ตอนที่แล้วChapter 41 - 42 : ความช่วยเหลือจากอันเฉียน, บิลถูกจ่ายเรียบร้อยแล้ว (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 45 - 46: ยายของกู้หนิง, ถูกไล่ออกจากบ้าน (ฟรี)

Chapter 43 - 44 : แค่สนุกๆ, บอกความจริงกู้ม่าน (ฟรี)


Chapter 43: แค่สนุกๆ

กู้หนิงเอ่ยตอบ จากนั้นดึงแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้กู้ม่านตรวจเช็ค

ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาว แต่อุณหภูมิไม่ได้ต่ำมากนัก กู้หนิงจึงไม่ได้สวมเสื้อหลายชั้น เธอม้วนแขนเสื้อขึ้นลวกๆเผยให้เห็นท่อนแขนงดงามปราศจากรอยแผลใดๆ

"พวกเราแค่เล่นสนุกๆกันเท่านั้นเองค่ะ พวกเราไม่ได้ชกต่อยกันจริงๆ"

"ใช่ครับ ใช่ค่ะ"

ทันใดนั้นมู่เค่อและหยูหมิงซีก็ก้าวเท้าออกมาอยู่ข้างหน้าเพื่อช่วยกู้หนิงอธิบายต่อแม่ของเธอ กู้ม่านพบว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย เธอเห็นพวกเขาสวมชุดเครื่องแบบนักเรียน กู้ม่านจึงรู้ว่าเป็นเพื่อนนักเรียนของกู้หนิง

กู้ม่านเลือกที่จะเชื่อลูกสาวตัวเอง เพราะเธอถูกกู้หนิงและเพื่อนๆโน้มน้าวให้เชื่อว่าพวกเขาไม่ได้มีเรื่องกันจริงๆจนสำเร็จ

"เอาล่ะ เอาล่ะ แม่เชื่อแล้ว" กู้ม่านเอ่ย

จากนั้นกู้ม่านก็มองไปรอบๆห้องและเธอก็รู้สึกประหลาดใจ เธอเพิ่งนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องผู้ป่วยธรรมดาๆ แต่เป็นห้องผู้ป่วยระดับ VIP

เธอไม่มีปัญญาจ่ายห้องนี้ได้แน่นอน

"หนิงหนิง แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว เราออกจากโรงพยาบาลกันตอนนี้เลยนะลูก" กู้ม่านบอกลูกสาว

กู้หนิงรู้จักกู้ม่านดี เธอจึงเอ่ยปลอบโยนแม่ว่า "แม่คะ หัวแม่ยังเจ็บอยู่และแม่ก็ขาดสารอาหารด้วย แม่ต้องพักผ่อนนะคะ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงแล้วหนูจะอธิบายทีหลังค่ะ"

มู่เค่อกับหยูหมิงซีอยู่ที่นี่ด้วย กู้หนิงยังไม่อยากบอกแม่ตอนนี้

"แต่..." กู้ม่านไม่ฟังกู้หนิง จะไม่ให้เธอกังวลเรื่องเงินได้ยังไง? เธอรู้สถาะการเงินของเธอดีกว่าใคร

"แม่ต้องฟังหนูนะคะ แม่ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ถ้าหมอไม่อนุญาต แม่ไม่รู้หรอกว่าหนูกังวลแค่ไหนที่แม่หมดสติไป ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับแม่แล้วหนูจะอยู่ยังไง?"  กู้หนิงยิงตรงเข้าเป้า แม้แต่มู่เค่อและหยูหมิงซีก็สัมผัสได้

กู้ม่านไม่รู้จะพูดอะไร เธอจึงยินยอมตามกู้หนิง

"ได้ แม่จะฟังลูก" ถึงอย่างไรก็ตามกู้ม่านก็ยังกังวลเรื่องเงิน

กู้หนิงรู้ว่าแม่ของเธอยังเป็นกังวลอยู่ แต่เธอจำเป็นต้องรอจนกว่าเพื่อนๆของเธอจะกลับไป หลังจากนั้นสักพัก ฮ่าวหรันและเพื่อนก็กลับมาพร้อมของบำรุงสุขภาพราคาแพง บรรดาของบำรุงพวกนี้มีราคาอย่างน้อยหนึ่งพันหยวน

กู้ม่านและกู้หนิงตกใจ "ทำไมพวกนายซื้อของพวกนี้มาเยอะแยะ?"

"บอส ไม่มีอะไรสำคัญกว่าสุขภาพของคุณน้าแล้ว โปรดรับของพวกนี้ไว้เถอะ" ฮ่าวหรันพูด กู้หนิงเข้าใจว่าพวกเขาห่วงใยและมีน้ำใจต่อเธอและแม่จริงๆพวกเขาเป็นเด็กรวยที่ไม่เคยขาดเงิน ดังนั้นกู้หนิงจึงยอมรับในที่สุด

" ดี งั้นกินกันเถอะ"

"หนิงหนิง" ในความคิดของกู้ม่านนั้นไม่อาจรับไว้ได้ เพราะของเหล่านี้แพงเกินไป

กู้หนิงเอ่ยปลอบแม่ "แม่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของหนู พวกเขาให้ด้วยความเต็มใจ เราไม่ควรปฏิเสธ"

"ใช่แล้วครับ คุณน้ารับของพวกนี้ไว้เถอะครับ พวกเราอยากให้คุณน้าหายไวๆ" ฮ่าวหรันและเพื่อนเอ่ยเสริมขึ้น พวกเขากลัวว่ากู้ม่านจะไม่ยอมรับ

ตอนนี้แม้แต่กู้ม่านก็ไม่อยากทำลายน้ำใจของพวกเขา แม้ว่าฮ่าวหรันและคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่ากู้ม่านจะตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่พวกเขายังมีน้ำใจเตรียมอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้เธอไว้อย่างดี

หลังจากมื้อกลางวัน อันเฉียนมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอีกมากมาย

"คุณหมออัน ดีใจที่ได้เจออีกครั้งค่ะ" เมื่อเห็นอันเฉียนมาพร้อมกับของดูแลสุขภาพมากมาย กู้ม่านก็ซาบซึ้งใจมาก

"คุณแม่กู้หนิง พักผ่อนเยอะๆนะคะ ถ้าต้องการอะไรบอกหนูได้ทันทีเลยค่ะ กู้หนิงกับหนูเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว สุขภาพคุณแม่สำคัญที่สุดค่ะ" อันเฉียนกล่าวอย่างใจดี

"คุณหมออัน น้าไม่รู้จะขอบใจหนูยังไง" กู้ม่านซาบซึ้งในน้ำใจเธอมากกว่าเดิม

"ไม่เป็นไรค่ะ" อันเฉียนตอบ เธอยังต้องทำงานต่ออีกดังนั้นเธอจึงขอตัวออกไป

ในตอนบ่าย ทุกคนต่างอยู่ในห้องเป็นเพื่อนกู้ม่าน พวกเขาเล่าเรื่องตลกทำให้กูม่านยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าเดิม กู้หนิงไม่ได้บอกคนอื่นเรื่องกู้ม่านเข้าโรงพยาบาล รวมถึงกู้ชิง เธอไม่ต้องการให้พวกเขาเป็นห่วง

กู้หนิงไม่ได้เข้าเรียนช่วงบ่ายซึ่งทำให้จ้าวเฟยเฟยเอาข้ออ้างนี้พูดลับหลังกู้หนิง

"ฉันคิดว่ากู้หนิงบางทีอาจจะกำลังเล่นอะไรสนุกๆกับพวกฮ่าวหรันอยู่ก็ได้ แม่นั่นเลยโดดเรียนช่วงบ่าย"

"ฉันเห็นด้วย พวกฮ่าวหรันเป็นพวกนิสัยไม่ดี" หยางหลูลู่เห็นด้วย

อู่ฉินหยาเอ่ยขึ้นมาติดๆว่า "นั่นถึงอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน ถึงกู้หนิงจะไม่ได้อ่อนแอจริง แต่ฉันเชื่อว่าฮ่าวหรันตั้งใจแพ้เพราะเขาชอบกู้หนิง!”

“ลองพูดถึงกู้หนิงแบบนี้ต่อหน้าพวกฮ่าวหรันดูสิ อย่าปากเสียพูดถึงคนอื่นลับหลังแบบนี้ พวกขี้แพ้” คนที่ชอบกู้หนิงโต้กลับ

“ใช่ เธอไม่ได้มาเรียนเพราะเธออาจจะกำลังยุ่งอยู่ อาจารย์ยังไม่ว่าอะไรเลย ทำไมพวกเธอถึงพูดจาเสียๆหายๆให้คนอื่นแบบนี้!”

“อย่าประเมินตัวเองสูงนัก เธอไม่ใช่เจ้าหญิงเพียงเพราะที่บ้านเธอมีตังค์หรอกนะ”

“ใช่แล้ว สงสัยมีคนบางคนลืมไปแล้วว่าฮ่าวหรันพูดยังไง”

“พวกเธอ!” จ้าวเฟยเฟยไม่พอใจ แต่เธอยอมรับว่าเธอไม่อยากทำให้ฮ่าวหรันขุ่นเคือง เธอจึงทำได้เพียงพูดลับหลังพวกเขาไงล่ะ

ที่จริงแล้วเพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่ต่างพากันเกลียดจ้าวเฟยเฟยและเพื่อนของเธอ พวกเขารู้ว่าเด็กสาวเหล่านี้มักชอบนินทาและทำตัวไม่ดี แต่พวกเขาไม่กล้าจะพูดอะไรมาตรงๆเพราะเด็กสาวเหล่านี้มีครอบครัวคอยหนุนหลัง

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาชื่นชอบกู้หนิงแล้วในตอนนี้ พวกเขาไม่อาจทนเห็นจ้าวเฟยเฟยกับเพื่อนพูดจาให้ร้ายกู้หนิงต่อหน้าคนทั่วไป พวกเขาต้องทำอะไรบางอย่าง

เมื่ออันเฉียนเลิกงาน เธอมาเยี่ยมกู้ม่านอีกครั้ง

“คุณหมออัน เมื่อไหร่น้าจะออกจากโรงพยาบาลได้คะ?” กู้ม่านเอ่ยถาม

อันเฉียนบอกกู้ม่านตามที่กู้หนิงขอร้อง “คุณแม่ล้มหัวฟาดพื้น ต้องใช้เวลาสักหนึ่งหรือสองวันเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายดีปกติทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นอาการบาดเจ็บอาจแย่ลงอีกค่ะ”

ได้ยินแบบนั้น กู้ม่านก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย ถ้าหากมันแย่กว่าเดิม อาจต้องใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นกู้ม่านจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่ออีก

แต่ในใจของเธอยังกังวลเรื่องเงิน

Chapter 44: บอกความจริงกู้ม่าน

 

“คุณแม่กู้หนิงอย่ากังวลไปเลยค่ะ ทำใจให้สบายและพักผ่อนให้มากๆ จะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วและไม่เปลืองค่าใช้จ่ายมากนัก ถ้าคุณแม่ไม่ได้รับการพักผ่อนที่ดีและเพียงพออาจจะกระทบต่อสุขภาพคุณแม่ได้นะคะ” อันเฉียนทราบถึงความรู้สึกกู้ม่านและเอ่ยปลอบเธอพร้อมทั้งขู่เธอด้วย

 

กู้ม่านรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ เธอจึงพยายามผ่อนคลายเพื่อที่จะให้ร่างกายตัวเองฟื้นฟูแข็งแรง และจะไม่ได้ต้องเปลืองเงินไปมากกว่านี้

 

หลังจากทานมื้อเย็น มู่เค่อและเพื่อนคนอื่นๆก็พากันกลับออกไป ก่อนที่พวกเขาจะกลับ พวกเขาถามกู้หนิงว่าจะให้พวกเขาสั่งสอนเจ้าเฟยเฟยให้หรือเปล่า

 

กู้หนิงตอบปฏิเสธ เธอต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นฮ่าวหรันและเพื่อนจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก

 

ตอนนี้มีเพียงกู้หนิงและกู้ม่านอยู่ในห้องผู้ป่วย

 

"แม่ จริงๆแล้วหนูมีความลับจะบอกแม่หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ในเมื่อแม่เข้าโรงพยาบาล หนูเลยคิดว่าควรจะบอกให้แม่รู้ตอนนี้เลยดีกว่า" จู่ๆกู้หนิงก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมซึ่งทำให้กู้ม่านหวั่นใจ

 

"หนูช่วยคนๆหนึ่งเมื่อหลายวันก่อน เขาให้หยกก้อนหนึ่งแก่หนูเป็นรางวัลตอบแทน หนูขายมันเมื่อวันก่อน ไม่น่าเชื่อว่าหยกก้อนนั้นมีมูลค่าสิบล้านหยวน" กู้หนิงเอ่ย เธอทำท่าทางเหมือนเป็นเรื่องประหลาดใจสำหรับเธอ

 

"อะไรนะ?!! สิบล้านหยวน?!!!"

 

ได้ยินแบบนั้น กูม่านนิ่งเงียบด้วยความตื่นตะลึง เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

 

"ค่ะ สิบล้านหยวน ทีนี้แม่ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วนะคะ พวกเรามีเงินมากพอ" กู้หนิงเอ่ยซ้ำให้แม่ของเธอวางใจ

 

"หนูวางแผนจะไปดูบ้านก่อนและบอกแม่ทีหลังหลังจากซื้อบ้านแล้ว แต่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะก่อน หนูวางแผนจะใช้เงินส่วนหนึ่งทำธุรกิจด้วย มู่เค่อเปิดร้านขายจิวเวอร์รี่ซึ่งทำกำไรดีมาก หนูเลยคิดจะเข้าไปเป็นหุ้นส่วนด้วย" กู้หนิงโกหกแม่เรื่องหุ้นโดยใช้มู่เค่อบังหน้า

กู้ม่านตกใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธออ้าปากกว้างแต่ไม่มีคำพูดหลุดออกมา

 

กู้หนิงยังคงพูดต่อ "และหลังจากที่หนูถูกรถชน ความจำของหนูก็ดีขึ้นมาก หนูสามารถจำสิ่งที่หนูอ่านได้ ถึงแม้แต่ก่อนหนูจะเรียนได้คะแนนแย่แค่ไหนแต่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรที่หนูอ่าน หนูสามารถจำได้หมด หนูคิดว่าเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในเมืองไม่ใช่เรื่องยาก นอกจากนี้คงจะน่าเสียดายถ้าหนูไม่ใช้ความสามารถที่หนูมีในการทำธุรกิจ"

 

ในตอนท้ายกู้หนิงไม่ลืมที่จะพูดชมตัวเอง

 

ไม่กี่วินาทีต่อมากู้ม่านก็ร้องไห้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอร้องไห้เพราะกลัว มีความสุขหรืออะไรสักอย่าง

 

"แม่...." กู้หนิงเริ่มกังวลหน่อยๆ เธอรู้ว่ามันยากสำหรับกู้ม่นที่จะยอมรับความจริง แต่ไม่ช้าหรือเร็วเธอก็ต้องบอกอยู่ดี

 

"แม่ไม่เป็นไรจ้ะ หนิงหนิง ในที่สุดลูกก็เติบโต แม่ดีใจกับลูกจริงๆ"  ความรู้สึกผสมปนเปยากจะอธิบายว่าสุขหรือเศร้า

 

กู้ม่านรู้สึกมีความสุขที่เห็นกู้หนิงเติบโตมาเป็นเด็กดี ถึงอย่างไรเด็กรวยเหล่านั้นต่างใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวลใจใดๆ ในขณะที่กู้หนิงต้องทำมาหากินด้วยการทำธุรกิจ กู้ม่านเฝ้าโทษตัวเองว่าเธอช่างไร้ประโยชน์ เธอไม่สามารถทำให้ลูกของเธอมีชีวิตที่ดีได้

 

"โอ้ แล้วลูกช่วยชีวิตคนนั้นได้ยังไง? ลูกตกอยู่ในอันตรายรึเปล่า? เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนที่คนนั้นจะให้ของราคาแพงมากแบบนี้แก่ลูก? แล้วจะไม่ทำให้ลูกต้องมีปัญหาทีหลัง?  กู้ม่านถามอย่างเป็นห่วง สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือลูกสาวจะไม่ปลอดภัย

 

"ไม่เป็นไรค่ะ คนคนนั้นเขารวยมาก เขาไม่สนใจอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้หนูก็เพิ่งเจอเขาอีก เขาเป็นคนมาส่งหนูที่โรงพยาบาล" กู้หนิงตอบ เธอพยายามพูดให้ชายคนนั้นดูเป็นคนดีเพื่อให้กู้ม่านสบายใจ

 

เธอไม่ได้โกหกสักหน่อย ถึงผู้ชายคนนั้นจะเย็นชาไปนิด เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนไม่ดีนี่นา

 

จากนั้นสักพักกู้ม่านก็สบายใจในที่สุด

 

"แม่คะ ป้าชิงคอยช่วยเราตลอด หนูว่าจะซื้อบ้านให้ครอบครัวป้าด้วย หนูอยากช่วยพวกเขา" กู้หนิงเอ่ย

 

ได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้น กู้ม่านอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง เธอซาบซึ้งถึงความมีน้ำใจของลูกสาว "ดีจ้ะ หนิงหนิง แม่ภูมิใจในตัวลูกเหลือเกิน"  กู้ม่านเองก็อยากตอบแทนน้ำใจครอบครัวกู้ชิงเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยลืมความช่วยเหลือจากพวกเขา

 

"แต่แม่คะ หนูอยากจะบอกแม่ไว้ก่อนว่าหนูยอมรับครอบครัวป้ากู้ชิงเป็นญาติของหนูเพียงคนเดียว สำหรับลุงใหญ่และลุงสาม แม่ก็รู้ว่าลุงปฏิบัติต่อเรายังไง ถ้าวันใดวันหนึ่งหนูรวยขึ้นมาหนูจะไม่ช่วยพวกเขาต่อให้พวกเขามาขอความช่วยเหลือก็ตาม สำหรับยาย ถึงแม้หนูจะไม่ชอบยายแต่แม่เป็นลูกสาวของยาย ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องดูแล แต่หนูตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเฉพาะแค่เรื่องเงินเท่านั้น ถ้ายายโลภมากอยากได้มากกว่านั้น หนูก็จะไม่ทนเหมือนกัน" กู้หนิงเอ่ยเสียงจริงจัง เธอจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ

 

อันที่จริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กู้ม่านได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากคนในครอบครัวมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับสิ่งที่กู้หนิงพูด

 

"จ้ะ แม่เห็นด้วยกับลูก" กู้ม่านต​องบอย่างไม่ลังเล

 

กู้หนิงโล่งอกที่กู้มานเห็นด้วย เธอกังวลมาตลอดว่ากู้ม่านจะลืมความเจ็บปวดเพียงเพราะคนไม่ดีพวกนั้นที่เรียกว่าครอบครัว

 

"โอ๊ะ อย่าเพิ่งบอกป้ากู้ชิงนะคะว่าหนูจะซื้อบ้านให้พวกเขา เอาไว้บอกเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว" กู้หนิงเอ่ยย้ำกับแม่

 

"ได้จ้ะ" กู้ม่านตอบ

 

"แล้วก็มู่เค่อจะไปเมือง G เพื่อติดต่อธุรกิจวันหยุดนี้ หมิงซีกับหนูเลยจะไปด้วย พวกเรากำลังเรียนรู้การทำธุรกิจ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูจะดูแลตัวเองอย่างดี"  กู้หนิงใช้มู่เค่อและหยูหมิงซีเป็นข้ออ้างเพื่อให้กู้ม่านสบายใจ

 

ถึงแม้กู้ม่านจะยังกังวลอยู่ เธอก็ไม่ได้ห้ามกู้หนิงแต่อย่างใด

 

เธอรู้สึกว่ากู้หนิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ในเมื่อลูกสาวมีแผนแล้ว เธอไม่ควรเอาตัวเองเป็นภาระให้ลูกสาวต้องลำบากใจ

 

"แม่ หนูไม่อยากให้แม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว ทำไมแม่ไม่ลาออกล่ะคะ? หนูมีเงินมากพอและยังหาเพิ่มได้อีก หนูช่วยแม่ได้แล้ว แม่จะได้เข้าร้านไปเสริมสวย ดูแลตัวเอง ซื้อเครื่องสำอางค์ดีๆ หรือจะไปเที่ยวก็ได้ หนูอยากให้แม่มีความสุขกับชีวิต ถ้าแม่ยังอยากทำงาน แม่บอกหนูมาได้เลยว่าแม่อยากจะทำอะไร หนูสามารถซื้อร้านเล็กๆให้ได้ พวกเราก็จ้างคนสักคนมาช่วยงาน ถ้าแม่เบื่อ แม่ก็แวะเข้าไปดูได้ ถ้าแม่ไม่อยากทำ แม่ก็อยู่บ้านสบายๆ"  กู้หนิงพูดเสริม

เพื่อจะทำให้กู้ม่านสบายใจ กู้หนิงยังคงพูดต่อไปว่า "แม่คะ พวกเราเป็นแม่ลูกกัน ของของหนูก็เป็นของของแม่ด้วย อย่ารู้สึกผิดไปเลยค่ะ หนูจะมีความสุขก็ต่อเมื่อแม่มีความสุข"

กู้ม่านรู้สึกผิดในตอนแรก เธอตำหนิตัวเองว่าไม่อาจทำให้กู้หนิงมีชีวิตที่ดีและยังต้องให้กู้หนิงช่วยเรื่องเงิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด