ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0719
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0721

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0720


ตอนที่ 720 : จันทราสีคราม

ฉู่ปินอวี้และเจี้ยนหมางออกไปจากห้องโถง

ฉินหยุนคว้ามือขาวนวลของเย่ว์อู่หลันเอาไว้พร้อมเผยยิ้ม “พี่สาวรอง ที่เกาะจันทราปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง?”

เทียนรั่วเหลิงกล่าวตอบ “เป็นไปได้ด้วยดี เรื่องนี้เจ้าวางใจอย่าได้ห่วงอันใดไป!”

“น้องหยุน พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อบอกข่าวคราว! หยางฉีเย่ว์ยังคงอยู่ที่เทือกเขานิราศจันทรา มีคนพบเห็นนาง และกระทั่งทำนางบาดเจ็บได้!” เย่ว์อู่หลันกล่าว

ฉินหยุนพอได้รับฟัง เขายิ่งร้อนรนกล่าวถาม “แล้วอย่างไรต่อ? นางเล่า?”

“พวกเราไม่อาจทราบ หลังได้รับบาดเจ็บนางก็หนีหายไปแล้ว!” เทียนรั่วเหลิงส่ายศีรษะ

“เย่ว์หลานต้องการให้พวกเรามาแจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้า ว่าอย่าได้กังวลไป อีกเดือนหนึ่ง เมื่อนั้นจะเป็นคืนจันทราสีคราม ดวงจันทราจะแปรเปลี่ยนเป็นสีคราม และเมื่อนั้น อาการบาดเจ็บของหยางฉีเย่ว์จะฟื้นคืนสมบูรณ์!” เย่ว์อู่หลันกล่าว

ฉินหยุนคิดตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเทือกเขานิราศจันทราในทันที

“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง ข้าคิดอยากพาพวกท่านไปพบคนผู้หนึ่ง!”

ฉินหยุนยังจำคำย้ำเตือนของปิงชิงได้ เขาตัดสินใจนำเย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง มุ่งหน้าไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

นี่ก็เพราะตัวเขาต้องการทราบเช่นกัน ว่าเย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงมีชาติภพก่อนหรือไม่

เพียงไม่นาน เขานำทั้งสองไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อเข้าพบกับปิงชิง

ฉินหยุนได้บอกต่อเรื่องราวที่ตนรู้จักเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว

ทันทีเมื่อเย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงมาถึง ทั้งสองต่างรับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงอันเลิศล้ำของปิงชิง พวกนางย่อมทราบ ว่าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์มีเซียนหลบซ่อนอยู่ ดังนั้นพวกนางจึงเผยความเคารพเป็นอย่างยิ่งออกมา

“ฉินหยุน การฝึกฝนของทั้งสองคล้ายประสบปัญหาอยู่บ้าง ให้ข้าช่วยพวกนางจัดการ น่าจะสักหลายวัน!” ปิงชิงกล่าว

“เข้าใจแล้ว!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“ข้าจะเข้าไปยังต้นกำเนิดเซียนพร้อมพวกนางทั้งสอง ช่วงเวลานี้อย่าได้เข้ามารบกวนพวกเรา!” ปิงชิงกล่าวย้ำ

ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนจึงขอให้เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงนำกระบี่ออกมา

กระบี่ทั้งสองเป็นฉินหยุนสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ และพวกมันก็เป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับราชัน

เวลานี้ ฉินหยุนคิดอยากเสริมศักยภาพแก่พวกมันให้ขึ้นเป็นอาวุธลึกล้ำ

ปิงชิงที่นำสองสาวเข้าไปในสระเซียน ฉินหยุนจึงเริ่มทำการเสริมกำลังแก่กระบี่ทั้งสอง

“หยุนเอ๋อ พี่สาวปิงชิงคิดทำอะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ความรู้สึกข้าบอกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมนัย!”

“ข้าไม่อาจทราบ เซียนผู้นั้นภายนอกเย็นชา ทว่านางจะไม่มีทางคิดร้ายต่อเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนเร่งรีบขัดเกลากระบี่ทั้งสองขึ้นเป็นอาวุธลึกล้ำ พร้อมแกะสลักอักขระโทเทมที่ตัวอาวุธ

กระบวนการขัดเกลาอุปกรณ์ของเขารวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะยามเมื่อแกะสลักโทเทม ระดับความวิจิตรกล่าวได้ว่าสูงล้ำ

เพียงสองวัน ปิงชิงนำเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันกลับออกมาจากสระเซียน

เมื่อขึ้นมากันแล้ว ฉินหยุนจึงกวาดตามองทางเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน เพื่อมองหาว่าสีหน้าพวกนางจะเผยอาการผิดปกติใดหรือไม่

เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง ต่างเดินเข้ามากอดฉินหยุน ก่อนจะเอ่ยคำลาตระเตรียมจากไป พวกนางมาพร้อมฮูจิงเซียน และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเดินทางกลับแล้ว

ฉินหยุนนำทั้งสองส่งที่นอกตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก่อนจะเร่งรีบเดินกลับเข้ามา

“พี่สาวปิงชิง พวกนางเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินหยุนถามขึ้น

“ก็ไม่มีอันใด! ทั้งสองต่างเป็นเด็กดี!” ปิงชิงมองทางที่ฉินหยุนพร้อมกล่าว “ข้าเพียงช่วยพวกนางชี้นำความผิดพลาดในการฝึกฝน ทำให้มันถูกต้อง และยังใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราช่วยเหลือพวกนางเพิ่มพูนวิชายุทธ์!”

“ขอบคุณท่านแล้ว พวกนางต่างเป็นพี่สาวใหญ่และพี่สาวรองของข้า!” ฉินหยุนกล่าวออกอย่างซาบซึ้ง

“ว่าอะไร? เจ้ากังวลว่าข้าจะทำร้ายพวกนางหรือไร?” ปิงชิงแค่นเสียงกล่าวคำเย็นเยือก

“นั่นย่อมไม่ใช่!” ฉินหยุนหัวเราะก่อนจะเผยสีหน้าร้อนใจ “พี่สาวปิงชิง ข้าคิดไปยังเทือกเขานิราศจันทรา เพราะพี่หยางถูกพบตัว ทั้งนางยังได้รับบาดเจ็บ!”

“หากเจ้าไปตอนนี้ เจ้าก็ไม่อาจหาตัวนางได้พบ! ในวันที่จันทราสีครามปรากฏขึ้น เจ้าจะสามารถสัมผัสถึงการเชื่อมต่อระหว่างจันทราโดยอาศัยจิตแปรสภาพจันทราของเจ้าได้ จากนั้นเจ้าจึงค่อยสามารถสัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬของนาง!”

ปิงชิงกล่าวต่อ “ระหว่างช่วงเวลานี้ เจ้าก็ควรทำความคุ้นชินกับวิชายุทธ์ที่มี รวมถึงพลังของขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางเสียให้ดี!”

ฉินหยุนร้อนใจไม่ใช่น้อย กระนั้นคิดไปก็ไม่ได้อะไร เขามีแต่ต้องก้าวเดินต่อไป ดังนั้นตอนนี้ที่สมควรทำคือไปฝึกฝนร่วมกับปิงชิง หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว เขาต้องประมือกับปิงชิงที่ภายในนั้นหลายครั้งครา

ผ่านการฝึกฝนอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยคุ้นชินกับตนเองที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง

การฝึกฝนกระดูกวิญญาณคือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น และกระดูกวิญญาณ มันจะทำให้ตัวกระดูกสามารถกักเก็บพลังงานเอาไว้ที่ภายในได้!

การฝึกฝนวิญญาณต้นกำเนิดจึงเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง วิญญาณต้นกำเนิดสามารถทำให้พลังจิตของผู้คนแข็งแกร่งขึ้น

ถัดจากนั้น จึงเป็นการฝึกฝนโลหิตจิตวิญญาณ

โลหิตจิตวิญญาณ คือสิ่งที่จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น!

หากร่างเซียนและร่างอสูรมีความพากเพียร พวกเขาจะติดอยู่ที่ขั้นตอนนี้อยู่หลายปีก่อนจะฝึกฝนโลหิตเซียนและโลหิตอสูรได้

ฉินหยุนในเวลานี้ได้ฝึกฝนร่างเซียนอสูร และเช่นกัน เขาได้ครอบครองโลหิตเซียนอสูรที่ทรงอำนาจ!

ด้วยเหตุนี้ ตัวเขาเวลานี้กล่าวได้ว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงแล้ว

“พี่สาวปิงชิง ข้าในเวลานี้กล่าวได้ว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงแล้วหรือยัง?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เป็นเช่นนั้น! เพราะถัดจากนี้ คือการก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงสุด! นั่นก็คือการฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำ สิ่งนี้กล่าวได้ว่ามันคือแก่นเต๋า ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำได้สำเร็จ เท่ากับเจ้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงสุดแล้ว!”

“แล้วผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำเอาไว้ทำอันใด?” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ พบว่าเรื่องราวนี้ตนไม่คล้ายเข้าใจเท่าใดนัก

“ประโยชน์มีมากมาย มันสามารถแปรเปลี่ยนพลังวิญญาณสู่พลังลึกล้ำโดยตรง พลังลึกล้ำจะช่วยแปรเปลี่ยนแก่นเต๋าของเจ้า ให้กลายเป็นแก่นลึกล้ำ!”

“เท่ากับวิญญาณยุทธ์ของเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกสัดส่วน หลังจากที่ควบแน่นแก่นลึกล้ำขึ้นได้ เจ้าจึงจะได้เป็นยอดยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ถึงตอนนั้น เจ้าจะสามารถใช้พลังเต๋าลึกล้ำออกมาได้”

ปิงชิงพอกล่าวคำจบ นางจึงออกไปจากเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์

ฉินหยุนจึงตื่นขึ้นในห้องตนเอง พร้อมเร่งรีบเดินทางไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาพยายามติดต่อหาเหยาเฟิง กระนั้นคล้ายนางหลับใหลในห้วงลึก จึงไม่มีการตอบสนองใดกลับมา

เดิมฉินหยุนไม่คิดถามถึงเรื่องนี้ต่อปิงชิง ทว่าเขาเป็นกังวลว่าเหยาเฟิงอาจก่อเรื่องที่นำเภทภัยมาสู่ตัวเขาได้

ด้วยเพราะต้องการทราบตัวตนของเหยาเฟิง เขาที่ไร้ซึ่งทางเลือกจึงต้องถามต่อปิงชิง

ก่อนฉินหยุนจะไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาได้ทดลองหยดเลือดลงที่แผนที่หลุมฝังเซียน

กระนั้นเซี่ยฉีโหรวก็หาได้มีการตอบสนองใด

ด้วยไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว ฉินหยุนจึงมีแต่ต้องไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

ภายในตำหนักใหญ่ ปิงชิงสวมใส่ชุดเบาบาง เป็นผ้าต่วนสีขาวรัดพันรอบหน้าอกของนางเอาไว้ ทั้งยังมีกางเกงขาสั้นได้รูป พวกมันเปรียบดังชุดโปร่งแสงที่ปกปิดเรือนร่างของนางเอาไว้

เซียนที่เย็นเยือก ด้วยสวมใส่ชุดเช่นนี้ มันกลับดึงดูดล่อลวงผู้พบเห็นได้เป็นล้นพ้น

นางพอพบฉินหยุนมาถึง จึงเร่งรีบนำเอาชุดคลุมสีขาวมาสวมใส่ปิดทับ

“พี่สาวปิงชิง ท่านเคยได้ยินสตรีนามเหยาเฟิงมาก่อนหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ไม่เคยได้ยิน” ปิงชิงคิดอยู่ครู่จึงส่ายศีรษะตอบคำ นางถามกลับ “ผู้ใดกันหรือ?”

“ก็เป็นเพียงชื่อ!” นี่ถือว่าเกินกว่าที่ฉินหยุนคาดคิดไว้ เขานึกว่าปิงชิงจะรู้จักนางเสียอีก

“นางเป็นสตรีที่เจ้ารู้จักอย่างนั้นหรือ?” ปิงชิงเอ่ยถาม เห็นได้ชัดว่านางใส่ใจเรื่องนี้

“กล่าวว่าเป็นคนรู้จักของข้าก็ได้ นางต้องคำสาป ผิวหนังทั้งร่างของนางได้กลับกลายเป็นสีดำ นอกจากนี้แล้ว นางยังมีแต่แผลเป็นถูกเผาไหม้ นางกล่าวว่าแม้กลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ ตัวนางก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากคำสาปนั่น!” ฉินหยุนกล่าวออกด้วยท่าทีเรียบเฉย กระนั้นภายในก็มีความรู้สึกผิดสุมอยู่เต็มอกแล้ว

เพราะคำสาปนั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากตัวตนในชาติภพก่อนของเขา

ปิงชิงคิ้วขมวดเล็กน้อย นางก้าวเดินไปมาราวกับนึกย้อนถึงอะไรบางอย่าง

“ข้าเคยเห็นคำสาปเช่นนี้เพียงแต่ในตำรา มันเป็นสิ่งที่มีแต่จอมจักรพรรดิอสูรเซียนแห่งเขตแดนอสูรเซียนที่ทราบ! เหยาเฟิงผู้นี้ที่เจ้ากล่าวถึง หากนางถูกคำสาปนั่นโจมตี อย่างนั้นก็ต้องไม่มีทางใช่คนธรรมดาแน่แล้ว!”

“เพราะหากต้องการใช้คำสาปนี้ จอมจักรพรรดิอสูรเซียนจะต้องจ่ายด้วยราคาอันหนักหนา เขาจะต้องอยู่ในสภาพหลับใหลยาวนานนับหมื่นปีหากคิดลงมือถึงระดับนั้น!” ปิงชิงกล่าว

ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่าคำสาปนี้รุนแรงเพียงใด

“ไม่มีทางกำจัดมันเลยหรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น

“ย่อมมี หากจอมจักรพรรดิอสูรเซียนถูกสังหาร คำสาปจะถูกคลายออก กระนั้นนั่นไม่อาจเป็นไปได้! กระทั่งจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้างก็ยังไม่อาจสังหารจอมจักรพรรดิอสูรเซียน ทั้งสองต่างเป็นตัวตนที่ยากสังหารอย่างยิ่ง!” ปิงชิงกล่าว “นี่เจ้าไปพบบุคคลเช่นนั้นที่ใดกัน? นางเป็นเซียนหรือ?”

“เป็นข้าพบนางในห้วงความฝัน!” ฉินหยุนเลือกที่จะกล่าวคำลวงออกไป

เซี่ยฉีโหรวและเหยาเฟิงต่างย้ำเตือนต่อเขา ว่าอย่าได้บอกปิงชิงถึงเรื่องวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

“หากเจ้าคิดอยากช่วยเหลือนาง ทางเดียวก็คือกำจัดจอมจักรพรรดิอสูรเซียน... ซึ่งนั่นคือเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้!” ปิงชิงกล่าว

ฉินหยุนยิ่งผิดหวัง ปิงชิงไม่อาจจดจำเหยาเฟิงได้ ทว่าเหยาเฟิงราวกับคุ้นเคยต่อปิงชิงเป็นอย่างดี

“เอาละ มาฝึกฝนร่วมกับข้าได้แล้ว!” ปิงชิงเอ่ยคำ พร้อมปล่อยพลังเซียนออกมาและฉุดฉินหยุนลงสู่สระเซียน

ฉินหยุนเวลานี้ฝึกฝนร่างเซียนอสูรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายช่วยเหลือปิงชิงฝึกฝนบ้าง

ปิงชิงได้ทราบวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร ทั้งยังเข้าใจถึงการฝึกฝนพลังเซียนเก้าวิวัฒน์ กระนั้น เพื่อเพิ่มความเร็วการฝึกฝน นางมีแต่ต้องดึงฉินหยุนเข้าร่วมการฝึกฝนด้วยกัน

หลังจากปิงชิงและฉินหยุนฝึกฝนร่วมกันอยู่หลายวัน ปิงชิงค่อยกล่าว “ฉินหยุน นี่เป็นเวลาเหมาะสมที่เจ้าจะเดินทางไปยังเทือกเขานิราศจันทราแล้ว อีกราวสิบวัน จันทราสีครามจะปรากฏ!”

ฉินหยุนปล่อยวางความสงสัยเรื่องเหยาเฟิงเอาไว้ ก่อนจะกลับไปตระเตรียมตัวสำหรับเดินทาง

เขายังคงมีจอมราชันดวงดาวอสูร พละกำลังของมันทัดเทียมราชันยุทธ์ ดังนั้นปิงชิงจึงผ่อนคลายยามให้เขาเดินทางไป

ฉินหยุนมุ่งหน้าไปยังหอพิทักษ์กฎ พูดคุยกับเจี้ยนหลิงหลงและเหลียวจิงเหมิง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาค่อยกลับไปที่ห้องตนเอง

ฉินหยุนเมื่อกลับมาแล้ว เขาจึงนำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาพร้อมหยดเลือดลงไป เขาคิดอยากติดต่อเซี่ยฉีโหรว กระนั้นก็ไม่อาจทำได้

เขาได้แต่ต้องนอนทอดกายบนเตียง ควบคุมวิญญาณเทวะเก้าตะวันให้ปรากฏออกมา “พี่สาวเหยาเฟิง ท่านหลับใหลจริงหรือ? ข้ามีเรื่องคิดหารือกับท่าน!”

เหยาเฟิงผู้ซึ่งอยู่ในไข่มุกเม็ดที่สามหาได้ตอบสนองใดกลับมา

ฉินหยุนได้แต่ต้องส่งเสียงสื่อสารไปยังเหยาเฟิงหลายครั้งครา กระนั้นผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม

ครึ่งวันให้หลัง แผนที่หลุมฝังเซียนค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง!

ฉินหยุนลุกพรวดจากที่นอน นำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาวางกางบนโต๊ะ

“พี่ฉีโหรว หลายวันมานี้สภาพท่านไม่ดีหรือ?” ฉินหยุนถามอย่างห่วงหา

“หลายวันที่ผ่านมาข้าได้เก็บตัวเข้าฝึกฝน! ว่าไปเจ้ามีเรื่องอันใด?” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะกล่าว “เสี่ยวหยุน ด้วยปิงชิงอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ว่ามีเรื่องอันใดล้วนปรึกษานางได้หรือไม่ใช่?”

“พี่ฉีโหรว ข้าได้เปิดไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันแล้ว กระนั้นภายในกลับมีคน...” ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องราวของเหยาเฟิงให้เซี่ยฉีโหรวได้ฟัง

ได้ยินเช่นนี้ เซี่ยฉีโหรวเผยอาการตระหนกตกใจ นางเองก็คล้ายไม่ทราบว่าจะถึงขั้นมีคนอยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สาม

“ข้าไม่ทราบว่านางคือผู้ใด ข้าไม่เคยได้ยินนามเหยาเฟิงมาก่อน!” เซี่ยฉีโหรวครุ่นคิดไปพักหนึ่งจึงค่อยตอบคำกลับมา

“พี่ฉีโหรว ท่านเองก็ไม่ทราบหรือว่านางเป็นใคร?” ฉินหยุนถึงกับอึ้ง เขานึกว่าเซี่ยฉีโหรวจะทราบว่าอีกฝ่ายคือผู้ใดกันแน่

เพียงไม่นาน เซี่ยฉีโหรวจึงพูดถึงคำสาปเช่นเดียวกับที่ปิงชิงกล่าวก่อนหน้านี้

“พี่ฉีโหรว คงมีคนไม่มากที่เรียกหาท่านเป็นเสี่ยวโหรวกระมัง?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ในความทรงจำท่าน มีผู้ใดเรียกหาท่านเช่นนี้หรือไม่?”

“พี่สาวทั้งหลายของข้าล้วนเรียกข้าเช่นนั้นกันทั้งสิ้น กระนั้นเท่าที่ข้าจำได้ ก็ไม่คล้ายจะมีผู้ที่โดนคำสาปของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นไปไม่ได้ด้วยที่นางจะเข้าไปอยู่ในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด