเสื้อผ้าของคุณมันดูเข้ากันดี คุณเลือกเองเหรอ?” จ้าวอี้หยานเอามือขึ้นมาลูบคางของเขาเบาๆ ในขณะที่เขาสำรวจเฉิงเจียวหยางจากบนลงล่าง

เฉิงเจียวหยางก้มหน้าลงและมองไปที่เสื้อผ้าของเธอ ในขณะที่นิ้วของเธอเล่นกับพู่สั้นๆ ที่ปลายเสื้อ เธอตอบด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ขอโทษนะคะ พอดีว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้กรรไกร มันอาจจะออกมาไม่ค่อยดีค่ะ!”

เสื้อผ้าในตู้ของเธอ ไม่เหมาะที่จะใส่ไปแข่งขันได้ ดังนั้นเสื้อผ้าที่เธอสวมเมื่อวันก่อน ก็ได้ถูกนำมาซักและตากแห้งเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อให้เธอสามารถสวมใส่ได้อีกครั้งในวันนี้ แต่เธอปรับเปลี่ยนชุดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เหมือนกัน เธอต้องอดทนเป็นอย่างมากกับเสื้อผ้าที่เธอต้องใส่ตัวเดียวกันเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน

เนื่องจากเธอได้เข้าร่วมในการแข่งขัน เธอจึงต้องหาวิธีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เดิมทีเธอค่อนข้างสูง แต่เมื่อเธอมาที่นี่เธอความสูงของเธอไม่ได้เปรียบเลย ในความเป็นจริงเธออาจดูเตี้ยไปเลยเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่รออยู่ข้างนอกห้อง หากตอนนี้เธอไม่ได้แสดงความสามารถอื่นๆ บางทีมันอาจจะไม่มีโอกาสที่จะผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งนี้เลยก็ได้

“เสื้อผ้าที่คุณที่ใส่อยู่ตอนนี้ คุณดัดแปลงมันเองเหรอ?” เจียงอี้ดูประหลาดใจมาก

“ฉันไม่สามารถหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมในตู้เสื้อผ้าของฉันได้ และฉันก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อชุดใหม่ แต่ฉันสามารถใช้สิ่งที่ฉันมีอยู่แล้วมาเท่านั้นค่ะ” ในความเป็นจริงแล้วเฉิงเจียวหยางทำอะไรไม่ค่อยได้เลย ตอนแรกเธอต้องการวาดภาพสิ่งที่น่าสนใจบนเสื้อยืด แต่เธอไม่สามารถหาสีหรือแปรงได้เลย

ผู้สัมภาษณ์ทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันด้วยสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจ

เจียงอี้ถามต่อไปว่า “สวีเจี่ยวเจียว คุณรู้ไหมว่าการเป็นนางแบบมันเป็นยังไง?”

“ฉันก็พอรู้มานิดหน่อยค่ะ เพราะว่าเพื่อนสนิทของฉันเป็นนางแบบ”

“และสิ่งที่คุณควรรู้ ว่าวงการนี้ไม่สวยงามอย่างที่เห็นภายนอกหรอกนะ คุณพร้อมที่จะเผชิญกับความยากลำบากที่อาจเกิดขึ้นได้ไหม?”

เฉิงเจียวหยางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น “ฉันมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น ไม่ว่าฉันจะได้เข้าสู่วงการนางแบบมั้ยนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าฉันเหมาะสมกับมันหรือไม่มากกว่าค่ะ”

แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเธอเต็มใจเข้าร่วมจริงๆ !

เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่เหมือนที่คิดไว้ จ้าวอี้หยานก็ถามต่อว่า “คุณเดินบนรันเวย์ได้ไหม...?”

“ฉันไม่เคยเดินมาก่อนเลยค่ะ” เฉิงเจียวหยางเคยแต่เป็นผู้ชมเพียงเท่านั้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอจะต้องเข้าสู่สายธุรกิจนี้

“ลองพยายามทำดูนะ เราจะดูที่การประสานงานของร่างกายของคุณ”

เฉิงเจียวหยางเดินกลับไปที่ประตูพลาง นึกถึงเพื่อนของเธอที่เคยฝึกฝนขั้นตอนการเดินบนรันเวย์ต่อหน้าเธอ แม้ว่าความทรงจำนั้นค่อนข้างเลือนราง แต่เธอก็ยังจำรายละเอียดบางอย่างได้ ในขณะที่เธอจดจ่อกับสิ่งที่ต้องทำ เธอได้ก้าวเดินไปข้างหน้า

“เห็นได้ว่า เธอไม่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวและก้าวของเธอก็ไม่มั่นคง แต่การประสานงานของร่างกายเธอค่อนข้างดี การรู้ถึงความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ นับได้ยังพอมีความเข้าใจอยู่บ้าง” เจียงอี้ที่เฝ้าดูเฉิงเจียวหยางเดินนานกว่าคนอื่นเล็กน้อย ก่อนเอนศีรษะของเธอไปใกล้กับจ้าวอี้หยานและกระซิบเบาๆ “อี้หยาน คุณคิดยังไง?”

“ก็ไม่เลวนะ ถือว่าการเริ่มต้นที่ดี” จ้าวอี้หยานตอบ พร้อมกับหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่เคยเดินที่ไหนมาก่อนเป็นเรื่องปกติที่เธอไม่คุ้นเคยกับมัน คุณสังเกตไหมว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในห้องนี้ จนถึงตอนนี้เธอไม่ได้ดูมีความกังวลใดๆเลย มันเหมือนกับว่าเธอกำลังเดินเล่นไปรอบๆ สวนของเธออย่างสบายๆ”

“เธอบอกว่าครอบครัวของเธอยากจน ดังนั้นถ้าเธอจะเดินเล่นรอบสวนอย่างสบายๆ มันก็น่าจะเป็นสวนผักนะ!” เจียงอี้พูดติดตลก

เฉิงเจียวหยางยืนนิ่งๆ และเห็นว่าผู้สัมภาษณ์สองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะ เธอจึงไม่รีบเร่งพวกเขาและเฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบๆ แทน

“ผมเห็นจากแท็บเล็ตว่า คุณชอบวาดภาพเป็นพิเศษของคุณ คุณเป็นนักเรียนศิลปะเหรอ...?” จ้าวอี้หยานพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง ในขณะที่นิ้วของเขาแตะอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต

“ไม่ใช่ค่ะ....ฉันแค่ชอบวาดรูป”

“คุณรู้ไหม ว่าผมมีบัตรยกเว้นในอยู่ในมือ?”

"ฉันรู้ค่ะ ฉันได้อ่านกฎการแข่งขันมาแล้วค่ะ”

“ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างก็มีความสามารถพิเศษเช่นกัน และมีจำนวนมากที่สามารถร้องเพลงและเต้นรำได้ คุณคิดว่ามีข้อได้เปรียบอะไรบ้าง ในการที่ผมจะให้บัตรยกเว้นนี้แก่คุณแทนที่จะเป็นผู้แข่งขันคนอื่น” จ้าวอี้หยานพูด พร้อมกับโบกบัตรในมือของเขา

เฉิงเจียวหยางกะพริบตาของเธอ มันทำให้เธอดูน่ารักโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่เธอก้มศีรษะถามต่อว่า “คุณกำลังเลือกนางแบบไม่ใช่นักร้องนะคะ ความสามารถในการร้องเพลงและเต้นรำนับเป็นข้อได้เปรียบเหรอคะ?”

จ้าวอี้หยานถึงกับหัวเราะออกมา เขารู้สึกว่าเมื่อเด็กคนนี้กระพริบตามันก็เหมือนกับแมวการ์ฟิลด์ของเขาเลย

“เมื่อเทียบกับการร้องเพลงและเต้นรำ การวาดภาพดูเหมือนจะได้เปรียบน้อยกว่าอีกนะ แต่อย่างน้อยผู้ที่สามารถร้องเพลงและเต้นรำ จะมีความมั่นใจมากขึ้นในการกะจังหวะเดินของพวกเขา”

เจียงอี้หันหน้าไปมองจ้าวอี้หยาน บทสัมภาษณ์สำหรับผู้เข้าแข่งขันรายนี้ได้ลากมาเป็นเวลานานแล้ว จ้าวอี้หยานควรจะรับผิดชอบในการจัดการกับเวลาสัมภาษณ์ แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการพูดคุยต่อ! สิ่งนี้จะไม่สามารถทำได้เพราะยังมีผู้เข้าแข่งขันรออยู่ข้างนอกอีกมากมาย!

“ผมสามารถตัดสินไดว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร และนั่นคือข้อได้เปรียบ ความเชี่ยวชาญของทุกคนถูกเขียนไว้ใบสมัคร ดังนั้นสำหรับผมเราแค่ต้องรอดู ด้วยวิธีนี้มันอาจจะทำให้คุณแปลกใจ แต่เมื่อคุณค้นว่ามันจะเป็นเช่นนั้น?” เฉิงเจียวหยางกรอกตาของเธออและตอบกลับอย่างจ้าวอี้หยานอย่างชาญฉลาด

“มันน่าแปลกใจ เมื่อคุณค้นพบครับ” จ้าอี้หยานพูดซ้ำ “อ๊ะ...! คุณชนะแล้ว”

จ้าอี้หยานมอบบัตรยกเว้นให้กับเฉิงเจียวหยาง

“ใช้บัตรยกเว้นนี้และกลับบ้านไปก่อนนะ เมื่อเวลาที่กำหนดเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้คุณและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นทราบว่าใครได้ไปต่อ และจะแจ้งเรื่องเวลาที่คุณต้องเข้ามาฝึกอบรบกับสถานที่ที่คุณต้องไปให้ทราบ”

“ขอบคุณค่ะ!” เมื่อพิจารณาถึงความสามารถในการสัมภาษณ์ เฉิงเจียวหยางมีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะว่าเธอประสบความสำเร็จด้วยความสามารถของเธอเอง

เมื่อเห็นจ้าวอี้หยานเพิ่มชื่อของสวีเจี่ยวเจียวลงในรายชื่อผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านไปเข้ารอบ เจียงอี้จึงอดสงสัยไม่ได้ และได้ถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ตอนนี้คุณเหลือบัตรผ่านเพียงใบเดียว แล้วทำไมคุณถึงมอบให้สวีเจี่ยวเจียวล่ะ?”

มีบัตรยกเว้นเพียงสี่ใบเท่านั้น จ้าวอี้หยานมีอยู่สองใบ ในขณะที่อีกสองใบอยู่ในมือของผู้ดำเนินการสัมภาษณ์ทางวิดีโอ บัตรยกเว้น มีเพื่อส่งผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านการประเมินตรงไปยังการแข่งขันรอบสุดท้าย และที่สำคัญเพื่อเลี่ยงให้ผู้แข่งขันที่ไม่ผ่านเข้าไปในรอบสุดท้ายอีกด้วย อีกทั้งยังมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

“ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ” จ้าวอี้หยานหัวเราะเบาๆ แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็อยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้วและได้พบปะผู้คนทุกประเภท ในช่วงเวลานั้นเขาได้พัฒนาเรื่องเซนต์ของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่มีงชื่อเสียงที่มาจนถึงตอนนี้

รอบชิงชนะเลิศ? เจียงอี้ตัดสินใจไม่ออกความคิดเห็น แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลย ตลอดการแข่งขันครั้งนี้เธอได้พบกับผู้แข่งขันที่โดดเด่นมากมาย บางคนมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและอาจจะไปได้ไกลเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่คนอื่นมีรูปร่างและบุคลิกที่ดี รูปร่างภายนอกของสวีเจี่ยวเจียวนั้นดูอ่อนแอซึ่งแตกต่างกับบุคลิกของเธอได้ดีมาก แต่ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับเจียงอี้ได้ เธอรู้สึกว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้ เมื่อเข้าสู่กลุ่มคนจำนวนมากจะหายไปโดยสัมผัสไม่ได้

จ้าวอี้ยานมองไปที่เจียงอี้ พร้อมกับยกมุมปากของเขาขึ้นเล็กน้อย คุณไม่เชื่อฉันเหรอ เราต้องรอดูกันต่อไป!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด