ตอนที่แล้วตอนที่ 35: อัจฉริยะที่ไม่ค่อยสมบูรณ์กับบางสิ่งที่สมบูรณ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37: ออกตามล่ามังกรพีคอค

ตอนที่ 36: สู่เทือกเขาดราโกเนีย


ตอนที่ 36: สู่เทือกเขาดราโกเนีย

อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปหยุดโดเรียนในเมื่อเขาได้พุ่งตัวออกไปแล้วเช่นนั้น ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างรีบเร่งเข้าหากัน คังชอลอินไม่แม้จะมีโอกาสได้แยกตัวโดเรียนออกมาจากโอเกอร์ได้เลย

‘ก็ขึ้นอยู่ที่โชคของเจ้าแล้ว โดเรียน’

คังชอลอินปล่อยให้ชีวิตของโดเรียนขึ้นอยู่กับความเป็นไปทางโชคชะตาที่หนุนนำ

หากไม่คำนึกถึงทักษะมานาไฟมันคือการต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดที่มีความสูงถึง 3.5 เมตรกับมนุษย์ธรรมดาที่มีความสูงแค่เพียง 171 ซม. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโดเรียนจะแพ้ให้กับการต่อสู้ในครั้งนี้หรือไม่

ควัก!

โดเรียนออกกำปั้นที่ใช้มานาไฟคลุมมือเพื่อเพิ่มพลังพุ่งตรงเข้าใส่โอเกอร์

แคร่ก!

เสียงสิ่งของบางอย่างเกิดการแตกหัก

“อ๊ากกก!!”

ทันใดนั้นโดเรียนก็ล่วงหล่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่น

“ลูเซีย!”

คังชอลอินเรียกหาลูเซียขณะที่เขายังคงวิ่งไปข้างหน้า

“เจ้าค่ะ!”

ตอบรับการเรียกหาของคังชอลอิน ลูเซียเอาโล่อีจิสขนาดใหญ่ออกมาจากด้านหลังของนางเพื่อป้องกันโดเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ

ควัก!

เสียงดังลั่นเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเกราะโลหะของลูเซียปะทะกับการโจมตีของโอเกอร์

“อ๊ากก!!”

เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังระเบิดออกมาจากโอเกอร์

น่าประหลาดใจที่ฝ่ายพ่ายแพ้ในครั้งนี้คือโอเกอร์ในขณะที่ลูเซียยังมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

‘ทักษะพิเศษที่มีการป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม’

คังชอลอินรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นเช่นนั้น

ลูเซียสามารถป้องกันการโจมตีจากโอเกอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคือหลุมที่ลึกลงไปประมาณ 10 ซม. จากตำแหน่งที่นางยืนอยู่เพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีเวลาให้มาประหลาดใจได้มากนัก โอเกอร์เริ่มการโจมตีขึ้นอีกครั้งเมื่อโดเรียนที่ล้มคว่ำไร้ประโยชน์และกลายเป็นตัวภาระ ต้องมีใครสักคนเบี่ยงความสนใจมาจากโอเกอร์ไปให้ได้

‘มาเลย!’ คังชอลอินบุกเข้าหาโอเกอร์เพียงลำพัง

‘ตรงนั้น!’

เขากระโดดขึ้นสูงเพื่อลอยตัวอยู่กลางอากาศพลางมองหาจุดโจมตีโดยใช้ความได้เปรียบจากความสูงและมุมมองเช่นเดียวกันกับนกเหยี่ยว

ปั้ก!

ด้วยเหตุนี้ ดาบกลืนโลหิตของคังชอลอินจึงสามารถตัดผ่านไหปลาร้าของโอเกอร์ได้

หากการโจมตีครั้งนี้มีเกณฑ์คะแนนมาตัดสินมันจะต้องได้รับคะแนนเต็มอย่างแน่นอน

เส้นใยกล้ามเนื้อของโอเกอร์นั้นมีความแข็งแกร่ง แข็งแรงและยืดหยุ่นยิ่งกว่าเหล็ก กะโหลกของมันก็แข็งเหมือนอย่างเหล็กกล้า

คังชอลอินเล็งตำแหน่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดโจมตีที่น่าดึงดูดมากที่สุดในการโจมตีเพื่อจะได้กลับไปยังจุดอ่อนที่สุดของมันอีกที่หนึ่ง หากพุ่งเป้าโจมตีไปที่ไหล่จะไม่สามารถเจาะกระดูกด้านหลังและกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข้าไปได้ หรือถ้ามุ่งเน้นไปที่ส่วนหัว ดาบกลืนโลหิตของเขาจะต้องแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ

อ่าาาาาาา!!!!

โอเกอร์ปล่อยเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดหลังได้รับบาดแผลมาจากการโจมตีที่ไม่คาดคิด

‘ต้องโจมตีที่แผลร้ายนั่นต่อไป…’

คังชอลอินคิดหาวิธีอย่างรวดเร็วโดยตั้งใจจะใช้มานาไฟโจมตีไปที่บาดแผลซ้ำ ๆ แต่เขากลับไม่สามารถทำสิ่งที่คิดไว้ได้ โดยไม่คาดคิด โอเกอร์ที่แม้จะโดนโจมตีไปแต่กลับเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วเพื่อโต้กลับและพยายามบดขยี้คังชอลอินให้แหลกด้วยการแกว่งแขนทั้งสองข้างของมัน

‘ถอยก่อน!’

คังชอลอินละทิ้งการโจมตีไปอย่างใจเย็นเมื่อสถานการณ์เกิดการพลิกผัน เขาย้ายไปอยู่กับลูเซียอย่างรวดเร็วซึ่งตอนนี้พวกเขาได้อยู่นอกขอบเขตจากการโจมตีของโอเกอร์

“สภาพเขาล่ะ?” คังชอลอินถามขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่โอเกอร์ไม่วางตา

“เหมือนแขนขวาจะหักแล้วก็หมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เรียกทหารสี่นายมาเคลื่อนย้ายเขาออกไป เขาจะตายไม่ได้! ต้องทำให้เขามีชีวิตรอดอยู่ต่อ!”

“เจ้าค่ะองค์ราชันย์! ทหาร! ทางนี้! มารับตัวท่านโดเรียน!”

เมื่อได้ยินคำสั่งจากลูเซีย ทหารสี่นายที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหาโอเกอร์ได้รีบเปลี่ยนเส้นทางของพวกเขามารับตัวโดเรียนไปไว้ยังที่ปลอดภัยแทน

ขณะเดียวกันโอเกอร์ที่ระงับความเจ็บปวดได้ก็จ้องมองมาที่คังชอลอินหมายจะโจมตีมาที่เขา

“ไปกันเถอะลูเซีย!”

“เป็นเกียรติยิ่งนักเจ้าค่ะ!”

คังชอลอินและลูเซียวิ่งเข้าหาโอเกอร์ที่กำลังใกล้เข้ามา

การทำงานร่วมกันระหว่างพวกเขาทั้งสองสมบูรณ์แบบอย่างน่าประหลาดโดยคังชอลอินรับหน้าที่เป็นผู้โจมตีและลูเซียรับหน้าที่ต้านและการป้องกันตามสิ่งที่นางชำนาญ

ปั้งง!!

ในขณะที่โล่ของลูเซียกำลังป้องกันการโจมตีจากโอเกอร์…

ปั้ก!

คังชอลอินก็ได้ก้าวออกมาไปข้างหน้าเพื่อเร่งหาจุดอ่อนสำคัญของมันในทันใด

‘ลูเซีย เจ้าไปทางซ้าย!’

‘ข้าจะโจมตีมันจากทางด้านบน’

คังชอลอินและลูเซียสื่อสารแบบไร้เสียงพูดโดยใช้การเคลื่อนไหวและสายของพวกเขาขณะที่ต่อสู้กับโอเกอร์

การประสานงานและความสามัคคีระหว่างพวกเขาเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

แม้พวกเขาจะไม่เคยทำงานประสานร่วมกันเช่นนี้มาก่อนแต่คังชอลอินและลูเซียกลับสามารถประสานการต่อสู้ร่วมกันได้อย่างไร้ที่ติราวกับว่าพวกเขาร่วมฝึกด้วยกันมาเป็นเวลานาน

พวกเขาทั้งสองเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งสงครามที่สื่อสารกันด้วยกระแสจิต

ขณะเดียวกันนักผจญภัยที่สับสนก็เริ่มตั้งสติกลับคืนมาได้และรวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขาถืออาวุธหายากที่ได้รับมาจากคังชอลอินจนแน่นมือเพื่อเตรียมพร้อม

“กลับมา ลูเซีย!”

“เจ้าค่ะ!”

ทั้งคังชอลอินและลูเซียกระโดดออกมาจากวงต่อสู้พร้อม ๆ กัน

กรือออ…!!!

ความโกรธเกรี้ยวอย่างมากของโอเกอร์ถูกแสดงออกมาผ่านกล้ามเนื้อของมันที่ยึดตัวกันไว้ราวกับกำลังจะระเบิดออก

ในทางตรงกันข้าม คังชอลอินไม่มีเจตนาจะต่อสู้กับโอเกอร์อีกต่อไป การจะล้มโอเกอร์ในครั้งนี้ลงได้ต้องไม่ใช่เขาหรือลูเซียหากแต่เป็นเหล่านักผจญภัยพวกนั้น

“ตั้งโล่!”

เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและเผด็จการของคังชอลอินเริ่มนำทัพ

ตึก!

นักผจญภัยแปดคนที่มีร่างกายยอดเยี่ยมได้มารวมตัวกันเพื่อปักหลักโล่ของพวกเขา

“หอกไปอยู่ด้านหลัง!”

ส่วนนักผจญภัยที่ถือหอกหนามทมิฬและทหารจากลาพิวต้าอีกหกนายก็ได้ไปยืนตั้งรับอยู่ด้านหลังโล่

“ดาบ มารวมอยู่กับข้า”

นักผจญภัยที่ถือดาบกลืนโลหิตรวมตัวกันถัดจากลูเซียและคังชอลอิน

“โพดอส์กี้ เตรียมโซ่เหล็ก”

และสุดท้ายโพดอลส์กี้และนักผจญภัยอีกสามคนที่มีร่างกายกำยำจับโซ่ตรวนเหล็กแห่งพันธนาการไว้ด้วยจนมั่นมือ

กระบวนการการป้องกันและการเตรียมพร้อมต่อสู้จากคำสั่งของคังชอลอินถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด

“ไม่ต้องกลัว”

คังชอลอินพูดกับนักผจญภัยที่กลัวจนแทบหมดสติ

“หากทำตามคำสั่งจากข้า เราจะชนะ”

เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มอบผ่านเสียงจากคังชอลอิน เหล่านักผจญภัยต่างพากันมั่นใจมากว่าพวกเขาจะต้องไม่เป็นนอะไร มันคือพลังแห่งอำนาจที่มีให้เฉพาะผู้อยู่ในชนนั้นราชันย์ขึ้นไปเท่านั้น

รออออออออว์!!

โอเกอร์พุ่งร่างกายอันใหญ่โตตรงเข้าหาเหล่ามนุษย์เพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาพร้อมเสียงคำราม

“ดาบมาทางนี้! โล่เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ!”

โล่ตั้งพาวิสเตรียมการปะทะกับโอเกอร์ในขณะที่คังชอลอินก้าวเท้าออกเลี่ยง

ควัก!

โล่และโอเกอร์เกิดการปะทะกันในทันใด

“แทงหอก!”

หอกหนามทมิฬทั้งยี่สิบห้าด้ามเจาะเข้าช่องท้องของโอเกอร์

“โซ่เหล็ก ยึดร่างมันไว้ซะ!”

โพดอลส์กี้หมุนควงโซ่เหล็กในมือด้วยความโอ่โถงเพื่อผูกขาซ้ายของโอเกอร์ด้วยโซ่ตรวน จากนั้นนักผจญภัยอีกสามคนก็ได้เข้ามาใกล้เพื่อออกแรงดึงโซ่เหล็กด้วยความสามารถทั้งหมดของพวกเขา

ควัก

โอเกอร์ล้มกระแทกพื้นเพราะเกิดการสูญเสียความสมดุล มันจะสามารถรักษาความสมดุลนี้เอาไว้ได้ถ้ามันเติบโตจนเต็มวัยแต่อย่างไรก็ตามมันยังโตไม่เต็มที่ดังนั้นแรงที่ใช้ในตอนนี้มันมากพอแล้วสำหรับการต้านพลังของมัน

“ดาบ เดินหน้า!”

สุดท้ายคังชอลอินก็นำนักผจญภัยที่ถือดาบกลืนโลหิตมุ่งหน้าเข้าหาโอเกอร์

ปั้ก!

ปั้ก!

ด้วยการฟาดฟันไม่ยั้ง เลือดสีแดงเกิดการหลั่งไหล

‘ใช่แล้ว มันต้องแบบนี้’

นี่คือการต่อสู้ที่คังชอลอินต้องการซึ่งเป็นการฝึกให้นักผจญภัยมีจิตใจที่แข็งแกร่งเพื่อการประสานงานรูปแบบทางทหารในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดโดยเฉพาะ!

หลังจากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่คือการต้านทานที่ไร้ประโยชน์จากโอเกอร์

และผลที่ได้นั้น…

เสียงร้องแหบแห้งที่ดังลั่นจนน่าปวดหู

ในไม่ช้าการลงดาบอย่างต่อเนื่องของนักผจญภัยก็ได้มอบความตายให้กับโอเกอร์ในที่สุด

มันเป็นชัยชนะของหน่วยจู่โจมที่นำโดยคังชอลอิน ชัยชนะครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ของทีมผู้พิชิต

หลังจากการต่อสู้ในครั้งนั้น พวกเขาก็ได้ออกล่าสัตว์ประหลาดเช่นโอเกอร์และมิโนทอร์เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น

โดเรียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติถูกนำตัวกลับไปยังดินแดนลาพิวต้าเพื่อรับการรักษา

คังชอลอินรู้สึกผิดหวังที่โดเรียนไม่สามารถอยู่จนถึงตรงนี้ได้แต่เขายังคงดำเนินตามแผนที่ได้วางไว้อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเขาก็พอใจที่โดเรียนยังไม่ตายซะตั้งแต่ตอนนี้

แล้วอีกหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านพ้นไป

เมื่อนักผจญภัยได้มาถึงระดับ 20 โพดอลส์กี้ได้ทำการลอบฟังเหล่านักผจญภัยที่ทำงานใต้การบัญชาจากคังชอลอินอย่างระวัง เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ลับในฐานะหัวหน้ารักษาความปลอดภัย

“เฮ้อ ... นี่มันบ้าไปแล้ว บ้ามาก ๆ”

“อะไร?”

“ก็การล่าครั้งนี้กำลังฆ่าพวกเราทุกคน”

นักผจญภัยบางคนเริ่มส่งเสียงบ่น

“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็แข็งแกร่งขึ้น”

“ความแข็งแกร่งคือความทนทาน”

“เจ้ากำลังพูดเหมือนคนที่ร่ำรวยแล้วอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ได้รับมาเท่าไหร่แล้วล่ะ? แค่ไอเทมที่ได้รับมาในตอนนี้ก็มโหฬารมากพอแล้วมั้ง”

“ก็จริง”

“อย่างไรก็ตาม…ตัวตนของท่านแม่ทัพพวกเราคือใครกันแน่? พวกเจ้าไม่คิดสงสัยกันเลยหรือ?”

นักผจญภัยคนอื่น ๆ เริ่มแสดงความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคังชอลอินมากยิ่งขึ้น

“โดเรียนเองก็ดูไม่ธรรมดาแต่ท่านแม่ทัพน่ะเหมือนจะไม่ใช่คนซะด้วยซ้ำ”

“จริง ข้าเห็นด้วยกับเจ้า!”

“ข้าล่ะอยากจะเป็นบ้าไปทุกที ตอนที่ท่านแม่ทัพเผชิญหน้ากับโอเกอร์เพียงลำพังแบบนั้นจะเรียกว่ายังเป็นคนอยู่อีกได้อย่างไร?”

“ลืมมันไปซะเถอะ ต่อให้พวกเจ้าคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไรก็ไม่มีทางได้รับคำตอบนั้นกลับมา แค่นั่งลงสบาย ๆ แล้วเพลิดเพลินไปกับไอเทมที่เก็บได้ซะดีกว่า ข้าไม่มีความสนใจถึงตัวตนของท่านแม่ทัพอะไรทั้งนั้น ที่ข้าสนคือการสร้างรายได้และการเติบโตจนแข็งแกร่ง นั่นคือความต้องการทั้งหมดของข้า”

นักผจญภัยประมาณสิบคนกำลังยุ่งอยู่กับการพร่ำบ่นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกองไฟ

“แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังน่าประหลาดใจอยู่ดีไม่ใช่หรือไง? เราสามารถจัดการทำลายกับอะไรก็ได้ตราบเท่าที่เราทำตามคำแนะนำของท่านแม่ทัพ”

“ข้าเห็นด้วย ข้าคิดว่าพวกเราจะสามารถตามล่าได้ทุกสิ่งตราบเท่าที่ทำตามคำสั่งจากเขา”

“ตอนนี้ระดับของเราก็สูงขึ้นมากจนสามารถจัดการกับโอเกอร์ได้อย่างง่ายดายแม้จะไม่มีท่านแม่ทัพเป็นผู้นำทาง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าท่านแม่ทัพและลูเซียผนึกกำลังกันเมื่อไหร่ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเสียอีก”

“แน่นอนว่าพวกเราน่ะแข็งแกร่ง!”

“ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่นักแต่ระดับของพวกเราในตอนนี้ต้องติดอันดับต้น ๆ ในหมู่นักผจญภัยบ้างแหละ … ใช่ไหม?”

บทสนทนาของนักผจญภัยเต็มไปด้วยความเชื่อถือ ความไว้วางใจและความมั่นใจในตัวคังชอลอินอย่างท่วมท้น

โอ้ววว!!

โพดอลส์กี้ที่กำลังแอบฟังด้วยความร่าเริงรีบไปรายงานคำพูดที่เกิดขึ้นต่อคังชอลอินในทันที

“คงได้เวลาแล้ว”

คังชอลอินพยักหน้ารับเมื่อได้ยินรายงาน

นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ

ความเคารพ ความไว้วางใจต่อผู้นำ ความสามัคคีในหมู่นักผจญภัยและที่สำคัญที่สุดคือความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง ในที่สุดการเตรียมการเพื่อวัตถุประสงค์หลักของเขาก็เสร็จสมบูรณ์

‘แม้ว่ามันจะมาพร้อมกับการเสียสละไปก็ตาม’

หลังจากสั่งให้โพดอลส์กี้ไปเรียกรวมตัวนักผจญภัยมาเพื่อแจ้งข่าวสำคัญ คังชอลอินจมอยู่กับความคิดตัวเองชั่วขณะหนึ่ง

‘เราคือราชันย์ ดินแดนของเราคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด’

แน่นอนว่าจะต้องมีใครบางคนพบจุดจบของชีวิตในการออกล่ามังกรพีคอคครั้งนี้

ขั้นต่ำอาจเสียชีวิตถึงสิบรายและในกรณีร้ายแรงมากก็อาจถึงยี่สิบ หรือหากเป็นในกรณีที่เลวร้ายมากที่สุดก็คงจะเหลือแค่เพียงคังชอลอินและลูเซียสองคนเท่านั้นที่ได้รอดชีวิตกลับมา

อย่างไรก็ตามเพื่อจุดประสงค์ในการกำจัดมังกรพีคอคกองทัพผู้พิชิตนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น พวกเขาเป็นเหมือนทหารรับจ้างที่จะรักษาอำนาจของลาพิวต้าและกลายเป็นลูกค้าที่สำคัญในอนาคตของดินแดน

แม้มันจะดูเป็นการใจไม้ไส้ระกำที่ราชันย์ไม่เคยคิดมีต่อพลเมืองในดินแดน แต่การแสดงความเมตตาต่อคนที่ไม่ใช่พลเมืองในดินแดนนั้นไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น นอกจากนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในเมื่อบางครั้งราชันย์เองก็จำเป็นต้องส่งใครบางคนเข้าสู่ขุมนรก

“เรากำลังออกเดินทางเพื่อตามล่าสัตว์ประหลาดระดับ 40”

คังชอลอินป่าวประกาศ

“มันเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งในฐานะที่เป็นสายพันธุ์แยกย่อยของมังกร มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ต่างไปจากสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่เราเคยได้เผชิญมาก่อน”

มันเพิ่งผ่านมาได้แค่เพียงสองสัปดาห์และด้วยคำพูดเช่นนี้อาจทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ไม่มีแม้แต่นักผจญภัยคนใดที่จะแสดงความกลัวหรือสับสนออกมา พวกเขาสงบต่างจากตอนแรกไปโดยสิ้นเชิง

“ความตายในครั้งนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่สิ ใครบางคนในที่นี่จะต้องตายอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็อาจสิบคนหรือมากกว่านั้น”

คังชอลอินยกความเสี่ยงขึ้นมาเดิมพัน

อย่างไรก็ตามมันยังคงเป็นเหมือนเดิม พวกเขายังคงสงบ

รวมไปถึงมีนักผจญภัยบางคนที่เริ่มแสดงความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาแทน

“แล้วปัญหาคืออะไร?”

บิลลี่ นักผจญภัยชาวแอฟริกัน-อเมริกันตะโกนถามพลางลุกขึ้นยืนด้วยความสูง 190 ซม. เขากลายเป็นผู้ศรัทธาและผู้ชื่นชมคังชอลอินอย่างเต็มตัว

“พกวเราจะทำมัน! การเป็นนักผจญภัยของพวกเราต่างเต็มไปด้วยความเสี่ยงอยู่แล้วไม่ใช่รึ?!”

ภายในเวลาอันสั้น บิลลี่สามารถตระหนักได้ถึงการเป็นนักผจญภัยว่ามันคือสิ่งใด

ซึ่งนั่นก็คือการเอาชีวิตของพวกเขามาจำนำขณะเดินไปรอบ ๆ แผ่นดินอันยิ่งใหญ่ของแพนเจีย นั่นคือสิ่งที่นักผจญภัยเป็น

“ข้าจะทำมัน! หากได้ร่วมมือกับท่านแม่ทัพแล้วยังมีสิ่งใดให้ต้องกลัวอีกกัน?! นอกจากนี้ยิ่งมันเป็นอันตรายมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้รับกลับมามากขึ้นเท่านั้น! จริงหรือไม่?”

“ถูกต้อง” คังชอลอินตอบกลับ

จากนั้นเขาก็เริ่มพูดถึงของที่จะได้รับเมื่อมังกรพ่ายแพ้เพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับนักผจญภัย

“เนื้อของสัตว์ประหลาดที่ข้าต้องการออกตามล่าคือยาสำหรับคนที่มีสุขภาพอ่อนแอและเพื่อเพิ่มให้อายุยืนยาว การดื่มเลือดของมันจะช่วยเพิ่มมานาได้ ขนหางของมันสามารถนำไปใช้สร้างไอเทมที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้อย่างรุนแรง นอกจากนี้ดวงตาของมันยังเป็นส่วนผสมที่ดีในการทำไอเทมเพื่อต้านเวทมนตร์”

มันเป็นเหมือนกับดาบสองคม ที่อันตรายแต่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตามคำตอบของนักผจญภัยที่ได้รับกลับมานั้น ...

"เราจะทำมัน"

นักผจญภัยอีกคนตอบรับ

สมาชิกทุกคนในทีมพิชิตต้องการร่วมออกเดินทางไปพร้อมกับเขาเพื่อพิชิตมังกรพีคอค

“ข้าก็จะทำ”

“ท่านแท่มัพ รวมข้าเข้าด้วย!”

“เราทำได้!”

“อยู่กับท่านแล้วเรายังต้องกลัวอะไรกันอีก?!”

“เกิดมามีชีวิตแค่เพียงหนึ่งครั้งเช่นนั้นข้าจะขอใช้ให้มันคุ้ม ๆ!”

“มาร่วมพลิกผันโชคชะตาของพวกเรากันเถอะ!”

“เราจะทำมันอย่างแน่นอน!”

ยกเว้นนักผจญภัยอีกสามคนที่เห็นครอบครัวของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นักผจญภัยคนอื่น ๆ ที่เหลือตอบตกลงที่จะติดตามไปกับคังชอลอินในครั้งนี้

สำหรับนักผจญภัยที่อาจถูกโจมตีได้ทุกเมื่อเหมือนโดนพลังและการควบคุมของคังชอลอินสะกดจิต พวกเขาต่างมองไม่เห็นถึงความน่ากลัวที่รออยู่ข้างหน้า แม้จะเป็นการกระทำที่เสี่ยงถึงความตายแต่ความเชื่อมั่นในตัวของพวกเขาได้ลบล้างข้อเท็จจริงนั้นไปจนหมดสิ้น สิ่งที่คังชอลอินต้องการก็คือการมีอยู่ของผู้พิชิตกลุ่มนี้

“เอาล่ะ”

คังชอลอินเผยรอยยิ้มพอใจก่อนจะพยักหน้า

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่ร่วมต่อสู้กับพวกเจ้าทุกคน”

เขาพูดด้วยใจจริง

คังชอลอินเคยคิดว่าจะมีใครยอมกระโดดเข้ากองไฟเพียงเพื่อความทะเยอทะยานของตนเองบ้างหรือไม่ และนี่ก็พิสูจน์ให้เขาได้เห็นถึงความคิดนั้น

“สัตว์ประหลาดที่เราจะออกล่ากันในคราวนี้มีชื่อว่า … มังกรพีคอค”

ด้วยเหตุนี้ ทีมผู้พิชิตที่นำโดยคังชอลอินก็เริ่มออกเดินทางจากป่าปีศาจและมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาดราโกเนียเพื่อออกตามล่าตัวมังกรพีคอค

มังกรพีคอคเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถหาติดตามได้ง่าย

มันเป็นมังกรที่มีรูปแบบมาจากมังกรเอเชีย สัตว์ประหลาดตัวนี้จะแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ผสมผสานกันระหว่างมังกรและนกยูงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นขนหางของมันจึงมักร่วงหล่นไปตามสถานที่ที่มันคงอยู่และเป็นการเปิดเผยตำแหน่งโดยที่มันไม่รู้ตัว

“มีแอ่งน้ำในป่าไซเปรสอยู่ตรงหน้าอีกประมาณ 7 กม. ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรังของมังกรพีคอคขอรับ”

พาชเชอร์เมอร์ นักล่าทหารผ่านศึกจากดินแดนลาพิวต้าที่ได้รับคำสั่งจากคังชอลอินให้มาติดตามหาตัวมังกรพีคอคล่วงหน้ากล่าวรายงานเป็นผลทำให้คังชอลอินไม่จำเป็นต้องออกไปค้นหาตามพื้นที่กว้างของเทือกเขาดราโกเนียให้เสียเวลาเปล่า

“เจ้าเคยเห็นมันมาก่อนหรือไม่?”

“ข้ายังไม่เคยเห็นมันมาก่อนขอรับ ไม่เช่นนั้นข้าคงเข้าใกล้ความตาย...”

พาชเชอร์เมอร์ไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยคเพราะดูเหมือนว่าเขากลัวการลงโทษอะไรบางอย่างจากคังชอลอิน

"ทำได้ดีมาก"

“...!”

“…!”

“แน่นอนว่าแค่การออกตามหารังมันเช่นนี้จำเป็นต้องใช้ความกล้าอย่างมาก ข้าจะตอบแทนเจ้าในไม่ช้าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ตอนนี้จงกลับไปที่รอที่ดินแดนเสีย”

“ข ขอรับ!”

“รีบไปซะ”

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติและตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่งขอรับองค์ราชันย์!”

หลังจากได้รับสัญญาว่าจะให้รางวัลแก่พาชเชอร์เมอร์ เขาได้คำนับขอบคุณคังชอลอินอยู่หลายสิบครั้งก่อนจะเดินทางกลับดินแดนไป

‘วันนี้เราน่าจะได้พบกัน’

มันผ่านมาเกือบสิบชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่เขาโกหกกับนักผจญภัยว่าให้แอบสุ่มเพื่อโจมตี คังชอลอินรู้สึกว่าการได้เผชิญหน้ากับมังกรพีคอคกำลังใกล้เข้ามา

ไม่เคยมีข้อพิสูจน์ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่คังชอลอินมีสิ่งที่มักเรียกกันว่า "สัมผัสที่หก" อยู่กับตัว และในที่สุด…ความรู้สึกนั้นก็ได้เกิดขึ้นในไม่ช้าอย่างที่เขาคาดการณ์

พึ่บ! พั่บ!

เสียงปีกโบกสะบัดดังก้องเข้ามาจากที่ไกล ๆ

.

.

สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง แปลได้แปลเถอะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด