ตอนที่แล้วบทที่ 220 สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชำรุดเสียหาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 222 พ่อลูกพบหน้า

บทที่ 221 เจียงอี้ รับพระราชโองการ!


เมื่อถอนจิตกลับออกมา เจียงอี้ก็เกิดความสงสัยและตรวจสอบอีกสองสามครั้ง  แม้กระทั่งเอาดาบเกล็ดทมิฬออกมาตรวจสอบอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็สามารถยืนยันได้ว่าดาบมังกรเพลิงเล่มนี้มีค่ายกลยับยั้งมากมายที่บกพร่องอย่างแน่นอน

หลังจากหลอมรวมกับไข่มุกวิญญาณเพลิง สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ยังมีข้อบกพร่องอีกจริงๆหรือ?

"ข้าถูกโกง? หรือนี่อาจจะเป็นดาบที่ไร้ประโยชน์?"

เจียงอี้พูดพึมพำกับตัวเองและไหลเวียนแก่นแท้พลังลงในดาบมังกรเพลิงหน้าเขาอย่างเบามือ

"ฟึ่บ ฟึ่บ!"

ดาบมังกรเพลิงเปล่งแสงสีแดงออกมาซึ่งบรรจบกันเป็นมังกรเพลิงสองตัวที่ว่ายเวียนไปตามตัวดาบก่อนที่มันจะโผล่ออกมา มังกรเพลิงสองตัวที่พุ่งมาข้างหน้าขยายขึ้นเป็นก้อนอากาศ ในที่สุดก็กลายเป็นมังกรเพลิงสองตัวซึ่งมีความเมตรกว่าและพวกมันก็ชนเข้ากับกำแพง!

"เวรแล้ว!"

เจียงอี้ถอยอย่างรีบเร่งและกันศีรษะของเขาไว้ทันที ขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตามุดอยู่ที่มุมห้อง

"บูม!"

มังกรเพลิงทั้งสองตัวเปลี่ยนกำแพงข้างหน้าให้กลายเป็นฝุ่น ทำให้เกิดเป็นรูซากปรักหักพังขนาดใหญ่ ในขณะที่ห้องทั้งห้องสั่นสะเทือนจนเกือบจะพังลงมา

"ฉิบหายแล้ว!"

เจียงอี้กระพริบตาไปมาอย่างรวดเร็วและรีบเก็บดาบมังกรเพลิงลงไปอย่างลุกลี้ลุกลน ร่างทั้งเจ็ดถึงแปดร่างก็เร่งออกมาจากห้องใกล้ๆทันที ขณะที่รองเจ้าสำนักฉีตะโกนออกมาจากไกลๆ "เจียงอี้ เกิดอะไรขึ้น?"

"มะ...ไม่มีอะไรขอรับ…"

สีหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความวิตก และเดินโซเซออกมาจากรูกำแพงขนาดใหญ่อย่างไม่เป็นท่าพร้อมพูดขอโทษ "ข้ากำลังรีบฝึกฝนเคล็ดวิชาและบังเอิญเกิดเลยเถิดไปน่ะขอรับ... "

"..."

รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆกลอกตา การบ่มเพาะทักษะการต่อสู้ในโรงเตี๊ยมคงเป็นสิ่งที่มีเพียงเจียงอี้คนเดียวที่จะทำใช่มั้ย? ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือเมืองหลวงจักรวรรดิ ถ้ามันอึกทึกกว่านี้อีกนิดคงจะเกิดปัญหาและเรื่องนี้คงจะไปไปถึงหูหน่วยคุ้มกันจักรวรรดิเป็นแน่

"ผู้อาวุโสหลิว ช่วยจัดการเรื่องนี้ที"

เฉียนว่านก้วนที่อยู่นอกประตูตื่นตกใจจนก้นของเขากระแทกลงไปกับพื้น เขาคิดว่ามีใครบางคนกำลังโจมตีและเขากำลังจะตะโกนให้ผู้อาวุโสหลิวออกมาช่วยเขา แต่ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเท่านั้น

เมื่อเฉียนว่านก้วนเห็นคนของโรงเตี๊ยมซึ่งเข้ามาหลังจากได้ยินความโกลาหล เขาก็รีบให้ผู้อาวุโสหลิวจัดการกับผลที่ตามมาทันที

เมื่อทุกคนกระจัดกระจายกันกลับไป เฉียนว่านก้วนมองเจียงอี้อย่างสงสัยและถามว่า "ลูกพี่ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? นี่คือเมืองหลวงจักรวรรดิและถ้าทุกอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่ตัวข้าเอง็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้นะ"

เจียงอี้ปัดมือของเขาแล้วพูดด้วยความคึกคะนองว่า "ข้าเพิ่งทดสอบดาบมังกรเพลิงและผลลัพธ์มันก็ ... ท่วมท้นออกมานิดหน่อยน่ะ"

"บ้าเถอะ! นั่นมันเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหมล่ะ? พลังมันจะอ่อนแอได้อย่างไร? โชคดีที่เจ้าไม่ได้ใส่เต็มกำลัง ไม่เช่นนั้นคงทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมถล่มลงมาแล้วล่ะมั้ง!"

ร่องสีดำๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉียนว่านก้วนก่อนที่เขาจะคิดอะไรบางอย่างได้และร้องออกมาว่า "ไม่สิ ลูกพี่ เจ้ากวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงได้อย่างไร? นี่คือสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะขัดเกลาได้ในเวลาอันสั้น ใช่ไหม?"

"ฮิฮิ!"

เจียงอี้ไม่ได้อธิบายอะไรมากเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน เขาเดินตามเฉียนว่านก้วนไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพดี เจียงอี้ถามขึ้นหลังจากที่พวกเขาเข้ามาในห้อง "ว่านก้วน เจ้ารู้เกี่ยวกับค่างกลยับยั้งในสิ่งประดิษฐ์มากแค่ไหน?"

"ข้ารู้เกี่ยวกับนิดหน่อย มีอะไรหรือเปล่าลูกพี่?"

เฉียนว่านก้วนกะพริบตาและเห็นไข่มุกวิญญาณเพลิงของเจียงอี้ส่องประกายขึ้นซึ่งตามมาด้วยการปรากฏตัวของดาบมังกรเพลิง ดวงตาของเขาสว่างขึ้นทันที "สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ของดียิ่งนัก!"

เจียงอี้ส่งดาบมังกรเพลิงให้เฉียนว่านก้วนและถามอย่างสงสัยว่า "มีค่ายกลที่บกพร่องในสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสภาพดี เจ้าลองสัมผัสดู"

"ข้าจะไปสัมผัสมันได้ยังไง! ด้วยพละกำลังของข้า ข้าไม่สามารถแม้แต่จะขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้เลย แล้วข้าจะไปสัมผัสมันได้ยังไงเล่า?"

เฉียนว่านก้วนถือดาบมังกรเพลิงและควงมันเล่นขณะพูดพึมพำครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดว่า "สิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดจะต้องมีค่ายกลที่สมบูรณ์เพื่อปลดปล่อยพลังสูงสุด หากสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าชำรุด ถ้าหากมันเป็นระดับวิญญาณหรือสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ เจ้าสามารถหานักหลอมอุปกรณ์เพื่อทำการซ่อมแซมได้ แต่มันไม่มีทางที่จะซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ "

"โอ้ เข้าใจแล้ว!"

เจียงอี้ดึงดาบมังกรเพลิงกลับมาและในตอนนี้ก็ยิ่งสับสนมากขึ้น

เมื่อเขากวัดแกว่งดาบ เขาจะรู้สึกถึงพลังของสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีตำหนิซึ่งหลอมรวมกับไข่มุกวิญญาณเพลิง ซึ่งมันก็ไม่ได้ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับตราประทับผู้ปกครองและสร้อยเงินดับโลกา หากค่ายกลภายในนั้นต่อกันอย่างสมบูรณ์ สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นี้จะมีประสิทธิภาพมากขนาดไหนกัน? มันจะยังคงถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?

คืนนี้ก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว ดังนั้นเจียงอี้จึงให้เฉียนว่านก้วนกลับไปพักผ่อน เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและขับไล่ความฟุ้งซ่าน บังคับให้เขาสงบจิตใจลงและเริ่มทำความเข้าใจบทสวดท่อนที่สามของศาสตร์นิรนาม

ท่อนแรกของศาสตร์นิรนามมอบแก่นแท้พลังสีดำลึกลับให้แก่เจียงอี้ ท่อนที่สองเพิ่มขีดจำกัดของแก่นแท้พลังสีดำเป็นพันเส้น ตอนนี้อยู่ในท่อนที่สาม เจียงอี้นั้นก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

หลังจากนั้น หลายชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มสว่างขาวราวกับท้องปลาเจียงอี้ก็ยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย

สัญชาตญาณของเจียงอี้นั้นยอดเยี่ยมเสมอและเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการทำความเข้าใจบทสวดท่อนที่หนึ่งและสอง ท่อนที่สามนี้ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งซึ่งเขาไม่มีทางที่จะทะลวงมันเข้าไปได้

"ตึกๆๆ!"

เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก จนปลุกให้บางคนตื่นขึ้นมา เจียงอี้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุดทำความเข้าใจบทสวดในตอนนี้ เขามีเวลาอีกมากหลังจากนี้ ซึ่งเขาจะค่อยๆทำความเข้าใจกับมันอย่างช้าๆ

เขาปิดตาได้ครู่หนึ่ง เฉียนว่านก้วนก็เริ่มมาเคาะประตูในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา กองกำลังของสำนักเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปยังอาณาจักรเสินหวู่ก่อนจะกลับไปที่สำนักจิตอสูรแล้ว

หลังจากล้างหน้าล้างตา เจียงอี้ก็รีบทานอาหารเช้าก่อนที่เขาจะตามคนอื่นๆขึ้นรถม้าไปที่จัตุรัส

หลังจากเขามาถึงจัตุรัสในเมือง หยุนเฟยก็มาพร้อมกับกู่เท่อและหั่วซู่ขณะที่นางเดินมาและกระซิบ "เจียงอี้ เฉียนว่านก้วน ข้าจะกลับไปที่อาณาจักรของข้าระยะหนึ่ง ข้าจะสามารถกลับไปที่สำนักได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ราบรื่นแล้ว แน่นอนว่า ... ข้าอาจจะไม่ได้กลับไปตลอดชีวิตอีกเช่นกัน หากมีโอกาส ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้าให้มาสังสรรค์ที่อาณาจักรเทียนเซวี่ยนที่ซึ่งข้าจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดีแก่พวกเจ้าเลย"

"ฮะ…"

เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนมองหน้ากันและหันไปมองจ้านอู๋ซวงโดยไม่รู้ตัว เจียงอี้พยักหน้า "ติดต่อมาหาเราได้หากมีปัญหาใดๆ หากดูท่าไม่ดี ก็อพยพออกจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนหรือไปที่สำนัก มาอยู่อาณาจักรเสินหวู่ก็ดีเช่นกัน สวรรค์มักจะมอบหนทางให้ผู้ที่สิ้นหวังเสมอ"

หยุนเฮ่อตายแล้วและจะต้องมีการเคลื่อนไหวลับๆอยู่มากมายในอาณาจักรเทียนเซวี่ยน หยุนเฟยอาจมีผนึกแห่งดวงจิตของหัั่วซู่และกู่เท่อ แต่อาจทำให้ตระกูลของพวกเขาเดือดดาลและรวมตัวกันเพื่อจัดการกับหยุนเฟย นางเป็นสตรีอ่อนแอที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจและเจียงอี้ก็อดเป็นห่วงนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"อื้ม!"

หยุนเฟยพยักหน้าและมองจ้านอู๋ซวงด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง จากนั้นนางก็นำกลุ่มคนอย่างหนักแน่นและเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อมุ่งหน้าสู่อาณาจักรเทียนเซวี่ยน

"ไปกันเถอะ!"

เจียงอี้เห็นสีหน้าที่น่าเศร้าของจ้านอู๋ซวง เขาตบไหล่จ้านอู๋ซวงในขณะที่เฉียนว่านก้วนมาพูดเบาๆ "ไม่ต้องห่วง พี่อู๋ซวง หลังจากนี้ข้ากลับไป ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อโน้มน้าวตระกูลของข้าเพื่อช่วยองค์หญิงหยุนเฟยจากเงามืด หากองค์ชายหยุนเสียนสามารถขึ้นครองราชย์ได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลเฉียน ตระกูลของข้าจะช่วยพวกเขาอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน"

"เข้าใจแล้ว!"

จ้านอู๋ซวงฝืนยิ้มออกมาและเดินไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายพร้อมกับทุกคน ซึ่งส่งพวกเขากลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่

"บุฟ"

แสงระยิบระยับส่องผ่านระเรื่อในขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ส่องสว่างออกมาด้านหน้าพระราชวังของอาณาจักรเสินหวู่

หลังจากแสงจางลง เจียงอี้และคนอื่นๆก็ลืมตาขึ้นมาและตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็น มีบุคคลหลายคนยืนอยู่หน้าจัตุรัสของพระราชวังซึ่งมีมากกว่าหนึ่งพันคน ในช่วงกลางของกลุ่มคนเหล่านั้น รุ่นเยาว์ที่สวมชุดทางการต่างฮือฮาออกมาทันทีเมื่อทุกคนเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย "เรายินดีต้อนรับนักรบผู้กล้าหาญของเรากลับสู่ราชอาณาจักร! เจียงอี้ จงรับพระราชโองการ!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด