ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0745 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0747 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0746 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 746 : พลังที่เอ่อล้น

เย่ว์โยวเอาจริง กระนั้น ฉินหยุนกลับไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง นี่ยิ่งทำให้นางกราดเกรี้ยวถึงขนาดร่างสั่น เมื่อเย่ว์โยวพยายามระงับจิตสังหาร นางจึงยิ่งดูน่าหวาดกลัว

“เจ้าตัวบัดซบ อย่าได้คิดว่าทุกสิ่งจะเป็นไปตามเจ้าคาดคิด!” เย่ว์โยวโพล่งโทสะออกมา

“ข้าก็เพียงกล่าวไปเรื่อย! เจ้าเอาแต่สวมใส่หน้ากากอยู่ทุกวี่วัน เช่นนั้นคงอัปลักษณ์เป็นแน่แท้ เพราะอย่างนั้นจึงไม่กล้าเผยหน้าต่อสาธารณะชน ข้าย่อมไม่คิดสนใจเจ้าแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวคำจบ จึงก้าวเดินลงจากลานประลอง

“อย่าได้ไปและจงสู้กับข้า ข้าจะทุบตีเจ้าจนสาแก่ใจ!” เย่ว์โยวกัดฟันแน่นอย่างโกรธแค้น นางเวลานี้มีความคิดเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือทุบตีฉินหยุนอย่างดุร้ายทารุณ

ฉินหยุนเบะปากกล่าวคำ “ข้าเหนื่อยล้าแล้ว คิดอยากไปอาบน้ำหลับสักตื่นหนึ่ง จากนั้น ข้าค่อยไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้กลับไปหาภรรยาข้า!”

เขาทราบ ว่าเย่ว์โยวไม่มีทางกล้าลงมือ

หยางฉีเย่ว์เดินเข้ามารั้งเย่ว์โยวเอาไว้ ชัดเจนว่ามีการพูดคุยผ่านเสียงสื่อสารในทางลับ

เย่ว์โยวสูดลมหายใจเข้าลึก นางกล่าว “ฉินหยุน หากเจ้าไม่อาจเอาชนะข้า เจ้าก็จะไม่มีทางได้ออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “อย่าได้ข่มขู่ข้าไป! ตราบเท่าที่หาทางออกเจอ ข้าย่อมออกไปได้!”

“เจ้าคิดหรือว่าโลงศพสีเงินนั่นจะเปิดไปตลอด? มีแต่ข้าที่สามารถเปิดมันได้!” เย่ว์โยวหัวเราะดัง “มีแต่เอาชนะข้าเจ้าจึงจะไปจากที่นี่ได้!”

ฉินหยุนหันมองทางเปาเฉิงโฉ่วและคณะ “ข้าไปกับผู้อาวุโสของข้าก็ไม่ได้?”

เย่ว์โยวถึงตอนนี้กลายเป็นยินดี นางเผยยิ้มเย็นเยือกกล่าวคำ “หากเจ้าไม่สู้กับข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าและพวกมันจะไม่มีทางออกไปจากที่แห่งนี้ได้!”

เจี้ยนสือเทียนและคณะกลายเป็นกังวล พวกเขาไม่คิดอยากใช้ชีวิตที่เหลือในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแห่งนี้

เย่ว์โยวเมื่อได้เห็นสีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยน นางจึงรู้สึกลำพองอยู่ภายใน

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า!” ฉินหยุนเริ่มมีโทสะบ้างแล้ว

“แล้วอย่างไร? เจ้าก็เพียงสู้กับข้า!” เย่ว์โยวยิ้มอหังการ “เจ้ายังเยาว์เกินไปนัก!”

ฉินหยุนคิดไปครู่จึงกล่าว “หากเอาชนะเจ้าได้ อย่างนั้นข้าจะได้รับอันใด?”

เย่ว์โยวจึงกล่าว “ข้าย่อมไม่มอบอันใดให้แก่เจ้า! หากเจ้าชนะข้าได้ รางวัลหนึ่งเดียวที่ข้าจะมอบให้คือการออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!”

ฉินหยุนไม่คิดอยากสู้กับเย่ว์โยว เพราะนางมีร่างเซียนอันแข็งแกร่งในครอบครอง และนางเพียงสะกดพลังเอาไว้ที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ทั้งพลังจิตและร่างกายของนางย่อมทรงอำนาจ หาได้ใช่อ่อนด้อยไม่

กระทั่งว่าเป็นราชันยุทธ์ คิดเอาชนะเย่ว์โยวก็ไม่มีทางง่ายดาย!

“ร่างกายเจ้าแข็งแกร่ง พลังจิตของเจ้าเองก็แข็งแกร่ง ทั้งยังเชี่ยวชาญวิชายุทธ์มากมาย ข้าย่อมไม่อาจเอาชนะเจ้าได้โดยง่าย!” ฉินหยุนกล่าว “การต่อสู้เช่นนี้ไร้ความหมาย! ช่างมันปะไร ข้าเพียงให้เจ้าทุบตีข้าจนน่วม ถึงเวลานั้นต้องให้จ้าวสำนักและผู้อื่นได้ออกไป!”

ฉินหยุนก้าวเดินขึ้นบนลานประลองยุทธ์พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเหลืออด “เข้ามา เข้ามาทุบตีข้า! อย่างไรข้าก็ไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ อย่างนั้นข้าก็จะไม่สู้กลับ!”

เย่ว์โยวคิดตาม พบว่าแม้นางผนึกพลังเอาไว้ การศึกก็ไม่อาจเป็นไปอย่างเสมอภาค

“เอาอย่างนี้เป็นไร ข้าจะลงมือเพียงสิบกระบวนท่า ทั้งยังจะไม่ใช้พลังจิต! หากเจ้าไม่พ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่า ก็ถือว่าเจ้าชนะไป!” เย่ว์โยวกล่าว

ฉินหยุนคิดตามอยู่ครู่จึงกล่าว “ได้!”

ความยินดีเป็นล้นพ้นฉายชัดผ่านดวงตาเย่ว์โยว

หยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเสวียนฉิน ต่างเดินลงจากลานประลอง พวกนางได้แต่คาดหวัง ว่าฉินหยุนจะไม่บาดเจ็บรุนแรงในศึกครั้งนี้

“สิบกระบวนท่าใช่หรือไม่? ข้าย่อมต้านรับเอาไว้ได้!” ฉินหยุนเผยยิ้มซุกซน

“เจ้ามั่นใจในตนเองเกินไปแล้ว!” เย่ว์โยวกล่าวคำจบ นางจึงหลับตาลงเพื่อเริ่มผนึกกำลังตนเองเอาไว้

นางต้องการผนึกระดับการฝึกฝน ให้หลงเหลือแค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง

กระทั่งว่าถูกผนึกเอาไว้ ด้วยพลังของร่างเซียนที่นางครอบครอง ย่อมต้องสามารถเอาชนะฉินหยุนได้ภายในสิบกระบวนท่า

เปาเฉิงโฉ่วกลายเป็นร้อนรน เพราะว่าแม้เป็นเขา ก็ยังจะไม่มีทางต้านรับเย่ว์โยวได้ถึงสิบกระบวนท่า ความแตกต่างทางพลังมันมากมายมหาศาลเกินไป!

เจี้ยนสือเทียนกล่าวคำเบา “เหล่าเปา กำลังฉินหยุนเพิ่มขึ้นมาก เขาแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่น้อย นี่สมควรเป็นเพราะเซียนผู้นั้นชี้แนะ เขาคงทนทานรับได้กระมัง?”

เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะกล่าวคำ “ข้าไม่อาจทราบ นี่สมควรพอเป็นไปได้บ้าง!”

เพียงไม่นาน เย่ว์โยวจึงผนึกพลังของนางเรียบร้อย

ชั่วขณะเวลานี้เอง ฉินหยุนเกิดสำนึกเสียใจขึ้นมา

นั่นก็เพราะแม้เย่ว์โยวผนึกการฝึกฝนเอาไว้ นางเพียงใช้กำลังกายก็เหลือเฟือแล้ว

“ประกาศเริ่มตามแต่เจ้าสะดวก!” เย่ว์โยวเมื่อเปิดม่านพลังเรียบร้อยจึงกล่าวคำ

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่จึงตะโกน “เริ่มได้!”

เขาเพียงเพิ่งกล่าวคำจบ ความรู้สึกเจ็บปวดได้บังเกิดที่หน้าอกอย่างกะทันหัน เย่ว์โยวลงมือโจมตีแล้ว

เขาเร่งรีบใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงกับทั้งร่างกาย

เช่นนี้ เย่ว์โยวจึงทะลุผ่านร่างฉินหยุนไป

“หนึ่งกระบวนท่า!” ฉินหยุนเกิดความหวาดกลัวเกาะกุม

ฝ่ามือโจมตีของเย่ว์โยวเมื่อครู่ชวนสะพรึงอย่างแท้จริง อย่างไรแล้ว นางก็คือเซียน

“นี่ไม่เข้าท่าแล้ว สตรีผู้นี้มีกำลังกายมากพอทำร้ายครึ่งเซียนด้วยซ้ำ เราขาดความระวังเกินไป!” ฉินหยุนประเมินกำลังของเย่ว์โยวผิดไป

“ความสามารถเทวะอย่างนั้นสิ? น่าทึ่งนัก ข้าคิดอยากเห็น ว่าเจ้าจะใช้มันได้อีกสักกี่ครั้ง!” เย่ว์โยวกล่าวคำจบ จึงพุ่งปะทะโจมตีออกด้วยฝ่ามือใส่ฉินหยุนอีกครั้งหนึ่ง

ฉินหยุนเร่งรีบใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงอย่างสุดแรง

แม้ฝ่ามือเย่ว์โยวปะทะกับร่างของฉินหยุน มันก็ราวกับปะทะกับภาพมายา

ฉินหยุนเร่งร้อนถอย จากนั้นจึงหยุดใช้ความสามารถเทวะ

หลังใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง หากโดนโจมตีรุนแรง เท่ากับเขาต้องสูญเสียพลังไปอย่างมหาศาล

เขาไม่ทราบว่าตนเองจะต้านรับไว้ได้อีกกี่ครั้ง!

ดวงตาเย่ว์โยวเผยความเดียดฉันท์เด่นชัด นางกล่าว “ฉินหยุน ตราบเท่าที่เจ้าทำร้ายข้าได้ มันคงทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างกระมัง!”

ฉินหยุนทราบ ว่าเย่ว์โยวจะไม่สังหารตนเอง กระนั้นนางย่อมต้องทำให้เขาบาดเจ็บอย่างสาหัส

เช่นนี้ ทุกครั้งที่เย่ว์โยวโจมตี ฉินหยุนจึงมีแต่ต้องใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง!

เวลานี้ เย่ว์โยวปลดปล่อยกระบวนท่าที่เจ็ดแล้ว!

ครั้งนี้ หลังใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงรับไว้ ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าพลังในแก่นเต๋าได้แห้งเหือด เวลานี้ เขาได้แต่ต้องอาศัยพลังของร่างเซียนอสูรต้านรับ!

“รับความตาย!” เย่ว์โยวยิ้มอหังการพร้อมพุ่งเร็วรี่เข้าตบใบหน้าฉินหยุน

เสียงตบหน้าดังก้องสะท้อนทั้งห้องโถง!

ฉินหยุนร่างกระเด็น ใบหน้าหล่อเหลานั้นบวมปูดแดงก่ำ ได้เห็นเช่นนี้ หยางฉีเย่ว์ยิ่งปวดใจ

กระนั้น นางไม่อาจทำอะไรได้ เพราะนางทราบดี ว่าเย่ว์โยวเกลียดชังฉินหยุนมากมายเพียงใด

โลหิตหลั่งที่มุมปากฉินหยุนเพราะแรงตบ ทั้งยังมีอาการวิงเวียน

“เจ้ากล้าก่อการอหังการอวดดีต่อนายหญิงของสถานที่แห่งนี้ เป็นเจ้าสมควรได้รับการสั่งสอน!” เย่ว์โยวก้าวเดินเข้าไปยกร่างฉินหยุนขึ้น จากนั้นจึงตบที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง

ฉินหยุนร่างกระเด็นไกลปะทะกับพื้นไถลไปก่อนจะลุกยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า

“แค่ก!” ฉินหยุนสำลักโลหิตออกมาพร้อมเผยยิ้ม “เจ้าเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า!”

“รับความตาย!”

เย่ว์โยวกัดฟันแน่นพุ่งทะยานมา นางประทับฝ่ามือที่หน้าอกฉินหยุน คิดพยายามบดขยี้หัวใจของเขาจนแหลกเหลว

ตู้ม!

ฉินหยุนถูกโจมตีปะทะ ร่างกายทะลักออกซึ่งกลุ่มแก๊สสีดำ ผิวหนังของเขาปริแตกเผยโลหิตไหลหลั่ง สภาพดูไปน่าหวาดกลัวยิ่ง

ร่างเมื่อกระเด็น ไม่ช้าจึงหล่นกระทบกับพื้น

บรรดาผู้ใต้บัญชาของเย่ว์โยวต่างโห่ร้องเสียงดัง

“เจ้าประเมินตนเองสูงไป!” เย่ว์โยวค่อยรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย

ทว่า เมื่อนางรับรู้ถึงความอิ่มเอมอยู่นั้น ฉินหยุนกลับคลุกคลานขึ้นมาเชื่องช้า

“ข้าหาได้พ่ายแพ้ไม่!” ฉินหยุนจึงเผยเสียงหัวเราะดัง

เย่ว์โยวกำหมัดแน่น นางคิดอยากเข้าไปต่อยฉินหยุนอีกสักครั้ง ทว่า นางได้แต่ต้องอดทนแล้ว

“ข้าได้ทุบตีเจ้า ดังนั้นตอนนี้ค่อยสบายใจขึ้นแล้ว!” เย่ว์โยวแค่นเสียงก่อนจะถอนม่านพลังออก

ทันใดนี้เอง ฉินหยุนที่บาดเจ็บจึงล้มลง!

ฉินหยุนเหนื่อยล้าถึงขนาดหลับใหลไปทั้งแบบนั้น

เมื่อตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตนเองอยู่ในสระน้ำที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังเซียนเหลวสีขาว

หยางฉีเย่ว์อยู่ข้างสระน้ำ กระนั้น นางยังคงสวมหน้ากากไว้

“เสี่ยวหยุน เย่ว์โยวก็เป็นเช่นนี้ อย่าได้กล่าวโทษนางเลย” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ

“นางเป็นสตรีไร้เหตุผล! เห็นได้ชัดว่านางเกลียดชังตัวข้าในชาติภพก่อน แต่แล้วกลับเอาแต่ทุบตีข้าในชีวิตนี้!” ฉินหยุนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขายิ่งไม่ยินดี

“เห็นแก่ข้า ภายหน้าอย่าได้รังควานนางแล้ว!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “นางแทบไม่อาจทนได้ไหวอีก โชคดีที่นางยังฟังข้า ไม่อย่างนั้น เจ้าคงตายไปแล้ว!”

ทันใดนี้ เย่ว์โยวที่มีเส้นผมสีเงินจึงเดินเข้ามาในห้องลับ ทันทีเมื่อนางเข้ามา นางจึงถอดหน้ากากออก

ฉินหยุนได้เห็นใบหน้าเย่ว์โยว เขาพลันต้องกายแข็งทื่อ!

เย่ว์โยวงดงามอย่างยิ่ง กระนั้น ใบหน้าของนางกลับซีดขาวและมีแต่ความเย็นเยือก ภายนอกของนาง คือตัวตนเซียนที่เย็นชาต่อโลกหล้า

ฉินหยุนคุ้นเคยใบหน้านี้เป็นอย่างดี นี่เหมือนกับใบหน้าของหยางฉีเย่ว์!

“นางเป็นน้องสาวข้า!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มบาง

“เจ้าจึงเป็นน้องสาวข้า!” เย่ว์โยวกล่าว “ข้าถือกำเนิดเร็วกว่าเจ้าเล็กน้อย!”

“ข้าต่างหากจึงมาก่อน เจ้าเป็นน้องสาวข้า!” หยางฉีเย่ว์ประท้วงคำเบา

ฉินหยุนค่อยเข้าใจ ว่าชาติภพก่อน หยางฉีเย่ว์และเย่ว์โยวเป็นพี่น้องฝาแฝด!

“ฉินหยุน เห็นแก่น้องสาวข้า ข้าจะให้เจ้าได้รักษาอาการบาดเจ็บที่นี่ เมื่อใดหายดี จงเร่งรีบไสหัวไปให้พ้นโดยทันที!” กล่าวคำจบ เย่ว์โยวจึงสวมใส่หน้ากากกลับคืน

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

อย่างกะทันหัน เสียงระเบิดรุนแรงดังสนั่นจึงบังเกิด!

แรงสั่นสะเทือนรุนแรง เป็นผลให้เกิดรอยร้าวปรากฏในห้องลับแห่งนี้

“หรือจะเป็นตัวบัดซบเฉียหยิ่ง? มันชนะไปแล้ว เหตุใดจึงยังมาสร้างปัญหาแก่ข้า?” เย่ว์โยวกราดเกรี้ยว “คงต้องสังหารมันทิ้งกระมัง!”

เย่ว์โยวที่มีโทสะเร่งรีบออกไปจากห้องลับ หยางฉีเย่ว์ตามติดไปเช่นกัน

ฉินหยุนลอบกังวล เขาเชื่อว่าเฉียหยิ่งต้องได้ทราบแล้ว ว่าจันทราทมิฬของตนเลือนหาย เพราะเหตุนั้นจึงมีโทสะจนบุกโจมตีที่นี่

“เสี่ยวหยุน เจ้ายังบาดเจ็บ ไว้อาการดีขึ้นแล้วค่อยพูดกล่าวกัน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

แรงสั่นสะเทือนยังคงดำเนินต่อเนื่องไม่หยุด รอยแยกยิ่งมายิ่งใหญ่ ราวกับห้องนี้พร้อมพังทลายลงทุกเมื่อ

ฉินหยุนพอได้เห็น เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก

เขาเร่งรีบลากร่างตนเองที่บาดเจ็บออกจากห้องลับ

ตู้ม!

ขณะเขาเดินออกจากห้องลับ อย่างกะทันหัน พลังชวนขนลุกพลันสะกดลงที่ร่างของเขา

“พลังที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นพลังอสูรที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง!” หลิงหยุนเอ๋อร้องหวาดกลัว “นี่ไม่ใช่พลังของเฉียหยิ่งแล้ว!”

สถานที่ซึ่งฉินหยุนอยู่กลับกลายเป็นเศษซาก ตัวเขาถูกซากอาคารถล่มทับ

ครืน!

ฉินหยุนบาดเจ็บ ทั้งยังมึนงงต่อเรื่องราว

หลิงหยุนเอ๋อร้องตะโกน “ภูเขาที่ปราสาทโบราณตั้งอยู่พังทลายแล้ว! เสี่ยวหยุน เร่งรีบออกไป!”

บุคคลผู้ซึ่งโจมตีปราสาทโบราณ หาได้ใช่เฉียหยิ่ง!

กระนั้น ในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ก็มีแต่เฉียหยิ่งที่ครอบครองพลังระดับนี้!

ฉินหยุนหมดสติไปพักหนึ่ง เขาตื่นขึ้นด้วยอาการวิงเวียน ก่อนจะพยายามคลุกคลานจากซากปรักหักพังอย่างยากลำบาก

เขาไม่ทราบว่าตนเองสลบไปนานเพียงใด เมื่อคลานออกมาได้ เขาจึงได้เห็นท้องฟ้าเป็นสีแดง ทั้งยังมีอุกกาบาตใหญ่ยักษ์ร่วงหล่นลงมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด