ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 77 ศาลาบุปผา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 79 โน้มน้าวหยุนจิงชวง

GOI ตอนที่ 78 ข้าเป็นชายแท้!


“ไม่ ไม่! ศิษย์พี่หญิง ท่านเข้าใจผิด! พวกเรากำลังหาศิษย์พี่หยุนเพื่อเจรจาบางอย่าง มันเป็นผลดีกับเขาด้วย พวกเราไม่มีความคิดร้ายอย่างที่ท่านเอ่ย!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนยันด้วยความซื่อสัตย์จริงใจที่ยิ่งกว่าหวู่จื๋อเสียอีก

“ฮึ่ม! ฝันไปเถอะว่าข้าจะเชื่อคำพูดเหลวไหลของเจ้า รีบไปซะตอนที่ข้ายังอารมณ์ดี! มิเช่นนั้นข้าจะตะโกนว่า เจ้าลวนลามข้า! ถึงเวลานั้นแม้แต่ซากศพก็ไม่มีให้เจ้าฝัง!”

‘อะไรวะ? นี่คือตอนที่เจ้าอารมณ์ดี? หากอารมณ์ไม่ดีเจ้าไม่กินคนเลยหรือ?’

ป๋ายเสี่ยวเฟยบ่นพึมพำในใจ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเอ่ยคำพวกนี้ออกไป

“ศิษย์พี่หญิง ข้ายืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่าหากมีสิ่งใดที่ข้าพูดปด ท่านสามารถจัดการข้าได้ตามที่ท่านอยาก!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเขาจะได้เจอหยุนจิงชวง เขาเผยความสามารถทางการแสดงระดับออสการ์ให้เห็น

“มิผิด ทำกับพวกเราตามที่ท่านต้องการ!”

ฟางเย่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยตาม กระบวนการทางความคิดของเขาสับสนวุ่นวาย และเขาเกรงกลัวเป็นอย่างมากว่าหันเชียนเย่จะตะโกนออกมาจริงๆ...

เขายังไม่อยากตายเร็วเช่นนี้!

“ฮ่ง! ฮ่ง!”

เสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่นอยหน้า มันเห่าสองคราก่อนจะเลียนแบบท่วงท่าที่พวกป๋ายเสี่ยวเฟยสาบานเมื่อครู่

ไม่ว่าเขาจะฉลาดเฉลียวเพียงใด แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าหันเชียนเย่ผู้นั้นที่เขาแทบไม่อาจรับมือได้ จะถูกทะลวงฝ่าด่านป้องกันได้อย่างง่ายดายเมื่อนางเห็นเสี่ยวเอ้อ!

“ว๊าย! ช่างเป็นสุนัขที่น่ารักอะไรขนาดนี้!!!”

หันเชียนเย่ร้องเสียงหลงด้วยความประหลาดระคนดีใจก่อนจะกระโจนเข้าหาสุนัขฮัสกี้ใช้ใบหน้าขาวเนียนของนางลูบเข้ากับหน้ามัน

“อืม~~ ขนนุ่มดีแท้ จะหาหุ่นเชิดน่าอภิรมย์แบบเจ้าได้ที่ไหนอีก?”

หันเชียนเย่ที่มีท่าทีจริงจังเมื่อครู่ ในบัดนี้เมื่อนางมีเสี่ยวเอ้ออยู่ในอ้อมกอด สายตาของนางเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน นางเมินเฉิยตัวตนของพวกป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นที่เรียบร้อย

ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไปไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทั้งเขาและฟางเย่ยกมือกลางอากาศเหม่อมองไปที่หันเชียนเย่

“หืม ในเมื่อเจ้ามีสุนัขน่ารักเป็นหุ่นเชิด เจ้าคงไม่ใช่คนเลวร้าย”

หลังจากกอดฟัดรัดจูบเสี่ยวเอ้อจนพอใจ หันเชียนเย่เงยศีรษะกล่าวคำที่แทบทำให้ทั้งสองกระอักโลหิต

‘ตรรกะอะไรวะ!?’

‘เอาเถอะ ขอแค่พวกเราเข้าไปได้...’

ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะหันไปหาหันเชียนเย่

“เอ่อ... ศิษย์พี่หญิง ท่านหมายความว่าพวกเราเข้าไปได้แล้ว?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยถามเสียงอ่อน หันเชียนเย่เผยสีหน้าครุ่นคิด

“ฮืมม... เจ้าเข้าไปได้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะให้หุ่นเชิดของเจ้าอยู่กับข้าหนึ่ง... ไม่! สองวัน!”

ตอนแรกหันเชียนเย่ชูหนึ่งนิ้ว แต่นางเพิ่มอีกหนึ่งเมื่อรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ

เสี่ยวเอ้อยังคงอยู่ในอ้อมกอดของนาง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา สายตาอ้อนวอนถูกส่งไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย

น่าเสียดายที่ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่สนใจเสี่ยวเอ้อแม้แต่น้อย

“ตกลง!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยอมรับด้วยความเร็วดุจสายฟ้าราวกับเจรจาธุรกิจที่จะทำกำไรให้เขามหาศาล...

‘อนิจจา ชะตาลิขิตให้ข้ามีมันเป็นเจ้านาย!!’

สุนัขฮัสกี้ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์กับความโชคร้ายของตนพลางยอมรับชะตากรรม และพยายามอย่างหนักเพื่อประจบสอพลอเจ้านายคนใหม่ในอีกสองวัน...

หลังจากขายเสี่ยวเอ้อ ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่ประสบความสำเร็จได้เข้าไปในศาลาบุปผาดั่งใจหวังภายใต้การนำทางของหันเชียนเย่ ทั้งคู่ตกตะลึงเหม่อมองค้างเมื่อเข้าไปข้างใน

หากมีสรวงสวรรค์อยู่บนโลก เช่นนั้นสวรรค์ของผู้ชายทุกคนต้องเป็นที่นี่!

สิ่งที่ปรากฎขึ้นในครรลองจักษุคือสาวงามระดับล่มเมืองมีให้เห็นทุกซอกทุกมุม! หิมะขาวหลากชนิดส่องแสงเจิดจรัสจนทั้งคู่ไม่อาจลืมตาขึ้น และยังมีเสียงหัวเราะน่าฟังที่ดังขึ้นลงชักชวนจินตนาการของสองหนุ่มให้คิดต่างๆ นานาไปไกล

“ฮึ่ม! ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่าพวกเจ้าทั้งสองมีความคิดไม่ดี! เช็ดน้ำลายของเจ้าเสีย!!”

น้ำเสียงเหยียดหยามสุดขีดของหันเชียนเย่ดังกังวานปลุกเตือนให้ทั้งป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่สะดุ้งตื่นจากฝัน หากไม่ใช่ว่าสุนัขฮัสกี้ยังอยู่ในอ้อมแขน นางไล่พวกเขาไปนานแล้ว...

“รอที่นี่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เดินไปที่อื่น และเจ้าไม่อาจพูดคุยสนทนากับใคร! ข้าจะไปหาหยุนเกอเกอเพื่อพวกเจ้า!”

หันเชียนเย่กอดเสี่ยวเอ้อพลางวิ่งจากไป ในขณะเดียวกัน พวกเขาได้กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของดรุณีมากหน้าหลายตาในศาลาบุปผา...

พูดให้เข้าใจง่าย ทั้งสองเป็นดั่งพระถังซัมจั๋งและเหล่าลูกศิษย์ในอาณาจักรอิสตรี...

“พี่ใหญ่เฟย ทำไมข้ารู้สึกหนาวเยือกแปลกๆ ?”

ฟางเย่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลำคอสั่นพั่บๆ

“ข้าไม่รู้ บางทีอาจเป็นสัญชาตญาณของเจ้า...”

ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบ เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่านัก...

ปัจจุบัน กลุ่มดรุณีน้อยงามหยาดเยิ้มล้อมรอบทั้งสองเอาไว้ ทุกคนล้วนสวมใส่อาภรณ์วับๆ แวมๆ ปกปิดบางส่วนไม่มิด

“เอ๋ ศิษย์น้องตัวน้อย เจ้าทำอะไรอยู่หรือ?”

“ร่างกายพวกเขาดูนุ่มนิ่มน่าจับ ดีกว่าคนในสถาบันพวกนั้นที่เอาแต่โอ้อวดเยอะ”

“ศิษย์น้องตัวน้อย เจ้ามีคนรักหรือยัง?”

“ศิษย์น้องตัวน้อย เจ้าคิดอย่างไรกับข้า? ข้ายังโสดนะ!”

“พวกเจ้าฝันไปเถิดถ้าอยากอยู่ในอันดับชิงหลัวด้วยสารรูปแบบนั้น”

เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมา ทำให้ศิษย์พี่หญิงที่ล้อมรอบป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่รีบแยกย้ายหายไปราวกับหวาดกลัวว่ารูปโฉมของตนจะถูกจดจำ

ทั้งสองถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะมองไปยังทิศทางของเสียง

สองหนุ่มเห็นใบหน้าที่พวกเขามิอาจลืมเลือนได้ชั่วชีวิต

ผิวขาวนวลละมุนลไม รูปร่างหน้าตาสมส่วนไร้ที่ติ ผมยาวพลิ้วไหวตามสายลม... และที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือเสื้อคลุมยาวสีชมพูปลดปล่อยความตุ้งติ้งถึงขีดสุด

หากพวกเขาไม่ได้เตรียมใจตั้งแต่นานนม คงไม่มีใครคิดว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าคือเพศชาย!

ไม่จำเป็นต้องถาม คนผู้นี้คือร่างชายใจหญิงที่หันเชียนเย่และเสวี่ยอิ่งเอ่ยถึง!

“ข้าคงไม่ได้ทำให้พวกเจ้ารู้สึกแย่ ใช่หรือไม่?”

หยุนจิงชวงสะบัดพัดในมือเบาๆ ทุกท่วงท่าอิริยาบถของเขาประณีตมีความเป็นกุลสตรีเสียยิ่งกว่าผู้หญิง

“ไม่สักนิด! ศิษย์พี่ ท่านช่วยพวกเราไว้!”

ขณะที่เขาพูด ป๋ายเสี่ยวเฟยปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก

“เช่นนั้นก็ดี กลุ่มคนพวกนี้ต้องการจะฉวยโอกาสที่ศิษย์พี่ปีสี่จบการศึกษาเพื่อจะได้เข้าไปในอันดับบุปผาและใช้สถานะนั้นหาสามีร่ำรวย ดีแล้วที่พวกเจ้าไม่ต้องเกี่ยวข้องกับพวกนาง”

น้ำเสียงของหยุนจิงชวงแฝงความชื่นชมขณะกล่าว

ถึงแม้ดรุณีน้อยพวกนี้จะ ‘ใจแตก’ ไปบ้าง แต่หยุนจิงชวงก็ยังยอมรับว่าพวกนางมีโฉมลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยที่สุด เสน่ห์ของพวกนางจะไม่เป็นปัญหาต่อการมัดใจชายสามัญ

“คารวะศิษย์พี่ ข้าคือป๋ายเสี่ยวเฟย เขาคือเพื่อนร่วมห้องของข้า ฟางเย่”

หลังจากปรับเปลี่ยนสภาวะในใจ ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างใจเย็น หาได้ยากที่เขาจะสุภาพเช่นนี้

“ป๋ายเสี่ยวเฟย? เหตุใดชื่อนี้คุ้นหูนัก?”

หยุนจิงชวงเผยสีหน้าครุ่นคิดพลางกล่าว เหงื่อเย็นเยียบหนึ่งหยดผุดขึ้นมาบนหน้าผาก

หากมีใครคุ้นชื่อของเขาในเวลานี้ ไม่มีทางที่จะเป็นในแง่ดี...

“ศิษย์พี่ ท่านพบเจอผู้คนมากมายทุกวัน เป็นปกติที่ท่านจะได้ยินชื่อที่คล้ายคลึง ข้าเป็นเพียงศิษย์ใหม่ไร้ชื่อ แล้วท่านจะเคยได้ยินชื่อของข้าได้อย่างไร?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบเปลี่ยนบทสนทนาเพราะเขาเกรงกลัวว่าหยุนจิงชวงจะนึกถึง ‘ชื่อเสียง’ ของเขาออก

“เชียนเย่บอกว่าเจ้าตามหาตัวข้า พูดมาเจ้ามีธุระอันใด”

หยุนจิงชวงยิ้มพลางเอ่ย ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยและฟางเย่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเหม่อมองอย่างโง่งมด้วยไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาหวาดกลัวถึงกับต้องรีบหยิกต้นขาของตัวเอง

‘ข้าเป็นชายแท้!’

‘จริงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์!’

‘ข้าบอกว่าข้าเป็นชายแท้!!!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด