ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 96 แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 98 หุ่นเชิดตัวที่สอง! (2)

GOI ตอนที่ 97 หุ่นเชิดตัวที่สอง! (1)


หลังจากทั้งห้องเดินตามเฟิงอู๋เหินไปยังห้องหรูหรากว้างกว่าแปดสิบตารางเมตร ทั้งหมดนั่งลงเป็นกลุ่มสองหรือสาม

“ทุกท่าน กินดื่มกันก่อน หุ่นเชิดจะถูกส่งมาในไม่ช้า และพวกท่านสามารถเลือกได้ตามใจ”

หลังจากต้อนรับสักครู่ เฟิงอู๋เหินเดินออกมาทันที การเตรียมหุ่นเชิดหลายสิบตัวหลากสายไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น

“พี่ใหญ่เฟย พี่ใหญ่เฟย ท่านคิดไว้หรือยังว่าจะเลือกหุ่นเชิดตัวที่สองชนิดใด!?”

โม่ข่าขยับตัวมาข้างกายเอ่ยถามอย่างเจ้าเล่ห์ คนที่เหลือรอบด้านรีบผึ่งหูสดับฟัง

โดยเฉพาะเสวี่ยอิ่ง นางจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง หุ่นเชิดตัวที่สองที่เขาเลือกจะตัดสินอนาคตของป๋ายเสี่ยวเฟย อนาคตที่ว่าเขาจะเดินเส้นทางใด สมดุลหรือจี๋เซี่ยน!

“ต้องดูว่ามีหุ่นเชิดที่เหมาะสมหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา”

ป๋ายเสี่ยวเฟยแย้มยิ้ม เขาไม่ได้กังวลเช่นคนอื่นเพราะสมองส่วนใหญ่ใช้ไปกับเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้...

“พี่ใหญ่เฟย จะให้ชะตากรรมตัดสินได้อย่างไร พวกเราจะเข้าร่วมงานประลองศิษย์ใหม่ในไม่ช้า และความแข็งแกร่งของท่านเป็นดั่งเสาหลักสำคัญสำหรับพวกเรา”

ฉิงหนานเดินมาเอ่ยความคิดของตน

“พอเลย! มีการต่อสู้ไหนบ้างที่ข้าไม่มองดูจากที่ไกล? กองกำลังที่แท้จริงคือพวกเจ้าทั้งหมดต่างหาก!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้ขีดจำกัดของตนดี ก่อนที่เขาจะฝ่าด่านเข้าสู่ระดับสูงได้อย่างแท้จริง สิ่งที่เขาทำได้ในการสู้รบน้อยนิดจนน่าสมเพช ความสามารถของสายลอกเลียนแบบอยู่ที่ความกลอกลิ้งแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

นางปากมากชีเว่ยก็มาเอ่ยความคิดของตนด้วย

“แต่การต่อสู้ของพวกเราไม่อาจเป็นไปได้อย่างราบรื่นหากขาดเจ้า พวกเราต้องการให้เจ้าสั่งการ เพราะฉะนั้น หัวหน้าห้อง ข้าคิดว่าเจ้าควรมีทักษะในการปกป้องตัวเองเสียหน่อย”

แทบทุกคนในห้องคนเถื่อนคิดเช่นนี้

ด้วยอำนาจในปัจจุบันของป๋ายเสี่ยวเฟย เขาจะต้องกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจเมื่อเข้าสู่สนามรบ ถ้าเขามีทักษะในการปกป้องตัวเองที่สูงส่ง เขาจะล่อบาทาผู้คนได้มาก

ใช่แล้ว ล่อบาทา...

“บัดซบ! เจ้าหมายความว่าเจ้าอยากให้ข้าเป็นเหยื่อ ใช่หรือไม่? เจ้าทำเช่นนี้กับหัวหน้าห้องของเจ้าได้อย่างไร! ข้าทำดีกับเจ้ามาโดยตลอด!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจสิ่งที่ชีเว่ยหมายถึง แต่ไม่มีใครสนใจคำตัดพ้อของเขา

‘ใครกันที่เจ้าทำดีด้วย!?’

‘เจ้าอำมหิตกับทุกคน!?’

“ทุกท่าน ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะ หุ่นเชิดมาถึงแล้ว”

เฟิงอู๋เหินเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาขัดจังหวะหยอกล้อของชายหนุ่ม ดวงตาของศิษย์ห้องคนเถื่อนล้วนเปล่งประกาย

“เพื่อให้ง่ายต่อทุกท่านในการเลือก ข้าได้จัดส่งหุ่นเชิดเป็นหลายระลอกเพื่อที่ทุกท่านจะสามารถช่วยแนะนำกันได้”

ในฐานะผู้จัดการ เฟิงอู๋เหินจัดเตรียมทุกสิ่งได้อย่างเหมาะสม

“ไม่มีปัญหา เชิญนำหุ่นเชิดมาได้เลย”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มพลางประกาศว่าช่วงเวลาที่รอคอยอย่างเนิ่นนานได้มาถึง

ถัดมา ภายใต้คำสั่งของเฟิงอู๋เหิน ดรุณีเยาว์วัยหลายคนในชุดกี่เพ้าเดินเข้ามา ในมือถือถาดมากมายเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน มีดรุณีทั้งหมดแปดนาง และมีหุ่นเชิดทั้งหมดแปดตัว

“นี่คือหุ่นเชิดสำหรับสามคน ทั้งหมดล้วนเหมาะสำหรับ นักปรุงโอสถ นักสร้างหุ่นเชิด และนักเชิดหุ่นสายสนับสนุน”

ขณะที่เฟิงอู๋เหินเอ่ย โม่ข่า สือขุย จูนั่วและต้วนอีอีล้วนตื่นเต้นอย่างออกหน้า

สนับสนุนและฟื้นฟูล้วนเป็นแขนงจากสายสนับสนุน ทั้งสองแขนงต่างก็เรียนในสาขาแสงธำรงในสถาบัน บางคนถึงกับเลือกเรียนทั้งสองสายพร้อมกัน

“อย่างแรกคือหุ่นเชิดสำหรับนักปรุงโอสถ จากการแนะนำของสหายน้อยผู้นี้ ข้าได้เลือกหุ่นเชิดสายจู่โจมระยะไกลสองตน หนึ่งคือกระบี่มุทธา สองคือศรแก้วผลึก”

สองดรุณีดึงผ้าสีแดงข้างบนถาดออกเผยให้เห็นหุ่นเชิดสองตน ป๋ายเสี่ยวเฟยเคยเห็นหนึ่งในนั้นมาแล้ว

เป็นศรโปร่งแสงที่ฉู่กานเคยใช้เมื่อยามไล่ล่าป๋ายเสี่ยวเฟย

“มีหุ่นเชิดที่คล้ายกันด้วยหรือ?!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เฟิงอู๋เหินที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อย

“สหายน้อย เจ้าไม่รู้?”

“ข้าต้องรู้ด้วย?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบคำถามด้วยคำถาม สีหน้าประหลาดใจไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย เสวี่ยอิ่งที่อยู่ข้างกายเอามือปิดหน้าด้วยความอับอาย

ความรู้พื้นฐานเป็นนางที่ควรสอน แต่ด้วยอคติในใจ นอกจากสอนฝึกต่อสู้จริงในเดือนแรกแล้ว นางไม่ได้ทำสิ่งใดอีกที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘อาจารย์’...

โชคดีที่เฟิงอู๋เหินไม่ได้ส่งสายตาคำถามให้เสวี่ยอิ่ง เขาเริ่มอธิบายอย่างมีมารยาท

“หุ่นเชิดแบ่งออกเป็นมีชีวิตและไร้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็มีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะมีทักษะความสามารถคล้ายคลึงกัน หุ่นเชิดมีชีวิตจะสุ่มสืบทอดทักษะก่อนที่มันจะกลายเป็นหุ่นเชิด หุ่นเชิดไร้ชีวิตถูกสร้างขึ้นมาเป็น กลุ่ม ข้อแตกต่างคือระดับของพวกมัน”

“ที่เจ้าเห็นมาคงเป็นศรโปร่งแสงเพราะนักปรุงโอสถนิยมเลือกมันเป็นหุ่นเชิดตัวที่สองมากที่สุด พวกเรามีศรระดับต่ำกว่านี้หนึ่งระดับเรียกว่าศรตัดวายุ ส่วนศรตรงหน้าเจ้าคือหุ่นเชิดระดับม่วง!”

เฟิงอู๋เหินเอ่ยพลางหยิบศรแก้วผลึกขึ้นมา

“ศรแก้วผลึกจะยิงไปยังเป้าหมายที่กำหนดเมื่อเติมปราณกำเนิดเข้าไป มันมีทักษะไล่ตามเป้าหมาย ข้อได้เปรียบคือความรวดเร็วและสะดวกในการใช้งาน ข้อเสียคือมันสามารถถูกหยุด ขัดหวางและมีพลังโจมตีคงที่”

เมื่อเขาอธิบายจบ โม่ข่าก็เดินเข้าไปใกล้นานแล้ว

นี่คือหุ่นเชิดที่เขาสนใจ มันสามารถทำให้เขาหลุดพ้นจากชะตากรรมของตัวละครไร้ประโยชน์ หากเติมปราณกำเนิดของเขาเข้าไปสุดแรง พลังโจมตีจะต้องสูงส่งกว่าลูกกระสุนของฟางเย่เป็นแน่แท้!

“ความสามารถของอีกตัวล่ะ?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกไม่ชอบศรแก้วผลึกอย่างมากเพราะเขาเคยถูกยิงโดยศรตัดวายุมาก่อน เมื่อเทียบกันแล้วเขารู้สึกสนใจกระบี่มุทธาสีทองคำขนาดเท่าฝ่ามือมากกว่า

“ส่วนตัวแล้วข้าแนะนำกระบี่มุทธา น่าเสียดายที่ไม่มีใครเลือกหุ่นเชิดตนนี้มากนัก”

เฟิงอู๋เหินเอ่ยอธิบายต่อพลางยื่นกระบี่มุทธาให้โม่ข่า

“สิ่งนี้ไม่อาจจู่โจมได้ทันทีหลังใช้งาน มันต้องการเวลาอย่างน้อยห้าวินาทีในการชาร์จ ในขณะนั้นมันจะอยู่ในสภาวะกึ่งหายตัว และเมื่อชาร์จเสร็จสิ้น มันสามารถปลดปล่อยการโจมตีใส่เป้าหมายใดๆ ก็ตามในระยะจู่โจม ซึ่งพลังโจมตีและระยะจู่โจมจะกำหนดโดยความนานในการชาร์จและความสูงที่กระบี่มุทธาลอยตัว”

“มันมีข้อดีมากมาย อย่างแรกคือในทางทฤษฏี มันมีพลังโจมตีไร้ขีดจำกัด อย่างที่สองมันรวดเร็วมาก และรับมือได้ยากหากใช้โจมตีทีเผลอ แต่ข้อเสียก็สาหัสเช่นกัน เนื่องจากมันต้องชาร์จ ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทันที และข้อเสียอย่างใหญ่หลวงที่สุดคือการชาร์จพลังสามารถถูกขัดขวางได้”

เฟิงอู๋เหินนิ่งเงียบรอให้โม่ข่าเลือก

แต่โม่ข่าเลือกไม่ถูก

เหมือนคนทั้งหมด โม่ข่าชอบทั้งสองตัว และสำหรับเขาแล้ว หุ่นเชิดระดับม่วงล้วนเป็นของดี เขาอยากได้ทั้งสองหากเป็นไปได้

น่าเสียดายที่เขาไม่แข็งแกร่งพอ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกหุ่นเชิดสองตัวที่มีความสามารถคล้ายคลึงกัน

“พี่ใหญ่เฟย...”

โม่ข่าไม่อาจตัดสินใจ เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป๋ายเสี่ยวเฟย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด