ตอนที่แล้ว72 กิ้งก่ากลายกลายร่างเป็นทีเร็กซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป74 เวลาไม่ค่อยท่า

73 ฆ่าด้วยหนึ่งการระเบิด


73 ฆ่าด้วยหนึ่งการระเบิด

“นักเรียนหลี่เย้า เธอไม่ต้องกังวลนะ ค่าใช้จ่ายตอนที่เธออยู่ในอาการโคม่า รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการฟื้นตัว ประเทศของเราจะเป็นผู้จ่ายทั้งหมด!”

“และเงินจำนวน 30,000 เครดิตจะถูกโอนเข้าบัญชีของเธอ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป นี่คือเงินชดเชย คลาส 1 สำหรับทหารผู้ทุพพลภาพ!”

“ถ้าเธอต้องการจะหางานทำ สมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพจะจัดการให้เธอเอง!”

“ถ้าเธอต้องการจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เราก็จะจัดการให้เธอ โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องสอบ เธอสามารถเข้าเรียนที่วิทยาลัยทหารแห่งแรงของสหพันธรัฐ ในชั้นเรียนพิเศษของทหารทุพพลภาพ!”

“อีกอย่าง ถ้าหากเธอพบเจอกับเรื่องลำบาก เธอก็สามารถมาหาเราได้โดยไม่ต้องลังเลใจ...สมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพ คือหนึ่งในองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวเคราะห์เทียนหยวน เมื่อไหร่ที่มีปัญหา เธอจะมีทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐอีก 63,000,000 คนคอยช่วยเธออยู่!”

นายทหารในชุดเครื่องแบบสีดำ ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะแล้ว” หลี่เย้ารู้สึกผิดเล็กน้อย

ภาพลักษณ์ของทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐในหัวของเขา ก็คือ ชายผมขาวทั้งหัว, ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย, และร่างกายที่ใส่แขนขาเทียม ทหารผ่านศึกชราภาพที่เดินโยกเยก

โรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง มักจะเชิญทหารผ่านศึกที่ปลดประจำการของทางสหพันธรัฐ มาเป็นแขกเพื่อบรรยายถึงความกล้าหาญชาญชัยในสนามรบของพวกเขา

ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธและอุปกรณ์, ในสถานการณ์ที่พลังวิญญาณของพวกเขาหมดลง, ในตอนที่พวกเขายกดาบโซ่ที่ใช้การไม่ได้และพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูร!

หัวใจของหลี่เย้าเต้นระรัวทุกครั้ง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าที่กล้าหาญของพวกเขา ความปรารถนาที่จะต่อสู้พุ่งสูงขึ้น!

คำว่า “ทหารผ่านศึกทุพพลภาพของสหพันธรัฐ” คือเกียรติยศสูงสุดและฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา การได้รับคำคำนี้ มันทำให้เขารู้สึกอับอาย

และด้วยความคิดแบบนี้ หลี่เย้าจึงตัดสินใจพูดความจริงออกไป “ผมขอบอกตามตรงนะครับ อาการบาดเจ็บของผมไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คุณคิด ขอแค่ผมได้พักผ่อนสักสองสามวัน ผมก็จะหายดี ผมไม่ได้พิการหรอกครับ”

นายทหารทุพพลภาพเผยสีหน้าและแววตาของการนับถืออย่างปิดไม่มิด แขนเทียมของเขาตบลงไปบนบ่าของหลี่เย้าอย่างแรง จนทำให้ใบหน้าของหลี่เย้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ

“เด็กดี! ฉันชอบเธอ! เราต้องเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้แบบเธอ มันไม่เกี่ยวว่าร่างกายของเราจะเป็นยังไง เราจะต้องเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้และความหวัง! ถูกต้องแล้วล่ะ! เธอไม่ใช่คนพิการ! ทหารทุพพลภาพทั้ง 63,000,000 นายของสหพันธรัฐไม่ใช่คนพิการ! มันไม่สำคัญว่าร่างกายของเราจะเสียหายมากแค่ไหน เพราะจิตวิญญาณของการต่อสู้ของเราไม่เคยมอดไหม้! เมื่อชาติต้องการ เราจะพุ่งเข้าสู่สนามรบและสังหารสัตว์อสูรด้วยกำปั้นของเราเอง!”

“นี่...”

หลี่เย้ารู้สึกปวดฟันขึ้นมา เขารู้สึกว่า สถานการณ์ของเขานั้นไม่สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค

นายทหารพูดออกมาว่า “นักเรียนหลี่เย้า หมอกู้และฉันได้คุยกันแล้ว ฉันเข้าในสถานการณ์ของเธอดี ฉันรู้ว่าเธอคงจะไม่สามารถยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในเวลาสั้นๆ แต่...”

“ประเทศชาติของเรานั้นมีกฎอยู่ ทหารก็มีกฎของทหาร รางวัลและบทลงโทษถูกวางเอาไว้อย่างชัดเจน ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่เราจะสามารถทำให้ทุกคนเชื่อฟังได้!”

“ก่อนที่เธอจะเข้าสู่การแข่งขันท้าทายขีดจำกัด เธอคงจะได้เซ็นต์เอกสารที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเซ็นต์เพื่อรับทราบ ถึงเรื่องที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะอยู่ในสถานะของทหารเป็นการเฉพาะกิจในระหว่างการแข่งขัน และปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพ แน่นอนว่า เธอก็จะได้รับผลประโยชน์ที่ทางกองทัพเป็นผู้จัดหาให้ด้วย!”

“ถ้าเธอไม่ต่อสู้นองเลือดกับสัตว์อสูรตัวนั้น คงจะมีผู้เข้าแข่งขันอีกหลายคนที่ต้องจบชีวิตลง!”

“เธอได้รับบาดเจ็บจากการปกป้องเพื่อนพ้อง ภายใต้ม่านหมอกของสงครามในฐานะของทหารคนหนึ่ง เธอคือทหารทุพพลภาพของสหพันธรัฐ 100% และมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลอย่างฮีโร่คนหนึ่ง!”

“จำเอาไว้ สหพันธรัฐไม่เคยลืมนักรบที่สู้เพื่อชาติ เธอสมควรได้รับเงินชดเชย โดยไม่ขาดแม้แต่เหรียญเดียว!”

“ถ้าชาติไม่ให้ความสำคัญกับฮีโร่ของพวกเขา ถ้าชาติไม่สนใจใยดีฮีโร่ที่ตกละกำลำบาก...ใครจะมาปกป้องชาติแบบนี้กัน? ใครจะยอมต่อสู้จนตัวตายเพื่อชาติกัน?”

“ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ในเมื่อเราไม่สามารถคืนความสามารถในการบ่มเพาะให้กับเธอได้ เราก็จะมอบสิ่งจำเป็นสำหรับครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอ และเราจะให้เธอได้รับความเคารพจากสังคมที่วุ่นวายนี้...นี่คือสิ่งที่ประเทศชาติควรทำ มันคือสิ่งที่ประเทศชาติต้องทำ!”

แววตาของนายทหาร เป็นเหมือนกับดาบที่คมกริบทิ่มแทงใจของหลี่เย้า

โดยไม่รอให้หลี่เย้าได้อธิบายต่อ นายทหารได้ทำท่าวันทยาหัตย์และหมุนตัวก้าวขายาวๆออกไปจากห้อง

แม้ว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายจะทำขึ้นมาจากเหล็ก แต่เมื่อเขาเดิน เขาก็ยังคงเดินตัวตรงราวกับต้นสน ระยะการก้าวเดินของแต่ละก้าวนั้นห่างกันราวกับวัดเอาไว้ก่อน

“ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นอีก สิ่งสำคัญสำหรับฉันในเวลานี้ก็คือ การคืนความแข็งแกร่งให้กลับมาเหมือนเดิม ความจริงจะอธิบายทุกอย่างได้เอง”

ถึงแม้ว่า ชายคนนั้นจะบอกเอาไว้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย และสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนพิเศษ ของวิทยาลัยทหารแห่งแรงของสหพันธรัฐได้เลย

แต่ถึงยังไง หลี่เย้าก็รีบปฏิเสธความคิดนี้ในทันที

เหตุผลเดียวก็คือ เขาไม่ยินดีที่จะใช้สิทธิพิเศษที่ได้รับจากสมาคมทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพของสหพันธรัฐ

และอีกเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ หลี่เย้ายังคงไม่ยอมแพ้ที่จะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเชินห่าย

“อัตราการตื่นของรากวิญญาณของฉันเหลืออยู่แค่ 7% แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ขอแค่ฉันได้รับพลังงานที่มากพอและได้ฝึกฝนอย่างเหมาะสม ฉันก็จะสามารถกลับไปอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนเดิมได้!”

“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนการสอบ ฉันจะทุ่มทั้งหมดที่ฉันมีลงไป!”

เมื่อค้นพบว่า ตัวเขาได้ดูดกลืนความทรงจำของโอเย่หมิง ผู้นำแห่งนิกายป่ายเลี่ยน ความทะเยทะยานในหัวของของหลี่เย้าก็เพิ่มทะยานสูงขึ้นอย่างมาก

โอเย่หมิงคือตัวแทนของผู้อยู่ในจุดสูงสุดของการสร้างในอดีตกาล เขาคือจุดสูงสุดที่ไม่อาจก้าวผ่านไปได้

และเช่นเดียวกัน มหาวิทยาลัยเชินห่าย ก็คือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในการสร้างของยุคสมัยใหม่

หากเขาสามารถรวมทั้งสองยุคนี้เข้าด้วยกันได้ละก็...

“ดาบเทพจิ่งหง, กระบี่สังหารมังกร, หอกกลืนวิญญาณ...อาวุธระดับเทพที่สร้างขึ้นมาโดยฝีมือของโอเย่หมิง มันก็มีพลังมากพอที่จะใช้สังหารเหล่าสัตว์ประหลาดในระดับรวมวิญญาณได้แล้ว!”

“ถึงแม้ว่าสมบัติฟ้าดินอย่างการสร้างอาวุธระดับเทพขึ้นมานั้นยากที่จะได้รับมา และแต่ละขั้นตอนก็ยังต้องผ่านจุดวิกฤตอีกมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ทฤษฏีหลักก็ยังคงมีความคล้ายกันอยู่!”

“ถ้าหากวันหนึ่ง ฉันสามารถดูดกลืนความทรงจำในการสร้างอาวุธระดับเทพ จากความทรงจำของโอเย่หมิง ได้เข้าใจถึงแกนหลักของการสร้างพวกมัน ฉันก็จะนำเทคนิคเหล่านั้นมาใช้กับยุคปัจจุบัน”

“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าฉันสามารถวิเคราะห์และหาแกนหลักในการสร้างอาวุธระดับเทพทั้งสามได้ และนำมันใส่เข้าไปในยานรบคริสตัล ฉันก็จะสามารถสร้างยานรบที่ติดตั้งอาวุธระดับเทพขึ้นมาได้!”

“เพียงการระเบิดแค่ครั้งเดียว ก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับสูงพวกนั้นได้!”

“ฉันจะสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดระดับสูงจำนวนมากได้ ด้วยการยิงปืนใหญ่ทั้งสามออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว!”

“มันจะมีพลังมากแค่ไหน? มันจะสุดยอดขนาดไหน! มันน่าตื่นเต้นและน่ายินดีจริงๆ!”

เมื่อคิดถึงจุดนี้ หัวใจของหลี่เย้าก็เต้นรัวเร็ว เขาหยิบไมโครคริสตัลโพรเซสเซอร์ของเขาขึ้นมาจากข้างเตียง และกดเปิดแอพอีแครน

มีข้อความอีแครนนับร้อยที่ไม่ได้เปิดอ่าน หลี่เย้าเลื่อนดูข้อความเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเพื่อนๆของเขา

ในข้อความทั้งหมดนั้น มีข้อความจากเมิ่งเจียงอยู่หลายสิบข้อความด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อความที่สอบถามอาการของเขา

เขาช่วงเวลาที่ส่งมา และพบว่า มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาในช่วงเวลาสี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งหมด

หลี่เย้าพิมพ์ตอบกลับไปสามคำ “ฉันฟื้นแล้ว” อย่างรวดเร็วและกดส่งออกไป อีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับมา เมื่อคิดๆดูแล้ว เมิ่งเจียงคงจะยังเรียนอยู่ก็เป็นได้

จากนั้น หลี่เย้าก็เข้าไปดูหมายเลขอีแครนของเซี่ยทิงเสียน และพิมพ์ข้อความส่งไปหาเขาว่า “ผมคือหลี่เย้านะครับ ตอนนี้ผมฟื้นแล้ว”

หมายเลขอีแครนของเซี่ยทิงเสียนนั้น เขาได้รับมาจากหมอกู้

ไม่นาน ใบหน้าเซี่ยทิงเสียนที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของอายุก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโฮโลแกรม เขาพูดออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีว่า “นักเรียนหลี่เย้า ฉันเพิ่งจะได้รับข่าวจากหมอกู้ และกำลังคิดว่าจะติดต่อไปหาเธออยู่พอดี ฉันไม่คิดเลยว่า เธอจะฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องที่ควรฉลอง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด