ตอนที่แล้วบทที่ 6 : คู่หมั้น (2/2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (2/2)

บทที่ 7 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (1/2)


บทที่  7 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน (1/2)

เหลียนเซ่อเชิดคางขึ้นก่อนจะตะโกนตอกกลับไปว่า  “พี่สาวข้าพูดชัดขนาดนี้แล้ว  ทำไมเจ้ายังไม่รีบกลับไปอีก!?พ่อแม่ของเจ้าก็รอคอยวันนี้มานานนมแล้วนิ  นี่ก็ได้สมใจพวกเขาแล้ว  เจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก!”

ฟางชิงเองก็รีบวิ่งไปจับมือพี่สาว  ก่อนจะชี้ไปที่หยางฮุ่ยซาน  แล้วพูดว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กว่า  “เจ้าคนชั่ว!  ออกไปซะ!  อย่ามารังแกพี่สาวข้านะ!”

เหลียนฟางโจวลูบหัวเด็กน้อยพร้อมกับคิดในใจ  ‘เด็กน้อยคนนี้ช่างขวัญกล้าเสียจริง  นี่ไม่กลัวว่าหยางฮุ่ยซานจะมาเอาคืนทีหลังเลยหรือ?’

“ได้!  ข้าจะทำตามที่เจ้าขอ”  หยางฮุ่ยซานยิ้มอย่างเย็นชา  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ  “นับจากนี้ไปเจ้ากับข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!!”  พอพูดจบเขาก็ขบกรามแน่น  แล้วก็หันหลังเดินจากไป  โดยไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามองเธออีกเลย

“เอาล่ะ  พวกเราก็กลับเข้าบ้านไปกินข้าวเย็นกันเถอะ!”  เหลียนฟางโจวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ข้าจะไปเอาชาม!”  เหลียนฟางชิงตัวน้อยส่งเสียงขานรับอย่างร่าเริง

“ข้าจะไปเอาเก้าอี้!” เหลียนซีเองก็พูดตามมาติดๆ

‘เด็กน้อยสองคนนี้ช่างพึ่งพาได้จริงๆ!’  เหลียนฟางโจวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ  จนเผลอยิ้มกว้างออกมาตอนที่มองพวกเขา

เหลียนฟางโจวเชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรที่เธอได้ร่ำเรียนมาจากโลกในอนาคตนานหลายปี  บวกกับความรักและความสามัคคีของพี่น้องตระกูลเหลียน  ในอนาคตชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจะต้องค่อยๆดีขึ้นอย่างแน่นอน  เพียงแค่ว่าตอนนี้อาจจะต้องทนลำบากกันไปก่อน

“พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ?”  เหลียนเซ่อเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล  คิ้วของเขาขมวดเป็นปมแน่น  ท่าทางที่เคร่งเครียดแบบนี้ช่างขัดกับวัยของเขาเสียจริง

“ข้าดูเหมือนคนที่กำลังเสียใจหรอ?”  เหลียนฟางโจวอมยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่างคิดมากรู้ไหม  พี่ใหญ่ของเจ้าน่ะเก่งจะตายไป”

เหลียนเซ่อพูดตอบด้วยน้ำเสียงดีใจ  “พี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว  เชื่อข้าสิ  ในอนาคตพี่จะต้องเจอผู้ชายที่ดีกว่าเจ้าลูกเต่าตระกูลหยางเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย!!”

“อุ๊บ…ฮ่าฮ่า  ฮ่า” เหลียนฟางโจวระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นก่อนเธอจะยิ้มกว้างแล้วพูดว่า   “ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะ  เอาเป็นว่าตอนนี้เรามากินข้าวเย็นกันก่อนดีไหม!”

“อ่า”   เหลียนเซ่อรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพี่สาว แต่ทว่าคิ้วของเขาก็ยังคงขมวดเป็นปมอยู่  เพราะยังมีเรื่องที่ค้างคาใจจนในที่สุดเหลียนเซ่อก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเพื่อคลายความสงสัย  “ที่จริงแค่ถอนหมั้นก็น่าจะพอแล้ว  ทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องไปเรียกเงินจากพวกเขาด้วยล่ะ.....”

ฟังจากที่เหลียนเซ่อพูดแล้ว  เธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ

ก่อนเหลียนฟางโจวจะถามเขากลับบ้าง  “แล้วตอนนี้บ้านเรา  มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ล่ะ?”

เหลี่ยนเซ่อถึงกับตัวแข็งทื่อแล้วก็รู้สึกอายเล็กน้อยที่จะตอบ  แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน  “น่าจะประมาน 700 อีแปะ....”

“นี่แหล่ะคือคำตอบของพี่”  เหลียนฟางโจวตบไหล่เหลียนเซ่อเบาๆก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า  “พี่รู้ว่าเจ้าเป็นคนซื่อตรง  ไ  ม่อยากจะรับเงินของพวกเขา  แต่เจ้าก็ไม่ควรที่จะทะนงตนจนเกินไป   เดิมทีนี้ก็เป็นเรื่องที่ครอบครัวหยางทำผิดต่อครอบครัวของพวกเราอยู่แล้ว  เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องชดใช้น่ะถูกแล้ว  จะปล่อยให้พวกเขาสะบัดตูดหนีกันไปง่ายๆได้ยังไงกัน  อีกอย่างนี่ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว  ชิงเออร์กับซีเออร์ก็ต้องเย็บเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาวใหม่อีกไหนจะต้องซ่อมแซมบ้าน  ที่ไม่ว่าจะหน้าต่างหรือหลังคามันก็ต่างพังไปแทบหมดแล้ว  เจ้าลองคิดดูสิ  ถ้าเราไม่รีบซ่อมให้ดี  แล้วหน้าหนาวนี้พวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร?”

เหลียนเซ่อถึงกับพูดไม่ออกแม้ว่าในใจของเขาจะยอมรับว่าวิธีการของเหลียนฟางโจวนั้นถูกต้อง แต่ลึกๆในใจของเขาก็ยังคงต่อต้านแล้วก็ไม่เห็นด้วย

เหลียนฟางโจวเห็นเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  เธอได้แต่สัญญากับตัวเองเงียบๆในใจว่า  ‘เจ้าเด็กคนนี้นิ!  จะมารักศักดิศรีอะไรตอนนี้  เดี๋ยวก็ได้อดตายกันหมดพอดีหรอก  คอยดูนะ  เธอจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดของเขาให้หมด ...’

เมื่อพี่น้องบ้านเหลียนกินข้าวเสร็จ  พวกเขาก็ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่พักหนึ่ง  ก่อนจะพากันเข้านอน

บ้านหลังนี้ค่อนข้างที่จะแคบ  ห้องนอนแต่ละห้องถูกแบ่งโดยการใช้แผ่นไม้บางๆมากั้นเป็นห้องๆไป  แต่เดิมเหลียนเซ่อกับเหลียนซีนั้นนอนอยู่ที่ห้องเล็กๆใต้หลังคา แต่พอพ่อกับแม่ตายพวกเขาก็เลยย้ายไปนอนที่ห้องของพ่อแม่แทน

ส่วนฟางชิงตัวน้อยนั้นนอนอยู่ห้องเดียวกันกับเหลียนฟางโจว  เมื่อเข้ามาถึงในห้องเด็กน้อยก็จัดแจงถอดรองเท้าของตัวเองไว้ที่ข้างเตียง  แล้วก็ค่อยๆปีนขึ้นไปบนเตียง  หลังจากนั้นเธอก็รื้อผ้าห่มผืนเก่าที่เต็มไปด้วยรอยปะชุนขึ้น  แล้วก็มุดเข้าไปข้างใน  ก่อนเธอจะส่งเสียงเล็กไร้เดียงสาเรียกเหลียนฟางโจว  “พี่สาวรีบมานอนกันเถอะ!!”

ที่จริงเหลียนฟางโจวนั้นไม่คุ้นชินกับการที่ต้องนอนกับคนอื่นแต่เมื่อถูกเรียกโดยน้ำเสียงไร้เดียงสาของเหลียนฟางชิงแล้ว  เธอก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้  จนเผลอรับปากเธอไปว่าจะรีบเข้านอนในไม่ช้า

และระหว่างที่เหลียนฟางโจวกำลังจะเดินไปที่เตียง  จู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  “เอ๊ะ”  เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ  ก่อนจะเริ่มเดินไปเดินมาทั่วห้องราวกับว่ากำลังหาของบางสิ่งบางอย่างอยู่

เหลียนฟางชิงได้แต่กระพริบตาที่กลมโตของเธอปริบๆอย่างงุนงง เมื่อเห็นท่าทีของพี่สาว  “พี่สาวกำลังหาอะไรอยู่เหรอ?”

เหลียนฟางโจวเอ่ยตอบเด็กสาวตัวน้อยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล  “พี่กำลังหาหนังสือหมั้นน่ะสิ   พี่จำไม่ได้แล้วว่า  เอามันไปเก็บไว้ที่ไหน!”

หากว่าพรุ่งนี้พวกบ้านหยางมาทวงหนังสือหมั้น  แล้วเธอไม่มีให้พวกเขาได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด