ตอนที่แล้วGE459 ยิ่งกว่าตบหน้า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE461 ขวดเพลิง [ฟรี]

GE460 ดูดกลืนเพลิง [ฟรี]


หนิงฝานในยามนี้แผ่กลิ่นอายของนักปรุงโอสถชั้นสูง

เขาเปรียบเหมือนหยกที่ผ่านการเจียระไนมานับร้อยปี ทำให้กลายเป็นหยกที่สมบูรณ์

หนิงฝานหันมองไปรอบๆเวที พบฝูไป๋ที่เร่งเข้ามาต้อนรับ พบหยางกู่ศิษย์ของเขาที่คารวะด้วยความเคารพ และพบหยุนเนี่ยนซูที่ป้องมือให้ด้วยความนับถือ

นอกจากหยางกู่แล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5

แต่หยางกู่เองก็คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้ ทั้งยังมีจิตวิญญาณสมุนไพรที่ทรงพลังมากพอที่จะขู่ขวัญนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ได้

ยามนี้ทุกคนได้รู้แล้วว่าหนิงฝานไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเดียว เต๋าแห่งโอสถของเขาเองก็ไม่ธรรมดา

คนของวังสวรรค์แดงทั้ง 5 อับอายจนต้องเร่งลงจากเวที พวกมันไม่กล้ายั่วยุหนิงฝานอีก

หวางถิงสื่อตกตะลึง ก่อนหน้านี้มันได้ยินหยางกู่เล่าให้ฟังว่าหนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถชั้นยอด จึงแนะนำให้เข้าร่วมกับเกาะโอสถ แต่ยามนั้นมันปฏิเสธ

ไม่ใช่ว่ามันไม่เชื่อสิ่งที่หยางกู่กล่าว แต่มันไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5

ไม่แปลกที่มันจะไม่เชื่อ แต่ตอนนี้มันได้รู้แล้วว่า เต๋าแห่งโอสถของหนิงฝานเหนือชั้นกว่ามันเสียด้วยซ้ำ

ยี่หยวนสื่อจิตใจปั่นป่วน ก่อนหน้านี้ที่เข้าร่วมกับตระกูลซัว มันไม่หวั่นเกรงผู้ใด แม้จะเป็นโม่ฉุยที่เป็นนักปรุงโอสถในระดับเดียวกัน มันก็ไม่หวั่นไหว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณสมุนไพรที่น่าเกรงขามของหนิงฝาน มันสัมผัสได้ทันทีว่าจิตวิญญาณสมุนไพรของมันด้อยกว่ามาก

“เด็กนั่นยังไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 แต่เป็นผู้ที่บรรลุถึงจุดสูงสุดของนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 มิน่าหลายๆคนถึงไม่อยากเป็นศัตรูกับมัน”

โม่ฉุ่ยที่ตกตะลึงสงบใจแล้วนั่งลง สีหน้าแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ซัวหมิง เจ้าไม่ธรรมดา จิตวิญญาณสมุนไพรแข็งแกร่ง ถึงในที่นี่เจ้ามีจิตวิญญาณสมุนไพรที่แข็งแกร่งที่สุด… แต่วิชาปรุงโอสถไม่ได้อิงกับจิตวิญญาณสมุนไพร!”

เมฆห้าสีค่อยๆสลายไป หนิงฝานมุ่งหาสตรีของตนโดยมีหยางกู่และหยุนเนี่ยนซูติดตามไป

“คารวะอาจารย์ นานแล้วที่ไม่ได้พบท่าน วิชาปรุงโอสถของท่านก้าวหน้าไปมาก ข้านับถือในตัวท่านมาก!” หยางกู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น และหนิงฝานพยักหน้าให้เล็กน้อย

“ข้าหยุนเนี่ยนซูแห่งวังสวรรค์ลึกล้ำ คารวะท่านซัว” หยุนเนี่ยนซูป้องมือพลางกล่าว

“วังสวรรค์ลึกล้ำ...” หนิงฝานขบคิด ครั้งหนึ่งหยุนเนี่ยนซูเคยชวนเขาไปยังเกาะโอสถ แต่เขาปฏิเสธ

ตอนนี้สถานะของเขาเปลี่ยนไป กลายเป็นผู้อาวุโสแห่งวังสวรรค์เช่นกัน… วังสวรรค์ลึกล้ำและวังสวรรค์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การที่หยุนเนี่ยนซูออกหน้ากล่าวปกป้อง ทำให้หนิงฝานรู้สึกขอบคุณ

ทั้ง 3 พูดคุยกันโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวังสวรรค์และเกาะโอสถ เพราะหนิงฝานสนใจเข้าร่วมกับเกาะโอสถ เพื่อที่จะได้ใช้ทรัพยากรของที่นั่น

เขาอยากใช้สระล้างวิญญาณของเกาะโอสถ ยกระดับจิตวิญญาณสมุนไพร เพื่อเตรียมทะลวงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หยางกู่ได้แต่ตำหนิตนเองที่ไม่อาจช่วยหนิงฝานให้เข้าร่วมเกาะโอสถตามที่ได้รับปาก แต่หนิงฝานรู้ว่าเกาะโอสถปฏิเสธเพราะยังไม่รู้ถึงวิชาการปรุงโอสถของเขาจริงๆ หากเขาแสดงฝีมือต่อหน้าพวกมัน และพวกมันยังปฏิเสธ พวกมันย่อมไม่ต่างจากคนตาบอด

หลังจากหนิงฝานและนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 คนอื่นๆปรากฏตัว ผู้ที่ได้รับการทดสอบคนอื่นๆก็ไม่ได้สร้างเสียงฮือฮาแล้ว

หนิงฝานเฝ้ามองการทดสอบ เขาไม่เห็นคุณชายของเผ่าเนตรปีศาจมา ดูเหมือนมันจะหวาดกลัวกษัตริย์โอสถมาก

หลังจากผ่านไป 1 วัน การทดสอบรอบแรกก็สิ้นสุดลง... การทดสอบในรอบที่ 2 จะจัดขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า

หนิงฝานกลับที่พักกับสตรีของตน และบอกเล่าเหตุการณ์ในช่วง 1 เดือนก่อนที่เขาหายตัวไปกับพวกนาง

เมื่อเหล่าสตรีแยกย้ายกันไปพัก หนิงฝานก็เดินออกไปนอกบ้าน ยืนรับลมหนาวและหิมะที่โปรยปรายเพียงลำพัง

คำสอนของกษัตริย์โอสถ ความห่วงใยผู้เป็นอาจารย์ และความรู้สึกต่างๆที่ได้รับ อัดแน่นอยู่ภายในจิตใจของเขา

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 6... ขอบเขตไร้ดัดแปลง… ขอบเขตกายทองคำ… ทั้งหมดนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่การที่จะได้สิ่งเหล่านั้น เขาก็ต้องสูญเสียไม่น้อยเช่นกัน เขาต้องทนอยู่กับความเดียวดาย ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

“ข้าคือผู้ฝึกตน...” หนิงฝานได้ทิ้งข้อความไว้ในแผ่นหยกเพื่อบอกกล่าวสตรีของตน ก่อนที่เขาจะเข้าสู่โลกเย่าหยวนและโลกหยิน

มู่เหว่ยเหลียงยังคงหลับไหลอยู่ภายในโลงศพอย่างสงบ หลัวโยว่เองก็พักผ่อนอยู่ภายในบ้านของนาง

หนิงฝานสงบใจแล้วเริ่มฝึกฝนวิชาที่กษัตริย์โอสถถ่ายทอดให้ วิชาดวงจิตต่อสู้เหมาะกับการเป็นวิชาป้องกันตัวของนักปรุงโอสถ ซ้ำยังสังหารศัตรูได้เช่นกัน

เขาไม่ได้ทุ่มเทฝึกฝนวิชาดวงจิตต่อสู้มากนัก แค่ฝึกเอาไว้พอป้องกันตัวได้

วิชาดวงจิตต่อสู้แบ่งออกเป็น 36 ขั้น ซึ่งขั้นแรก หนิงฝานสามารถเปล่งอานุภาพของมันได้เทียบเท่าการจู่โจมเต็มกำลังของขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด

เมื่อผ่านไป 3 วันของโลกภายนอก หนิงฝานบรรลุวิชาดวงจิตต่อสู้ขั้น 3 ซึ่งทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นเต็มกำลัง

เมื่อฝึกวิชาสำเร็จ เขาก็กลับออกไปยังโลกภายนอก มุ่งหน้าไปยังเวทีแข่งขัน ซึ่งสตรีของเขาก็รออยู่ที่นั่นแล้ว

ในรอบแรกมีนักปรุงโอสถเข้ารับการทดสอบ 5000 คน ยามนี้ถูกคัดเหลือเพียง 1500 คน

ส่วนรอบที่ 2 นี้ ก็จะมีนักปรุงโอสถจำนวนมากถูกคัดออกเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น หากนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 คนใดแสดงฝีมือได้ถูกใจ ขุมกำลังมากมายก็พร้อมที่จะเทียบเชิญไปเป็นนักปรุงโอสถของตน ดังนั้นรอบนี้ จึงกล่าวได้ว่าเป็นรอบที่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 จะได้แสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถ

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันยังเวทีแล้ว เหล่าองครักษ์ของเผ่าปีศาจยักษ์ก็นำทั้งหมดไปยังหุบเขานอกเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกเตรียมเอาไว้เป็นสถานที่แข่งขันรอบสอง

สถานที่แห่งนี้มีปราณหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะมีข่ายอาคมที่คอยดูดซับปราณจากภายนอกเข้ามา ทำให้การปรุงโอสถจะเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า

ภายในหุบเขามีโต๊ะหยกขนาดเล็กถูกจัดเอาไว้ร่วม 1500 โต๊ะ ซึ่งพอดีกับจำนวนของนักปรุงโอสถ

หนิงฝานยืนประจำโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีสมุนไพร 1000 ปีอยู่ 2 ชนิด

หนิงฝานหันมองไปรอบๆ ยี่หยวนสื่อและหวางถิงสื่อยิ้มตอบ แต่โม่ฉุยกลับยิ้มด้วยใบหน้าที่เย็นชาพลางกล่าว “วิชาปรุงโอสถของท่านหมิงสมควรไม่ธรรมดา… ข้าคงต้องขอคำชี้แนะเป็นพิเศษ”

“ด้วยความยินดี...” หนิงฝานพยักหน้า แล้วทั้งสามก็เดินเข้ามาจับจองโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆหนิงฝาน

การท้าประลองวิชาระหว่างนักปรุงโอสถเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ หากอีกฝ่ายมีเจตนาดีหนิงฝานก็ยินดี แต่หากอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย...

หนิงฝานคิด หากโม่ฉุยกล้าหาเรื่องเขา เขาก็พร้อมที่สั่งสอนมัน

รอบๆหุบเขาได้จัดเป็นที่ชมการแข่งขัน ให้ผู้คนได้เห็นนักปรุงโอสถแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มาล้วนอยากเห็นทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝาน

หนิงฝานครอบครองจิตวิญญาณสมุนไพรที่ทรงพลัง เป็นศิษย์ของกษัตริย์โอสถครึ่งหนึ่ง ดังนั้นผู้คนจึงคาดหวังที่จะได้เห็นหนิงฝานแสดงฝีมือ

ในระหว่างนั้นเอง ฝูไป๋กระแอมขึ้นก่อนกล่าว

“ในการทดสอบรอบที่ 2 นี้ จะเป็นการทดสอบความเร็วในการเผาสมุนไพรของทุกท่าน เบื้องหน้าพวกท่านคือสมุนไพร 1000 ปี 2 ชนิด… ให้พวกท่านเลือกเผาพวกมันเพียง 1 ชนิด ส่วนอีกชนิดเอาไว้สำรองเผื่อล้มเหลว หากพวกท่านเผาสมุนไพรล้มเหลวถึง 2 ครั้ง ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันที”

“เงื่อนไขอีกอย่าง คือหากท่านใดใช้เวลาเผาสมุนไพรมากกว่า 2 ชั่วยามและชำระสมุนไพรได้ไม่ถึง 10 ครั้ง ผู้นั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์เช่นกัน”

“เริ่มการแข่งขันได้!”

เมื่อสิ้นสุดคำประกาศ นักปรุงโอสถก็เริ่มนำกระถางปรุงโอสถของตนออกมาแล้วใส่สมุนไพรลงไป

สำหรับนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 การจะเผาสมุนไพรโดยใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วยามนั้น เป็นเรื่องที่ยาก ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เองก็ยังยากที่จะทำได้

แต่หากเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 การเผาสมุนไพร 1000 ปีไม่ใช่เรื่องยาก

*ตึง ตึง ตึง...*

รอบข้างหนิงฝาน นักปรุงโอสถ 17 คนนำกระถางโอสถขนาดใหญ่ของตนออกมา ใส่สมุนไพรแล้วถ่ายเพลิงที่รุนแรงเข้าไปภายใน จนทำให้ผู้ชมเปล่งเสียงอุทาน

“ดูนั่น! นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นต้น… หวู่เฉิน เขาใช้เจตจำนงค์เทพระดับ 8 สร้างกระถางโอสถ”

“ทางนั้น! องครักษ์แห่งแคว้นขนนก เขาเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นกลาง เพลิงที่เขาใช้เป็นเพลิงระดับ 4 ที่ผสานเข้าด้วยกันถึง 9 ชนิด ทำให้อานุภาพของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลิงชีพจรพิภพเลย!”

“ไม่ธรรมดาจริงๆ!”

“ดูนั่น เพลิงชีพจรพิภพ! คนผู้นั้นใช้เพลิงชีพจรพิภพอันดับ 11 เพลิงกระดูกขาว? ไม่ใช่… นั่นแค่กระจุกของเพลิงชีพจรพิภพเท่านั้น แต่นั่นก็หายากมากแล้ว”

เสียงอุทานของผู้คนทำให้หนิงฝานขมวดคิ้ว สมแล้วที่เป็นงานปรุงโอสถ เป็นแหล่งรวมตัวของนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จำนวนมาก การที่ได้เห็นเพลิงชีพจรพิภพก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพียงแต่ นอกจากหนิงฝานแล้ว ยังไม่มีผู้ใดที่มีกระถางโอสถแก่นชีวิต

หวางถิงสื่อยิ้ม ยื่นมือไปเบื้องหน้า กระตุ้นเจตจำนงค์เทพเพลิง ก่อตัวเป็นกระถางปรุงโอสถ

เจตจำนงค์เทพของมันอยู่ระดับ 8 แต่เมื่อผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้เจตจำนงค์เทพบรรลุระดับ 7 และนั่นก็ทำให้ผู้คนเปล่งเสียงอุทานอีกครั้ง

“ข้าได้เผยกระถางขัดเกลาของตนแล้ว เชิญสหายเต๋าทั้ง 3 แสดงกระถางขัดเกลาของตนเถอะ”

“ย่อมได้!” ยี่หยวนสื่อยิ้มพลางกล่าว แววตาเปล่งประกาย ยื่นมือไปเบื้องหน้า เจตจำนงค์ก่อตัวเป็นกระถางขัดเกลาสีเหลืองขนาดใหญ่ ดูแล้วน่าจะเกิดขึ้นจากเจตจำนงค์เทพระดับ 7 เช่นเดียวกัน

งานปรุงโอสถในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาสำหรับผู้คนมาก การที่ได้เห็นเจตจำนงค์เทพระดับ 7 ของนักปรุงโอสถถึง 2 คนก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

หนิงฝานพยักหน้า เจตจำนงค์เทพของหวางถิงสื่อและยี่หยวนสื่อไม่ธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ทั่วๆไปจะมีในครอบครอง

โม่ฉุยเย้ยหยัน “เจตจำนงค์ระดับ 7 ไม่นับเป็นอันใด… ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะภาคภูมิใจได้… กระถางขัดเกลาปรากฏ!”

โม่ฉุยยื่นมือไปเบื้องหน้า เจตจำนงค์เทพที่ทรงพลังยิ่งกว่า ก่อตัวเป็นกระถางปรุงโอสถสีทองขนาดยักษ์

การปรากฏตัวของมันทำให้สีหน้านักปรุงโอสถจำนวนมากแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“เจตจำนงค์เทพระดับ 6! โม่ฉุยทะลวงเจตจำนงค์เทพระดับ 6 ได้!”

“ไม่ใช่แค่นั้น เพลิงที่มันใช้ก็ทรงพลังมาก ดูนั่น!”

ที่ปลายนิ้วทั้งสามของมันปรากฏเปลวเพลิง 3 สาย ผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีทองบริสุทธิ์ ถ่ายเข้าไปภายในกระถางขัดเกลา

ผู้ชมการแข่งขันจ้องกระถางปรุงโอสถของโม่ฉุยไม่วางตา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความอัศจรรย์ใจ หากพวกมันเข้าใจไม่ผิด เพลิงของโม่ฉุยคือเพลิงชีพจรพิภพ 3 ชนิดผสานกัน อำนาจของมันเทียบเท่าเพลิงระดับ 6

“เป็นไปไม่ได้! เจ้ามีเพลิงชีพจรพิภพ 3 ชนิดได้ยังไง?” หวางถิงสื่อและยี่หยุนสื่อไม่อยากเชื่อสายตา หยุนเนี่ยนซูที่อยู่ไกลออกไปก็กล่าวขึ้นด้วยโทสะ

“กษัตริย์พิรุณสั่งว่า เพลิงชีพจรพิภพ 3 ชนิดนั้นให้ฝากไว้ที่วังสวรรค์แดงชั่วคราว เพื่อจะได้มอบให้ซัวหมิงในอนาคต แต่เจ้ากลับบังอาจครอบครองมัน!”

“หยุนเนี่ยนซู ระวังปากเจ้าด้วย! ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ แต่เจ้าก็เป็นได้แค่ผู้อาวุโส ส่วนข้าเป็นจ้าววัง เจ้าสมควรรู้จักสถานะของตนบ้าง!”

โม่ฉุยเย้ยหยัน ตัวมันในฐานะที่เป็นจ้าววังสวรรค์ รับหน้าที่ปกป้องเพลิงชีพจรพิภพทั้ง 3… มันได้รับคำสั่งจากหยุนจิงหงว่า จนกว่าจะได้มอบเพลิงให้หนิงฝาน มันสามารถนำมาใช้ได้ เพราะกว่าหนิงฝานจะเดินทางไปยังแคว้นกลาง และทำภารกิจของกษัตริย์พิรุณใshลุล่วง ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกกี่ปี เหตุใดมันจะเอามาใช้ก่อนไม่ได้

เพลิงระดับ 6 เป็นเพลิงที่เหนือกว่านักปรุงโอสถทุกคน แม้เป็นหวางถิงสื่อและยี่หยวนสื่อก็ต้องยอมสยบ

โม่ฉุยหันมองหนิงฝานพลางกล่าว “การปรุงโอสถไม่ได้ใช้เพียงจิตวิญญาณสมุนไพรที่แข็งแกร่ง วิชาและเพลิงก็ต้องทรงพลังด้วยไม่แพ้กัน… ในวันที่เจ้าสังหารท่านหยาน เจ้าใช้เพลิงทมิฬสินะ? เจ้าเป็นตัวแทนของวังสวรรค์ ส่วนข้าเป็นตัวแทนของวังสวรรค์แดง ทำไมเจ้าไม่นำกระถางปรุงโอสถและเพลิงออกมาแสดงหล่ะ ว่าจะเหนือกว่าวังสวรรค์แดงของข้าหรือเปล่า?”

หยุนจิงหงและหยุนเทียนเฉวเป็นเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่อาจเข้ากันได้ ทั้งสองต่างสร้างวังสวรรค์เป็นของตน และขัดแย้งกันเรื่อยมา

แม้จะกล่าวว่าเป็นขุมกำลังฝ่ายธรรมะ แต่หลายๆสิ่งของพวกมันก็ยังด้อยกว่าฝ่ายอธรรม

หนิงฝานจ้องมองเพลิงและกระถางปรุงโอสถของโม่ฉุย เพลิงที่มันใช้คือ เพลิงเผาวิญญาณ จัดอยู่ในอันดับ 10… เพลิงร้อยหญ้า จัดอยู่ในอันดับ 6 เป็นเพลิงที่เหมาะกับการปรุงโอสถที่สุด

สุดท้ายคือเพลิงทองคำที่จัดอยู่ในอันดับสอง เป็นเพลิงที่สามารถป้องกันร่างกายได้เป็นอย่างดี

“หรือคนวังสวรรค์อย่างเจ้าจะกลัวจนหัวหด ไม่กล้าแสดงกระถางปรุงโอสถและเพลิงออกมา!” โม่ฉุยเย้ยหยัน

*ตึง!*

หนิงฝานไม่สนใจโม่ฉุย เขายื่นมือไปเบื้องหน้า หิมะที่โปรยปรายในรัศมีแสนลี้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ

หิมะเหล่านั้นร่วงหล่นลงมาเบื้องหน้าหนิงฝาน ก่อตัวเป็นกระถางปรุงโอสถสีดำขนาดยักษ์ แม้กระถางปรุงโอสถจะไม่ได้งดงามและสมบูรณ์แบบ แต่มันก็เป็นกระถางที่หนิงฝานจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

การปรากฏขึ้นของกระถางปรุงโอสถของหนิงฝาน ทำให้นักปรุงโอสถทุกคนนิ่งอึ้ง โดยเฉพาะโม่ฉุย เพราะกระถางปรุงโอสถสีทองงดงามของมันเกิดรอยร้าวมากมายเพราะอานุภาพที่กระถางปรุงโอสถของหนิงฝานเปล่งออกมา

กระถางปรุงโอสถของเขาเป็นสิ่งที่กษัตริย์โอสถช่วยสร้าง มันจึงทรงพลังเหนือว่ากระถางปรุงโอสถทั่วไป

“นั่นมันเจตจำนงค์ระดับไหน? แล้วกระถางปรุงโอสถนั่นอยู่ระดับไหนกันแน่!” โม่ฉุยตกตะลึง

มันไม่เคยเห็นกระถางขัดเกลาของผู้ใดมีอำนาจมากพอที่จะทำลายกระถางขัดเกลาของผู้อื่น

ยามนี้หนิงฝานไม่จำเป็นต้องปิดบังเพลิงและเจตจำนงค์เทพของตนอีก ด้วยสถานะ ด้วยพลังและความแข็งแกร่ง

เขาไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ผู้ใด

“เพลิง!”

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง มังกรทมิฬขนาดเล็กทั้ง 9 ตัวปรากฏ พวกมันแต่ละตัวเปล่งอานุภาพที่รุนแรงเทียบเท่าเพลิงระดับ 7 ขั้นกลาง

“เป็นไปไม่ได้! ผู้อาวุโสที่ต่ำต้อยอย่างเจ้าทำไมถึงมีเพลิงระดับนั้นได้ ต่อให้เป็นกษัตริย์พิรุณหรือกษัตริย์โอสถก็ไม่มีเพลิงระดับนั้น!”

“แล้วแต่เจ้าจะคิด!”

“ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่เชื่อ! ข้าจะกลืนกินเพลิงของเจ้าให้หมด!”

ดวงตาโม่ฉุยเปล่งแสงสีทอง มันขยับมือเป็นท่าทาง กระถางปรุงโอสถระเบิด เพลิงสีทองก่อตัวเป็นมังกรทองขนาดใหญ่ ทะยานตรงเข้ากลืนกินมังกรทมิฬของหนิงฝาน

นักปรุงโอสถคนอื่นๆตกตะลึง พวกมันคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

เพลิงระดับชีพจรพิภพ 3 ชนิดผสานกัน ทรงพลังเทียบเท่าเพลิงระดับ 6 แต่เมื่อเพลิงนั่นเข้าใกล้เพลิงของหนิงฝาน มันกลับสั่นเทาด้วยความกลัว

มังกรทมิฬทั้ง 9 ตัวเปล่งเสียงคำราม ตวัดกรงเล็บฉีกทำลายมังกรทองเป็นชิ้นๆ

“กลืนกิน!”

บนร่างมังกรทมิฬปรากฏหมอกสีม่วง หนิงฝานฉวยโอกาสใช้หมอกเมฆาม่วงลบพันธะเพลิงของโม่ฉุย แล้วดูดกลืนพวกมันทั้งหมดเข้ามาในร่าง

เพลิงทองคำถูกดูดกลืนในพริบตา จากนั้นดูดกลืนเพลิงทมิฬของตนกลับเข้ามาเพื่อผสาน สีหน้าเผยถึงความพึงพอใจ

นับว่าโชคดีที่ได้ครอบครองเพลิงชีพจรพิภพถึง 3 ชนิด

โม่ฉุยกระอักโลหิต มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะลบพันธะเพลิงของมัน แล้วดูดกลืนไปเป็นของตน และเมื่อครู่ มันสัมผัสได้ถึงอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวของเพลิงทมิฬได้อย่างชัดเจน

มันเริ่มไม่แน่ใจว่าเพลิงทมิฬอยู่ระดับไหน ถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น

มันรู้แค่ว่า หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุด เขาน่าจะสู้กับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้ด้วยเพลิงนั่นได้

“เจ้าช่วงชิงเพลิงของข้า!” โม่ฉุยแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธ

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าจะกลืนกินเพลิงของข้า ทำไมข้าจะกลืนกินเพลิงของเจ้าไม่ได้? อีกอย่าง กษัตริย์พิรุณให้เจ้าเป็นผู้ดูแลรักษาเพลิงเพื่อจะมอบให้ข้า เหตุใดข้าจะเอาพวกมันมาไม่ได้?”

“เจ้าไม่คู่ควรกับเพลิงระดับนั้น ผู้ที่คู่ควรมีเพียงกษัตริย์พิรุณเท่านั้น”

“เพลิงนี้คือเพลิงที่อาจารย์ข้าให้มา ต่อให้เป็นกษัตริย์พิรุณก็ไม่กล้าช่วงชิง!”

อาจารย์ที่หนิงฝานหมายถึงคือหานหยวนจี๋ แต่ผู้คนกลับคิดว่าเป็นกษัตริย์โอสถ

หากกษัตริย์โอสถเป็นผู้มอบเพลิงให้ ผู้ใดจะกล้าช่วงชิง!

ในโลกพิรุณใบนี้ ไม่มีผู้ใดอยากเป็นศัตรูกับกษัตริย์โอสถ

“โม่ฉุย ข้านับถือเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นจ้าววังสวรรค์แดง หากเจ้ายังกล้าล่วงเกินข้าอีก อย่าหาว่าข้าไร้หัวใจ!”

แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร โม่ฉุยบาดเจ็บจากการที่ถูกช่วงชิงเพลิง ดังนั้นยามนี้ หนิงฝานจึงมั่นใจมากกว่า 4 ใน 10 ส่วนว่าสามารถสังหารมันได้

ด้วยชื่อเสียงและสถานะของเขายามนี้ ต่อให้สังหารโม่ฉุยก็ไม่ผิด ไม่มีผู้ใดกล้าเอาความ เพราะถือเป็นการลงโทษโม่ฉุยที่ล่วงเกินหนิงฝานก่อน

โม่ฉุยตกตะลึงพลางผงะถอย มันรู้ว่าหนิงฝานคิดจะสังหารมันจริงๆ มันรู้ว่าหนิงฝานมี 7 หยกมังกรเหลืองที่ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูง

หากเป็นปกติมันจะไม่กลัวหนิงฝาน แต่ตอนนี้มันบาดเจ็บ เลือดลมปั่นป่วน หากถูกหนิงฝานจู่โจม อาการบาดเจ็บของมันจะรุนแรงขึ้น

“ข้าจะทำยังไงดี? จะยอมถอนตัวจากการแข่งขัน? แต่ข้าก็จะพลาดโอกาส!”

ในขณะที่โม่ฉุยลังเลอยู่นั้น บุรุษในอาภรณ์ม่วงผู้หนึ่งได้ร่อนลงมาจากนภา

“โม่ฉุย เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งสิ้น มีข้าอยู่ เจ้าไม่ต้องกลัว!”

เมื่อได้ยินเสียงนั่น แววตาหนิงฝานเผยความกังวล

“ข้าเป็นสหายของหยุนจิงหง ข้ามาเพื่อปกป้องเจ้า!”

“ราชาสุสานบุบผา!”

หนิงฝานจ้องมองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา การปรากฏตัวของมัน ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าจะสังหารโม่ฉุยได้สำเร็จ

โม่ฉุยเร่งกินโอสถสะกดอาการบาดเจ็บ หนิงฝานพลาดโอกาสที่จะสังหารมันแล้ว

“น่าเสียดาย...” หนิงฝานจับสมุนไพรบนโต๊ะใส่ลงไปในเตา

แม้ยามนี้จะสังหารมันไม่ได้ แต่หนิงฝานรู้ว่าสักวัน มันต้องมาหาเรื่องเขาอีก นอกจากนี้ หนิงฝานยังสัมผัสได้ว่า การปรากฏตัวของราชาสุสานบุบผา ทำให้บรรพบุรุษทั้ง 8 ของเผ่าปีศาจยักษ์ตื่นตระหนก

“อีกหน่อยสุนัขคงกัดกันเอง...” หนิงฝานคิดว่าอีกไม่นานคงได้เห็นอะไรสนุกๆ

ภายในสถานที่ลับของเผ่า เหล่าบรรพบุรุษทั้ง 8 ขมวดคิ้วกับการมาถึงของราชาสุสานบุบผา

“ราชาสุสานบุบผา… ที่มันมาที่นี่อาจเป็นเพราะอนุสรณ์ปีศาจ”

“อนุสรณ์ปีศาจของเผ่าหกปีกก็อยู่กับมัน ที่มันยังไม่ช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจและเผ่าเขาคู่ เป็นเพราะมันยังหวั่นเกรง ก็เลยมุ่งเป้ามาที่เผ่าของเราแทน”

“ฮึ่ม! ถ้าร่างจริงของมันมาพวกเราก็ไม่อาจเป็นคู่มือ แต่เมื่อดวงจิตที่สองของมันมา เราก็คงต้องปลิดชีพมันที่นี่!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด