ตอนที่แล้วDTH ตอนที่ 22 เขาน่าสนใจนิดหน่อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDTH ตอนที่ 24 โชคดีที่ข้าไหวตัวทัน

DTH ตอนที่ 23 ท่านพ่อแข็งแกร่งมาก


“มันควรจะเป็นอย่างนั้น” ซู หลานพูดด้วยความเย่อหยิ่ง

ชายคนนี้กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจต่อหน้าเธอ

ถ้าที่นี่เป็นเมืองหวู่เฉิงเขาคงจะถูกตัดหัวไปแล้ว

หัวหน้าตระกูลเหลียงกลับไปยังที่นั่งของตน แม้ว่าภายนอกของเขามันจะดูไร้อารมณ์ แต่ในใจของเขามันกลับเต็มไปด้วยความโกรธ

“เอาล่ะ ตอนนี้เราจะข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไปก่อน พี่หลินข้ามีบางอย่างที่จะพูดกับท่าน ข้าทราบว่าเมื่อเร็วๆนี้ลูกชายของท่านได้ทำสิ่งต่างๆไปมากมาย” หัวหน้าตระกูลหยวนพูด

เขามองไปที่ซู หลานและพูดออกมา

“คุณหนูเจ็ดจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนทำลายกฎที่ตระกูลขุนนางของเมืองหวู่เฉิงกำหนดขึ้น?”

หลิน วานยี่นิ่งเงียบเพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของลูกชายของเขา

เรื่องภาษีฟาร์มมันทำให้เขาโกรธก็จริง

แต่อย่างไรก็ตามมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถต่อว่าลูกชายของเขาได้ ส่วนคนอื่นไม่มีสิทธิ์

“เมื่อตอนที่ข้าอยู่บ้านข้าไม่ได้สนใจอะไรนอกจากกินและข้าก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจกฎอะไรนั่นด้วย เมื่อเจ้ารู้แบบนั้นแล้ว ทำไมถึงยังมาถามข้าอีกเรื่องนี้อีก? เจ้าเพียงแค่ทำสิ่งที่เจ้าเห็นว่าเหมาะสมเถอะ” ซู หลานยิ้ม

เธอไม่ได้คิดที่จะสนใจสิ่งที่น่ารำราญเหล่านี้

หัวหน้าตระกูลเหลียงและคนอื่นๆรู้สึกโกรธกับสิ่งที่เธอพูด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร

ถ้าไม่ใช้เพราะตระกูลซูเธอคงจะตายไปนานแล้ว

“น้องหยวน ข้ารู้จักลูกชายของข้าดี เขาก็แค่ทำตัวเรื่อยเปื่อยไปวันๆเจ้ามีปัญหาอะไรกับเขาหรือไม่?” หลิน วานยี่พูด

หัวหน้าตระกูลหยวนส่ายหัว “พี่หลินเรื่องก่อนหน้านี้มันไม่มีค่าให้พูดถึง แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคราวนี้ ลูกชายของท่านออกไปนอกเมืองและแจกพื้นที่ทำการเกษตรที่ว่างเปล่าของตระกูลให้กับผู้ลี้ภัย”

“พี่หลินท่านมีอะไรอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”

หลังจากสิ้นสุดเสียง

หลิน วานยี่ขมวดคิ้วมีคลื่นความโกรธปรากฏขึ้นในใจของเขา

เจ้าลูกชายไม่เอาไหน!

เขากล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?

ทุกสิ่งที่ลูกชายของเขาทำก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีค่าพอให้พูดถึง แต่ถ้าเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริงละก็

ถ้าอย่างนั้น....

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ความโกรธในใจของหลิน วานยี่ปะทุขึ้นไปอีก

หยวน เทียนชูเข้าร่วมบทสนทนา “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิน ท่านน่าจะรู้เกี่ยวกับกฎของเมืองดี ว่าท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพียงเพราะความพอใจของท่าน เพราะถ้าอยู่ดีๆตระกูลหลินเกิดเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมากะทันหัน แล้วท่านจะให้พวกเราสองตระกูลที่เหลือทำเช่นไร?”

“เราต้องแจกจ่ายดินแดนเช่นท่านหรือไม่? เราต้องยกเว้นภาษีและเก็บเพียง10%ในปีถัดๆไปหรือไม่?”

ครั้งนี้หัวหน้าตระกูลหยวนไม่ได้ตำหนิ

ลูกชายของเขาพูดถูกแล้ว และตระกูลหยวนจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน

ตระกูลหลินจะต้องอธิบายเรื่องนี้แก่พวกเขา

หลิน วานยี่ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา แต่ลึกๆแล้วเขากำลังโมโหกับสิ่งที่ลูกของเขาทำ เจ้าเด็กคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?

แต่อย่างไรก็ตามในฐานะพ่อเขาไม่ควรไปต่อว่าลูกชายของตัวเองต่อหน้าคนอื่น และเขาก็จะไม่ปล่อยให้ลูกชายของเขาขอโทษพวกคนที่น่ารังเกียจเหล่านี้ด้วย

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล

“เรื่องนั้นข้าทราบดีอยู่แล้ว เพราะทั้งหมดมันเป็นความคิดของข้าเอง” หลิน วานยี่พูด

เขาจะเป็นคนรับผิดชอบทุกสิ่งเอง

“พี่หลิน เราจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นความคิดของท่าน?”

“แต่ท่านไม่ต้องห่วงเพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร และมันก็จัดการค่อนข้างง่าย ท่านแค่ต้องบอกกับลูกชายของท่านให้ไปบอกคนเหล่านั้นว่าเขาโกหกและทำไปเพื่อความสนุกเท่านั้น จากนั้นทุกอย่างมันก็จะดีเอง”

“ท่านคิดเช่นไรบ้าง?”

หัวหน้าตระกูลหยวนหัวเราะ

“ฮาฮา” หลิน วานยี่ยิ้ม “พี่หยวน ข้าคิดว่าท่านคงจะไม่เข้าใจ เรื่องทั้งหมดมันเป็นความคิดของข้าเอง แล้วทำไมข้าต้องไปลงโทษลูกของข้าด้วยล่ะ?”

หัวหน้าตระกูลทั้งสองมองหน้ากัน

มีความโกรธปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขา

ในตอนนั้นเองชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆซู หลานก็พูดขึ้นมา “คุณหนูของข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูพวกเจ้าเถียงเรื่องพวกนี้”

“ฮ่าๆๆๆ อาวุโสซูพูดถูก เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะหลังจากนี้จะมีงานเลี้ยงต้องรับคุณหนูรออยู่” หัวหน้าตระกูลหยวนหัวเราะและพูดออกมา

เขาทำราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดขึ้น

“น่าเบื่อ ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ต่อสู้กันเองละเรื่องมันจะได้สนุกขึ้น” ซู หลานเอนตัวลงบนเก้าอี้ของเธออย่างเบื่อหน่าย

เธอเพียงแค่ต้องการหาความสนุกเท่านั้น

เพราะทุกอย่างในเมืองหยูฉางมันน่าเบื่อมาก

และถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเธอต้องการหาคนที่ทำร้ายเธอ

เธอคงจะออกจากเมืองนี้ไปนานแล้ว

“เอาล่ะ เราจะทำตามคำแนะนำของคุณหนูซู และปล่อยให้คนรุ่นเยาว์ต่อสู้กันโดยมีคุณหนูซูเป็นคนตัดสิน” หัวหน้าตระกูลหยวนยิ้ม

จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิน วานยี่

มันช่างง่ายดายจริงๆ

เขาต้องการให้หลิน วานยี่เรียกลูกชายของเขามา

แต่ในตอนนั้นเองอยู่ๆหลิน วานยี่ก็ลุกขึ้นและป้องหมัดของเขา “คุณหนูซู ตอนนี้ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นขอตัวก่อน”

เมื่อซู หลานเห็นว่าหลิน วานยี่ไม่ได้ไว้หน้าเธอ เธอจึงต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แต่อาวุโสซูก็ดึงเธอกลับมาและส่ายหัวเพื่อขอให้เธอเงียบ

ภายในห้องโถง

ในตอนนี้หัวของหัวหน้าตระกูลทั้งสองกำลังเดือดราวกับว่ามีควันลอยออกมา และการที่พวกเขาทั้งสองยังไม่ระเบิดและพุ่งออกไปฉีกชายคนนั้นเป็นชิ้นๆเพียงเพราะว่าการมีอยู่ของผู้หญิงคนนี้

“พวกเจ้ากำลังรออะไรอยู่? เจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ข้าพูดรึยังไง? รีบๆไปเตรียมตัวได้แล้ว” ซู หลานเร่งพวกเขา เธออดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพที่พวกเขาสู้กัน

แม้ว่าหัวหน้าตระกูลทั้งสองจะต้องการออกไปจัดการทันที แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้คุณหนูอยู่เพียงลำพังได้

เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวหน้าตระกูลหยวนจึงฝางฝังเรื่องนี้กับลูกชายของเขา “เทียนชูข้าจะให้เจ้าอยู่ที่นี่กับคุณหนูซู”

“ครับ ท่านพ่อ” หยวน เทียนชูตอบกลับ หลังจากที่เขาลองคุยกับเธอมาสองวัน เขาก็พบว่ามันยากที่เขาจะสนิทกับเธอ แต่ถ้าเขาสามารถสนิทกับเธอได้ผลประโยชน์ที่เขาได้รับมันจะประเมินค่าไม่ได้

แม้ว่ามันจะยากแต่เขาก็ต้องทำ

ซู หลานพูดด้วยความรังเกียจ “ทำไมต้องให้เขามาอยู่กับข้าด้วย? เขามันน่าเกลียดแค่ข้ามองไปที่เขามันก็ทำให้ข้าอยากจะอาเจียนแล้ว เร็วเข้า! เอาเขาออกไป ไม่งั้นเมื่อข้ากลับไปข้าจะบอกปู่ของข้าว่าพวกเจ้าดูแลข้าไม่ดี”

หยวน เทียนชูรู้สึกลำบากใจเพราะมันไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเขามาก่อน

แล้วคนที่พูดดันเป็นผู้หญิงอีก

“คุณหนูซู ได้โปรดใจเย็น เราจะออกไปเดี๋ยวนี้” หัวหน้าตระกูลหยวนเรียกลูกชายของเขาให้ออกไปพร้อมกัน

เธอคือคนที่ไม่สามารถทำให้โกรธได้

ด้วยเหตุนี้เองในห้องจึงเหลือเพียงแค่ซู หลานและอาวุโสซูเท่านั้น

“คุณหนูข้าว่าถึงเวลาที่ท่านต้องเปลี่ยนบุคลิกของท่านแล้ว” อาวุโสซูส่ายหัว ทุกครั้งที่คุณหนูออกมาข้างนอกเขาไม่รู้เลยว่าเธอจะไปทำให้ใครโกรธเคืองบ้าง

และถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะตระกูลซูแข็งแกร่งเธอคงจะไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้

ซู หลานไม่สนใจ “แต่ชายคนนี้หยิ่งมาก เขาจากไปโดยไม่ได้ไว้หน้าข้าเลยแม้แต่น้อย”

อาวุโสซูพูด “แม้ว่าเมืองหยูฉางจะดูเงียบสงบและไม่มีอะไรสำคัญ แต่ท่านไม่สามารถทำแบบนั้นกับตระกูลหลินได้ ส่วนตระกูลหยวนและเหลียงท่านสามารถรังแกพวกเขาได้ตามแต่ที่ใจท่านต้องการ”

“ทำไมถึงทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ? ตระกูลเหลียงและหยวนต่างเป็นตระกูลขุนนางดั่งเช่นเรา ในขณะที่ตระกูลหลินนั้นมีต้นกำเนิดมาจากผู้ลี้ภัย เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเชียว?” ซู หลานกล่าวโดยไม่แยแส

“คุณหนูเขาแตกต่างจากผู้ลี้ภัยทั่วไป”

ในขณะที่เขากำลังพูดอาวุโสซูก็นึกถึงเรื่องในอดีต

“ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย นานมาแล้วเขาต้องการบุกเข้าไปในเมืองของจักรพรรดิเพียงลำพัง แต่เขาก็ถูกหยุดโดยนายเก่าเสียก่อน นั้นเป็นเรื่องเมื่อ20ปีที่แล้วในเวลานั้นคุณหนูยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ” อาวุโสซูพูด

“นายเก่า? เจ้ากำลังพูดถึงท่านปู่งั้นหรือ?” ซู หลานถาม จากนั้นเธอก็ทำหน้าไม่พอใจ “เขาไม่ได้แข็งแกร่งพอจะเอาชนะข้าด้วยซ้ำ เพราะท่านปู่ยังแพ้ข้าเลย”

อาวุโสซูอยากจะหัวเราะ

แต่เขาก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน

คุณหนูท่านไร้เดียงสาและโง่เกินไป

ช่างมันเถอะ

มันเป็นเพราะนายเก่าชื่นชอบหลานคนนี้มากท่านจึงทำเป็นยอมแพ้ตลอดเพื่อเอาใจนาง

แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาคิดว่ามันแปลก

หลิน วานยี่จะอดทดต่อการตำหนิของสองตระกูลนี้ไปทำไม เขามีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลังกันแน่

เพราะถ้ามองตามความเป็นจริงแล้วในเมืองนี้มันไม่มีใครสามารทำร้ายทำเขาได้ด้วยซ้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด