ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 73 เมื่อคาบจบแล้วอย่าเพิ่งไป!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 75 โอกาสทางธุรกิจมาเคาะถึงหน้าประตู !

GOI ตอนที่ 74 หุ่นเชิดตัวที่สอง!


“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าคิดเช่นไร แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจดจำทุกคำพูดที่ข้ากำลังจะเอ่ยเพราะมันเกี่ยวโยงกับการที่พวกเจ้าจะสามารถได้รับการแนะนำจากอาจารย์ในอีกสองเดือนของคาบชุมนุม!”

เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ห้องไหนไม่ทำตามที่ข้าพูด ข้าจะไปหามันยามว่าง และข้าจะเลือกมันเป็นเป้าหมายประลองในคาบชุมนุม!”

เป็นการข่มขู่ที่เรียบง่าย แต่กลับได้ผลยิ่งนัก!

แต่ยังมีบางคนที่ใบหน้าปรากฎความเหยียดหยัน ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้พูดออกมาสักคำ แต่พวกมันได้วางแผนว่าจะทำเช่นไรแล้ว

“อา ใช่ บางคนในหมู่พวกเจ้าอาจจะมีเส้นสายกับศิษย์ปีหนึ่งหรือปีสอง และพวกเจ้าวางแผนจะขอร้องให้พวกมันสั่งสอนข้าสักครา”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยใบหน้ามีรอยยิ้ม และผู้คนที่เหยียดหยันเขาเมื่อครู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน

“อยากจะเรียกพวกมันก็เชิญ! แต่จำไว้ว่าให้พวกมันเอาหินชิงหลัวมาเยอะๆ ด้วย มิเช่นนั้นถ้าพวกมันมีหินชิงหลัวไม่พอให้ข้าเปลืองเวลา ข้าจะเรียกร้องความเสียหายกับพวกเจ้า!”

ป๋ายเสี่ยวเฟยแค่นเสียงเย็นชา รังสีไร้รูปของการยกตนข่มท่านแผ่กระจายออกมา เขาไม่ได้กล่าวอันใดอีกและก้าวขาเดินออกไป

เมื่อเขาเดินผ่านห้องหนึ่ง คนสิบกว่าคนของห้องนั้นแยกตัวออกเปิดทางให้ทันที ศิษย์ห้องคนเถื่อนที่เหลือเดินมาล้อมรอบป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างช้าๆ

ในตลอดเวลา ไม่มีใครสักคนจากอีกเก้าห้องที่กล้าหายใจแรง!

“ไม่จำเป็นต้องมาหาข้าวันนี้ แต่จำไว้ว่าให้เจ้ามาหาข้าที่ห้องหรือหอพักตั้งแต่วันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงภายในเวลาสิบนาทีหลังเรียนจบ ข้าไม่มีนิสัยรอใครได้นานนัก”

เมื่อเขาเอ่ยจบ สิบกว่าคนจากห้องคนเถื่อนหายไปจากครรลองสายตาของทุกคน พวกมันทั้งหมดถอนหายใจยาวเหยียดออกมา ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงบไร้เสียง

ไม่มีใครก่นด่า ไม่มีใครบ่น มีเพียงความเงียบ!

ทุกห้องค่อยๆ จากไปทีละห้องๆ ไม่นานนักทั้งสนามฝึกฝนก็ว่างเปล่า

“พี่ใหญ่เฟย เมื่อครู่ท่านเท่เหลือเกิน!”

เมื่อออกจากสถานการณ์ที่ต้องสวมหน้ากากแสดงท่าที โม่ข่าเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น คนที่เหลือไม่ต่างกันมากนัก ขนาดศิษย์หญิงยังเป็นเช่นนี้

“ใช่! ใช่! ใช่! เห็นไอ้ศิษย์คนนั้นที่ตัวสั่นพั่บๆ หรือไม่!?”

ฉิงหนานเลียนแบบท่าทางของคนที่เขาพูดถึง เขาลืมไปเสียแล้วว่าเขายังอยู่ในสถานการณ์ ‘อันตราย’

“ใช่ ช่างเหมือนกันจริงๆ”

หวู่จื๋อกำหมัดแน่นพลางกล่าว แววตาของคนที่เหลือแฝงรอยยิ้มขณะมองมาที่ฉิงหนาน

ฉิงหนานกลืนน้ำลายก่อนจะมองไปยังจู๋ซือซือที่ยืนอยู่ในกลุ่มของศิษย์หญิง

“เมียจ๋า เจ้าต้อง...”

“อย่าทำลายส่วนสำคัญก็พอ ข้ายังต้องใช้มัน”

ฉิงหนานพูดไม่ทันจบก็เป็นเสียงเย็นเยียบของจู๋ซือซือที่ดังออกมา หัวใจของฉิงหนานดิ่งวูบ

“พี่ใหญ่เฟย ถึงแม้ที่ข้าทำจะไม่ยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่ข้าก็ยังช่วยงานท่าน!”

ฉิงหนานพึ่งพาฟางเส้นสุดท้ายที่ชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย เพราะเขาไม่เหลือทางเลือกใดอีกแล้ว

“ไม่ต้องห่วง ข้าจดจำทุกอย่างที่เจ้าทำได้ เพราะงั้น...”

ป๋ายเสี่ยวเฟยหยุดชั่วครู่พลางตบบ่าฉิงหนาน แต่ก่อนที่รอยยิ้มของฉิงหนานจะทันได้เบ่งบานเต็มที่ คำต่อไปของป๋ายเสี่ยวเฟยทำใจเขาเย็นเยียบทันที

“ข้าจะไม่ทุบตีเจ้าแรงเกินไป!”

ในวินาทีต่อมา เสียงร้อยโหยหวนที่ไม่อาจมีสิ่งใดเทียบดังออกมา ฉิงหนานตกอยู่ในวัฏจักรของ ‘ยิ่งเจ้าร้องมากเท่าใด ข้ายิ่งพอใจมากเท่านั้น’

หลังจากสนุกสนานเฮฮา ห้องคนเถื่อนมาถึงสถานที่ที่พวกเขาฝันถึงตลอดทั้งเดือน บ้านรอยรส!

อาหารในบ้านร้อยรสมีราคาแพงก็จริง แต่เมื่อผู้ใดได้ลิ้มลองแล้วไม่มีทางที่คนผู้นั้นจะลืมเลือนรสชาติของมัน อีกอย่างเงินที่ห้องคนเถื่อนสะสมได้จากการปล้น ทำให้การใช้เงินส่วนนี้นิดหน่อยไม่เกิดอุปสรรคทางด้านจิตวิทยา...

หลังจากสวาปามอาหารทั้งหมด ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้มีสีหน้าอิ่มเอมใจ

“พี่ใหญ่เฟย พวกเราควรเก็บเงินไว้เผื่ออนาคตหรือไม่?”

เป็นเวลานี้เองที่ผู้จัดการด้านการเงินที่เพิ่งได้ผ่อนคลายเพียงชั่วครู่กล่าวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนที่เหลือส่งสายตาฉงนสงสัยให้เขา

“พวกเราเพิ่งได้เหรียญอเมทิสต์จำนวนมากมานี่? ใช้หมดแล้วหรือ?”

ชีเว่ยเอ่ยคำที่ทุกคนคิดในใจ

“แน่นอนว่าไม่ แต่ข้าว่าพวกเราควรคิดเรื่องหุ่นเชิดตัวที่สองบ้าง”

เมื่อฟางเย่กล่าวจบ ทุกคนเงียบลงทันที

‘พวกเราต้องคิดจริงๆ! ’

ในการประลองกับพวกฉินหลิงหยาน ทุกคนได้สัมผัสถึงความบกพร่องในด้านหุ่นเชิด หากคนทั้งหมดในห้องคนเถื่อนมีหุ่นเชิดตัวที่สอง พวกเขาคงสู้ได้ดีกว่าแน่!

อย่างไรเสียฉินหลิงหยานและคนอื่นก็ถูกบังคับให้ใช้งานหุ่นเชิดตนที่สองและสาม!

ศิษย์ห้องคนเถื่อนบางคนได้เข้าสู่ระดับกลางมาแล้ว และถึงแม้ว่าการควบคุมหุ่นเชิดตัวเดียวของพวกเขาจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ไม่เต็มปาก แต่ไม่มีปัญหากับหุ่นเชิดอีกตัว!

เมื่อเอ่ยถึงหุ่นเชิดตัวที่สอง ปัญหาที่ฟางเย่ชี้แจงเป็นอุปสรรคอันยากลำบากดั่งขุนเขาสูงใหญ่

พวกเขาไม่มีเงิน!

ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตหรือหุ่นเชิดไร้ชีวิต ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่นักเชิดหุ่นใช้ ไม่มีสิ่งใดที่ราคาถูก และอีกอย่าง ยิ่งหุ่นเชิดระดับสูงมากเพียงใด ราคายิ่งมากขึ้นเพียงนั้น!

ไม่มีใครอยากให้หุ่นเชิดตัวที่สองมีระดับต่ำกว่าตนแรก ทำให้พวกที่กระเป๋าไม่ตุงต้องกระเสือกกระสนอยู่นานนมกว่าจะได้หุ่นเชิดอย่างที่สมใจ!

ส่วนสถานการณ์ของห้องคนเถื่อนคือ นอกจากหลินหลีและฟางเย่แล้ว ไม่มีใครอื่นได้เงินสนับสนุนจากครอบครัวหรือตระกูล...

“ข้าสามารถขอท่านพ่อเพื่อหุ่นเชิดของข้าและหวังหางได้ และอาจจะมากกว่านั้นได้นิดหน่อย แต่มันมีขีดจำกัด ข้าไม่อาจช่วยทุกคนได้”

เสียงของฟางเย่อดไม่ได้ที่จะเบาลงราวกับเขาได้กระทำผิด

“ข้ามีบางส่วนเช่นกัน”

หลินหลีที่นั่งข้างป๋ายเสี่ยวเฟยยกมือขึ้น ในขณะเดียวกันนางนำบัตรอเมทิสต์ออกมา ทุกคนหันสายตาไปมอง เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ดังขึ้นทั่วทุกที่

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าเงินของหลินหลีได้มาจากหลินหนีฉาง และหลินหนีฉางคือหนึ่งในสามตำนานผู้ยิ่งใหญ่! จำนวนที่นางให้หลินหลีไม่มีทางน้อย!

“หลินหลี เก็บไป”

ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ดีใจ ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยเสียงต่ำ ทุกคนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

“เจ้าด้วยฟางเย่ ไม่ต้องขอเงินพ่อเจ้า ข้าจำได้ว่าเจ้ามีพี่น้องหลายคนที่บ้าน ถึงข้าจะไม่รู้สถานะของเจ้าในตระกูล แต่การขอเงินหลายคราย่อมมีผลลบต่อเจ้า?”

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย หัวใจของฟางเย่อดไม่ได้ที่จะเต้นแรงขึ้นมาก หมัดที่กำแน่นใต้โต๊ะเผยให้เห็นว่าเขาปั่นป่วนอยู่ในใจเพียงใด

ครึ่งนึงมาจากความเข้าใจของป๋ายเสี่ยวเฟย และอีกครึ่งเป็นสถานการณ์ภายในตระกูล...

“เช่นนั้นเรา...”

โม่ข่าถามเสียงอ่อนด้วยความลังเลบนใบหน้า

“ใครบอกว่าเราไม่อาจซื้อหุ่นเชิดด้วยกำลังของตัวเอง?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มอย่างมั่นใจที่ทำให้ทุกคนรู้สึกค่อยยังชั่ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด