ตอนที่แล้วบทที่ 8 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (2/2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 : ถอนหมั้น (2/2)

บทที่ 9 : ถอนหมั้น (1/2)


บทที่ 9 :  ถอนหมั้น (1/2)

 

 

                เหลียนเซ่อโมโหจนหน้าดำหน้าแดง  แต่ก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบผู้เป็นป้ากลับไป  เหลียนฟางโจวก็หัวเราะเบาๆ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดขึ้นก่อน   “ท่านป้าหนังสือหมั้นของท่าน  มันก็ควรจะอยู่ที่บ้านของท่านสิ  จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  เอ๊ะ  ท่านตามหาหนังสือหมั้นแบบนี้หรือว่าท่านกำลังจะแต่งงานใหม่หรือคะ?”

ทั้งนางเฉียวแล้วก็เหลียนเซ่อพากันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของเหลียนฟางโจว  และหลังจากหลุดออกมาจากภวังค์เหลียนเซ่อก็อดที่จะขำไม่ได้  ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงแล้วก็แสร้งเอามือปิดปากเหมือนกับว่ากำลังไอเพื่อกลบเกลื่อนแทน

นางเฉียวทั้งโกรธทั้งอาย  ก่อนจะนางตวาดเหลียนฟางโจวเสียงดังลั่น   “ข้าได้ยินพวกชาวบ้านลือกันว่า  เจ้านิสัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคนยังกับโดนผีเข้า  ข้าก็นึกว่าพวกเขาแค่พูดกันเฉยๆ  แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้ามันจะกลายเป็นคนเนรคุณแบบนี้!!  เป็นเด็กเป็นเล็กกล้าพูดกับผู้อาวุโสในบ้านแบบนี้ได้ยังไง!!  เจ้าไม่กลัวว่าฟ้าดินจะลงโทษบ้างหรือ!!”

“ผู้อาวุโส?”  เหลียนฟางโจวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน  “หึ!!  ข้านึกว่าเป็นโจรที่เข้ามาปล้นบ้านซะอีก อีกอย่างข้าไม่กลัวหรอกนะเรื่องฟ้าดินลงโทษ  แต่คนที่สมควรจะกลัวน่าจะป็นท่านมากกว่า!!”

“เจ้า-  เจ้า-  เจ้า!!”   นางเฉียวโมโหจนพูดติดอ่าง  นางไม่เคยถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากคนรุ่นลูกแบบนี้มาก่อนนางจึงตั้งตัวไม่ทัน  ไม่นานหลังจากนั้นนางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ  “เลิกโยกโย้แล้วก็เสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้แล้ว!!  หนังสือหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับตระกูลหยางอยู่ที่ไหน!!  ไปเอาออกมาให้ข้าเร็วเดี๋ยวนี้!!”

“ทำไมข้าต้องให้!”  เหลียนฟางโจวพูดสวนกลับอย่างรวดเร็ว

“ทำไม?”   นางเฉียวยกมือขึ้นเท้าสะเอว  แล้วเดินเข้าไปหาเหลียนฟางโจวด้วยท่าทางคุกคาม  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า  “เพราะว่าข้าเป็นป้าสะใภ้ของเจ้า!!   ลุงของเจ้าแล้วก็ข้าเป็นผู้อาวุโสของบ้าน  ดังนั้นแน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ!!”

"ไม่จำเป็น!"  เหลียนฟางโจวยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า   “พ่อแม่ของข้าจากไปหมดแล้วดังนั้นตอนนี้ในบ้านหลังนี้ข้าเป็นผู้อาวุโสที่สุด!   เรื่องในครอบครัวของเราไม่เกี่ยวกับท่าน!”

“นังเด็กอวดดี!!  เมื่อกี้เจ้าพูดว่ายังไงนะ?!”  นางเฉียวโกรธจนควันออกหู

“ท่านป้า  ท่านกลับไปเถอะ!  เหมือนที่พี่สาวข้าพูดตอนนี้นางเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา  ปัญหาในบ้านของเราพวกเราจัดการกันเองได้   ไม่ต้องรบกวนพวกท่านหรอก”  เหลียนเซ่อเอ่ยสำทับคำพูดของพี่สาวอย่างจริงจัง

นางเฉียวกำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว  เพราะนอกจากจะหาหนังสือสัญญาก็ไม่เจอแล้ว  ก็ยังมาเจอเด็กถอนหงอกอีก  และขณะที่นางกำลังคิดว่าจะจัดการกับเด็กพวกนี้ยังไง  ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนมาจากหน้าบ้านเสียก่อน  “มีใครอยู่ไหม?  เหลียนฟางโจวเหลียนฟางโจว  รีบไสหัวออกมาซะ!  พวกเราตระกูลหยางมาถอนหมั้นแล้ว!!”

เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อหันมาสบตากันอย่างรู้ความหมาย  พวกเขาไม่แปลกใจเลยที่นางเฉียวพุ่งมาที่นี่แล้วพยายามตามหาหนังสือหมั้น  เพราะนางอยากได้เงินค่าถอนหมั้นสิบสองตำลึงนี้เอง  คิดอยู่แล้วว่าคนอย่างนางเนี้ยนะ  จะมาเป็นห่วงเป็นใยพวกเขา

สุดท้ายเหลียนฟางโจวก็เป็นผู้ชนะในการปะทะคารมครั้งนี้  “รอเดี๋ยว  กำลังไป!” เธอตะโกนตอบรับเสียงดัง  ก่อนจะเดินออกนอกบ้านไป

เหลียนเซ่อหันไปมองหน้านางเฉียวแวบหนึ่งก่อนจะเดินตามหลังพี่สาวออกไป

เหลียนฟางโจวยืนมองหญิงชรารูปร่างสูงโปร่งที่อยู่ตรงหน้าพลางคิด  หน้าตาดูฉลาดแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างนี้  สงสัยจะเป็นนางหยางซึ่งเป็นแม่ของอดีตคู่หมั้นเธอแน่ๆ  เหลียนฟางโจวมองครู่หนึ่ง  ก่อนเธอจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า  “ท่านได้เตรียมเงินมาด้วยหรือเปล่า?”

นางหยางมองดูเหลียนฟางโจวด้วยสายตาเหยียดหยาม  ก่อนจะหยิบกระเป๋าที่มีเงินอยู่ภายในออกมาเขย่าตรงหน้าเธอ  “เตรียมมาแล้วสิบสองตำลึงไม่ขาดไม่เกิน  แต่ข้าอยากเห็นหนังสือหมั้นก่อน”

“แน่นอน!”  เหลียนฟางโจวยิ้มและพูดอย่างตรงไปตรงมา   “ก็ดี!!  ยื่นหมูยื่นแมว!!  ยุติธรรมดี!!”หญิงชราแซ่หยางไม่ตอบแต่จ้องมองเหลียนฟางโจวด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามแทน

ขณะนั้นเหลียนฟางโจวก็หันไปเห็นนางเฉียวที่กำลังเดินออกมาจากในบ้านพอดี  เธอจึงพูดกับนางเฉียวว่า  “ท่านป้าดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีเรื่องอะไรใหท่านต้องจัดการแล้วนะ  ท่านกลับบ้านไปเสียเถอะ!”

“หยุดอย่าเพิ่งกลับ!!”  นางหยางพูดด้วยน้ำเสียงกระแหนะกระแหน  “ป้าของเจ้าต้องอยู่เป็นพยานก่อน  ไม่งั้นเดี๋ยวชาวบ้านจะมาหาว่าข้ารังแกเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่กันพอดี   อีกอย่างข้าไม่อยากตกเป็นขี้ปากของใครด้วย!”

ใบหน้าของเหลียนเซ่อเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม  ก่อนเขาจะส่งสายตาอาฆาตไปที่หญิงชราแซ่หยาง

เหลียนฟางโจวรู้สึกโกรธจัดจนแทบอยากจะหักคอคน  แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้  ปากหญิงชรานางนี้ช่างร้ายกาจเหมือนกับพวกบ้านฮัวไม่มีผิด  ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะเป็นญาติกัน

“เจ้าคงได้ยินชัดแล้วนะ!!  เห็นทีว่าข้าคงจะกลับไม่ได้แล้วล่ะ”  นางเฉียวพูดอย่างผู้ได้รับชัยชนะ  ก่อนจะไปยกเก้าอี้ออกมานั่งเสมือนว่าตัวเองเป็นประธาน  นางจ้องหน้าเหลียนฟางโจวอย่างเยาะเย้ย  และจ้องเงินในมือของนางหยางตาเป็นมัน  ถ้าเป็นไปได้นางคงอยากจะลุกไปฉกเงินจากมือนางหยางซะเดี๋ยวนั้นเลยมั่ง

เหลียนฟางโจวกำลังชั่งน้ำหนักในใจว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง  เธอกลัวว่าถ้าหากเธอเอาหนังสือสัญญาออกมาตอนนี้   นางเฉียวต้องหาเรื่องมาแย่งเงินของเธอไปแน่ๆ  อีกทั้งตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะขัดขวางนางเฉียวได้หรือไม่

ส่วนนางหยางเองจู่ๆก็แสร้งมาทำตัวเป็นคนดีซะงั้น  ปกตินางเคยญาติดีกับเหลียนฟางโจวคนเดิมซะที่ไหน   เห็นทีว่านางอาจจะมีแผนร้ายซ่อนอยู่ก็ได้  ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงเงินสิบสองตำลึงของเธออาจจะตกไปอยู่ในมือของนางเฉียวแทนก็ได้   ถึงตอนนั้นถึงเธออยากจะร้องไห้แค่ไหนก็คงร้องไม่ออกแน่

“พยาน?  โอ้ว  ใช่ๆ  แต่ถ้าหากว่าพยานดันเป็นญาติพี่น้องของข้า  เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ครหากันอยู่ดี  ว่าข้าเล่นพรรคเล่นพวกเข้าข้างกันเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด