ตอนที่แล้วเซียนเหนือวิถี ภาควิถีเซียน ปฐมบท กำเนิดเซียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 2

บาทที่ 1


บาทที่ 1

ทุกค่ำคืนพวกเขาทั้งห้าคนจะไปอยู่ยังใจกลางเกาะ ที่เดิมที่พวกเขาใช้เป็นที่หลอมร่างเซียน และทำการหลอมสร้างชีพจรเซียนอย่างไม่ลดละ

ทำไมชีพจรเซียนของพวกเขาจึงสร้างขึ้นได้ยาก ไม่เหมือนของผู้อื่นที่แม้อาจจะใช้เวลานานเหมือนกัน แต่ของผู้อื่นนั้นเมื่อรับรู้ถึงพลังเซียนก็จะใช้เวลาสร้างไม่นานถึงปี แต่นี่พวกเขาทุกคนรับรู้ถึงพลังเซียนแล้วแต่กลับต้องใช้เวลาสร้างชีพจรนานถึงสิบปี อีกทั้งหากอยู่แบบหอยมุกออโรร่าต้องใช้เวลาถึงร้อยปี

คำตอบก็คือชีพจรเซียนของพวกเขาเกิดจากพลังเซียนบริสุทธิ์ที่กลั่นตัวกลายเป็นชีพจร ไม่ใช่ส่วนของร่างกายที่แปรสภาพเป็นสิ่งที่กักเก็บพลังเซียนได้

ยามกลางวันพวกเขาก็จะไปใช้ชีวิตตามปกติ โดยมีร่างจิตเทียมเป็นข้าทาส คอยปลูกพืช หาปลา ปู กุ้ง หอย มาเป็นอาหาร

เวลาผ่านไปห้าปีอย่างรวดเร็ว หงเซียวอายุได้ยี่สิบห้าปี แต่เพราะว่าเขามีปราณเซียนไร้ลักษณ์ อายุกระดูกของเขาจึงยังอยู่ที่ยี่สิบปี รวมไปถึงรูปร่างหน้าตา เช่นเดียวกันกับเด็กสาวทั้งหลายที่เปลี่ยนอายุไปมาระหว่างสิบหกถึงยี่สิบปี เพื่อดูว่าอายุเท่าไหร่พวกเธอจึงจะสวยที่สุด

ในวันนี้ขณะที่พวกเขาใช้ชีวิตกันไปตามปกติอยู่ที่ชายหาดนั้น พวกเขาก็รู้สึกบรรยากาศผิดปกติไปโดยไม่ทราบสาเหตุ บรรยากาศนี้ทุกคนแทบจะตระหนักได้ถึงความคล้ายคลึงกันกับความรู้สึกยามที่จินต้ามาเยี่ยม

วูบ พลันพวกเขาก็เห็นมีคนในชุดนักพรตสีขาวยืนอยู่บนเรือลำน้อยบินลอยอยู่บนฟ้าเหนือหัว

“พี่… เจ้า…. เจ้าเป็นใครกัน ทำไมจึงมีป้ายหยกที่ข้าให้ไว้กับพี่ชาย” ร่างนั้นตะคอกลงมาที่หงเซียว

“เจ้า… เจ้าคือชิวเยว่” หงเซียวทักทาย เขาเกือบจำเด็กสาวคนนี้ไม่ได้ นานหลายปีแล้วนับตั้งแต่เธอจากไปจากจวนเจ้าเมือง

เธอสั่งให้เขาเก็บป้ายหยกไว้ให้ดีและเขาก็ทำตามนั้น เก็บป้ายหยกไว้เป็นอย่างดี และตอนนี้มันก็ห้อยคอของเขาอยู่ ทันทีที่เธอพูดถึงป้ายหยก เขาจึงค่อยนึกได้ว่าเด็กสาวสวยสง่าคนนี้ต้องเป็นชิวเยว่

“เจ้า.. เจ้ารู้จักชื่อข้าได้อย่างไร ใครบอกเจ้า” เธอตะคอกกลับมาอีก รู้สึกเหมือนกับพี่ชายทรยศต่อเธอ

“ใจเย็นๆ ข้าก็คือฉงฮุ้ยจินที่เจ้ารู้จัก แต่ว่าข้าได้เปลี่ยนโฉมหน้า เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ ถ้าเจ้าไม่เชื่อ สามารถลงมาพิสูจน์ได้ ข้าสามารถบอกกล่าวได้ทั้งหมด” หงเซียวกล่าว

“อย่างนั้นรึ เจ้าคือพี่ชายอย่างนั้นรึ” ชิวเยว่บังคับเรือน้อยให้ลอยลงสู่พื้นก่อนที่เธอจะก้าวออกมาจากเรือนั้น พร้อมกับถือแส้ปัดในมือ “เช่นนั้นข้าขอตรวจสอบร่างของเจ้าหน่อย”

ชิวเยว่เดินมาถึงตัวเขาในชั่วพริบตา กระทั่งหงเซียวยังรู้สึกตาลายไปวูบ เธอคว้าข้อมือของเขาขึ้นมา แตะนิ้วไปบนชีพจร หงเซียวรู้สึกถึงพลังเซียนไหลทะลักเข้าไปในร่าง

“เจ้าอยู่ในขั้นตอนการสร้างชีพจรเซียน พี่ชายฉงไม่มีทางสร้างชีพจรเซียนได้” เธอกล่าว พร้อมกลับปล่อยมือ แต่หันไปคว้าป้ายหยกที่คล้องคอเขาและกระตุกดึงจนเชือกหนังที่ผูกไว้ขาดออก

“เจ้ามั่นใจรึ ใครเป็นคนช่วยเจ้าฝึกพลังเซียนกัน ข้าคนนี้ไง ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าข้าสามารถโคจรพลังเซียนสำนักเจ็ดเมฆาได้” หงเซียวกล่าว พร้อมกับโคจรพลังเซียนหนึ่งรอบหนึ่ง เขาไม่อยากทำเช่นนี้นัก เพราะว่าการทำเช่นนี้จะสลายชีพจรที่กำลังสร้างขึ้นมาไปเล็กน้อย

“อืม ใช่ นี่เป็นพลังเซียนที่พี่ชายฉงส่งผ่านเข้าสู่ร่างข้าจริงๆ” ชิวเยว่กล่าว

“เจ้าก็รู้ว่าข้าทำเช่นนี้ได้เพราะว่าข้ามีร่างเซียนจักรพรรดิ” หงเซียวกล่าว

“แต่หน้าท่านไม่เหมือนเดิม” ชิวเยว่กล่าวอย่างลังเล

“เด็กน้อย นี่คือพี่ใหญ่ฉงจริงๆ แต่เพราะคำมั่นสัญญาไว้กับเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนหน้าตาเป็นอย่างนี้ ถ้าเจ้าต้องการรายละเอียดข้าสามารถบอกเจ้าได้” จินหลินกล่าว

“เจ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่พี่ชายฉงอยู่กับข้า เจ้าจะรู้ได้อย่างไร” ชิวเยว่แย้ง

“เด็กน้อย เจ้า--”

“อย่าเรียกข้าว่าเด็กน้อย ข้าอายุสิบแปดแล้วตอนนี้” ชิวเยว่ขัดขึ้น

“ได้ น้องสาว เจ้าชื่ออะไรล่ะ” จินหลินถาม

“ข้าชิวเยว่ แล้วเจ้าล่ะ” ชิวเยว่ย้อนถาม

“ข้าจินหลิน ตามข้ามาสิ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังว่าเขาคือฉงฮุ้ยจินอย่างไร” จินหลินกล่าว เธอเดินนำหน้าตามหลังด้วยชิวเยว่ ไปนั่งยังเก้าอี้ชายหาดที่เป็นเก้าอี้ผ้าใบ ทำเอาชิวเยว่ทำตัวไม่ถูก แต่ก็เอนตัวลงนอนไปบนเก้าอี้เลียนแบบจินหลิน

บรรยากาศอันเคร่งเครียดนั้นคลายตัวลงเมื่อคนคนหนึ่งรู้จักผ่อนคลาย เมื่อจินหลินเลิกเกร็งเอนตัวไปบนเก้าอี้ จิตใจเธอก็ผ่อนลง รับฟังจินหลินเล่าถึงเรื่องที่ฉงฮุ้ยจินเป็นคนสำนักคุ้มกันภัยและช่วยเหลือพวกเธอที่เมืองลี่อย่างไร ไปเมืองเฉินและพบกับอดีตหงเซียวอย่างไร และแลกเปลี่ยนตัวตนกันอย่างไร ตลอดจนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร

ชิวเยว่หันไปมองหงเซียวที่ยืนอยู่ห่างออกไปเป็นระยะ ซึ่งเธอก็จะเห็นเขาส่งยิ้มมาให้อย่างสนิทสนม เมื่อคลายปมในใจได้ เธอก็รู้สึกว่าเขาฟันฝ่าผ่านความลำบากมามากมายเหลือเกิน หากว่าไม่เก่งพอตัว เธออาจจะไม่มีวันพบกับเขาได้อีกครั้งก็เป็นไปได้ เมื่อคิดถึงจุดนี้เธอก็อดใจหายไม่ได้

ถ้าหากว่าเขาเป็นพี่ชายฉงจริง การที่เขาฟันฝ่ามาจนถึงจุดนี้ มีศักยภาพที่จะผันตัวเป็นเซียนได้นั้น ชีวิตของเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากเหลือคณนานับ

ที่จินหลินอธิบายให้เธอมากมายก็เพราะว่า อีกฝ่ายนั้นเป็นเซียน หากว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด หงเซียวและทุกคนที่นี่ย่อมต้องพบกับความลำบากแน่นอน เพราะว่าพวกเธอย้ายไปไหนไม่ได้ในระหว่างช่วงเวลานี้ การมีปัญหากับเซียนนั้นยุ่งยากที่สุด

ชิวเยว่ลุกขึ้นแล้วตรงเข้าไปหาหงเซียวอีกครั้ง กล่าวว่า “ข้าขอตรวจสอบร่างท่านอีกครั้ง ถ้าท่านเป็นพี่ชายฉงจริง ท่านต้องมีร่างเซียนจักรพรรดิ”

หงเซียวพยักหน้า

ชิวเยว่ทำการสัมผัสไปบนส่วนต่างๆบนร่างกายหงเซียว เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าผิดปกติ แต่ก่อนนี้ด้วยความกังวลต่อพี่ชายฉงและความโกรธทำให้เธอละเลยการสวมใส่ของคนแต่ละคนที่นี่ไป แต่ตอนนี้เธอกำลังสัมผัสไปบนร่างเปลือยของชายคนหนึ่ง

เธอไม่สามารถตรวจสอบได้ผ่านสายตาเหมือนอาจารย์ของเธอ จางหยาง ได้ ดังนั้นวิธีการของเธอก็คือสัมผัสร่างของเขาโดยตรง

ร่างของเขาราวกับเป็นไข่มุกที่โค้งเว้าเข้ารูปคน แม้ว่าเธอไม่เคยเห็นร่างชายที่สวมใส่น้อยชิ้นจริงๆมาก่อน แต่เธอก็เห็นว่าเขานั้นมีโครงกระดูกกล้ามเนื้อได้สัดส่วน สาวน้อยที่ไม่เคยสัมผัสชายใดนอกจากพ่อและพี่ชายฉงนั้นหน้าแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

จุดที่เธอสัมผัสนั้นจะมีพลังเซียนวาบผ่านเข้าไปในร่างหงเซียวเป็นระยะ เธอใช้พลังเพื่อตรวจสอบถึงร่างเซียนจักรพรรดิซึ่งจะมีสัดส่วนบางอย่างเหนือมนุษย์

หน้าผาก อก หน้าท้อง หวา ช่างน่าอาย

ในใจสาวน้อยอดไม่ได้ที่จะเต้นตึกตัก เมื่อเธอตรวจพบสัญญาณที่น่าจะเป็นร่างเซียนจักรพรรดิที่หน้าผาก เธอก็มาตรวจสอบที่อกของเขา เสียงหัวใจที่เต้นตึกตักบนแผงอกอันแข็งแกร่งนั้นทำให้สาวน้อยอดใจหวั่นไหวไม่ได้ แต่เธอก็แข็งใจตรวจสอบพบสัญญาณของร่างเซียนจักรพรรดิที่นี่เช่นกัน

เธอแข็งใจใช้มือสัมผัสหน้าท้องของชายหนุ่ม กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งยืดหยุ่นกระชับนั้นทำให้ใจสาวอดหวั่นไหวไม่ได้ สุดท้ายเธอก็พบกับสัญญาณของร่างเซียนจักรพรรดิที่นี่จริงๆ

ควรทราบไว้ว่าร่างเซียนจักรพรรดินั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป เป็นร่างที่กระทั่งเซียนล้านคนยังอาจจะหาไม่พบแม้สักคน ดังนั้นชิวเยว่จึงเชื่อในคำพูดของหงเซียวในที่สุด

“ข้าต้องเปลี่ยนคำเรียกท่านว่า หงเซียว ใช่หรือไม่” ชิวเยว่ถามพร้อมกับทำหน้าแดง เมื่อเธอตรวจพบแล้ว ด้วยสัญชาตญาณความเป็นหญิงเธอจึงยังไม่กล้าที่จะใกล้ชิดกับเขาเท่าไรนัก

“หากเจ้าไม่ถือ จะเรียกข้าว่า พี่ชาย เหมือนกับตอนที่พบกันก็ได้” หงเซียวโปรยยิ้มหล่อเหลา

“พี่ชาย….” ชิวเยว่พูดทวน หน้าเธอแดงเข้มยิ่งขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด