ตอนที่แล้วตอนที่ 47: ควักจองยังไม่ตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49: สอดแนม ทรยศ และคังชอลอิน

ตอนที่ 48: ความโกรธกริ้วของลีแชริน


ตอนที่ 48: ความโกรธกริ้วของลีแชริน

“ให้เขาเข้ามา ผู้ช่วยสเลจน์”

ลีแชรินที่รอคอยคังชอลอินมาตลอดและต้องการพบเจอกับเขาจบแทบแย่

“มาแล้วหรือ คังชอลอิน”

สำหรับนางที่กำลังถูกโจมตีโดยราชันย์ที่เป็นพันธมิตรจากทั้งสองด้านของดินแดนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อกำลังจะได้เห็นหน้าของคังชอลอินที่กำลังเดินเข้ามา

อย่างไรก็ตาม...ได้มีใครบางคนทำให้ความสุขนั้นของนางจางหายไป

“ท่านหญิง เหตุใดท่านถึงปล่อยให้คนที่ไม่ปรากฏชื่อเข้ามายังดินแดนของเราได้ง่ายเช่นนี้”

นั่นก็คือผู้ช่วยส่วนตัวของนาง

“ข้าจะขอไปพบกับเขาผู้นั้นก่อนแล้วข้าจะตัดสินใจเองว่าเขาเหมาะสมที่จะได้พบกับท่านหญิงหรือไม่ โปรดรออยู่ที่นี่ก่อนเถิดขอรับ”

แม้เขาจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของลีแชรินทว่าเขากลับไม่มีท่าทีแสดงความเคารพต่อนางเลยแม้แต่น้อย

เหตุผลนั้นซับซ้อนอย่างมาก

ประการแรก พวกแคระเป็นพวกรังเกียจผู้หญิงและเชื่อว่าบุรุษนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งกว่าสตรี พวกเขามีบุคลิกที่ทั้งแข็งแกร่งและภาคภูมิใจอย่างมากซึ่งต่อให้แม้สตรีจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครองก็ไม่อาจทำให้พวกเขายินยอมทำตามคำสั่ง

ดังนั้นสำหรับลีแชรินที่เลือกดินแดนนี้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วนั้นคือหายนะสำหรับนางโดยแท้จริง

ประการที่สอง ลีแชรินไร้ซึ่งสง่าร่าศีใด ๆ

ประการที่สาม สำหรับคนแคระแล้วภูเขานีด้าเวลเลียร์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และถึงแม้ราชันย์ของพวกเขาจะไม่เห็นด้วยที่จะเอามันกลับคืนมาแต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง

คนแคระที่นี่คิดเพียงแต่จะเอามันกลับคืนมาให้จงได้

ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ล้วนนำไปสู่การเย้ยหยันจากกลุ่มคนแคระและการทำร้ายราชันย์ของตนเองซึ่งก่อให้เกิดการพิบัติ

“เจ้ากล้าดี…” ลีแชรินคิดขณะที่นางเริ่มรู้สึกถึงความเดือดดาลที่เกิดขึ้นในจิตใจ

จากจุดเริ่มต้นของการอัญเชิญครั้งใหญ่ นางเต็มไปด้วยความสับสนตั้งแต่ต้นมาโดยตลอด ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บไว้ทั้งหมดของนางเป็นดั่งแรงระเบิดจากภูเขาไฟที่เพียงรอคอยเวลาเพื่อการปะทุครั้งใหญ่

ไม่เพียงเท่านั้นแต่เมื่อได้ยินการใช้ชีวิตในฐานะราชันย์ของคังชอลอินด้วยแล้ว นางรู้สึกถูกหยามเกียรติและสะอิดสะเอียนกับการกระทำของสเลจน์ผู้ช่วยส่วนตัวของนางเป็นอย่างมาก

“ใจเย็น ๆ” ลีแชรินกระตุ้นตัวเองให้รู้สึกถึงความสงบก่อนจะกระทำการรุนแรงใด ๆ ต่อผู้ช่วยส่วนตัว

ผู้ช่วยสเลจน์ใกล้จะก่อการกบฏเพื่อต่อต้านนางอย่างเต็มทนเพื่อดินแดนของโดราโด้ หากความโกรธแค้นของนางในตอนนี้เกิดการปะทุ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาไม่คิดจะลุกขึ้นมาสู้กับนางที่แม้จะเป็นราชันย์ของดินแดนแห่งนี้ก็ตาม

“ผู้ช่วยสเลจน์” ลีแชรินพูดขณะปิดตาด้วยความเหนื่อย

“เชิญพูด” สเลจน์ตอบโต้ด้วยลักษณะที่ไม่สุภาพ

“คนที่อยู่ที่นี่คือคนที่ข้ารู้จักจากบ้านเกิดที่ข้าจากมา เขาไม่ใช่คนน่าสงสัย ปล่อยให้เขาเข้ามาได้”

“ท่านหญิงแน่ใจหรือ?”

“ใช่”

“แล้วข้าจะไว้วางใจในสิ่งที่ท่านหญิงพูดได้อย่างไร?”

“....!”

ขณะนั้นเองลีแชรินรู้สึกว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายของนางได้พุ่งตัวทะลุเดือดและรู้สึกว่าหัวของนางกำลังจะระเบิดออกจากบันดาลโทสะที่ได้รับ

เดิมทีลีแชรินนั้นเป็นบุคคลที่อ่อนโยนอย่างมาก หากนางสามารถเป็นคลั่งได้เพราะสเลจน์ ใครต่างก็ต้องมองออกถึงทัศนคติแย่ที่เขาที่ต่อนางว่ามันช่างแย่เพียงใด

“ฟู่วว…” นางพ่นเสียงลมหายใจมาเสียงดัง

“ผู้ช่วยส่วนตัว”

“ขอรับ?”

“ข้าไม่มีสิทธิ์ได้พบกับสหายข้าเลยหรืออย่างไร?”

“แน่นอนว่าท่านมีสิทธิ์ แต่เพราะท่านหญิงไม่คิดนำนีด้าเวลเลียร์กลับคืนมา ใครจะสามารถบอกได้ว่าท่านไม่ได้คิดนำกำลังจากภายนอกเข้ามาเพื่อเข่นฆ่าพวกเรา?”

ราวกับว่าเขาไม่เคยคิดว่านางคือราชันย์ หากแต่คิดอยู่เสมอว่านางคือศัตรู

“เจ้ารู้วิธีนับหนึ่งแต่ไม่เคยไปถึงสอง” (เป็นสำนวนภาษาเกาหลีที่หมายถึงความงี่เง่า)

นางพยายามอดทนจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมาดึงมีดหรือหอกปักไปที่หัวของเขา

“เฮ้อ … นี่ท่านคิดจะสั่งสอนข้าหรืออย่างไร?”

“ข้าไม่ได้จะพยายามสั่งสอนอะไรเจ้าทั้งนั้น ผู้ช่วยสเลจน์ หากไม่มีข้าเจ้าคงไม่สามารถเข้าถึงคลังราชันย์เช่นนี้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่มีทางได้นีด้าเวลเลียร์กลับคืน”

“…”

“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมปล่อยให้เขาเข้ามา ข้าจะไม่ส่งทหารอีกต่อไป”

นี่คือสิ่งสุดท้าย ไพ่ที่จะทำให้ชนะคนอื่นที่แชรินสามารถลงวางได้

แม้พวกเขาจะไม่เคารพนาง แต่ความจริงที่ว่านางเป็นราชันย์และเจ้าของสิทธิ์ดินแดนด้วยแกนวิญญาณที่นางมีนั้นก็ยังเป็นความจริง

สร้อยคอทองคำที่นางใส่อยู่ตอนนี้คือแกนวิญญาณสำหรับดินแดน แม้แต่ผู้ช่วยก็ไม่สามารถพรากมันไปจากนางได้

“ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้ถึงกลับต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันแล้วหรือ ทั้งท่านและข้า?” สเลจน์หัวเราะราวกับว่านางกำลังพูดอะไรที่ไร้สาระ

“ท่านหญิง หากท่านหญิงทำเช่นนั้น ข้าก็ยังมีอีกวิธี”

“หากเจ้าไม่ต้องการทำเช่นนั้นก็จงปล่อยเขาเข้ามา ก่อนที่ข้าจะนำแกนวิญญาณนี้กลับไปพร้อมกับข้ายังโลกอีกฝั่ง”

“หึ ๆ …”

นางสามารถเอาชนะในบทสนทนานี้ได้ ทว่าคำพูดสุดท้ายของสเลจน์ก่อนที่จะจากไปทำให้ใจของนางสะเทือนเป็นอย่างมาก

“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟัง”ผู้นำ“ที่ยอดเยี่ยมของพวกเรา ท้ายที่สุดแล้วท่านจะทำอะไรกับชายเพียงคนเดียวได้? ฮ่า ๆ เราจะปล่อยให้เขาเข้ามาเมื่อไหร่ยังไงก็ได้ขอรับ”

“....!”

เพียงคนเดียว ประโยคที่ทำให้จิตใจของนางสั่นไหว ครั้งก่อนที่คังชอลอินบอกว่าเขาไม่คิดที่จะเสริมกำลังทัพให้แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาคนเดียวเช่นนี้

‘ชอลอิน เจ้าคิดที่จะทำอะไรกันแน่?’

หลังจากได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ลีแชรินไม่อาจรู้ได้จริง ๆ ว่าเขาคิดจะทำอะไร นางเพียงแค่อยากพบเขาโดยเร็วที่สุดเพียงเท่านั้น

จากนั้นก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องโถงราชันย์

“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

ชายคนหนึ่งที่มีโซ่แขวนอยู่ตรงเข็มขัดปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใช่ เขาไม่ใช่คังชอลอิน

“.....”

เมื่อชายคนนั้นมองมาเห็นสายตาของนางที่กำลังเบิกกว้างเขาจึงรีบส่งสัญญาณอย่าให้นางทำเหมือนตกใจที่พบกัน จากนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าชายผู้นี้คือโพดอลส์กี้ที่คังชอลอินส่งมา

“อา...แชริน การได้พบเจอกับเจ้าในสถานที่ที่ต่างไปเช่นนี้ของเรายิ่งชวนให้น่าประหลาดใจนัก เนื่องจากเราไม่ได้พบเจอกันมานาน ข้าจะขอจุมพิตเจ้าด้วยความคิดถึงจะได้หรือไม่?”

“จ จุมพิตรึ?!”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่ช่างน่ารักเสียจริง ยังเขินอายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

โพดอลส์กี้ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขขณะเดินเข้าไปใกล้นาง จากนั้น...เขาก็จูบเบา ๆ ลงที่แก้มทั้งสองของนาง

มันคือการ “จูบทักทาย” ที่หลายคนทำในประเทศตะวันตกบนโลกอีกฝั่ง

[สารจากราชันย์คังชอลอินนะขอรับ]

โพดอลส์กี้กระซิบบอกกับลีแชรินโดยไม่ขยับริมฝีปาก มันเป็นทักษะที่ยากมากที่จะเชี่ยวชาญได้

[ตอนนี้นายท่านอยู่ในดินแดนของท่านแล้ว]

นางแปลกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินเช่นนี้

[อย่าแสดงตัวให้เป็นที่น่าสงสัย นายท่านส่งข้ามาที่นี่เพื่อให้ท่านปลอดภัย]

หลังจากส่งต่อสารของคังชอลอินเสร็จเขาก็เลื่อนมือไปวางไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของนางแล้วพูดขณะหัวเราะ

“ฮ่า ๆ ๆ กลิ่มหอมจากตัวเจ้ายังคงรัญจวนอีกเช่นเคย จะทำเช่นไรดี ตอนนี้ข้าคงไม่สามารถหยุดจูบเจ้าได้แล้วล่ะสิ”

และในขณะที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็เอนกายลงไปอีกครั้งเพื่อจูบแก้มของนางและพูดว่า

[คืนนี้นายท่านจะมาพบกับท่านเป็นการส่วนตัวนะขอรับ]

ในที่สุดลีแชรินก็โล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

.

.

.

ประมาณแปดชั่วโมงก่อน

“หืม...นักผจญภัยงั้นหรือ?”

ใกล้กับดินแดนโดราโด้ มีนักผจญภัยประมาณสามสิบคนคนกำลังทำการตรวจสอบอากรที่ได้รับ

“ใช่”

ผู้ชายที่พูดตอบรับมานั้นมีความสูงประมาณ 190 ซม. เขามีหนวดเคราขนาดใหญ่และมีศีรษะล้าน เขามีร่างกายที่มีขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบิลลี่ที่เคยเข้าร่วมในการออกตามล่าพิชิตมังกรพีคอค หนึ่งในทีม “ผู้พิชิต” เมื่อคราวก่อน

“แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

คนแคระที่เป็นผู้ตรวจสอบมองดูเขาด้วยควาไม่ไว้วางใจพร้อมด้วยการแสดงออกที่บ่งบอกถึงความอึดอัด

“ข้าเห็นจากใบประกาศงาน ดูเหมือนว่าราชันย์ที่นี่กำลังเปิดรับนักผจญภัยเพื่อให้มาต่อสู้เพื่อท่านในศึกสงคราม”

“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็คือทหารรับจ้างอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่”

“ทองคำสองแท่งต่อวัน เจ้าจะต้องอยู่แต่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับพวกเจ้าเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”

“ทำไมต้องเป็นที่นั่นด้วย? ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าราชันย์ที่ว่าจ้างพวกเราคือใคร”

“นั่นไม่เกี่ยวกับงาน” คนแคระตะโกนตอบ

“ราชันย์ของพวกข้าไม่คิดที่จะพบปะกับคนเช่นพวกเจ้า หากเจ้าต้องการทำงานที่นี่ก็จงทำตามกฎที่กำหนด ถ้าไม่เช่นนั้นก็จงออกไป!”

หลังจากได้รับการปฏิบัติที่โหดร้ายจากเขา นักผจญภัยต่างพากันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกรธเคืองขนาดนั้นสักหน่อย” บิลลี่กล่าวกับนักผจญภัยคนอื่นพลางเกาหัวล้าน ๆ ของเขา

“เอาล่ะ สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับพวกเราจริง ๆ คือเงิน ตกลง เราจะยอมอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เป็นอย่างดี”

“ดี” คนแคระที่เป็นผู้ตรวจสอบพยักหน้าและหลังจากกล่าวคำเตือนพวกเขาอีกสองสามอย่างเสร็จก็ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

“เฮ้ย พวกเจ้า มาทางนี้สิ”

นักรบคนแคระเรียกให้พวกเขาเดินไปหาและพาพวกเขาไปยังพื้นที่ที่ห่างไกล มันเป็นสถานที่เล็ก ๆ ที่มีพื้นที่อยู่อย่างจำกัด

“หัวหน้า” บิลลี่กระซิบกับชายที่อยู่ด้านข้างซึ่งก็คือคังชอลอิน “ไอ้พวกคนแคระนั่นก็ดูช่างไม่มิตรนัก วิธีการที่พวกเขามองพวกเราก็ช่างน่าอึดอัดใจจริง ๆ หากเป็นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าอำนาจของท่านลีแชรินที่นี่ต้องย่ำแย่เป็นอย่างมาก”

“ที่นี่ช่างแปลกมาก มันแตกต่างไปจากดินแดนของท่านโดยสิ้นเชิง

ข้อมูลเชิงลึกของบิลลี่เป็นจุดสำคัญ

“เจ้าพูดถูก”

“ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ”

“เช่นนั้นเราจะทำให้มันเป็นเรื่องง่าย”

“แน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่ท่านผู้นำของเราทำไม่ได้”

หลังจากการตามล่ามังกรพีคอคเมื่อครั้งก่อน บิลลี่ได้ตะลึงไปกับความแข็งแกร่งของคังชอลอิน นับตั้งแต่นั้นมา บิลลี่ก็มองคังชอลอินด้วยความเชื่อมั่นและชื่นชมอย่างล้นเปี่ยม

“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนจงเงียบก่อน ข้าจะขอคิดอะไรสักหน่อย”

“ขอรับ”

บิลลี่ส่งสัญญาณให้คนอื่นอยู่กันเงียบ ๆ ในทันที

โดราโด้เป็นดินแดนที่ยอดเยี่ยมมากแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว

ความตึงเครียดลอยแผ่กระจายอยู่ทั่วทุกอณูในอากาศ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารรับจ้างแต่วิธีการที่คนแคระปฏิบัติต่อพวกเขานั้นก็แทบจะไม่เข้าค่ายกับคำว่ายอมรับแต่อย่างใด

แม้พวกเขาจะได้เงินมาใช้ แต่บทบาทของทหารรับจ้างก็คือการต่อสู้กับศัตรู แต่ความจริงที่ว่าคนแคระพวกนี้กำลังพยายามทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่สามารถพบกับบุคคลที่ว่าจ้างพวกเขาได้นั้นช่างไร้สาระสิ้นดี

‘พวกนี้กำลังกลัวว่านางจะได้รับอำนาจจากการผูกพันธมิตรกับนักผจญภัย ช่างไร้สาระดีจริง ๆ’

คังชอลอินรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของลีแชรินหากแต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน

มันเป็นโชคไม่ดีตั้งแต่แรกที่มีผู้หญิงเข้ามาปกครองดินแดนของคนแคระเช่นนี้ และสำหรับคนที่ทั้งไร้เดียงสาและจิตใจดีอย่างลีแชรินด้วยแล้วก็เห็นได้ชัดว่านางคงไม่คิดต่อสู้หรือข่มขู่คนแคระแต่อย่างใด

แน่นอนว่าถ้าเป็นเขา เขาคงใช้เวลาไม่นานเพื่อเอาชนะความหยาบคาบของคนแคระที่คิดดูหมิ่นราชันย์และแสดงให้พวกเขาเห็นตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน แต่สำหรับคนอย่างลีแชรินแล้วการทำแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมนางถึงต้องการความช่วยเหลือจากเขามากถึงเพียงนี้

“ถ้าข้ามาที่นี่พร้อมกับกองทัพก็ยิ่งเป็นการดูหมิ่นนางมากยิ่งขึ้น มันเป็นความคิดที่ดีจริง ๆ ที่คิดพานักผจญภัยกลุ่มนี้มาที่นี่แทน” เขาคิด

ผู้นำที่พยายามนำกำลังมาจากภายนอกจะไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป และตอนจบพวกเขานั้นจะน่าเศร้าใจเป็นอย่างมาก

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ข้อตกลงได้ระบุไว้อย่างชัดเจนด้วยว่าเขาจะช่วยให้แชรินพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้และไม่สร้างความเป็นผู้นำที่ควบคุมโดยกองกำลังจากภายนอก

‘ตอนนี้การกวาดล้างกองกำลังท้องถิ่นมีความสำคัญยิ่งกว่า เราต้องการอำนาจเพื่อควบคุม’

อย่างที่คาดไว้สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญมาก่อน คังชอลอินสามารถเห็นสิ่งที่เขาต้องทำเป็นอย่างแรกได้

เขาจำเป็นต้องสร้างความสงบในกองทัพของพวกเขาให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อนคิดจะไปต่อสู้กับคนอื่น

ไม่มีทางที่สงครามจะดำเนินไปได้ด้วยดีหากยังมีข้อพิพาทภายในเกิดขึ้นไม่รู้จบ

คังชอลอินกำลังเฝ้ารออย่างช้า ๆ เพื่อให้ค่ำคืนได้มาถึงในที่สุด เมื่อนั้นเขาจะสามารถสนทนากับแชรินได้

และในตอนนั้นเองที่เขาเหมือนจะได้กลิ่นสาบเลือดจากดาบสั้นสองเล่มที่ประดับอยู่บนเข็มขัดของตัวเองลอยคลุ้งออกมา

.

.

สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง แปลได้แปลเถอะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด