ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 78 ข้าเป็นชายแท้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 80 รอคอยใครบางคน!

GOI ตอนที่ 79 โน้มน้าวหยุนจิงชวง


“ศิษย์พี่ พวกเราไปหาที่เงียบๆ คุยได้หรือไม่? ที่นี่มีคนมากมายเกินไป”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยปากพูด เมื่อเขากล่าวจบ หยุนจิงชวงหรี่ตาลง

หากไม่อาจพูดได้ในที่สาธารณะ เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องโสมม และหยุนจิงชวงเกลียดเรื่องโสมม

“ฮึ่ม! มีเรื่องอันใดที่เจ้าไม่อาจพูดออกมาตรงๆ ? หากพูดไม่ได้ก็หันหลังกลับไป! ประตูอยู่ตรงโน้น!”

ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะก่นด่าในใจ

‘บัดซบ! ข้าแหย่ผิดรัง!’

ในห้วงวิกฤติ ป๋ายเสี่ยวเฟยหันไปมองหันเชียนเย่ที่กำลังเล่นกับเสี่ยวเอ้อด้วยสีหน้าขอความช่วยเหลือ สติปัญญาของหันเชียนเย่ไม่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยผิดหวัง นางเข้าใจป๋ายเสี่ยวเฟยในทันที

แต่หันเชียนเย่ยื่นหนึ่งนิ้วออกมาก่อนจะชี้ไปที่เสี่ยวเอ้อ

ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อยส่งสายตาตอบตกลง

ด้วยเหตุนี้ เวลาที่เสี่ยวเอ้อถูกขายจะเพิ่มอีกหนึ่งวัน...

“หยุนเกอเกอ ไปห้องส่วนตัวกันเถิด? มีหญิงสาวไม่ดีมากมายที่นี่ มันไม่สะดวกสำหรับท่านในการพูดสิ่งใดด้วยเหมือนกัน”

คำพูดของหันเชียนเย่ได้ผลลัพธ์ที่ดี สีหน้าของหยุนจิงชวงผ่อนคลายขึ้นมาทันที

“หากเรื่องที่เจ้าต้องการจะพูดคุยเป็นเรื่องไม่ดี พวกเจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่ในสถาบันชิงหลัวต่อ เชื่อข้าเถอะ ช้ามีความสามารถพอจะทำเช่นนั้น!”

หยุนจิงชวงเอ่ยเสียงเย็นชาขณะที่เขาหันหลังเดินนำทาง หันเชียนเย่มองป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะเดินตามไป

ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นเปลี่ยนเป็นความเหยียดหยามทันทีที่หันเชียนเย่หันหลังกลับ

‘รอก่อนเถอะนังหนู!’

“พูดที่นี่ได้หรือไม่?”

ภายใต้การนำของหยุนจิงชวง ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่เดินเข้ามาในห้องเดี่ยวที่เงียบสงบกว่าภายนอกมาก

“ศิษย์พี่ ข้าอยากกล่าวล่วงหน้าก่อนว่าข้าไม่มีจุดประสงค์อื่นในสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด และข้าเพียงต้องการทราบถึงสถานการณ์บางอย่างเท่านั้น”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยให้หยุนจิงชวงผ่อนคลายขึ้น หลังจากหยุนจิงชวงตอบรับ เขาสูดหายใจเข้าลึก

“ศิษย์พี่ ท่านต้องการเงินจำนวนมากเพื่อบริหารศาลาบุปผาหรือไม่?”

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวจบ หยุนจิงชวงตกตะลึงชั่วครู่ เป็นปฏิกิริยานี้ของเขาเองที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยผ่อนคลายขึ้นได้

‘ดีแล้วที่เจ้ามีปัญหา ข้ากลัวอยู่เชียวว่าเจ้าจะรวยล้นฟ้า!’

“เช่นนั้นแล้วอย่างไร? เจ้าจะให้การสนับสนุนโดยไร้เงื่อนไขหรือ?”

หยุนจิงชวงเอ่ยเน้นย้ำคำว่า ‘ไร้เงื่อนไข’ เพราะมีคนจำนวนมากมายจากอันดับมั่งคั่งอยากจะเป็นสนับสนุนเขาหลังเขากลายมาเป็นเจ้าของศาลาบุปผา เขาได้ปฏิเสธทุกคนเนื่องเพราะพวกเขามีความคิดไม่ซื่อ!

แต่ค่าเช่าที่ของสถาบันชิงหลัวเกินตัวเขาอยู่บ้าง ถึงแม้ชาติกำเนิดของเขาจะร่ำรวย แต่เงินที่ตระกูลให้เขามาไม่ได้ไร้ขีดจำกัด เขาจึงไม่ปฏิเสธป๋ายเสี่ยวเฟยในทันที แต่หยั่งเชิงดูก่อน

“จะไร้เงื่อนไขหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของท่าน แต่ข้ายืนยันได้ว่าวิธีที่ข้าเสนอแนะจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งท่านและศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผา และข้าจะไม่กระทำสิ่งที่เป็นภัยต่อพวกท่าน”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก หยุนจิงชวงอดไม่ได้ที่จะเผยความสนอกสนใจ

เขาเกรงกลัวว่าจะมีคนทำอันตรายต่อดรุณีในอันดับบุปผาผ่านเขา มันจะทำให้เขาสูญเสียชื่อเสียงฐานะทั้งหมดไป

“พูดต่อ”

ท่าทีของหยุนจิงชวงผ่อนคลายขึ้นมากเพราะหากป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้หลอกเขา นี่จะช่วยจัดการปัญหาที่เขาเผชิญได้

“ต่อไปจะเป็นสหายของข้าพูดเพราะเขาเป็นมืออาชีพในด้านนี้”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย ดันฟางเย่ไปข้างหน้า

หยุนจิงชวงจ้องฟางเย่ ฝ่ายหลังยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก

“มีศิษย์ปีหนึ่งมาหาพวกเราวันนี้เพราะศิษย์พี่หญิงฉินหลิงหยานตั้งเงื่อนไขในการตามเกี้ยวพาราสีนาง และสิ่งนั้นคือการได้รับคำรับรองจากหัวหน้าห้องของพวกเรา ส่วนเหตุผลที่ทำไมต้องเป็นเขา มันยาวไปสักหน่อยและเราสามารถอธิบายได้ในเวลาอื่น และเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พวกเราได้คิดวิธีหาเงินหนึ่งวิธี”

ฟางเย่เปิดปากพูด สายตาเปล่งประกาย

หยุนจิงชวงตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อฉินหลิงหยาน แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปพอฟางเย่เอ่ยถึงวิธีหาเงิน

“วิธีเช่นใด?”

เมื่อเห็นหยุนจิงชวงสนใจ ฟางเย่มีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย

“พวกเรารู้สึกว่าหากใครก็ตามที่ต้องการจะเกี้ยวพาราสีศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผาอย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติทั้งหมดสามอย่าง ทรัพย์สิน พลังและอำนาจ พวกเราจึงคิดสามบททดสอบโดยอ้างอิงจากคุณสมบัติพวกนั้นและมีผลประโยชน์กับพวกเรา พร้อมช่วยเหลือศิษย์พี่หญิงจากปัญหาหลายอย่าง”

หยุนจิงชวงถูกฟางเย่ควบคุมจังหวะโดยสมบูรณ์ เขาไม่มีความคิดจะเอ่ยขัดฟางเย่แม้แต่น้อย

“บททดสอบแรกนั้นง่ายมาก จ่ายค่าธรรมเนียม ยิ่งกว่านั้น ค่าธรรมเนียมจะแบ่งออกเป็นสามระดับ สิบหินชิงหลัวได้ระดับต่ำสุด ร้อยหินชิงหลัวได้ระดับกลาง พันหินชิงหลัวได้ระดับสูงสุด ระดับที่แตกต่างกันจะมีภารกิจที่ทดสอบคุณสมบัติต่างกันด้วย”

“บททดสอบที่สองคือหลักฐานของพลัง พวกเขาจะต้องสำเร็จภารกิจในอันดับชิงหลัวที่เราเป็นคนเลือกให้ และพวกเขาจะต้องมอบวัตถุดิบที่ภารกิจต้องการด้วย วัตถุดิบพวกนี้จะเป็นของพวกเราในท้ายที่สุด สามระดับจากบททดสอบแรกจะเป็นตัวตัดสินว่าภารกิจใดที่พวกเขาจะต้องทำ ผลประโยชน์ของพวกเราในบททดสอบนี้จะมากน้อยแตกต่างกันไป”

“บททดสอบที่สามคือบททดสอบแห่งอำนาจ ซึ่งพวกเราจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด พวกเราจะระบุของบางอย่างจากร้านๆ หนึ่ง และผู้รับการทดสอบจะต้องใช้เส้นสายของตนเพื่อให้กลุ่มคนจำนวนหนึ่งมาซื้อของจากร้านค้านั้นโดยอ้างอิงเป็นชื่อของเขา เมื่อจำนวนของผู้ซื้อครบ คนผู้นั้นจึงจะผ่านบททดสอบ ในขณะเดียวกัน พวกเราจะติดต่อเจรจากับร้านค้าในสถาบันเพื่อรับส่วนแบ่งของกำไร”

“ท้ายสุดแล้ว ผู้ที่ผ่านทั้งสามบททดสอบจะสามารถใช้ใบรับรองที่พวกเขาได้มาเพื่อทานอาหารมื้อเย็นใต้แสงเทียนกับสาวงามที่พวกเขาต้องการในอันดับบุปผา ส่วนเรื่องที่คนผู้นั้นจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเพราะทางเรามอบโอกาสให้เท่านั้น”

ฟางเย่นิ่งเงียบมองหยุนจิงชวงหลังจากเอ่ยจบ และหยุนจิงชวงจมอยู่ในห้วงภวังค์แห่งการพินิจพิเคราะห์ ฟางเย่ทำให้เขาต้องคิดหนัก

ฟางเย่เอ่ยปากพูดอีกคราเมื่อเห็นหยุนจิงชวงยังคงสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว

“แต่เพื่อให้แผนประสบความสำเร็จ มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องการให้ศิษย์พี่ช่วย คือการยินยอมจากศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผา!”

หลังจากพูดจบ ฟางเย่และป๋ายเสี่ยวเฟยจ้องนิ่งไปที่หยุนจิงชวง

แผนนี้จะสำเร็จได้หรือไม่อยู่ในกำมือของเขา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด