เซียนเหนือวิถี ภาควิถีเซียน ปฐมบท กำเนิดเซียน

เซียนเหนือวิถี ภาควิถีเซียน ปฐมบท กำเนิดเซียน

ยามเช้าเฝ้ามองตะวันพ้นฟ้า เมฆาเปลี่ยนไปไร้รูปลักษณ์ กระแสคลื่นสาดซัดมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เฉกเช่นดวงใจแห่งเจ้า ยากจะหยั่งคาดเดาได้เช่นกัน

เกาะร้างที่มีขนาดไม่ใหญ่นั้น อยู่ลึกออกไปในทะเล ยากที่จะมีใครผ่านมาในเมื่อเป็นเกาะแล้งและปราศจากพลังเซียนแม้แต่น้อย

แต่บัดนี้เกาะร้างนั้นกลับมีต้นไม้สูงเกือบห้าสิบเมตรอยู่หลายสิบต้น และทั้งเกาะก็เหมือนกับป่าดงดิบ โดยมีใจกลางเกาะรูปยาวพื้นที่ขนาดสองตารางกิโลเมตรนี้เป็นป่าทึบที่สุด

ความเป็นไปนี้เกิดขึ้นมานานพอควร นับตั้งแต่ต้นไม้ยังมีขนาดต้นสูงเพียงศอก แต่บัดนี้ต้นไม้เหล่านี้สูงร่วมห้าสิบเมตร นานเท่าแล้วกันเชียว

ห้าปี สิบปี ร้อยปี

การคาดเดานี้ล้วนผิดทั้งหมด ในเมื่อมีไส้เดือนรากอสูรอยู่ การที่ต้นไม้สูงเพียงศอกเดียวไปเป็นต้นไม้สูงใหญ่กว่าห้าสิบเมตร เหตุก็เพราะว่าบนเกาะนี้มีสัตว์อสูรที่ชื่อว่าไส้เดือนรากอสูรอยู่ และมันสามารถเนรมิตให้เกิดสิ่งนี้ได้ภายในหนึ่งปี

มีเสียงเหมือนฟ้าร้องกระหึ่มดังมาจากภายในป่า หากสังเกตดูให้ดีจะเห็นเหมือนมีสายคาดสีเหลืองทองเวียนวนอยู่ภายในป่าทึบนี้ นั่นคือปรากฏการณ์อะไรกัน

แม้ว่าป่านี้จะรกทึบ แต่อย่างไรก็ตามมีพื้นที่หนึ่งที่ยังโล่งเตียน และบริเวณพื้นที่นั้นมีไข่มุกขนาดยักษ์ลอยหมุนวนอย่างไร้ทิศทางอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ พื้นที่นี่อยู่ตรงใจกลางของเกาะอย่างไม่น่าเชื่อ

และคืนนี้เป็นคืนที่ผิดปกติจากวันอื่นๆ เมื่อไข่มุกขนาดยักษ์นี้ ผิวเริ่มละลาย เผยให้เห็นถึงก้อนพลังสีฟ้าที่เรืองแสงอยู่ภายใน พื้นผิวก้อนพลังนี้ดูคล้ายกับภาพถ่ายพื้นผิวของดวงอาทิตย์

ภายในก้อนพลังสีฟ้าเรืองแสงนั้น มีร่างมนุษย์เปลือยเปล่าห้าร่างลอยขดตัวเหมือนกับทารกอยู่ในนั้น โดยที่ใจกลางของก้อนพลังยักษ์นี้เป็นผู้ชายและที่เหลือล้วนเป็นหญิง

เวลาผ่านไปก้อนพลังสีฟ้านี้ก็หดตัวลง ร่างของหญิงทั้งสี่นั้นพลันหลุดพ้นออกมาจากก้อนพลังสีฟ้า พวกเธอพลันเหยียดตัวออก ลืมตาขึ้นมา แล้วลอยออกไปราวกับไร้น้ำหนัก

“หวา พี่เหมยเหมย พวกเราต้องรีบไปก่อนที่พี่ชายจะลืมตาขึ้น” เด็กสาวคนหนึ่งร้องออกมา ใช้มือปิดบังส่วนสัดของเธอเอาไว้ แล้วพุ่งร่างออกไปจากบริเวณนั้น ติดตามด้วยเด็กสาวคนอื่น พวกเธอล้วนไร้เส้นผมเส้นขนบนร่าง

แต่ขณะที่พวกเธอกำลังทะยานร่างไปจากบริเวณนั้น ผมสีน้ำเงินที่วาวราวกับไข่มุกก็งอกออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ยาวประบ่า เช่นเดียวกับขนคิ้วสีน้ำเงิน

ผิวของพวกเธอราวกับถูกจัดสร้างขึ้นมาจากไข่มุกสีนวลขาว ทั้งเรียบลื่นนวลเนียนเปล่งประกาย ดูรวมๆราวกับพวกเธอเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ

ไม่นานนักพวกเธอก็ลับไปจากบริเวณนั้นก่อนจะหยิบแหวนมิติออกมาและสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะย้อนกลับมายังก้อนพลังสีฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศอยู่ที่เดิม ทั้งยังกักขังชายหนุ่มไว้ข้างใน หนึ่งในพวกเธอวางกางเกงว่ายน้ำไว้ให้เขา ก่อนที่พวกเธอจะปลีกตัวจากไปรออยู่ในที่ห่างออกไป

ไม่นานนักก้อนพลังนั้นก็เคลื่อนไหว มันค่อยเปลี่ยนสภาพเป็นไอหมอกสีฟ้าที่พวยพุ่งเข้าออกจากรูขุมขนของชายหนุ่ม พร้อมทั้งวนเวียนไปรอบกายของเขา

มันเบาบางไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านในชัดเจน

เขาก็เช่นเดียวกับบรรดาหญิงสาว ผิวกายราวกับไข่มุก ดูรวมๆแล้วเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ บนร่างของเขาเหมือนมีเส้นแสงสีทองบางเหมือนเส้นผมลากยาว และมีจุดสว่างสีฟ้าปรากฏขึ้นบนเส้นนั้นสมมาตรกันทั้งซ้ายและขวา

เมื่อไอหมอกสีฟ้าถูกซึมซับเข้าไปในร่างหมดแล้ว ร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นท่าขัดสมาธิดอกบัว และลดลงมานั่งยังแท่นศิลาที่ตั้งอยู่ด้านล่าง

สูดลมหายใจลึกแล้วลืมตาขึ้น หงเซียวสำรวจร่างกายของตนเอง ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจในผลลัพธ์ หยิบกางเกงที่ถูกทิ้งไว้ให้มาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกไปจากพื้นที่บริเวณนั้น

ก้อนพลังสีฟ้าที่เรืองแสงรายล้อมร่างของเขานั้นก็คือพลังที่สกัดออกมาจากเลือดเนื้อของหอยมุกศักดิ์สิทธิ์ออโรร่าซึ่งมีความสามารถในการสร้างชีพจรเซียนขึ้นมาได้โดยการใช้เวลาร้อยปีในการซึมซับพลังเซียนจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลั่นสร้างเป็นชีพจรเซียน แต่หลังจากที่หลอมเลือดเนื้อนั้นเข้ากับร่างเขาแล้ว มันก็เปลี่ยนไปเป็นมวลสารพลังงานชนิดหนึ่งที่เป็นสื่อพลังเซียน

มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งมากมาย แต่ทำไมเขาจึงเลือกเอาหอยมุกออโรร่า

คำตอบก็คือ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้วนสร้างชีพจรเซียนสำเร็จมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องหรือในไข่ หากว่าเขาใช้เลือดเนื้อเหล่านั้น ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถสร้างชีพจรเซียนได้

ส่วนหอยมุกออโรร่านั้นต่างกัน ตราบเท่าที่มันอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถสร้างชีพจรเซียนขึ้นมาได้จากความว่างเปล่า อีกทั้งต่อให้ถูกดึงเอาชีพจรเซียนออกไป มันก็ยังสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก

นอกจากนี้ เนื้อเยื่อของหอยมุกออโรร่ามีความซับซ้อนน้อย เขาสามารถสร้างรูปแบบการโคจรพลังเซียนมาใช้กับมันได้หลากหลาย

และตอนนี้เขาได้ดัดแปลงรวบรวมวิชาปราณและวิชาเซียนหลากหลายเพื่อสร้างการโคจรพลังเซียนแบบใหม่ขึ้นมาใช้เป็นการเฉพาะ

วิชาเซียนแบบใหม่นี้ก็เหมือนกับวิชาเซียนทั่วไป ที่โดยตัวการโคจรพลังเซียนเองนั้นจะไม่มีคุณสมบัติอะไรมากนักนอกจากยืดอายุขัยและทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่คุณสมบัติของวิชาเซียนทุกวิชาที่ต่างกันก็คือ การใช้งานร่วมกับอาคมเฉพาะตัวของวิชาเซียนแบบนั้นๆ

ดังนั้นวิชาเซียนของสำนักพรต วิชาเซียนเก้าวิถี จึงเหมาะกับการเขียนยันต์ การทำนายทายทัก และไล่ปีศาจ คาถาที่หงเซียวได้มาก็มีไม่กี่บทและดูเหมือนมีประโยชน์ไม่มาก

วิชาเซียนของสำนักหนึ่งที่หงเซียวได้มาจากหัวหน้าค่ายโจรเซียนมาร วิชาเซียนห้าธาตุ สามารถใช้คาถาเกี่ยวกับธาตุทั้งห้า แต่อาคมที่ได้มาไม่สมบูรณ์ มีเพียงคาถาเบื้องต้นบางคาถา บอลเพลิง บอลน้ำ หนามพสุธา

และก็ยังมีวิชาเซียนอีกหลายเล่มที่เขาได้อ่าน แต่ก็ไม่พบกับอาคมของวิชาเซียนเหล่านั้น เขาได้แต่ใช้วิชาเซียนเหล่านี้เป็นแหล่งค้นคว้าในการสร้างวิชาเซียนของตนเอง

ยังมีอาคมที่สามารถใช้กับวิชาเซียนอื่น น่าเสียดายที่หงเซียวไม่พบวิธีการโคจรพลังเซียนนั้น

ทั้งยังมีวิชาเซียนที่เขาได้ยินคำร่ำลือว่ามีอาคมที่สามารถใช้งานแมลงคุณไสยได้ และวิชาเซียนอื่นๆอีก

ส่วนวิชาเซียนของเขานั้นเน้นการใช้ประโยชน์วิญญาณ สามารถใช้อาคมสร้างสิ่งที่คล้ายกับเกราะวิญญาณและร่างจิตเทียมรวมกัน ซึ่งสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมานี้มีความเป็นตัวตนเหมือนกับร่างจิตเทียม ทั้งยังสามารถนำมาสวมทับร่างเหมือนเกราะวิญญาณ เขาเรียกอาคมนี้ว่า เวทภูษาเซียน เรียกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาว่า ภูษาเซียน เรียกวิชาเซียนของตนเองว่า วิถีเก้าภูษา

วิชาเซียนอื่นมีอาคมมากมาย แต่วิชาเซียนของเขาตอนนี้มีอาคมเพียงสองบท เวทภูษาเซียน กับ ผึ้งเซียน วิชาที่ดัดแปลงมาจากร่างจิตเทียมรูปแบบที่เขาใช้อยู่ให้เหมาะสมกับวิชาเซียน วิถีเก้าภูษา

เนื่องจากว่าเขาใช้เวลาหนึ่งปีนี้หลอมร่างเซียนสำเร็จ แต่ยังไม่มีชีพจรเซียน ดังนั้น ปราณเซียนไร้ลักษณ์และเกราะวิญญาณจึงยังไม่ได้สูญสลายไปไหนจากการเกิดขึ้นของชีพจรเซียน

แต่ทันทีที่เขาพ้นจากกรรมฐานในการหลอมร่างเซียน เขาก็รู้ได้ทันทีที่เขาทดลองโคจรพลังเซียนว่า พลังเซียนเริ่มสะสมตัวในร่างของเขาแล้ว และด้วยความที่มีร่างเซียนจักรพรรดิ สามารถรับรู้ถึงพลังเซียนในร่างได้ และสามารถโคจรพลังเซียนได้โดยไม่ต้องมีชีพจรเซียน และเขาได้ใช้ประโยชน์ข้อนี้มาเป็นเวลานาน ความเชี่ยวชาญนี้ย่อมทำให้เขาสามารถสะสมพลังเซียนในร่างได้รวดเร็วยิ่งกว่าหอยมุกออโรร่า

และยิ่งตอนนี้หลังจากที่เขาได้หลอมร่างเซียน เขาก็สามารถรับรู้พลังเซียนนอกร่างได้อย่างเบาบาง ทำให้เขายิ่งสามารถโคจรพลังเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เขาคาดว่าน่าจะสร้างชีพจรเซียนได้เร็วกว่าหอยมุกออโรร่าประมาณสิบเท่า หรือสิบปี แทนที่จะเป็นหนึ่งร้อยปี

อีกทั้งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในอาณาเขตยังปลูกสร้างตามรูปแบบของชีพจรเซียนวิถีเก้าภูษา และใช้คาถายันต์ต้องห้ามยันต์เดียวที่เขาได้เรียนมาบีบให้มันทำการโคจรพลังเซียนตลอดเวลา จนมีพลังเซียนเข้มข้นมหาศาลไหลเวียนอยู่ภายใน กลายเป็นค่ายกลยันต์ เพียงพอที่จะพาสี่เด็กสาวให้สร้างชีพจรเซียนสำเร็จภายในสิบปีเช่นกัน

“พี่ชาย” สี่เด็กสาวในชุดว่ายน้ำเข้ามากอดแขนเขาจนเป็นพวง ตอนนี้พวกเธอล้วนมีอายุสิบหกปีจนครบหมดทุกคนแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป

สำหรับพวกเขาแล้วนี่ก็เหมือนกับการหลับไปหนึ่งตื่น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น แต่รอบข้างพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

“เราไปสำรวจสถานที่กัน” หงเซียวยิ้มและชักชวน

“ไม่รู้ว่าจินปิงตัวโตเท่าไหร่แล้ว” จินหลินบ่น พร้อมกับส่งจิตเรียกหา

มีเสียงเหมือนฟ้าร้องครืนดังมาแต่ไกล ขณะที่พวกเขาเดินไปในป่าทึบหาทางไปยังชายหาด

ชั่วพริบตามังกรสีทองตัวใหญ่ยาวเกือบสองวาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

“จินปิง พาพวกเราไปที่ชายหาดหน่อยสิ”