ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0741 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0743 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0742 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 742 : จิตวิญญาณจันทราทมิฬ

ฉินหยุนหลบซ่อนที่ไกลออกไปและรับชม เขาต้องการได้เห็น ว่าถัดจากนี้จะเกิดอันใดขึ้น ผู้ใดกันที่จะขึ้นไปต่อสู้

แม้หยางฉีเย่ว์ปรากฏตัว กระนั้นไม่มีผู้ใดจดจำนางได้ เพราะนางสวมใส่หน้ากากไว้

ฉินหยุนคุ้นเคยกับหยางฉีเย่ว์เป็นอย่างดี ดังนั้นแม้มองจากทางด้านหลังก็สามารถทราบได้ว่าเป็นนาง

อย่างกะทันหัน ทหารชุดเกราะสีทองคำวัยกลางคนจึงพุ่งเข้ามาพูดคุยกับเฉียหยิ่ง

“เหตุใดจึงเร่งรีบเพียงนี้?” เฉียหยิ่งเอ่ยถามเสียงเย็น

“หมูตัวนั้นหนีออกจากคุกใต้ดินคุมขังสัตว์ขอรับ!” อีกฝ่ายรายงานแจ้ง “หมูตัวนั้น คือจักรพรรดิสัตว์ราชันสวรรค์ขอรับ!”

“เป็นไปได้อย่างไร? สัตว์สวรรค์ที่ภายในนั้นไม่มีพลังเซียนแต่อย่างใด พวกมันไม่มีทางหลบหนีออกจากกรงขังได้!” ใบหน้าเฉียหยิ่งเผยอาการตื่นตะลึงขณะกล่าวเสียงเบา “ไปค้นหาให้ทั่วโดยเร็ว พวกเราต้องจับตัวมันและนำกลับมาให้ได้!”

“พวกเรากำลังออกค้นหาขอรับ ทว่าไร้ซึ่งร่องรอย!” ชายวัยกลางคนในชุดเกราะทองคำกล่าวตอบ

ทหารผู้น้อยนายนี้ไม่กล่าวถึงเรื่องจับฉินหยุนคุมขัง เขาเป็นกังวลว่าจะถูกต่อว่ากล่าวโทษมากขึ้น

“เจ้าจงไปหาหมูตัวนั้นให้เจอ! เมื่อใดถึงเวลาสังเวยต่อจันทราทมิฬ พวกเราจำเป็นต้องใช้เลือดสัตว์สวรรค์อย่างเพียงพอ จริงด้วย เจ้าหาแกนกลางดวงดาวเจอหรือยัง? ที่เทือกเขาภายนอกแห่งนั้นสมควรหาได้ง่ายดาย!” เฉียหยิ่งกล่าวถาม

เมื่อเรื่องแกนกลางดวงดาวถูกยกขึ้นมา ในใจของทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินต่างสะดุ้ง ภูเขาผลึกแก้วนั้น เป็นแกนกลางดวงดาวของจริง

และนั่นก็อยู่ในครอบครองของฉินหยุน!

“พวกเรายังไม่พบเจอเบาะแสใดเลยขอรับ!” ชายชุดเกราะสีทองส่ายศีรษะ

ถึงตอนนี้ เย่ว์โยวได้ขมวดคิ้วกล่าวคำ “เฉียหยิ่ง ลูกน้องเจ้าช่างไร้ค่านัก! แกนกลางดวงดาวขนาดใหญ่โตเท่าภูเขา ทั้งยังมีอุปกรณ์ใช้ค้นหา เส้นทางก็เปิดไปนานแล้ว กระนั้นกลับยังหาไม่พบอีกอย่างนั้นหรือ?”

“ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้าต้องลงแรงไปมากเพื่อนำดวงดาวนั่นลงมา เจ้าสัญญาว่าจะเอาแกนกลางดวงดาวนั่นมาให้ได้ แล้วตอนนี้เล่า?”

“หากไม่มีแกนกลางดวงดาว พวกเราก็ไม่มีทางปลุกจันทราทมิฬขึ้นมาได้!”

เย่ว์โยวโกรธเกรี้ยวแล้ว!

เฉียหยิ่งแค่นเสียงกล่าว “จันทราทมิฬตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมข้า หาได้ใช่ของเจ้า ยังมีอันใดให้เจ้าต้องกังวล?”

เย่ว์โยวยิ่งมีโทสะ “ตราบเท่าที่คนของข้าจัดการคนของเจ้าในการแข่งขันได้ จันทราทมิฬก็ตกเป็นของข้าแล้ว! ถึงตอนนั้น จะเป็นเพราะลิ่วล้อไร้น้ำยาของเจ้าปล่อยให้สัตว์สวรรค์หนีหาย ทั้งยังไม่อาจหาแกนกลางดวงดาวมาได้!”

“ข้าย่อมมีสัตว์สวรรค์มากมาย หมูหายไปตัวหนึ่งหาได้มีความหมายใดไม่! ส่วนเรื่องแกนกลางดวงดาว นอกจากพวกเรา ยังจะมีผู้ใดเก็บมันไปได้? ด้วยไม่มีอุปกรณ์วิเศษเก็บของระดับอุปกรณ์เซียน มันไม่มีทางเก็บไปได้ ไม่ช้าอย่างไรก็ต้องถูกพบเจอ!”

เชี่ยวเสวียนฉินพลันต้องลอบหวาดกลัว เพราะฉินหยุนสามารถเก็บภูเขาผลึกแก้วแกนกลางดวงดาวนั้นได้ ตอนนี้นางค่อยได้ทราบ ว่าอุปกรณ์วิเศษเก็บของของฉินหยุน มันเป็นถึงอุปกรณ์เซียน!

เชี่ยวเสวียนฉินไม่พูดกล่าวคำใดต่อเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้น ฉินหยุนจะตกกลายเป็นเป้าหมาย

ฉินหยุนพอได้ทราบเรื่อง เขาบังเกิดความยินดีไม่รู้จบ

นั่นก็เพราะจันทราทมิฬยังไม่ได้ถูกครอบครองโดยผู้ใด!

ฉินหยุนติดต่อหาเหยาเฟิง บอกต่อนางถึงเรื่องราว

“ฉินหยุน นี่ถือเป็นข่าวดี! หากข้าคาดเดาไม่ผิด จันทราทมิฬนั้นสมควรซ่อนตัวอยู่ที่ใจกลางดวงจันทราจำแลง!” เหยาเฟิงเผยเสียงตื่นเต้น “หากเจ้าสามารถคว้ามันมา เช่นนั้นมันจะมีบทบาทสำคัญแก่เจ้าอย่างมหาศาล!”

ฉินหยุนไม่กล่าวคำใด เขาเร่งรีบใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวงลงสู่พื้นดิน

เบื้องบน เย่ว์โยวและเฉียหยิ่งกำลังส่งคนขึ้นประลองต่อกัน

“พี่สาวเหยาเฟิง ข้ามีแกนกลางดวงดาวก็ใช่ ทว่าไม่มีโลหิตสัตว์สวรรค์!” ฉินหยุนกล่าว

“เหตุใดเจ้ายังต้องการโลหิตสัตว์สวรรค์? เจ้าสามารถคว้าจันทราทมิฬมาง่ายดายโดยอาศัยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!” เหยาเฟิงกล่าว “หากไม่ได้ผล เช่นนั้นให้พี่ชายหมูของเจ้าหลั่งเลือดสักหน่อยจะเป็นไรไป!”

ฉินหยุนสำรวจมองทางหมูราชันสวรรค์ในไข่มุกเม็ดที่สอง อีกฝ่ายหลับไปแล้ว

เขานึกย้อนถึงสิ่งที่หมูราชันสวรรค์กล่าว เขาจงใจให้เย่ว์โยวเข้ามายังที่แห่งนี้ เพื่อให้นางได้ฝึกฝนร่างศักดิ์สิทธิ์จันทราทมิฬและใช้งานจันทราทมิฬ กระนั้น เย่ว์โยวกลับทำพลาดจนไม่อาจได้รับจันทราทมิฬ

ฉินหยุนบอกเรื่องเย่ว์โยวต่อเหยาเฟิง

เหยาเฟิงพอได้ฟัง นางพบว่าเรื่องราวบังเอิญจนเกินไปจึงกล่าวออก “เจ้าอย่าได้ห่วงหาเรื่องเย่ว์โยวแล้ว! ตัวเจ้าตอนนี้ต่างหากที่ต้องเร่งรีบเพิ่มพูนการฝึกฝน และเย่ว์โยวก็เป็นราชันเซียนที่ทรงอำนาจ ต่อให้พลังของนางถูกผนึกเอาไว้ นางก็ยังเป็นเซียนที่ทรงอำนาจ!”

“เจ้าควรไปคว้าเอาจันทราทมิฬนั่นมาก่อนแล้วค่อยพูดกล่าวถึงเรื่องอื่น!”

ฉินหยุนใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวง มุ่งหน้าไปยังใจกลางของดวงจันทราจำแลง

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดฉินหยุนค่อยมาถึงที่ใจกลางของดวงจันทราจำแลง

ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง มันมีไข่มุกสีดำสนิทกว้างกว่าสิบเมตรอยู่ภายในห้องนี้ และที่พื้นผิวของมัน ก็มีอักขระสีขาวปรากฏคงอยู่

“โทเทมจันทรา? แต่ไม่เห็นคล้าย!” ฉินหยุนอุทาน

“เป็นโทเทมจันทราทมิฬ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “นี่เป็นของดีล้ำ!”

ฉินหยุนคิดอยากให้เหยาเฟิงออกมา กระนั้นนางเป็นกังวลว่าจะถูกเย่ว์โยวและเฉียหยิ่งพบเจอ ดังนั้นจึงไม่ออกมา

“เฉียหยิ่งคือผู้ใต้บัญชาของจักรพรรดิเซียน ข้าไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่นี่ คาดว่ามันมาที่นี่ก็เพื่อฉกชิงเอาจันทราทมิฬไป!” เหยาเฟิงแค่นเสียงเย็นเยียบ “เย่ว์โยวช่างโง่เง่า โอกาสได้เข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬหาพบพานได้ยาก ผ่านไปหนึ่งหมื่นปี นางก็ยังไม่อาจยื่นมือเข้าถึงจันทราทมิฬได้!”

“พี่สาวเหยาเฟิง หมายความถึงเพราะข้าจัดฉากใส่ร้ายต่อเย่ว์โยว ทำให้นางมีโอกาสได้ถูกผนึกในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬงั้นหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม

“ถูกต้อง! นี่ต้องเป็นการจงใจทำดีแก่นาง กระนั้นนางกลับไม่อาจคว้าจันทราทมิฬมาครอบครองได้!” เหยาเฟิงเองก็พบว่าแปลก เพราะเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬหาได้ถูกผนึกโดยสมบูรณ์ ชัดเจนว่าต้องมีคนหลงเหลือเส้นทางเข้าออกเอาไว้

ย้อนกลับไปตอนนั้น ผู้คนที่ทำเรื่องเช่นนั้นได้มีน้อยนิด ฉินหยุนในชาติภพก่อนคือหนึ่งในนั้น เพราะฉินหยุนในชาติภพก่อน คืออาจารย์จารึกที่ทรงอำนาจ

ฉินหยุนมองทางทรงกลมสีดำทึบใหญ่ยักษ์ เขาเบะปากกล่าวคำ “นี่คือจันทราทมิฬ? ดูไปเล็กยิ่ง ข้าจะคว้ามันมาได้อย่างไร?”

เหยาเฟิงกล่าว “เจ้าไม่ใช่บอกหรือว่าก่อนหน้านี้ได้รับภูเขาผลึกแก้วมา? ไม่ใช่ว่าในภูเขาผลึกแก้วมีไข่มุกอยู่หรอกหรือ? ไข่มุกนั่นคือจิตวิญญาณจันทราทมิฬ หลังจันทราทมิฬดูดกลืนมันเข้าไป เจ้าก็สามารถได้รับมันมา!”

หลิงหยุนเอ๋อร้องโพล่งยินดี “เสี่ยวหยุน ข้าจะคว้าเอาจันทราทมิฬนี้มาให้สำเร็จ!”

ฉินหยุนจึงปลดปล่อยภูเขาผลึกแก้วออกมา

ใจกลางดวงจันทราจำแลงกว้างใหญ่ ปล่อยภูเขาออกมาสักหลายลูกก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ภูเขาผลึกแก้วเมื่อออกมาแล้ว ไข่มุกสีขาวภายในภูเขาพลันกะพริบส่องลำแสงทะยานออก มันพุ่งเข้าหาจันทราทมิฬ

จันทราทมิฬที่ก่อนหน้าคล้ายไร้ซึ่งชีวิต หลังได้ดูดกลืนจิตวิญญาณจันทราทมิฬ มันเริ่มหมุนวน

ด้วยไม่มีจิตวิญญาณจันทราทมิฬ ฉินหยุนสามารถเก็บภูเขาผลึกแก้วได้อย่างง่ายดาย นั่นคืออาหารอันโอชะแก่จอมราชันดวงดาวอสูร

“ถึงคราวข้าแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะดัง “จันทราทมิฬน้อยที่รัก เร่งรีบลงหม้อให้พี่สาวได้ตักกินแล้ว!”

หลิงหยุนเอ๋อควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ปลดปล่อยพลังออกจากแก่นเต๋าตะวันทมิฬ

แก่นเต๋าตะวันทมิฬทำงานเต็มที่ มันกำลังปลดปล่อยพลังอำนาจการกลืนกินรุนแรงออกมา

จันทราทมิฬเริ่มบิดเบี้ยว จากนั้นจึงแปรสภาพเป็นเส้นสายออร่าพลัง ก่อนจะไหลเข้าไปยังหน้าท้องของฉินหยุน

จันทราทมิฬขนาดใหญ่ยักษ์ปลดปล่อยหมอกสีดำออกมา หลังถูกฉินหยุนดูดกลืนไปเรื่อย ขนาดของมันก็มีแต่จะหดเล็กลง

เช่นนี้ จันทราทมิฬจึงเข้าไปอยู่ในแก่นเต๋าตะวันทมิฬของฉินหยุนทีละเล็กน้อยด้วยอาการอันสงบ

“หยุนเอ๋อ ไม่ใช่ว่าแก่นเต๋าตะวันทมิฬของข้าเป็นสิ่งท้าทายสวรรค์ประการหนึ่งหรือไร? สิ่งที่เล็กเช่นนี้ ถึงขั้นดูดกลืนจันทราทมิฬได้ทั้งดวง!” ฉินหยุนกล่าวอย่างอึ้งทึ่ง

“จันทราทมิฬนี้ต่างหากจึงเล็ก! ยิ่งไปกว่านั้น ตะวันทมิฬสามารถกระทั่งกลืนกินเก้าดวงตะวัน ครานี้เจ้าค่อยได้ทราบแล้วกระมัง ว่าจันทราทมิฬนี้เล็กจ้อยเพียงใด?” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะอย่างสุขใจ

ฉินหยุนไม่ทราบว่าผลประโยชน์ใดที่จันทราทมิฬจะนำพามาให้ ทั้งหมดที่เขาทราบ ก็เพียงแต่มันเป็นของดี ได้รับมาอย่างไรก็มีแต่เรื่องดี

ฉินหยุนอยู่อย่างสบายใจที่ใจกลางดวงจันทราจำแลง ขณะที่บนพื้นผิว เวลานี้เกิดการศึกตึงเครียดกำลังดำเนิน

“ราชันยุทธ์ จักรพรรดิยุทธ์ และครึ่งเซียน แม้ฝ่ายเราแข็งแกร่ง ทว่าจำนวนน้อยเกินไปนัก! พวกมันจะเล่นสับเปลี่ยนคนไปเรื่อยจนพวกเราไม่มีแรงเหลือให้ชนะ!” หยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเบา

“หากพวกเราไม่อาจชนะ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ชนะ แม้ว่าจันทราทมิฬเป็นของเฉียหยิ่ง มันก็ไม่มีจิตวิญญาณจันทราทมิฬที่อยู่ภายในแกนกลางดวงดาว อย่างไรมันก็ไม่มีวันได้รับ!” เย่ว์โยวก่ลาวเสียงเบา “ข้าอยู่ที่นี่มานานหลายปี ทั้งยังได้ควบคุมสถานที่แห่งนี้หลายครั้งครา กระนั้นก็ยังไม่มีวิธีคว้าเอาจันทราทมิฬนั้นมาครอง!”

“เย่ว์โยว เจ้ามีวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ เจ้าทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือ?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม

“ข้าไม่อาจกลืนกินจันทราทมิฬ!” เย่ว์โยวกล่าวอย่างโกรธเคือง “ตัวสารเลวนั่นใส่ร้ายข้า กักขังข้าเอาไว้ในสถานที่บัดซบเช่นนี้ ข้ายอมรับว่าที่นี่มีจันทราทมิฬที่ยอดเยี่ยม กระนั้นข้ากลับไม่อาจทำอันใดกับมันได้!”

เชี่ยวเสวียนฉินพอได้ยิน นางขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นก็กระจ่างชัดแล้วว่าฉินหยุนจงใจให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้

“ข้าต้องกล่าวโทษความโง่เขลาของท่านแล้ว! หากเป็นเสี่ยวหยุนที่เข้ามา เขาย่อมสำเร็จไปนานนับแล้ว!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มบางกล่าวคำ

“อย่าได้กล่าวถึงตัวบัดซบผู้นั้น! มันคือผู้ที่ทำให้ข้ายั่วยุศัตรูไปทั่ว ทำให้ข้าต้องถูกกักขังไว้ที่นี่นานนับหมื่นปี หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงสังหารมันทิ้งไปแล้ว!” เย่ว์โยวยิ่งกราดเกรี้ยว “ข้ายอมรับ ว่าตัวบัดซบนั่นมีความสามารถน่าทึ่ง แต่ต่อให้เป็นมัน ก็ไม่มีทางลงมือได้สำเร็จ!”

เปาเฉิงโฉ่ว แม่เฒ่าหยุนเหยา รวมถึงเจี้ยนสือเทียนและคณะ พวกเขาต่างหมดแรงจากการต่อสู้

ไม่มีผู้ใดในฝ่ายเย่ว์โยวที่สามารถขึ้นลานประลอง นางพ่ายแพ้แล้ว!

“เย่ว์โยว ครั้งจักรพรรดิเซียนยินยอมผนึกเจ้าเอาไว้ นั่นก็เป็นการกระทำเพื่อให้การส่งข้าเข้ามาเป็นไปอย่างสะดวก เพื่อที่พวกเราจะได้ยึดครองจันทราทมิฬ! ผ่านมานานหลายปี ในที่สุดข้าก็ใกล้จะทำได้สำเร็จแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!” เฉียหยิ่งหัวเราะดังออกจากใจ

“เฉียหยิ่ง เจ้ามีจันทราทมิฬแล้วอย่างไร? ตัวเจ้าไม่อาจออกไป! ตราบเท่าที่ก้าวขึ้นเป็นเซียน ผู้นั้นจะไม่อาจออกไปจากโลงศพสีเงินได้พ้น! มีแต่ข้าจึงทราบว่าทางออกอื่นนั้นอยู่ที่ใด!” เย่ว์โยวหัวเราะดัง “หากเจ้าคิดอยากออกไป จงมอบจันทราทมิฬแก่ข้า ไม่เช่นนั้น เจ้าก็มีแต่ต้องอยู่ที่นี่!”

“ว่าอะไร? โลงศพสีเงินนั่นไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงงั้นหรือ?” เฉียหยิ่งร้องตะโกน

“นั่นไม่ใช่ทางออกสำหรับเซียนเช่นพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่ว์โยวยิ่งหัวเราะดัง

“ทางออกอื่นอยู่ที่ใด?” เฉียหยิ่งมีโทสะ “เจ้าถึงขั้นกล้าลวงหลอกต่อข้า! บอกข้าว่าโลงศพสีเงินนั่นเป็นทางออก!”

“ไม่ใช่ว่าลูกน้องเจ้าก็ออกไปได้หรือ? ข้าหาได้หลอกเจ้าแม้สักนิด!” เย่ว์โยวแค่นเสียง

“บัดซบ!” เฉียหยิ่งคิดอยากสังหาร กระนั้นเขาทราบ ว่ากำลังตนเองแทบทัดเทียมเย่ว์โยว เขาไม่มีทางเอาชนะนางได้โดยไม่สูญเสีย

ถึงตอนนี้เอง ฉินหยุนออกมาจากใจกลาง หลังได้รับฟังบทสนทนา เขาจึงกล่าวภายใน “ตัวเราในชาติภพก่อนย่อมต้องบอกถึงทางออกแท้จริงแก่เย่ว์โยว ทว่าเหตุใดสตรีนางนี้เกลียดชังเรานัก?”

“ไปกันได้แล้ว!” เย่ว์โยวเผยยิ้มเย็นนำเจี้ยนสือเทียนและคณะจากไป

เจี้ยนสือเทียน เปาเฉิงโฉ่ว และกลุ่มคนที่ต่อสู้ให้แก่เย่ว์โยวย่อมได้รับรางวัลตามที่ตกลงกันเอาไว้

เย่ว์โยวบินไปไกลพร้อมกลุ่มคน เฉียหยิ่งได้แต่รับชมด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ฉินหยุนจึงใช้โอกาสนี้ ส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเชี่ยวเสวียนฉิน “ป้าเชี่ยว ข้าฉินหยุนเอง! เมื่อใดท่านไป รบกวนลอบทิ้งสัญลักษณ์ไว้ด้วย ข้าคิดอยากไปยังรังของนางเฒ่าเย่ว์โยวนั่น!”

เชี่ยวเสวียนฉินพอได้รับฟัง นางลอบตื่นตะลึง เพราะนางไม่คิด ว่าฉินหยุนจะมาถึงที่นี่ได้อย่างเงียบงัน

นางย่อมตอบรับฉินหยุน พร้อมบอกทิศทางแก่เขาโดยคร่าว

“เย่ว์โยวเอ๋ย เย่ว์โยว เจ้าไม่อาจทำเรื่องราวได้สำเร็จแม้ผ่านไปหมื่นปี กลับต้องให้ข้ามาทำให้สำเร็จในเวลาอันสั้น ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเจ้า ยังกล้าดีคิดร้ายต่อข้าอีกอย่างนั้นหรือ!” ฉินหยุนคันที่หัวใจคิดอยากเกา เขาลักลอบออกจากพระราชวังมุ่งหน้าสู่ฐานที่มั่นของเย่ว์โยว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด