GOI ตอนที่ 87 จะไสหัวไป หรือจะตาย!
“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่จะคิดมาอย่างดี!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา จากนั้นเขาหันหลังเดินกลับไปยังที่เดิมก่อนจะมองหน้าถันชิวเซิงอีกครั้ง
“แต่หากข้าบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิด? ท่านจะทำอย่างไร ศิษย์พี่?”
เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทุกคนเบื้องหลังเข้าสู่สภาวะตื่นตัว ราวกับจะรบราฆ่าฟันทันทีที่ได้รับคำสั่ง
หัวใจของศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งหมดรัดแน่นขึ้น แต่ในวินาทีต่อมาพวกเขาเผยสีหน้ายินยอมพร้อมรบ
“ศิษย์พี่ อย่าได้เป็นกังวล ข้าแค่ล้อเล่น หากคนมากมายสู้กัน ผลกระทบคงกว้างใหญ่เกินไป”
เสียงเย็นชาของป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีให้ได้ยินอีกต่อไป เขาแย้มยิ้มออกมา
“ไอ้หนู เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!?”
ท้ายที่สุดถันชิวเซิงสูญเสียความเยือกเย็นเพราะการได้เผชิญหน้ากับป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในถังน้ำมัน และเขาไม่รู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะจุดไฟใส่เขาเมื่อใด
“ศิษย์พี่ เจ้าโง่หรือเจ้าแกล้งโง่? ความคิดของข้าใครๆ ก็ดูออก เจ้าและทุกคนที่นี่ต้องไม่ก้าวขาเข้าสู่บริเวณศิษย์ใหม่นับแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเสียงดุดัน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ศิษย์ใหม่ด้านหลังเริ่มตะโกนเป็นเสียงเดียวกันภายใต้การชี้นำของโม่ข่า
“ไม่ก้าวขาเข้าสู่บริเวณศิษย์ใหม่!”
“ไม่ก้าวขาเข้าสู่บริเวณศิษย์ใหม่!”
“พวกเราจะใช้ชีวิตปกป้องศักดิ์ศรี!”
“พวกเราจะใช้ชีวิตปกป้องศักดิ์ศรี!”
เมื่อโม่ข่าตะโกนครั้งหนึ่ง ศิษย์ใหม่ข้างหลังจะตะโกนตาม คลื่นเสียงดังจากปฐพีทะยานขึ้นสู่สวรรค์พลางจู่โจมศิษย์พี่เบื้องหน้า เป็นครั้งแรกที่ศิษย์พี่สัมผัสได้ถึงโทสะจากศิษย์ใหม่
“ถันชิงเซิง ถึงเวลาที่เจ้าต้องหยุดแล้ว มิเช่นนั้น จะไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นกับกลุ่มของพวกเจ้า”
คนที่เปิดปากครานี้ไม่ใช่ป๋ายเสี่ยวเฟย หากแต่เป็นหยุนจิงชวงที่ยืนอยู่ข้างหน้า
หยุนจิงชวงไม่ชอบคนพวกนี้ที่เอาแต่รังแกศิษย์ใหม่เป็นเวลานานแล้ว และในเมื่อเขาอยู่คนละฝั่ง เขาสามารถเอ่ยจุดยืนของตนได้เสียที
เมื่อเปรียบเทียบศิษย์ปีสามไม่กี่คนที่มีอำนาจดาษๆ ในความคิดของเขากับศักยภาพที่ป๋ายเสี่ยวเฟยแสดงออกมา หยุนจิงชวงรู้สึกว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
มังกรจะใช้ชีวิตอยู่ในบ่อน้ำได้อย่างไร? หลังจากเขาพูดคุยกับป๋ายเสี่ยวเฟยแค่ครั้งเดียวและเห็นฉากตรงหน้า หยุนจิงชวงตีตราป๋ายเสี่ยวเฟยไว้ว่าเป็นตัวตนที่พิเศษ
“จะมีสิ่งใดดีเมื่อพวกเราถอย?”
ถันชิงเซิงเย้ยหยันพลางเรียกหุ่นเชิดดาบยักษ์ออกมา
ไม่ว่านักเชิดหุ่นจะเลือกเดินเส้นทางใดในสามวิถีแห่งยุค การทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดมีอยู่สองวิธี หนึ่งคือยกระดับความสามารถของหุ่นเชิดตนแรก ใช้คุณภาพต้านจำนวน การใช้หุ่นเชิดเช่นนี้จะสะดวกและใช้ปราณกำเนิดน้อยกว่า แต่ข้อเสียคือหากหุ่นเชิดได้รับความเสียหาย กำลังรบของนักเชิดหุ่นจะต้องถดถอยลงมาก
วิธีที่สองคือทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดหลายตัว ข้อดีข้อเสียตรงกันข้ามกับวิธีที่หนึ่ง
ถันชิวเซิงใช้วิธีแรก ดาบสองคมขนาดมหึมาเป็นผลลัพธ์จากความอุตสาหะตลอดทั้งสามปีของเขา
ด้วยมีถันชิวเซิงเป็นคนเริ่ม ทุกคนข้างหลังเขาเรียกหุ่นเชิดออกมาพร้อมเพรียง กลิ่นอายของการสู้รบตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ...
“เดิมทีข้าไม่คิดจะสู้ แต่ในเมื่อศิษย์พี่ต้องการเช่นนี้ ข้าคงไร้ทางเลือก”
ป๋ายเสี่ยวเฟยดีดนิ้ว โม่ข่าที่อยู่เบื้องหลังพลันเรียกหุ่นเชิดกระถางยาออกมาขยายขนาดใหญ่ขึ้นเสียจนน่ากลัว
ในขณะเดียวกัน หลินหลีหายตัวไปปรากฎบนขอบของกระถางยา นางจ้องมองถันชิวเซิงอย่างเย็นชา
ถันชิวเซิงลังเลขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีไร้ความหวาดเกรงของป๋ายเสี่ยวเฟย
‘มีบางสิ่งอยู่ในกระถางยานั่นที่ไม่ธรรมดา!’
ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ ถันชิวเซิงสำรวจบริเวณรอบด้าน แต่เดิมเขากะจะหยั่งเชิงดูการตอบสนองของป๋ายเสี่ยวเฟย แต่การตอบสนองนี้คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น
“ศิษย์พี่ เชิญ ไม่ต้องกังวล หากข้าถอยหลังเพียงหนึ่งก้าว ข้าจะออกจากสถาบันชิงหลัว!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ย จ้องมองถันชิวเซิงด้วยสายตาดุดัน
“ไอ้เด็กเวร! อย่าคิดว่าข้าไม่กล้า!”
ถันชิวเซิงคำราม มือยกดาบมหึมาขึ้นสูง แสงสีม่วงรายล้อมฝ่ามือของหูเซียนเอ๋อร์ขณะที่นางยืนอยู่ข้างเก้าอี้ ม่านตาหดลงจ้องมองถันชิวเซิง
หากถันชิวเซิงกล้าขยับตัว นางจะกระโจนเข้าไปทันที
มีเพียงนางที่ทุบตีป๋ายเสี่ยวเฟยได้!
ถึงแม้ป๋ายเสี่ยวเฟยจะถูกสังหาร ศีรษะของเขาก็ยังเป็นของนาง หูเซียนเอ๋อร์!
ความเย็นเยียบจู่โจมสันหลังของถันชิวเซิง มันหันไปมองหูเซียนเอ๋อร์โดยสัญชาตญาณก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก
‘ข้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจำนวนมากจากนาง! นางไม่ได้เสแสร้ง! นางฆ่าข้าได้!’
ถึงแม้หูเซียนเอ๋อร์จะสวมใส่ชุดของศิษย์ใหม่ แต่ถันชิวเซิงก็ยังเชื่อมั่นเช่นนี้!
ตัวตนของหูเซียนเอ๋อร์ลบความสงสัยที่เขามีต่อป๋ายเสี่ยวเฟยจนหมด และหากจะต้องต่อสู้กันจริงๆ พวกถันชิวเซิงอาจไม่ได้เปรียบนัก!
“ข้ารู้ว่าเจ้ากล้า แต่ข้ายืนยันได้ว่าถึงเจ้าจะกำราบข้าได้ในวันนี้ ในภายภาคหน้าจะยังมีป๋ายเสี่ยวเฟยคนที่สองและสามปรากฎตัวขึ้น! เพลิงโทสะของศิษย์ใหม่ได้ถูกจุดขึ้น และไม่มีใครสามารถดับมันได้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยหยิบยื่นมือไปจับดาบสองคมก่อนจะดึงมันมาจ่อที่คอของเขาอย่างช้าๆ
“เลือกเอาว่าจะไสหัวไปหรือจะตัดหัวข้า!”
บรรยากาศโดยรอบประหนึ่งถูกความเยือกเย็นแช่แข็ง บนสีหน้าของทุกคนเหม่อลอยจ้องมองป๋ายเสี่ยวเฟยและถันชิวเซิง ในเวลานี้ไม่มีใครสามารถขัดขวางถันชิวเซิงได้อย่างแท้จริง
“ตอนนี้เป็นเรื่องระหว่างเจ้ากับข้า อะไร? เจ้ายังไม่ขยับอีก?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยถามอีกครา เขาเห็นเหงื่อเย็นเยียบไหลผ่านหน้าผากของถันชิวเซิง
ในเวลานี้ ถันชิวเซิงรู้สึกราวกับถูกทรมาน การทรมานทางจิตใจ! เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาไม่อยากถือหุ่นเชิดตนนี้ หากเป็นไปได้ เขาอยากโยนมันไปไกลๆ เสียจะได้ไม่ต้องทนอยู่ในสถานการณ์อึดอัด
“เจ้าไม่กล้า? ถ้างั้นตาข้า”
เมื่อเขาเห็นถังชิวเซิงยังนิ่งเงียบ ป๋ายเสี่ยวเฟยผลักดาบออกไปจากคอ ถันชิวเซิงไม่ต่อต้านแม้แต่น้อย
ในวินาทีต่อมา ป๋ายเสี่ยวเฟยดึงมีดออกมาช้าๆ ก่อนจะจ่อไปที่ลำคอของถันชิวเซิง
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสให้เจ้าเลือกเป็นครั้งสุดท้าย ข้าจะนับหนึ่งถึงสิบ จะไสหัวไป หรือจะตาย!”
ขณะที่ถันชิวเซิงจ้องสีหน้าบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้มแม้เขาจะเป็นนักเชิดหุ่นที่มีระดับสูงกว่าป๋ายเสี่ยวเฟยหลายขั้น แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีทีท่าจะรอคอย เขาเริ่มนับตัวเลข
“หนึ่ง...”
“สาม...”
“แปด ...”
ด้วยวิธีนับเลขอันแปลกประหลาด นัยน์ตาของถันชิวเซิงเบิกกว้างแทบถลน ก่อนที่ตัวเลขต่อไปจะถูกเอ่ยออกมา ถันชิวเซิงรีบถอยห่างหนึ่งก้าว
ด้วยก้าวนี้ ผู้ชนะได้ปรากฎขึ้น!
“ไอ้เด็กเวร เจ้าหยิ่งยโสไปแล้ว!!!”
ก่อนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะทันได้ลิ้มรองผลไม้แห่งชัยชนะ เสียงแฝงความเคียดแค้นดังออกมา ศิษย์พี่เย่อหยิ่งข้างหลังถันชิวเซิงพุ่งกระโจนใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย มีดในมือแทงไปยังตำแหน่งหัวใจ
เหตุการณ์นี้เหนือความคาดคิดของทุกคน!