ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0711 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0713 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0712 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 712 : วิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร

ฉินหยุนรับฟังและจดจำบทร่ายที่เซี่ยฉีโหรวส่งมอบมาให้ ขณะรับฟังเขายังต้องลอบตื่นตะลึง เพราะมันคล้ายเป็นส่วนที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่ง

บทร่ายนี้ คือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถฝึกฝนพลังเซียนเก้าวิวัฒน์ได้

นอกจากนี้แล้ว หลังได้รับฟัง เขาพลันพบว่าบทร่ายนี้คล้ายวิธีการฝึกฝนอีกสองอย่างที่เขามีไว้ในครอบครอง

“นี่ค่อนข้างคล้ายกับพระสูตรเก้าสมบูรณ์และวิถีหัวใจตะวันดารา!” แม้ฉินหยุนตื่นตะลึงภายใน เขาไม่ได้ถามออก กลับกัน เขาเพียงแต่รับฟังต่อ

เซี่ยฉีโหรวเอ่ยคำเชื่องช้า เพื่อให้ฉินหยุนสามารถจดจำทุกสิ่งอย่างได้กระจ่างชัด

นางได้ทวนซ้ำอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงค่อยให้ฉินหยุนทบทวนให้นางฟัง ด้วยวิธีนี้ก็เพื่อให้นางมั่นใจ ว่าฉินหยุนสามารถจดจำทุกสิ่งอย่างได้แล้ว

และแม้ฉินหยุนไม่อาจจดจำ หลิงหยุนเอ๋อก็ยังสามารถจดจำได้ทั้งหมด ตัวนางมีพลังการจดจำอันเลิศล้ำ และตัวนางยังถือเป็นผู้จัดการความทรงจำของฉินหยุน รวมถึงการจัดเรียงและคัดแยกความทรงจำนานาชนิด

“เมื่อเจ้าไปพบปิงชิง ส่งต่อเคล็ดวิชาฝึกฝนนี้แก่นาง หากเจ้าไม่อาจเข้าใจอย่างครบถ้วน ก็อย่าได้เร่งรีบฝึกฝนมันไป ให้ปิงชิงคอยชี้แนะแก่เจ้าแทน!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว

“พี่สาว ข้าเคยฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดาราและพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์มาก่อน ดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะคิด ว่าวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับทั้งสองนั่น!” ฉินหยุนบอกกล่าวความสงสัยที่มีออกไป

“พระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์? นั่นเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว “ในเมื่อเจ้าฝึกฝนพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ ข้าก็คล้ายไม่ต้องกังวลอันใดมากแล้ว เจ้าน่าจะเชี่ยวชาญวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรได้ในไม่ช้า!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยเกิดความยินดีก่อนจะถามออก “เคล็ดวิชาเหล่านี้ มันมีความเชื่อมโยงใดถึงกันหรือไม่?”

“ย่อมมี! เพราะเคล็ดวิชาฝึกฝนเหล่านี้ถูกดัดแปลงมาจากเคล็ดวิชาฝึกฝนเทวะ! ย้อนกลับไปเมื่อกาลก่อน ที่เคล็ดวิชาฝึกฝนเทวะได้ปรากฏขึ้น กลุ่มยอดฝีมือต่างต่อสู้แย่งชิงกันคลุ้มคลั่ง ทุกคนต่างได้รับกันไปส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จากหนึ่งเคล็ดวิชาฝึกฝนเทวะ จึงกลับกลายเป็นเกิดขึ้นซึ่งวิชายุทธ์มากมายที่วิวัฒนาการสืบทอดต่อมา!”

“พระสูตรหัวใจตะวันจันทรา ก็เป็นวิชายุทธ์ที่มีต้นกำเนิดเดียวกันนี้! และวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรถือเป็นวิชายุทธ์ซึ่งแกร่งกล้าที่สุดท่ามกลางพวกมัน เพราะผู้สร้างวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร คือผู้ได้รับจำนวนหน้าของวิชาเทวะมามากที่สุด!”

เซี่ยฉีโหรวอธิบายถึงต้นกำเนิดอันลึกล้ำของวิชายุทธ์เหล่านี้

ฉินหยุนรับฟังอย่างตั้งใจ เขาแทบคิดอยากได้รับวิชาเทวะฉบับสมบูรณ์มาครอง

“พี่สาวปราดเปรื่องทราบเรื่องราวมากมายนัก!” ฉินหยุนถอนหายใจกล่าว

“ภายหน้าข้าจะบอกเล่าถึงเรื่องเก้าแดนอ้างว้างให้มากกว่านี้! อย่างไรแล้ว ข้าก็เป็นพี่สาวซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของเจ้านี่นะ!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะเบา

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี ขณะเขาคิดตัดการสื่อสาร บางสิ่งพลันผุดภายในใจของเขาจนต้องเอ่ยถามออก “พี่สาว หากปิงชิงถามต่อข้าว่าได้รับเคล็ดวิชานี้มาอย่างไร ให้ข้าตอบนางว่าอย่างไรดี?”

“บอกต่อนางไปตามตรง บอกนางว่าข้าสามารถติดต่อกับเจ้าผ่านความฝัน อย่าได้บอกนางเรื่องแผนที่หลุมฝังเซียน! ข้าเกรงว่านางจะพยายามมาหาตัวข้า” เซี่ยฉีโหรวเร่งร้อนกล่าว “เสี่ยวหยุน อย่าได้บอกเย่ว์จีและปิงชิงถึงเรื่องแผนที่หลุมฝังเซียน รวมถึงเรื่องตัวข้าที่อยู่ก้นบึ้งทะเลสาบหมื่นดารา!”

“ผู้ใดคือเย่ว์จี?” ฉินหยุนถามขึ้น

“นายหญิงน้อยแห่งพระราชวังกวงหาน เป็นหยางฉีเย่ว์! นางมีชื่อเสียงโด่งดังในแดนเซียนอ้างว้างไม่ใช่น้อย!” เซี่ยฉีโหรวยิ้มกล่าว “นางมีสัมพันธ์อันดีกับเจ้า ดังนั้นข้าคงไม่ต้องห่วงอะไรอีก!”

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าหยางฉีเย่ว์มีนามว่าเย่ว์จี มันทำให้เขาอดนึกไม่ได้ ว่าตัวนางมีความข้องเกี่ยวกับจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา

*เย่ว์จี หมายความถึง สตรีจันทรา*

“จริงด้วย ข้าได้ยินจากปิงชิง ว่าเย่ว์หลานและเสี่ยวเม่ยเหลียนมีความเสียหายทางจิตวิญญาณ พวกนางจำเป็นต้องซ่อมแซมจิตวิญญาณหรือ?” ฉินหยุนถามด้วยความห่วงหาต่อพวกนาง

“ไม่ได้เสียหายอันใด แต่เป็นการสะกดการเติบโตของจิตวิญญาณ! หากมันเติบโตเร็วเกินไป ด้วยร่างกายที่ไม่สัมพันธ์ มันจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังอย่างมหาศาล อย่างเช่นข้าที่ทำผิดพลาด ดังนั้นข้าจึงได้แต่ต้องอยู่ที่นี่ เพื่อรอคอยให้ร่างกายและจิตวิญญาณสัมพันธ์ต่อกันก่อนจะไปทำเรื่องอื่นได้!” เซี่ยฉีโหรวถอนหายใจเอ่ยคำเสียงเบา

“อย่างนั้นท่านจะบอกว่า เย่ว์เหม่ยและพี่หยางเองก็จำเป็นต้องจำกัดการเติบโตของจิตวิญญาณด้วยหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“จำกัดการเติบโตของจิตวิญญาณมีแต่เป็นผลดีต่อพวกนาง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกนางฝึกฝน ที่ต้องทำก็เพียงแต่ฝึกฝนกายเนื้อ ทางด้านฝึกฝนจิตวิญญาณหาได้มีอันใดต้องกังวลไม่!” น้ำเสียงของเซี่ยฉีโหรวเริ่มอ่อนแรงลง

นี่ถือเป็นการสนทนาครั้งยาวนานที่สุดระหว่างฉินหยุนและเซี่ยฉีโหรวในรอบหลายปี

“พี่สาวเหนื่อยแล้วหรือ? เช่นนั้นท่านไปพัก ครั้งหน้าพวกเราค่อยพูดคุยกันใหม่!” ฉินหยุนกล่าว

“อืม ข้าต้องไปสะกดจิตวิญญาณต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นร่างกายข้าได้ฉีกกระชากออกแน่!” เซี่ยฉีโหรวยิ้มตอบกลับมา “อยู่กับปิงชิงให้ดี นางสามารถฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทรากับเจ้า นี่แสดงให้เห็นว่านางเชื่อใจเจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว ถือเป็นโอกาสอันยากได้รับ!”

หลังตัดการสื่อสาร ออร่าโลหิตที่ลอยออกจากแผนที่หลุมฝังเซียนจึงค่อยเลือนหายไป

ฉินหยุนเก็บแผนที่หลุมฝังเซียนและหลับตาลง เขาคิดทำความเข้าใจต่อวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรที่เพิ่งได้รับมา

“พี่สาวของเจ้าถึงกับทรงพลังกว่าที่คาดคิดไว้มากนัก นึกว่าเรื่องราวที่ผ่านมาจะเกี่ยวข้องแต่แดนเซียนอ้างว้าง แต่ตอนนี้ คล้ายว่ามันจะเกี่ยวโยงไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้างเสียด้วย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“แดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้างห่างไกลเกินไป! แม้มป็นแดนเซียนอ้างว้าง ข้าก็ยังไม่ทราบเลยว่าเมื่อใดจะสามารถไปยังที่แห่งนั้น!” ฉินหยุนถอนหายใจ

“มันอาจเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ก็ได้! หากเจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร และมีโลหิตเซียนอสูรภายในกาย เมื่อนั้นเจ้าจะคืบหน้าอย่างก้าวทะยาน!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะกล่าว “วางใจเถอะ อย่างไรเจ้าก็ต้องทำสำเร็จ! เจ้าได้ผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์แห่งความเที่ยงธรรม มันจะเป็นตัวช่วยเหลือเจ้าสะกดผลด้านลบของโลหิตอสูรเอง!”

“ไม่เช่นนั้น หากโลหิตอสูรคงอยู่ในกายเจ้า มันจะพร้อมแปรเปลี่ยนเจ้าเป็นอสูรได้ทุกเมื่อ มันพร้อมที่จะทำให้เจ้าสูญเสียจิตใจ! และในเมื่อเจ้าครอบครองพลังเที่ยงธรรม อย่างนั้นก็ไม่มีอันใดให้ต้องหวาดเกรงพวกมันไป!”

ฉินหยุนเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นยินดี หลังสงบใจลงได้ เขาค่อยนอนหลับบนเตียงไปวูบหนึ่ง จากนั้นค่อยเดินทางไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

ปิงชิงรอคอยฉินหยุนอยู่ที่สระเซียน นางกำลังตระเตรียมการฝึกฝนร่วมกันอยู่

“ฉินหยุน ต้นกำเนิดเซียนอีกสองได้ทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ในไม่ช้า พวกมันทั้งสามจะทำให้พลังงานเซียนภายในนครเซียนยุทธภัณฑ์หนาแน่นยิ่งขึ้น!” ปิงชิงกล่าว “ความเร็วการฝึกฝนร่างเซียนของเจ้าย่อมต้องก้าวหน้ารวดเร็วแน่!”

“พี่สาวปิงชิง ข้าคิดอยากฝึกฝนร่างเซียนอสูร!” ฉินหยุนยิ้มตื่นเต้นกล่าวคำ

“เจ้าจะฝึกมันได้อย่างไร?” ปิงชิงคิ้วขมวดกล่าวถาม “เรื่องนี้ยากเกินไป! นอกจากนี้แล้ว นี่ยังถือเป็นเรื่องต้องห้ามในแดนเซียนอ้างว้าง เมื่อใดผู้อื่นพบว่าเจ้ามีร่างเซียนอสูร เมื่อนั้นทุกผู้คนจะต้องการสังหารเจ้า!”

ฉินหยุนพลันถามออกด้วยความสงสัย “พี่สาวปิงชิง ท่านเคยได้ยินวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรบ้างหรือไม่?”

ปิงชิงพอได้ฟังคำกล่าวฉินหยุน ร่างนางถึงกับสั่นเทิ้ม ใบหน้าเย็นเยือกของนางเผยออกซึ่งความตื่นตะลึง “นี่เจ้าไปได้ยินถึงเคล็ดวิชาฝึกฝนนั่นมาจากที่ใด? อย่าได้บอกว่าเจ้าฟื้นคืนความทรงจำกลับมาแล้ว?”

“พี่สาวปิงชิง เหตุใดท่านจึงกังวลว่าข้าจะได้ความทรงจำกลับคืนถึงเพียงนั้น?” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวถาม

“เพราะ... เพราะข้ายอมรับตัวเจ้าในชาติภพก่อนไม่ได้! ตัวเจ้าตอนนี้ ในใจข้าถือเป็นคนดีอย่างแท้จริง แต่หากเจ้าฟื้นคืนความทรงจำกลับมา เช่นนั้นความเชื่อใจระหว่างพวกเราจะพังทลาย!”

ทุกครั้งที่ปิงชิงคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของนางจะเกิดความซับซ้อน เพราะนางมีความรู้สึกอันซับซ้อนต่อฉินหยุนในตอนนี้และชาติภพก่อน

“พี่สาวราชครูของข้าได้บอกต่อมา ถึงวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร และยังส่งต่อมันมาให้แก่ข้า!” ฉินหยุนกล่าว

“ผู้ใดคือพี่สาวราชครูของเจ้า?” ปิงชิงเอ่ยถามอย่างตื่นตะลึง

“นามของนางคือเซี่ยฉีโหรว...” ก่อนฉินหยุนจะทันกล่าวคำต่อ ปิงชิงพลันเอ่ยคำขัดขึ้น

“ธิดาแห่งโม๋จี เซียนฉีโหรว!” ปิงชิงเผยดวงตางดงามเบิกออกกว้างพร้อมเร่งร้อนเอ่ยถาม “นางอยู่ที่ใด? ในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์แห่งนี้หรือ?”

“นาง... นางอยู่ในความฝันของข้า บางครั้งนางจะปรากฏตัวและชี้แนะการฝึกฝนให้แก่ข้า!” ฉินหยุนมีแต่ต้องเผยคำโป้ปดออกไปต่อปิงชิง

ปิงชิงเหม่อมองฉินหยุน นางไม่ทราบว่าคิดพูดอันใด เพราะนางมักคิดว่าเซี่ยฉีโหรวสิ้นชีพไปแล้ว มีแต่ร่างเซียนอสูรอันทรงอำนาจของนางที่ยังไม่ตายจาก

ฉินหยุนทราบ ว่าเขาได้ลวงหลอกต่อปิงชิงในชาติภพก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอยากโกหกต่อนางอีกในชีวิตนี้

กระนั้นที่เขาโกหกออกไปก็เพราะมีเจตนาดี เขาเข้าใจถึงความกังวลของเซี่ยฉีโหรว เพราะปิงชิงคล้ายห่วงหาต่อเซี่ยฉีโหรวอย่างแท้จริง

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าชาติภพก่อนของเซี่ยฉีโหรวจะมีนามว่าเซียนฉีโหรว!

“หลังจากพี่หยางตื่นรู้ความทรงจำ พี่หยางต้องทราบแน่ว่าเซี่ยฉีโหรวคือเซียนฉีโหรว ทั้งยังทราบว่าพี่สาวราชครูของเจ้าผู้นั้น ได้เก็บซ่อนความลับเอาไว้ ทว่านางไม่กล่าวออกมาให้เจ้าได้ทราบ เป็นนางกลัวว่าจะไปกระตุ้นความทรงจำของเจ้าขึ้นมา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

“พี่สาวปิงชิง พี่สาวราชครูได้บอกต่อข้าถึงวิธีการฝึกฝนร่างเซียนอสูร แต่ข้าจำเป็นต้องให้ท่านช่วย ท่านยินดีช่วยข้าหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา

“บอกต่อข้ามา ตราบเท่าที่ทำได้ ข้าย่อมช่วย!”

ปิงชิงสูดลมหายใจเข้าลึก นางไม่คาดคิด ว่าธิดาแห่งหมัวจีจะถึงขั้นมีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนด้วย

เป็นอีกครั้งที่นางคล้ายไม่เข้าใจต่อฉินหยุน นางรู้สึกว่าตัวตนในชาติภพก่อนฉินหยุนจะต้องมีปัญหาที่ไม่อาจบอกกล่าว เพราะเหตุนั้นเขาจึงโกหกต่อตัวนาง

“เจ้ารู้จักพี่ฉีโหรวมานานเพียงใดแล้ว? เหตุใดนางจึงเข้าถึงความฝันของเจ้าได้?” ปิงชิงเอ่ยถาม

“ข้ารู้จักนางตั้งแต่ยังเยาว์นัก ข้าบอกต่อท่านก่อนหน้านี้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระราชวังหลวง หลังพี่สาวหายตัวไป ข้าก็ไม่เคยได้พบนางอีก ภายหลัง เป็นนางปรากฏขึ้นเพื่อสื่อสารกับข้าในความฝัน!”

ฉินหยุนเริ่มตระหนักได้ ว่าสัมพันธ์ระหว่างปิงชิงและเซี่ยฉีโหรวค่อนข้างดี เพราะยามปิงชิงเอ่ยถึงเซี่ยฉีโหรว นางเรียกหาเป็นพี่ฉีโหรว

“หากนางคือผู้ชี้นำให้เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร เช่นนั้นข้าก็เชื่อว่าเจ้าสามารถฝึกฝนมันได้!” ปิงชิงกล่าว

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่มบอกเล่าถึงเรื่องราวและส่งต่อวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรต่อไปยังปิงชิง

ปิงชิงครอบครองพลังจิตและจิตวิญญาณแก่กล้า เพียงได้รับฟังครั้งหนึ่งนางย่อมจดจำได้ครบถ้วน กระนั้น ฉินหยุนก็ยังให้เวลานางได้ทบทวน

“พี่สาวปิงชิง ในอดีต พี่ฉีโหรวได้ฝึกฝนวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนถามออกด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ เป็นนางได้รับมาภายหลัง และถูกผนึกเอาไว้ก็เพราะเรื่องนี้ เดิมข้าคิดว่าจิตวิญญาณของนางสลายไปแล้ว ไม่นึกว่านางจะมาเกิดใหม่เช่นนี้!” ดวงตาของปิงชิงเผยประกาย นางคิดอยากทราบว่าเซี่ยฉีโหรวผ่านหนทางดังกล่าวมาได้อย่างไร

“พี่ฉีโหรวและข้าต่างถูกผนึกเอาไว้แทบพร้อมกัน แต่แล้วนางทราบอดีตของเจ้าได้อย่างไร? ระหว่างที่นางถูกผนึกเอาไว้ ตัวเจ้าในชาติภพก่อนไปทำอะไรไว้? นี่ต้องเป็นเหตุผลที่เย่ว์จีและเด็กสาวทั้งหลายเหล่านั้นสนิทชิดเชื้อต่อเจ้า!”

ปิงชิงพลันคิดอยากทราบเรื่องราวในชาติภพก่อนของฉินหยุนขึ้นมา และนั่นก็มีความเป็นไปได้หนึ่งเดียวคือฉินหยุนต้องตื่นรู้ความทรงจำ กระนั้น นางไม่ปรารถนาให้ฉินหยุนได้ตื่นรู้มันขึ้นมา นางกังวล ว่าฉินหยุนจะกลับกลายเป็นคนผู้นั้นอีก

“ข้าขอตัวไปใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราเพื่อทำความเข้าใจต่อวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรเสียก่อน เจ้าจงรอข้า!” กล่าวคำจบ นางจึงเร่งรีบกระโดดลงสู่สระเซียน

ฉินหยุนเคยใช้มาก่อนหน้า และเวลาที่ผ่านไปยังไม่ครบหนึ่งเดือน ดังนั้น ครั้งนี้เขาจึงไม่อาจร่วมใช้งานด้วยได้ ภายในย่อมเกิดความนึกเสียดาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด