เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0721 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 721 : สู่เทือกเขานิราศจันทรา
ฉินหยุนยิ่งผิดหวัง เดิมเขาคิดว่าจะได้ทราบตัวตนของเหยาเฟิงจากทางปิงชิงและเซี่ยฉีโหรว และจะได้หาหนทางแก้ไขข้อขัดแย้งที่มีต่อนาง
แต่ตอนนี้ ทั้งปิงชิงและเซี่ยฉีโหรวคล้ายไม่อาจจดจำเหยาเฟิงได้
อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็มั่นใจ ว่าเหยาเฟิงต้องเป็นคนคุ้นเคยต่อทั้งเซี่ยฉีโหรวและปิงชิง
“พี่ฉีโหรว เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านและพี่สาวปิงชิงถูกพรากความทรงจำไปส่วนหนึ่ง ทำให้ลืมเลือนเรื่องของเหยาเฟิงผู้นั้น?” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้น “เสี่ยวเม่ยเหลียนสามารถทำเช่นนั้นได้!”
เซี่ยฉีโหรวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงตอบ “ไม่น่าเป็นไปได้! ข้าสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าความทรงจำที่มีนั้นสมบูรณ์ หากส่วนหนึ่งถูกพรากหายไป ข้าย่อมต้องรับรู้ถึงมันได้!”
ฉินหยุนพลันนึกขึ้นได้ ว่าเซี่ยอู๋เฟิงและคณะ ต่างทราบกันอย่างชัดเจนว่าความทรงจำขาดหาย
“อย่างนั้นแล้วเหยาเฟิงคือผู้ใด? แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดีหากนางยังเอาแต่รั้งสิ่งของภายในไข่มุกเม็ดที่สามเอาไว้?”
ฉินหยุนพอคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งร้อนใจและรู้สึกโกรธเคืองไม่ใช่น้อย ทั้งยังปรากฏเป็นความอับจน
“เสี่ยวหยุน หากเจ้ามีโอกาส ลองพยายามสนทนาต่อนาง หาทางแก้ไขข้อเบาะแว้งระหว่างเจ้าทั้งสอง!” เซี่ยฉีโหรวกล่าวปลอบ “ข้อพิพาทระหว่างเจ้าและปิงชิงยังเลือนหายได้ บางทีระหว่างเหยาเฟิงและเจ้าก็ย่อมต้องคลี่คลายได้เช่นกัน”
“สาเหตุว่าทำไมระหว่างข้าและพี่สาวปิงชิงคลี่คลายต่อกันได้ นั่นก็เพราะเป็นข้อพิพาทเล็กน้อย รวมถึง... เป็นนางที่ยังมีความรู้สึกต่อข้า” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าว “ทว่าเหยาเฟิงผู้นี้ คล้ายเกลียดชังข้าจากก้นบึ้ง!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงท่าทีซึ่งเหยาเฟิงมีต่อเขา ความรู้สึกสิ้นหวังปรากฏเด่นชัด
เซี่ยฉีโหรวหัวเราะเบา “เสี่ยวหยุน เจ้าต้องอดทนเข้าไว้! อย่างไรแล้ว เหยาเฟิงก็จมดิ่งอยู่ในสภาพเช่นนั้น นอกจากนี้ นางยังอยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันมายาวนาน เป็นไปได้ว่าสภาพจิตใจของนางอาจเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นมาบ้าง”
“อย่างไรแล้ว นางก็ยังจดจำข้าได้อยู่ ทั้งยังทำเพื่อข้า ที่ไม่พรากวิญญาณเทวะเก้าตะวันไปจากเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”
“หรือก็คือ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเจรจากับนาง ขอให้นางมอบสิ่งของภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันให้แก่เจ้า”
“พี่ฉีโหรว ท่านรู้จักสตรีที่ร่างเล็กและงดงามประดุจรูปสลักหรือไม่?” ฉินหยุนถามขึ้น
“ย่อมต้องรู้จัก ทั้งยังมีมากมายนัก! เสี่ยวหยุน ข้าอาศัยในพระราชวังเซียนตั้งแต่ยังเยาว์ สตรีทั้งหลายล้วนเรียกหาข้าเป็นเสี่ยวโหรว!” เซี่ยฉีโหรวถอนหายใจ “บางทีนามเหยาเฟิง นั่นอาจไม่ใช่นามแท้จริงของนาง”
“และเสียงนางยังแหบห้าว!” ฉินหยุนกล่าว
“ท่ามกลางสตรีที่ข้าจำได้ ล้วนมีเสียงอันน่ารับฟัง หาได้มีผู้ใดมีเสียงแหบห้าว!” เซี่ยฉีโหรวตอบกลับ “เสี่ยวหยุน นางต้องคำสาป เป็นไปได้ว่าลำคอของนางอาจได้รับผลกระทบ ทำให้นางไม่อาจใช้เสียงเดิมที่มีได้”
“หากเจ้าสามารถติดต่อกับนาง ให้ถามถึงตัวตนของนางให้มากขึ้น หรืออาจจะทำให้นางเปิดเผยนามแท้จริงออกมา เช่นนั้นข้าจะได้ทราบว่านางคือผู้ใด!”
ฉินหยุนได้แต่ต้องปล่อยวางเรื่องนี้เอาไว้ชั่วคราว เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญอย่างการไปตามหาหยางฉีเย่ว์
เขายังเชื่อ ว่าหยางฉีเย่ว์ต้องรู้จักเหยาเฟิงผู้นี้
“พี่ฉีโหรว คำสาปจิตวิญญาณนั้นไม่มีทางคลายได้เลยหรือ?”
ฉินหยุนเชื่อว่าตราบเท่าที่เขาช่วยเหลือเหยาเฟิงคลายคำสาปได้ ไม่เพียงแต่จะคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างพวกเขา บางทีมันอาจให้นางได้ช่วยเหลือทั้งเซี่ยฉีโหรวและปิงชิง
“มีแต่จอมจักรพรรดิอสูรเซียนจึงสามารถถอนคำสาป ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสามารถทำให้จอมจักรพรรดิอสูรเซียน ถึงกับยอมจ่ายราคาอันสูงล้ำเพียงนี้เพื่อใช้คำสาปนี้ได้! จอมจักรพรรดิอสูรเซียนย่อมต้องเกลียดชังเหยาเฟิงเป็นล้นพ้น เพราะเหตุนั้นจึงร่ายคำสาปดังกล่าวต่อนาง!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“นางกล่าวว่าเพราะตัวข้าในชาติภพก่อนเป็นต้นเหตุ และตัวข้าในชาติภพก่อนถึงขั้นทรงอำนาจ ขนาดส่งนางไปมีเรื่องกับจอมจักรพรรดิอสูรเซียนได้เลยอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าก็เป็นแค่ราชันเซียนในชาติภพก่อน จอมจักรพรรดิอสูรเซียนขยับนิ้วมือก็สังหารเจ้าได้แล้ว!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “เสี่ยวหยุน เรื่องนี้อย่าได้คิดมากจนเกินไป เพียงทำไปตามเรื่องราวก็พอ!”
ฉินหยุนเพียงทราบว่าเหยาเฟิงแข็งแกร่ง นางคือผู้ที่มีความสามารถมากพอจะสร้างความเกลียดชังแก่จอมจักรพรรดิอสูรเซียนจนถึงกระดูกดำได้
เขาที่สนทนากับเซี่ยฉีโหรวเรียบร้อย จึงออกไปพบเจอแม่เฒ่าหม่าที่หอพิทักษ์กฎ แจ้งต่อนางถึงเรื่องที่เขาคิดเดินทางไปยังเทือกเขานิราศจันทรา
แม่เฒ่าหม่าทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองหุ่นเชิดจอมราชันดวงดาวอสูร ดังนั้นจึงยอมให้เขาไปได้โดยไร้ซึ่งกังวลใด นางเพียงแต่กล่าวเตือนให้ระวังอย่าได้ถูกจับตัว
ฉินหยุนยังได้ทราบจากแม่เฒ่าหม่า ว่ามีราชันยุทธ์ รวมถึงจักรพรรดิยุทธ์หลายคนอยู่ที่เทือกเขานิราศจันทรา พวกเขาเหล่านั้นล้วนมาจากแคว้นอื่นของแดนวิญญาณอ้างว้าง
“พี่หยาง ท่านถึงกับต้องเผชิญความยากลำบากมากมายเพียงนี้ที่เทือกเขานิราศจันทรา ข้าจะรีบไปพาท่านออกมาโดยเร็ว!”
ฉินหยุนไม่ทราบสภาพการณ์ของเทือกเขานิราศจันทราในเวลานี้ เขามีแต่ต้องไปตรวจสอบให้ทราบก่อน
เขาเลือกสวมใส่ชุดเรียบง่ายสีดำ ก่อนจะรอจนกระทั่งฟ้ามืด จึงค่อยออกเดินทางจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์โดยลำพัง
ตกดึก ฉินหยุนออกพ้นจากทางเข้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก่อนจะพบว่ามียอดยุทธ์และราชันยุทธ์ผนึกออร่าตนเองเอาไว้นับร้อยชีวิต
เมื่อพวกเขาเหล่านั้นพบเห็นว่ามีผู้ใดออกมา ยอดยุทธ์และราชันยุทธ์จะลอบเร้นในเงามืดออกไปตรวจสอบ เมื่อพบว่าเป็นชายวัยกลางคน พวกเขาจึงไม่คิดตามต่อ
ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าขัน ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลายต่างส่งสายลับมาที่นี่เพื่อจับตามองเขา กระนั้นตอนนี้ พวกเขากลับต้องมาตรวจสอบทุกผู้คนที่เดินทางออกมา
ฉินหยุนผ่านกลุ่มราชันยุทธ์เหล่านั้นมาได้โดยไม่ถูกพบเห็น เป็นเขาออกจากเมืองได้ง่ายดาย
เมื่อออกพ้นจากเมืองแล้ว เขาค่อยเก็บงำตัวตนก่อนจะพุ่งทะยานผ่านอากาศ มุ่งหน้าสู่เทือกเขานิราศจันทรา
เทือกเขานิราศจันทราค่อนข้างไกลห่าง กระนั้นหากรวดเร็วพอ เพียงไม่กี่วันก็สมควรเดินทางไปถึง
เส้นเขตแดนระหว่างแดนวิญญาณอ้างว้างและแดนอสูรอ้างว้างนั้นกว้างใหญ่ เทือกเขานิราศจันทราอยู่ตรงบริเวณเส้นชายแดน และแต่ละครึ่งของเทือกเขานิราศจันทราต่างตั้งอยู่ระหว่างสองแดนอ้างว้าง
ฉินหยุนหาได้ใช้อุปกรณ์วิเศษบินได้ เพราะเขาหาได้ครอบครองอันใดแม้เพียงชิ้น ดังนั้นจึงได้แต่ต้องออกบินด้วยตนเองผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน
ผ่านไปหลายชั่วโมงจึงเป็นช่วงดึกใกล้รุ่งสาง
ฉินหยุนยังคงบินอยู่เหนือภูเขาที่แห้งแล้ง แต่แล้วอย่างกะทันหัน เขากลับสัมผัสได้ถึงออร่าเจือจางที่ด้านหลัง มันอยู่ห่างออกไประดับหนึ่ง!
“มีคนตามมา!”
ฉินหยุนตื่นตะลึงภายในใจ เขาเร่งรีบเคลื่อนคล้อยลงสู่พื้น ก่อนจะใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงหลบซ่อนตัวใต้พื้นดิน
เขาได้ปล่อยเนตรวิญญาณไว้ที่บนพื้น ทำให้สามารถพบเห็นเรื่องราวด้านบนกระจ่างชัดผ่านพลังจิต
“เสี่ยวหยุน หลังจากที่จิตของเจ้าแปรเปลี่ยนเป็นจันทรา พลังจิตของเจ้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก กระนั้น เจ้ากลับเพิ่งพบว่ามีคนติดตามเจ้ามา! อีกฝ่ายย่อมไม่ใช่ตัวตนเล็กจ้อยแน่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ผู้เดียวที่ทราบว่าเจ้าเดินทางออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก็มีแต่แม่เฒ่าหม่า!”
“บางที อีกฝ่ายอาจไม่ได้ตามเราตั้งแต่ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ก็เป็นได้!” ฉินหยุนไม่คิดเชื่อว่าอีกฝ่ายติดตามเขามายาวนานเพียงนั้น
เพราะมองเขาแต่ภายนอกเพียงครั้งเดียวย่อมไม่มีทางทราบได้ นอกจากนี้ ตัวเขายังเก็บงำออร่าเอาไว้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ก่อนหน้านี้ ครั้งที่ออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ราชันยุทธ์หลายคนที่ทางเข้าไม่อาจจดจำเขาได้แม้เป็นในระยะประชิด
“จะบอกว่านั่นคือครึ่งเซียนอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนคิ้วขมวด
หลังรอคอยในพื้นดินอยู่ครู่หนึ่ง เนตรวิญญาณจึงค่อยพบเห็นบุคคลผู้หนึ่งกลางท้องฟ้า
เขาเพียงเห็นเป็นร่างเงาที่ลอยกลางอากาศ
จันทราครึ่งดวงบนฟากฟ้ายามราตรีส่องแสงสีน้ำเงินอ่อนจาง หากไม่ใช่เพราะกลุ่มเมฆหนาบดบังหลายต่อหลายครั้ง ฉินหยุนจึงไม่มีทางใช้งานพลังเงาได้อย่างแน่นอน
และตอนนี้ มวลเมฆหนาได้เลือนหายไปแล้ว หากฉินหยุนออกไป เขาต้องถูกพบเห็นอย่างแน่นอน
“นี่มันเป็นผู้ใดกัน? ถึงขั้นหยุดไล่ตามเราได้ตรงตำแหน่งด้านบนพอดิบพอดีเช่นนี้ จะบอกว่ารู้อยู่แล้วงั้นหรือว่าเราอยู่ที่ตรงใด?” ฉินหยุนโอดครวญภายใน
ตู้ม!
ขณะเขาครุ่นคิด พื้นดินกลับเริ่มสั่นไหว
“ยันต์วิญญาณระดับราชัน? ทั้งยังเป็นธาตุไฟ! ตัวตนที่โง่งม คิดหรือว่าข้าจะกลัวสิ่งของเช่นนั้น!” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าขันขณะยังคงซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน
ฉินหยุนทราบ ว่าที่บนพื้นมีอัคคีพิโรธ เขาหาได้คิดออกไปแต่อย่างใดไม่
ตู้ม ตู้ม ตู้ม...
ภายหลัง บุคคลกลางอากาศค่อยขว้างยันต์วิญญาณลงมาเพิ่ม เป็นผลให้พื้นดินต้องเกิดการยุบตัว
และนี่ ก็เป็นผลให้ฉินหยุนต้องเผ่นหนี
ที่ทำเขาประหลาดใจ คืออีกฝ่ายซึ่งอยู่บนอากาศทราบตำแหน่งของเขาอย่างแม่นยำ ที่ใดซึ่งเขาหลบหนีไปใต้ดิน ยันต์ระเบิดจะร่วงหล่นมาที่ตรงนั้น
“เสี่ยวหยุน อีกฝ่ายพยายามบังคับให้เจ้าออกไป จากที่เห็น ระดับการฝึกฝนไม่น่าจะสูงส่ง ไม่เช่นนั้นคงลงมือด้วยตนเองไปเรียบร้อยแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนไม่อาจใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงเป็นเวลานานได้ ด้วยอยู่ใต้ดินเช่นนี้ พลังที่เขาต้องจ่ายออกไปถือว่ามหาศาล
“ได้ อย่างนั้นออกไปพบหน้ามัน!” ฉินหยุนตัดสินใจทะยานร่างจากพื้นขึ้นกลางฟากฟ้า
อย่างรวดเร็ว เขาทะยานพรวดขึ้นพร้อมพบเห็นอีกฝ่ายที่อยู่กลางฟากฟ้าในชุดดำ ร่างนั้นถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด กระทั่งดวงตาก็ไม่อาจพบเห็นได้
“รับมือ!”
ฉินหยุนตะโกนดัง หมัดต่อยผ่านอากาศ ปลดปล่อยออกซึ่งพลังสั่นไหวรุนแรงจนพื้นเบื้องล่างสั่นสะเทือน
เขาคิดว่าหลังปลดปล่อยหมัดออกไป บุคคลในชุดดำนั้นจะต่อสู้ตอบโต้กลับมา
ผู้ใดกันคาดคิด ว่าบุคคลในดำผู้นั้นจะเร่งรีบเผ่นหนีหาย!
ทิศทางที่บุคคลในชุดดำมุ่งหน้าไป คือเส้นทางไปยังเทือกเขานิราศจันทรา ดังนั้นฉินหยุนจึงไล่ตามไปได้โดยไม่ติดขัดใด
“เจ้าวายร้าย อย่าได้หนีแล้ว!”
ฉินหยุนตะโกนไล่หลังพร้อมปล่อยคลื่นพลังผ่านหมัด กระนั้นเขากลับไม่อาจรั้งบุคคลในชุดดำเอาไว้ได้
“เสี่ยวหยุน อีกฝ่ายเจตนาล่อลวงเจ้าไปหรือไม่?” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “อย่าได้หลงกลมัน!”
ฉินหยุนคิดตาม เขาเลือกไม่ไล่ตามไป กลับกัน เขาเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อยที่ใช้มุ่งหน้าไปยังเทือกเขานิราศจันทราแทน
ที่ทำเขายิ่งโกรธแค้น คือบุคคลในชุดดำผู้นั้นกลับมาบินอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งยังเจตนารักษาระดับความเร็วผันแปรตามเขาด้วย
ฉินหยุนมีโทสะ เขาตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางอีกครั้งหนึ่ง
และก็เป็นเช่นเดิม บุคคลในชุดดำนั้นเร่งรีบเข้ามาบินอยู่ที่ตรงหน้า
“ตัวบัดซบผู้นี้มันจงใจหาเรื่องเกินไปแล้ว!”
ฉินหยุนมีโทสะสุมอัดแน่น เขาใช้เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์เคลื่อนตัวพร้อมหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
กระนั้น บุคคลในชุดดำที่เบื้องหน้ากลับตอบสนองรวดเร็ว อีกฝ่ายคล้ายตระหนักได้พร้อมไล่ตามมาราวกับรู้ทิศทาง
“มันผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดรวดเร็วได้เพียงนี้?” ฉินหยุนไม่อาจลงมือใดได้ การโจมตีทั้งหมดล้วนพลาด ทั้งยังไม่อาจไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน
เขาคิดอยู่ครู่ก่อนจะร่อนลงกลางพื้นที่ทะเลทรายเบื้องล่าง
ฉินหยุนไม่คิดบินไปต่อ แต่กลับเลือกที่จะวิ่งทางภาคพื้น
และก็เป็นดังที่คาด บุคคลชุดดำร่อนลงที่พื้นพร้อมเริ่มออกวิ่งที่ตรงหน้าของเขา
“เหอะ คราวนี้เป็นเจ้าที่ติดกับข้าแล้ว!” ฉินหยุนเกิดความยินดีขึ้นภายใน เขาปลดปล่อยวิชายุทธ์โทเทมต้นไม้ออกมา เป็นกรงเล็บพฤกษา
อย่างกะทันหัน รากไม้จำนวนมากพลันปรากฏที่เบื้องหน้าบุคคลในชุดดำเป็นแนวยาวนับร้อยเมตร และอีกฝ่ายตอบสนองช้าเกินไป เท้าของเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่กรงเล็บพฤกษาจนถูกจับตัวเอาไว้ได้
ฉินหยุนไม่คิดพลาดโอกาสนี้ เร่งรีบใช้งานร่างเงาประกายแสงสมบูรณ์ ใช้ความเร็วระดับสูงสุดพุ่งทะยานออก ในพริบตาเดียว เขาก็มาถึงเบื้องหน้าอีกฝ่ายแล้ว
บุคคลชุดดำผู้นี้ย่อมมีฝีมือ เขาเร่งรีบสลัดพ้นพันธนาการของกรงเล็บพฤกษา แต่ขณะคิดบินหนีหาย กลับต้องพบว่าถูกหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรเข้าจับกุมเอาไว้แล้ว
“พี่ชาย นี่ข้าเอง เย่ว์เหม่ย ข้าผิดไปแล้ว!” เสียงอ่อนหวานดังขึ้นจากภายในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
“เด็กน้อยผู้นี้อีกแล้ว!”
ฉินหยุนไม่ทราบว่าควรหัวเราะหรือหลั่งน้ำตาออกดี เขาสบถเสียงเบาก่อนจะปล่อยเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถอดเครื่องปลอมแปลงออก เผยซึ่งใบหน้างดงามมีเสน่ห์ดึงดูด
ฉินหยุนยืดมือเข้าไปลูบถูใบหน้าของนางอย่างแรงเป็นการระบาย
“เย่ว์เหม่ย นี่เจ้าไม่มีอื่นใดให้ทำแล้วหรือ!” ฉินหยุนต่อว่านางพลางลูบใบหน้านั้นไปด้วย
“พี่ชาย ไม่ใช่ว่าท่านคิดหาตัวข้าอยู่หรอกหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยปัดมือซุกซนของฉินหยุนออก พร้อมกล่าวด้วยท่าทีเสแสร้งโกรธเคือง
ฉินหยุนย่อมหาตัวเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่จริง ทั้งยังต้องการให้นางร่วมมือเพื่อทำการคัดลอกจารึกวิญญาณ!