ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0737 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0739 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0738 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 738 : คลังความรู้แห่งจอมจักรพรรดิ

ฉินหยุนไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด กระนั้นเขายังคงสงบใจเอาไว้ได้

“อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอด!” ฉินหยุนพูดกล่าวกับตนเอง “ได้พบกับศัตรูเก่าในแดนวิญญาณอ้างว้างถือว่าดี ถือว่าเป็นโอกาสฝึกฝนเตรียมพร้อมการก้าวไปยังแดนเซียนอ้างว้างไปในตัว!”

ผ่านไปหลายวัน ฟ้าจึงค่อยสาง!

นกเหยี่ยวสีดำบินเร็วรี่อยู่หลายวัน ในที่สุดมันจึงค่อยปล่อยฉินหยุนทิ้งเอาไว้

เชือกที่พันธนาการร่างของเขาเอาไว้คลายออกด้วยตัวของมันเอง

“หยุนเอ๋อผู้งดงาม ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว!” ฉินหยุนหลับตาร้องบอกต่อหลิงหยุนเอ๋อ

“ข้ากลัวจนแทบตายแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อค่อยพูดกล่าวขึ้นก็ตอนนี้ “อสูรจันทรานั่นยังไม่ทราบว่าเจ้ามีวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ไม่เช่นนั้น นางจะไม่มีทางปล่อยเจ้ามาเช่นนี้แน่!”

“หยุนเอ๋อ เหตุใดเจ้าหวาดกลัวนางเพียงนั้น?” ฉินหยุนสงสัยจนต้องเอ่ยถาม

“เพราะนางผู้นั้นสามารถกลืนกินข้าได้! อสูรจันทราเช่นนาง สามารถพรากเอาวิญญาณเต๋าผู้อื่นได้ง่ายดายนัก! ข้าไม่คิดอยากไปจากเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “อีกทั้ง หลังจากที่นางนำข้าไป ข้าจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดสารพัดอย่าง!”

“เสี่ยวหยุน อสูรจันทราที่เจ้าพบเจอ กล่าวได้ว่าดียิ่งแล้ว! หากเป็นตัวตนอื่นที่ไร้ซึ่งเหตุผล เจ้าคงได้ทราบว่าเหตุใดข้าจึงกลัว!”

ฉินหยุนถูกนำมาทิ้งไว้ในบริเวณทะเลทรายสีดำเปล่าเปลี่ยว

แม้เป็นช่วงกลางวัน เก้าตะวันกลับถูกบดบังไว้โดยชั้นหมอก เก้าดวงตะวันที่เห็นเลือนรางจึงมีแต่ความเย็นเยือก

“ความสัมพันธ์ระหว่างอสูรจันทราและพี่หยางกล่าวได้ว่าดี! กระนั้นนางกลับปล่อยให้คนพวกนั้นจากภายนอกได้เข้ามา!” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“หรือว่านางมีแผนการใหญ่?” ฉินหยุนตกใจยามนึกขึ้นได้

“ข้าไม่ทราบ โดยสรุป อย่าได้คิดอื่นใดให้มากความ! เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแห่งนี้อันตรายยิ่ง!”

กระทั่งตอนนี้ หลิงหยุนเอ๋อก็ยังคงหวาดกลัว

อารมณ์ฉินหยุนก็ดำมืด เขาเดินไปในทะเลทรายไร้สิ้นสุด

อย่างกะทันหัน เขารับรู้ได้ว่าวิญญาณเทวะเก้าตะวันปรากฏขึ้นที่ข้อมือ

“เจ้าหนู นี่เจ้าอยู่ที่ใด? เหตุใดข้ารับรู้ถึงออร่าของจันทราทมิฬ?” เสียงของเหยาเฟิงดังขึ้น

ฉินหยุนพอได้ยินเสียงเหยาเฟิง เขาเร่งร้อนเอ่ยคำด้วยความตื่นเต้นยินดี “พี่สาวเหยาเฟิง ข้าอยู่ในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ข้าจะหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างไร?”

“เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหยาเฟิงพอได้ฟัง นางจึงหัวเราะเสียงดัง

“พี่สาวเหยาเฟิง เหตุใดท่านจึงหัวเราะ? จะบอกข้าว่าท่านไม่รู้วิธีออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนร้องโพล่งถาม

“หลายปีมาแล้ว มีสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นล้นพ้นถือกำเนิดขึ้นที่พระราชวังกวงหาน นางคือผู้ที่จะได้ขึ้นเป็นนายหญิงใหญ่แห่งพระราชวังกวงหานในภายหน้า! นางถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ และนางกระทั่งฝึกฝนจันทราทมิฬได้สำเร็จ!”

“นามของนางคือเย่ว์โยว หนทางการขึ้นเป็นราชันเซียนของนาง กล่าวได้ว่าใช้เวลาไปเพียงน้อยนิด!”

“ครั้งนั้นที่แดนเซียนอ้างว้าง นางเป็นราชันเซียนผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง! ภายหลัง เพราะเจ้าจัดฉากใส่ร้ายแก่นาง ทำให้นางถูกหลายกองกำลังข่มเหงจนสุดท้ายต้องถูกผนึกเอาไว้ภายในเขตแดนอ้างว้างที่แดนวิญญาณอ้างว้าง! จากนั้นมันจึงถูกเรียกขานเป็นเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ!”

ฉินหยุนพอได้ฟังคำของเหยาเฟิง เขาจึงถอนหายใจยาว เขาพลาดที่ไม่อาจเข้าใจเรื่องราวในชาติภพก่อน แท้จริงแล้วมันถึงขั้นไปยั่วยุผู้คนไว้มากมายเพียงนั้น

“พี่สาวเหยาเฟิง ชาติภพก่อนข้าเพียงแต่ทำร้ายสตรีอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนโศกเศร้าเป็นล้นพ้นพร้อมเอ่ยถามออกไป

“ย่อมไม่ใช่! ตราบเท่าที่สร้างผลประโยชน์ให้ได้ เจ้าพร้อมทำร้ายทุกผู้คน! ตัวเจ้าแข็งแกร่ง กระทั่งจอมจักรพรรดิอสูรเซียนยังถูกเจ้าลวงหลอก กระนั้นเจ้ากลับให้ข้าเป็นผู้ที่ร่วงหล่นไปแทน เพราะเจ้าจึงทำให้ข้าต้องถูกสาป!” เหยาเฟิงเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเกลียดชังเป็นล้นพ้น

ฉินหยุนลอบหวาดกลัว เซี่ยฉีโหรว หยางฉีเย่ว์ ปิงชิง เชี่ยวเสวียนฉิน และเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ล้วนกล่าวขานถึงจอมจักรพรรดิอสูรเซียนว่าน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

หากเขามีกำลังเป็นแค่ราชันเซียน อย่างนั้นเขาจะไม่มีทางไปยั่วยุบุคคลเช่นจอมจักรพรรดิอสูรเซียน

แต่แล้ว ตัวเขาในชาติภพก่อน ถึงขั้นกล้าดีไปลวงหลอกต่อจอมจักรพรรดิอสูรเซียน!

“นี่ข้าไปหลอกจอมจักรพรรดิอสูรเซียนได้อย่างไร?” ฉินหยุนสงสัยอย่างยิ่ง เขาคิดว่าตนเองตอนนั้นคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตจึงทำเช่นนั้น

“วัตถุดิบโอสถที่เขารวบมายาวนานนับหมื่นปี พวกมันสำหรับใช้เพื่อปรุงยาเซียนอายุวัฒนะให้แก่เขา! เจ้าแสร้งทำตัวเป็นอาจารย์ปรุงยา หลอกลวงต่อเขาพร้อมเอาวัตถุดิบโอสถเหล่านั้นออกมา” เหยาเฟิงกล่าว “ภายหลัง เมื่อพวกมันเหล่านั้นตามรอยมา ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ พวกมันกลับเจอข้า เป็นผลให้ข้าต้องคำสาป!”

“มีแต่ข้าต้องส่งคืนโอสถเซียนเหล่านั้น มันจึงจะยอมถอนคำสาปข้า ทั้งยังจะกำจัดเจ้าไปอย่างไร้ซึ่งร่องรอย!”

ฉินหยุนที่ได้รับฟังคำกล่าวของเหยาเฟิงถึงเรื่องนี้ ทำให้เขาได้ทราบเบาะแสมาระดับหนึ่ง ครั้งหน้าเมื่อสอบถามต่อเซี่ยฉีโหรวและคณะ เขาจะได้มีทิศทางการสืบหาต่อไป

“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านเกลียดชังข้าเป็นพ้นล้น กระนั้นตัวข้าได้ตายไปแล้ว! ขอท่านช่วยเหลือข้า พี่ฉีโหรวได้ฝากความหวังทั้งหมดของนางเอาไว้กับข้า!”

ฉินหยุนกล่าว “ท่านเองก็ได้เห็น โชคชะตาข้าไม่เลวนัก เป็นข้าได้รับวิญญาณดวงตะวันถึงสอง! ในเก้าแดนอ้างว้าง วิญญาณดวงตะวันมีเพียงเก้า และข้าตอนนี้ได้รับมาแล้วถึงสอง!”

“คิดถึงเรื่องนี้ หากภายหน้าข้าได้เติบโต โอกาสที่ข้าจะแข็งแกร่งย่อมมีสูงส่ง ถึงตอนนั้น ข้าจะหาทางช่วยท่านถอนคำสาปให้จงได้!”

ฉินหยุนไม่ได้ยินเสียงเหยาเฟิงพูดกล่าวผ่านการสื่อสารใดอีก เขาจึงกล่าวต่อ “นอกจากเกลียดชังข้าแล้ว ท่านยังมีแต่ต้องฝากความหวังไว้กับข้า เช่นนี้ท่านจะได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่!”

“จริงด้วย ข้ายังมีวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ กระทั่งในแดนเซียนอ้างว้าง ก็คงมีน้อยคนที่จะครอบครองวิญญาณยุทธ์นี้!”

เหยาเฟิงย่อมทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ นางกล่าวเสียงเย็นเยือก “อย่าได้กล่าวถึงแดนเซียนอ้างว้าง กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้าง ก็ยังมีน้อยคนที่ครอบครองมัน! ข้าไม่อาจเข้าใจได้จริง เจ้าก่อกรรมทำชั่วเอาไว้มากมายในชาติภพก่อน แต่แล้วในชาติภพนี้ เจ้ากลับมีโชคอันมหาศาลหล่นทับ นี่ช่างไม่สมเหตุสมผล!”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “บางทีอาจเป็นข้าทำดีไว้ในชาติภพก่อนกระมัง? ภรรยาข้าก็กล่าว ว่าชาติภพก่อนของข้าเป็นคนดีผู้หนึ่ง!”

“เจ้ามีภรรยา? ผู้ใดเป็นภรรยาเจ้า?” เหยาเฟิงเอ่ยถาม

“เย่ว์หลาน ท่านรู้จักนางหรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น “ข้าไม่ทราบนามในชาติภพก่อนของนาง เป็นนางไม่ยอมบอกต่อข้า! จริงด้วย นางยังมีน้องสาวคนหนึ่ง นามคือเย่ว์เหม่ย!”

เหยาเฟิงไม่กล่าวคำใดแล้ว!

“พี่สาวเหยาเฟิง พี่สาวเหยาเฟิง ท่านรู้จักพวกนางหรือไม่?” ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าเหยาเฟิงต้องรู้จักสองพี่น้อง

“ข้าถามต่อเย่ว์หลานและเย่ว์เหม่ย พวกนางทั้งสองบอกว่าไม่เคยได้ยินบุคคลนามเหยาเฟิงมาก่อน!” ฉินหยุนกล่าวเสริม

“เย่ว์หลานเป็นภรรยาเจ้า? นี่ไม่มีทางเป็นไปได้!” เหยาเฟิงตะโกนเสียงดัง

“นั่นคือความเป็นจริง!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวคำ

“วิเศษนัก นี่ต้องเป็นเย่ว์หลานคิดแก้แค้น เพราะเหตุนั้นนางจึงแสร้งทำตัวเป็นภรรยาเจ้า เหอะ! เจ้าหนู ชะตาเจ้าต้องขาดในไม่ช้าอย่างแน่นอน!” เหยาเฟิงคล้ายเสียสติไปแล้ว

ฉินหยุนไม่คิดยั่วยุอันใดต่อเหยาเฟิง กระนั้น ตอนนี้เขาได้มั่นใจ ว่าเหยาเฟิงและเย่ว์หลานมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน

“ไว้ถึงวันนั้น ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านทราบว่าข้าเป็นคนดี!” ฉินหยุนเดินไปในทะเลทรายสีดำ ด้วยใจอันเด็ดเดี่ยว เขาร้องตะโกนบอกต่ออีกฝ่าย

เขาเชื่อในตัวเชี่ยวเย่ว์หลาน ดังนั้นเขาจะไม่สงสัยอันใด

ฉินหยุนเดินมาครึ่งวัน ท้องฟ้าจึงเริ่มมืด เขานั่งลงพร้อมนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมาคุ้มกันตนเอง

“เสี่ยวหยุน เจ้าเห็นหรือไม่? ปิงชิง เย่ว์โยว และเหยาเฟิง พวกนางทั้งสามต่างถูกผนึกไว้ ดังนั้นพวกนางจึงเกลียดชังต่อเจ้า เชี่ยวเสวียนฉินเองก็คล้ายไม่ทราบว่าภายหลังในช่วงชีวิตก่อนของเจ้าไปทำอันใด ทำให้นางเกิดความเข้าใจผิดต่อเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“ใช่ มีความเป็นไปได้มาก” ฉินหยุนพยักหน้ารับ “พี่หยาง เย่ว์เหม่ย เย่ว์หลาน รวมถึงเสี่ยวเม่ยเหลียน ทั้งหมดล้วนตายในเวลาใกล้เคียงกับข้า พวกนางล้วนดีต่อข้ายิ่ง!”

“ย้อนกลับไปตอนนั้น เจ้าจะต้องปิดซ่อนบางอย่างเอาไว้เป็นแน่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ส่วนเรื่องระหว่างเจ้าและเหยาเฟิง สมควรเป็นอุบัติเหตุไม่คาดคิด ดังนั้นพี่ฉีโหรวจึงไม่ทราบเรื่องนาง!”

“ปล่อยไปก่อนแล้วกัน ภายหน้าความจริงย่อมต้องปรากฏออกมา!” ฉินหยุนนอนลงบนทรายสีดำขณะจ้องมองท้องฟ้าสีแดงฉาน

กลางดึก เมฆหมอกบนฟากฟ้ากระจายหาย จันทราเย็นเยือกได้ปรากฏ

ฉินหยุนตระหนักได้ ว่าภายในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ในช่วงเวลากลางวัน มันจะมีหมอกคงอยู่ กระนั้นเมื่อตกกลางคืนจะไร้ซึ่งหมอก ราวกับมีคนควบคุมให้มันเป็นเช่นนี้

“เจ้ามารน้อย! เจ้าเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬได้อย่างไร?” เหยาเฟิงพลันเอ่ยถาม น้ำเสียงของนางละมุน เขาไม่ทราบว่าเป็นเพราะอันใด

ฉินหยุนบอกเล่าต่อเหยาเฟิงเรื่องโลงศพสีเงิน

“มีทางเข้าอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้! ข้าได้ยินว่าทางเข้ามันถูกผนึกเอาไว้!” เหยาเฟิงเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “แล้วผู้ใดกันที่หลงเหลือทางเข้าเอาไว้?”

“ข้าไม่อาจทราบ ทั้งหมดที่ทราบ คือสถานที่นี้เป็นอาณาเขตของเย่ว์โยว! นอกจากนี้แล้ว ข้ายังหวาดกลัวต่อนางอย่างยิ่ง ข้ากลัวว่านางจะจับวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของข้ากิน!” ฉินหยุนถอนหายใจ

“เช่นนั้น ก็มีสองวิธีการที่เจ้าสามารถใช้ออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ! หนึ่งคือหาทางออก อีกหนึ่งคือขอให้เย่ว์โยวนำเจ้าออกไป นางถูกผนึกเอาไว้เป็นเวลานาน ดังนั้นสมควรเข้าควบคุมเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬไปแล้ว” เหยาเฟิงกล่าว

“ทางออก?” ฉินหยุนนึกย้อนถึงบริเวณที่ตนร่วงหล่นลงมาครั้งแรก

กระนั้น เขากลับถูกพันธนาการเอาไว้และถูกเหยี่ยวยักษ์หิ้วมา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจดจำทางกลับไปได้

“พี่สาวเหยาเฟิง ขอบคุณท่านที่ชี้แนะ!” ฉินหยุนกล่าวอย่างสำนึกขอบคุณ

“ตราบเท่าที่เจ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ทำร้ายข้าในชาติภพก่อน ข้าก็จะยังเป็นเช่นเดิมที่ปฏิบัติต่อเจ้า!” เหยาเฟิงกล่าวคำ

“ชาติภพก่อนท่านมีสัมพันธ์อันใดกับข้าหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

“ข้าไม่บอก!” เหยาเฟิงตะคอกกลับ “เจ้าเพียงทราบว่าข้านามเหยาเฟิง ต่อให้ถามเสี่ยวโหรวหรือผู้อื่นไปก็ไร้ค่า!”

“นอกจากนี้ ไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าและข้ารู้จักต่อกัน!”

ฉินหยุนถาม “อย่างนั้นแล้ว ข้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่ได้ทำร้ายท่าน?”

“ช่วยข้าถอนคำสาป!”

เหยาเฟิงกล่าว “แม้ข้าถูกคำสาป กระนั้น... กระนั้นมันก็ยังนำมาซึ่งผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ พลังคำสาปที่เหนือล้ำนี้ มันทำให้ต้นกำเนิดชีวิตข้าเกิดการเชื่อมต่อ ข้าไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ข้าสัมผัสได้ถึงการฝึกฝนที่จอมจักรพรรดิอสูรเซียนรู้และเข้าใจ ผลประโยชน์ที่มันมีถือว่ามหาศาลนัก!”

ฉินหยุนสบถภายใน ในเมื่อผลประโยชน์ยอดเยี่ยมเพียงนั้น เหตุใดจึงเกลียดชังเขาอีก?

“พี่สาวเหยาเฟิง ผู้ใดนำท่านไว้ในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เป็นน้องสาวของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน และยังเป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานเป็นภรรยาของจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง ราชันเซียนโม๋จี นางคือมารดาของเสี่ยวโหรว!” เหยาเฟิงกล่าว

ฉินหยุนไม่คาดคิด ก่อนหน้าเขาเพียงคาดเดาโดยคร่าว กระนั้น เขาก็ไม่คิดว่าโม๋จีจะเป็นน้องสาวของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน

“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านทราบเรื่องวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรเพียงใด?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถามขึ้น “ภูมิความรู้การฝึกฝนของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน สมควรต้องทราบเรื่องการฝึกฝนร่างเซียนอสูรของข้าบ้างกระมัง?”

“มีเพียงสามคนที่ฝึกฝนร่างเซียนอสูรในแดนเซียนอ้างว้าง! ทว่าเหล่านั้นล้วนตายสิ้น จอมจักรพรรดิอสูรเซียน และจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง ทั้งสองร่วมมือกันสังหารบุคคลทั้งสาม หนึ่งในนั้นคือเสี่ยวโหรว!”

“และเจ้าสมควรเป็นบุคคลที่สี่! น่าขันยิ่งนัก ที่จอมจักรพรรดิอสูรเซียนและจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง ทั้งสองเองก็ฝึกฝนร่างเซียนอสูร กระนั้นข้าไม่อาจทราบว่าทั้งสองฝึกฝนได้สำเร็จหรือไม่!”

คำกล่าวของเหยาเฟิงทำเอาฉินหยุนถึงกับสะดุ้ง

“แม้ฟังดูน่าหวาดกลัว กระนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งข้าไว้ได้!” ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ “พี่สาวเหยาเฟิง ท่านสมควรมีภูมิความรู้การฝึกฝนของจอมจักรพรรดิอสูรเซียนหรือไม่ใช่? ท่านพอจะแบ่งปันมันกับข้าได้บ้างหรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด