ตอนที่แล้วตอนที่ 10 เกมส์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 ไอ้บ้าเอ้ย

ตอนที่ 11 ดวง


เช้าวันต่อมา มีอารีบออกจากบ้านไปงานเทศกาลเด็กที่ลานน้ำตก เธอเห็นเด็กมากมายมาที่งาน กำลังวิ่งเล่นหยอกล้อ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เธอมองแล้วก็อดยิ้มตามไปไม่ได้ เธอมีความสุขที่ได้เห็นเด็กๆจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหล่านั้นได้มีความสุขเหมือนเด็กๆคนอื่นๆในวัยเดียวกัน

เมื่อครั้งที่มีอายังเด็ก ตอนที่ครอบครัวเธอยังอยู่กันครบดี มีอากับครอบครัวเธอมักจะไปแบ่งปันสิ่งของและไปเยี่ยมเด็กๆพวกนี้อยู่บ่อยๆ แต่หลังจากที่ครอบครัวของเธอแตกแยก ก็มีเพียงเธอที่ยังคงได้ไปหาเด็กๆเหล่านี้บ้างบางครั้งคราว เพราะอย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอระลึกถึงตอนที่มีทุกคนครบในครอบครัว

“มีอา เธออยู่นี่นี่เอง” เธอได้ยินเสียงเจอร์รีวิ่งหอบมาแต่ไกลเพราะอีกครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเริ่มงาน

เจอร์รีเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีอายุยี่สิบปลายๆ ผมบลอนด์  ในตาเขียวโอลีฟ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ รองเท้าสีดำแต่งกายสุภาพแบบเรียบๆ เขาทำงานกับบริษัทจัดหารงาน เจอร์รีทำงานงานร่วมมีอามาแล้วเป็นปีๆ เขาคอยหางานส่งให้เธอเวลามีอีเว้นท์ต่างๆ

“แล้ววันนี้จะให้ฉันต้องอยู่นานแค่ไหน ทำอะไร ยังไงบ้าง?” มีอาถามเข้าเรื่องเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“อืม...คือว่างี้วันนี้เธอจะต้องใส่ชุดมิคกี้ถึงบ่าย 3 และไม่มีตัวเปลี่ยนนะ”  เจอร์รียังไม่ทันพูดจบ มีอาแทรกขัดขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เธอต้องทำในอีกครึ่งชั่วโมง

“ห๊า..นี่นายล้อฉันเล่นหรือเปล่าหนะ ถึงบ่าย 3 เลยหรอ ” มีอาทำท่านับนิ้ว แล้วมองกลับไปที่เจอร์รีอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะหางานนี้มาให้เธอ

“นี่นายจะบ้าหรอ นายจะให้ฉันอยู่ในชุดมิคกี้ที่โคตรจะหนักในอากาศร้อนๆแบบนี้ถึง 6 ชั่วโมงเชียวเนี่ยนะ” มีอาบ่นรัวๆ

“ระหว่างที่ทำนั้นหนะ ถ้าเธอเหนื่อยอยากจะพัก ก็พักได้เลยนะ ไม่มีใครเค้าจะให้เธอยืนเต้นทั้งงานกันหรอก ส่วนเรื่องอาหารและเครื่องดื่มวันนี้หนะ เค้าจัดเลี้ยงจากภัทตาคารชื่อดังให้สตาฟฟรีด้วยนะ” เจอร์รีรีบตัดบทก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจ เพราะเขาไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้

มีอาถอนหายใจ “ทำไมฉันถึงรู้สึกมีลางไม่ดีกับงานในวันนี้เลยเนี่ย” แล้วเธอก็เดินตามเจอร์รีไป

********************

เลโอคอตกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่  ตอนที่พ่อกับแม่เขาทิ้งให้เขาต้อนรับบรรดาครอบครัวไฮโซต่างๆด้วยตัวเอง  เลโอไม่ชอบงานที่คนเยอะๆแล้วคนคอยจ้องมองเค้าตลอดเวลา  ทำให้ตัวเขาต้องคอยที่จะรักษาภาพพจน์ของตัวเอง  ในขณะเดียวกันเขาแอบสังเกตเห็นน้องสาวตัวแสบโคลเอกำลังเดินเข้ามาในงานและกำลังพยายามหลบหน้าเขาอยู่  เขาเห็นสีหน้าน้องสาวที่เต็มไปด้วยความกังวลว่าเขาจะบอกเรื่องอพาร์ทเมนท์กับพ่อและแม่

“ว่าไง ไม่สนุกหรอ” หลุยส์เอามือมาตบไหล่เลโอเบาๆและมาช่วยน้องชายเขาต้อนรับแขกในฐานะครอบครัวเจ้าภาพในการจัดงานในวันนี้

“นายก็รู้ว่างานแบบนี้ ทั้งคนเยอะ เสียงดัง ฉันไม่เคยชินกับมันสักที” เลโอตอบไปด้วยน้ำเสียงจำใจ

“เอาหน่า ทำไปเถอะ ไปเล่นกับพวกเด็กๆสิ พวกเค้าดูสนุกกันมากเลย ตลกดีนะ” หลุยส์ยิ้มอย่างใจดีขณะมองดูเด็ก พร้อมทั้งตบไหล่น้องชายเขาเพื่อให้กำลังใจ แล้วเขาก็กำลังจะเดินไปต้อนรับแขกที่จะกำลังเข้ามาในงานอีกกลุ่มหนึ่ง

“ดูตลกจริงๆด้วย” เลโอล้อพี่ชายเขากลับพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากให้กับเขา ที่จริงสิ่งที่เขาเห็นด้วยกับหลุยส์ว่า “มันตลก”  คือการที่พวกเขาต้องสวมเสื้อผ้าที่เหมือนกันทั้งหมดทั้งครอบครัว พวกเขาใส่กางเกงสีดำ เสื้อโปโลสีน้ำเงิน บนเสื้อเขียนว่า “ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่” มันช่างน่าขันสิ้นดี

ริชาร์ดเดินผ่านเข้ามาในงานแล้วกำลังเดินเข้ามาหาเลโอ

“อย่าทักเถอะ ฉันขอร้อง” เลโอเห็นท่าเพื่อน เขารีบห้ามริชาร์ดที่กำลังจะล้อที่เขาต้องแต่งตัวเหมือนๆกับคนอื่น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เลโอไม่ชอบมากๆอีกเช่นกัน เพราะมันทำให้เค้ารู้สึกเหมือนสวมเสื้อโหลที่ขายกันทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งปกติเสื้อผ้าของเค้าที่ใส่จะต้องถูกสั่งตัดจากห้องเสื้อที่นำสมัยที่สุดในประเทศเท่านั้น

“ฉันเพิ่งไปทักทายพ่อแม่นายกับหลุยส์มา ฉันนี่ไม่เคยแยกออกจริงๆ ฉันก็นึกว่าหลุยส์เป็นนายทุ๊ก...ที พ่อกับแม่นายเค้ามีงงบ้างไหม เรียกนายสองคนสลับกันงี้ ฮ่าๆ” หลุยส์แกล้งหยอกเลโอ

“นายนี่ต้องถามคำถามนี้กับฉันตลอดเลยไหม ถ้าเจอฉันกับหลุยส์พร้อมกันเนี่ย นี่นายเป็นเพื่อนกับฉันมา 15 ปีแล้วนะ ป่านนี้นายยังแยกไม่ออกอีกหรอ” เลโอก็เซงกับคำถามนี้ที่ต้องตอบทุกคนเวลาที่เขาไปไหนกับพี่ชายฝาแฝดของเขา แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้เขาสองคนดันเหมือนกันมากอย่างกับแกะ ถ้าไม่จ้องก็คือแยกไม่ออกเลยทีเดียว

“งั้นนายคนที่เท่ห์กว่านี่น่าจะเป็นหลุยส์สินะ ฮ่าๆ” ริชาร์ดหยอกเขาไม่หยุด พวกเขายืนเอามือล้วงกระเป๋ากัน คุยหยอกกันตามประสาเพื่อนสนิท

“เต็มที่เลย วันนี้มันไม่ใช่วันของฉันอยู่แล้ว” เลโอมองบน

********************

มีอาในชุดมิคกี้ช่างเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของเด็กๆเสียเหลือเกิน ยิ่งเธอเต้นยิ่งน่าสนใจกว่าเครื่องเล่นใดๆในลานน้ำตกเสียอีก.....

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง เธอแทบจะตายกลางงานก็ว่าได้ ขณะที่เต้นหมุนไปมากับเด็กๆ เธอได้แค่พูดพึมพำซ้ำไปซ้ำมากับตัวเอง “ฉันจะไม่มีวันรับงานแบบนี้อีกเด็ดขาด...”

เธอพยายามคิดหาวิธีที่จะออกไปจากเด็กๆพวกนี้ยังไง เธอมองไปรอบๆ เธอเห็นตึกไม้ที่พอจะหลบให้เธอหายไปจากงานได้ เธอปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา

“มาเล่นซ่อนหากันเถอะ” เธอบอกให้เด็กๆหลับตาแล้วนับถึง 50 แล้วถึงจะเปิดตาตามหาเธอได้หลังจากนั้น เธอใช้โอกาสนี้หนีพวกเด็กๆ ที่เธอยืนเล่นด้วยความเหน็ดเหนื่อย 3 ชั่วโมงเต็มในวันที่แทบจะเป็นวันที่ร้อนที่สุดในซัมเมอร์นี้ก็ว่าได้ ทั้งตัวของเธอเปียกชุ่มไปทุกอณู รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจในชุดที่ทั้งหนักทั้งหนา เธอรีบวิ่งตรงไปที่บ้านไม้เป้าหมาย เธอค่อยๆเดินถอยหลังเข้าอาคาร พยายามมองว่าคนด้านนอกน่าจะมองไม่เห็นเธอ

“อ๊า...อนาคตเธอมันช่างสดใสนัก ฉันหนะดีใจกับเธอจริงๆ”     มีอาแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงชายแก่จากด้านหลังของเธอ เธอรีบหันไปเธอพบชายแก่กำลังนั่งตรวจดูดวงชะตาให้กับเด็กชายที่อายุน่าจะประมาณ 6 ขวบที่นั่งอยู่บนตักของแม่ของเขาบนเสื่อ ด้านในบ้านไม้เต็มไปด้วยเครื่องรางของขลังวางเรียงรายกันให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในยุคคาถาเวทมนต์ในหนังเลยทีเดียว ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปใหญ่ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยในลานน้ำตก แต่ก็ไม่ต่างกันกับผู้คนที่อยู่ในบ้านไม้หลังนี้ที่ตกใจไม่ใช่น้อยที่มีมิคกี้เดินเข้ามา ผู้หญิงคนที่นั่งดูดวงอยู่นั้นรีบพาลูกชายเขาลุกขึ้นและออกจากห้องดูดวงไปหลังจากครบเวลาตามที่กำหนด

********************

หลุยส์ที่เพิ่งเดินออกมาจากฝูงชน สะดุดตาเข้ากับบ้านไม้ที่ด้านนอกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามซึ่งดูแปลกตากว่าสถานที่โดยรอบ มันทำให้บ้านหลังนี้ดูเด่นขึ้นมา ถึงขณะที่ทำให้เขายืนหยุดดู แล้วหลุยส์ได้ยินเสียงผู้หญิงถอนหายใจมาจากด้านในบ้าน ด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจว่าเด็กๆอาจจะไปเล่นซนในนั้นได้ เผื่อเกิดอะไรขึ้น เขาเลยตัดสินใจแอบดู เขาเห็นผู้หญิงกำลังอุ้มเด็กผู้ชายออกมาจากบ้าน ยิ่งทำให้เขายิ่งสงสัยว่าในบ้านหลังนี้มีอะไร เขาได้ยินเสียงชายแก่พูดว่า

“ถ้าคุณสามารถรู้ได้เกี่ยวกับอนาคต คุณจะไม่ลังเลแน่นอนที่จะมาถาม”

ยิ่งสร้างความสงสัยให้หลุยส์เพิ่มอีกว่าชายแก่คนนั้นพูดถึงใคร เขากำลังจะตัดสินใจเดินเข้าไป ประตูก็ได้เปิดออก และเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงจากด้านใน

********************

“ขอโทษค่ะ ฉันหลงเข้ามา ฉันไม่ได้ตั้งใจ....จะ..” มีอารีบโค้งขอโทษผู้คนในนั้นที่จู่ๆเธอโพล่พรวดเข้าไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีคนอยู่และพวกเขากำลังตั้งใจทำกิจกรรมบางอย่างด้วยความสงบเธอ  ขณะกำลังจะเดินออกไปจากบ้านไม้

เสียงของชายแก่ได้บอกกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า    “เธอควรล้างมลทินแห่งความโชคร้ายของเธอออกไปซะบ้าง”

มีอาหันขวับพร้อมกับหัวมิคกี้อันใหญ่ของเธอกลับไปที่ชายแก่

“โชคร้ายงั้นหรอคะ คุณหมายถึงฉันโชคร้ายงั้นหรอ” มีอาถามด้วยความสงสัยด้วยน้ำเสียงที่ต่างไป

“ตัวเธอน่าจะรู้ดี” ชายแก่ยังพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขานั่งหลับตาอยู่ในมือของเขากำลังนั่งนับลูกปัดไปเรื่อยๆเหมือนเขากำลังสวดมนต์ แต่มีอาไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรแบบนี้อยู่แล้ว หลายครั้งที่โชคร้ายถาโถมเข้ามาหาเธออย่างที่เธอตั้งตัวไม่ทันจนตัวเธอเองก็รู้สึก แต่เธอเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอมันก็เป็นเพียงแค่บททดสอบหนึ่งในชีวิตเท่านั้น

"เธอเป็นคนดี ทำตัวดีมาตลอด เธอหนะน่าจะโชคดีในเรื่องความรักนะ” เขาเริ่มเห็นบางอย่างในโชคชะตาของมีอา เขาพูดออกไป

“น่าจะ หรอคะ ทำไมถึง”น่าจะ" หละคะ มันเป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วลังเลเหลือเกิน ถ้าแม่นจริง ก็ฟันธงมาเลยสิ แล้วทีกับเด็กน้อยคนนั้น ทำไมคุณถึงกล้าพูดถึงตัดสินอนาคตของเด็กตัวแค่นั้นออกไปได้ เอาเกณฑ์อะไรมาวัดคะ”

เธอเริ่มคิดว่าหมอดูแก่คนนี้น่าจะหลอกลวงคนอื่นๆแน่ การดูดวงให้กับเด็กตัวเล็กๆแบบนั้นอะไรๆมันก็ไม่แน่นอนในอนาคต แม้กระทั่งชีวิตของเธอที่เคยมีครอบครัวที่ดีสมบูรณ์แบบมาก่อน

ชายแก่ถอนหายใจเบาๆ เขาทำท่าเหมือนกำลังนั่งญาณหยั่งรู้แล้วจึงได้แค่พูดบอกเธอว่า

“เธอหนะควรจะใจเย็นลงบ้าง หัดวางทิฐิลง แล้วอะไรๆมันจะดีขึ้น”

“ห๊า...” มีอามองกลับกรอกตาพร้อมผายมือออกด้านข้างและส่ายหัว เหมือนเธอเพิ่งได้ยินเรื่องไร้สาระ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด