ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0710 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0712 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0711 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 711 : มิตรสหายเก่าพบปะ

ปิงชิงมองที่ต้นกำเนิดเซียนและกล่าว “ต้นกำเนิดเซียนมีมากพอแล้ว! เจ้าเก็บต้นกำเนิดเซียนนี้เอาไว้!”

นางไม่ทราบว่าฉินหยุนทำอะไรกับราชันแคว้นเยี่ยมาบ้าง ดังนั้นจึงคิดมอบสิ่งนี้ให้

“พี่สาวปิงชิง ท่านควรเก็บมันไว้ มันจะช่วยให้ท่านแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะได้กลับไปยังแดนเซียนอ้างว้าง!” ฉินหยุนกล่าว

“เปาเฉิงโฉ่วมีอีกสอง รวมเข้ากับที่อยู่เบื้องล่างสระเซียนแห่งนี้จึงเป็นสาม หากพวกมันเชื่อมต่อกัน พลังงานเซียนที่ควบแน่นออกมาจะยิ่งเพิ่มพูน สำหรับข้า เท่านั้นก็เกินพอแล้ว!” ปิงชิงถือต้นกำเนิดเซียนไว้พลางส่งมาให้ฉินหยุน

“อย่างนั้นข้าก็ไม่ขอมากมารยาทไป!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมรับต้นกำเนิดเซียนกลับคืนมา เพราะเขามีเจ้าตัวน้อยทั้งสามให้ต้องเลี้ยงดู

หากโมโม หยางหยาง และกระต่ายหยกเติบโตขึ้น พวกมันจะต้องครอบครองพลังอันเลิศล้ำ

ปิงชิงถามขึ้น “แล้วชายคนเมื่อครู่เจ้าคิดนำไปทำอันใด? ข้ารับรู้ได้ว่าร่างเซียนของมันอ่อนแรงยิ่งนัก!”

กล่าวถึงเรื่องนี้ ฉินหยุนเองก็มีหลายเรื่องที่คิดหารือกับปิงชิง

“พี่สาวปิงชิง ข้าได้รับโลหิตเซียนและโลหิตอสูรมามากมายนัก ข้าสามารถใช้โลหิตทั้งสองนี้ฝึกร่างเซียนอสูรได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามออกตามตรง

“ข้าไม่ทราบ!” ร่องรอยความหวาดกลัวเผยผ่านดวงตางดงามของปิงชิง นางส่ายศีรษะ “ร่างเซียนอสูรไม่ใช่ง่ายฝึกฝน! ไม่เช่นนั้น ทุกคนคงฝึกฝนมันได้ไปแล้ว!”

ฉินหยุนคิดว่าเรื่องนี้ตนควรถามเซี่ยฉีโหรว เพราะนางคือผู้ฝึกฝนร่างเซียนอสูร

อย่างกะทันหัน เสียงของแม่เฒ่าหม่าพลันดังจากภายนอก “ผู้อาวุโสสูงสุด ฉินหยุนอยู่ด้านในหรือไม่?”

ฉินหยุนเร่งรีบเปิดประตู จึงได้เห็นแม่เฒ่าหม่าพาสองสาวร่วมทางมา พวกนางสวมใส่ชุดขาวพร้อมมีผ้าปิดปกคลุมใบหน้า

ฉินหยุนย่อมทราบ ว่าทั้งสองคือเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียน

“ฉินหยุน ทั้งสองคนมาพบเจ้า!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวคำเบา “คงไม่สะดวกนักที่เจ้าจะต้อนรับพวกนางในตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์กระมัง?”

“ย่อมต้องสะดวก! ท่านยายหม่า ท่านต้องการร่วมวงด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มพลางเดินออกไป พร้อมคว้ามือของทั้งเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนไว้ ก่อนจะดึงพวกนางเดินร่วมทางกลับเข้าไปในตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

“ย่อมไม่ ข้ายังมีเรื่องให้ทำอีกมากนัก!”

แม่เฒ่าหม่าตื่นตะลึง กระนั้น พอคิดว่าฉินหยุนคือผู้นำต้นกำเนิดเซียนจำนวนมากมาสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์ นางจึงคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดย่อมไว้หน้าเขาบ้าง

แม่เฒ่าหม่าจากไป ฉินหยุนจึงปิดประตู

ชี่เม่ยเหลียนถอดผ้าคลุมหน้าออก ใบหน้าสดใสอ่อนโยนของนางเผยยิ้มหวานอย่างสุขใจ

ฉินหยุนพอได้เห็นใบหน้าที่คลาดจากกันไปนาน เขารู้สึกยินดี มือขณะนี้ยื่นเข้าไปลูบใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยนแล้ว

“พี่ชาย ในที่สุดก็ได้พบท่าน!” ชี่เม่ยเหลียนโผเข้ากอดฉินหยุน น้ำตาแห่งความยินดีไหลหลั่งผ่านแก้มของนาง

“เสี่ยวเม่ยเหลียน ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะพลางกอดนางไว้อย่างเบามือ จากนั้น เขาจึงช่วยปาดเช็ดคราบน้ำตาที่ใบหน้างดงามของนาง

ชี่เม่ยเหลียนยิ้มบาง “พี่ชาย ท่านต่างหากจึงแข็งแกร่งกว่าข้า! หากไม่ใช่ท่าน พวกเราคงถูกอสูรพวกนั้นสังหารกันไปแล้ว! ท่านยายหยุนเหยาเองก็กล่าวว่าท่านเป็นวีรบุรุษผู้หนึ่ง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางปิงชิงที่เดินเข้ามาใกล้จึงหัวเราะออก “ปิงชิง นี่เจ้าสมควรเป็นผู้โชคดีที่สุดแล้ว เพราะเจ้านั้นยังมีชีวิตอยู่!”

“ปิง... พี่สาวปิงชิง!” เมื่อชี่เม่ยเหลียนได้เห็นความเย็นเยือกของปิงชิง ภายในจึงรู้สึกหวาดกลัวพร้อมหลบด้านหลังฉินหยุน

ปิงชิงหันมองทางฉินหยุนพร้อมกล่าว “ทั้งหมดก็เพราะชาติภพก่อนของฉินหยุนแล้ว เป็นเขาที่ทำให้ข้าถูกผนึกไว้!”

“ปิงชิง นอกจากเจ้าแล้ว พวกเราล้วนตายกันหมดสิ้น!” เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางชี่เม่ยเหลียน นางถอนหายใจเบา “เจ้าสมควรต้องขอบคุณต่อฉินหยุนแล้ว!”

ชี่เม่ยเหลียนเอ่ยคำเบา “พี่สาวปิงชิง เหตุใดข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปมากนัก? ท่านไม่เหมือนดังเช่นเมื่อก่อน เป็นท่านน่ากลัวยิ่งกว่า!”

ฉินหยุนคาดเดาได้นานแล้ว ว่าชี่เม่ยเหลียนย่อมมีชาติภพก่อนเช่นกัน

“หลังประสบหลายเรื่องราว ข้าย่อมเปลี่ยนแปลง นับว่าดีแล้วที่ข้ายังไม่คลุ้มคลั่งไปเสียก่อน!” ปิงชิงเดินไปพร้อมลูบใบหน้าชี่เม่ยเหลียนเบามือ “เจ้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม งดงามและบริสุทธิ์ หาได้เปลี่ยนไปแม้สักนิด!”

“ปิงชิง เรื่องราวในอดีตล้วนปล่อยให้มันผ่านไป! ตอนนี้ข้าคือเชี่ยวเย่ว์หลาน! และนางคือชี่เม่ยเหลียน!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

“ได้ อดีตก็เป็นอดีต ตอนนี้ถือว่าได้เริ่มกันใหม่! หวังว่าพวกเรายังคงเป็นสหายที่ดีต่อกันได้!” ปิงชิงมองทางฉินหยุนด้วยสีหน้าอันซับซ้อน

“พวกเราย่อมเป็นสหายที่ดีต่อกันเสมอ!” ฉับพลันนี้ ชี่เม่ยเหลียนค่อยเผยความยินดีพร้อมโผเข้ากอดปิงชิงเอาไว้แน่น

เชี่ยวเย่ว์หลานเดินไป ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน ดวงตานั้นปริ่มน้ำตาพลางสวมกอดกันไว้แน่น

แม้ฉินหยุนยินดี แต่เขาก็รู้สึกหมองหม่น เพราะมีแต่เขาที่ไม่ทราบว่าในอดีตเกิดเรื่องใดขึ้น

“เอาละ เช่นนั้นพวกเราคิดไปแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว

“เย่ว์หลาน ไม่ใช่เจ้าบอกหรือว่าจะอยู่กับข้าสักเดือนหนึ่ง?” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม

“ข้าคิดไปเก็บตัวฝึกฝนกับเสี่ยวเม่ยเหลียน!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะรับพร้อมกล่าว “ข้าจะให้รั่วหยานอยู่กับเจ้าแทนแล้วกัน อย่างไรแล้วนางก็เป็นภรรยาข้า!”

“พี่ชาย นับจากนี้ข้าจะไปอยู่ที่เกาะจันทราปีศาจ ภายหน้าพวกเราย่อมได้พบกันบ่อยครั้งกว่านี้!” ชี่เม่ยเหลียนยิ้มกล่าว

“อืม ทางนี้เองก็ยินดีนักที่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง!” ฉินหยุนหยิกที่ใบหน้าของนางพลางกล่าว “ภายหน้าอย่าได้แอบลักลอบเข้าไปในกองกำลังที่แข็งแกร่งอีก มันอันตรายเกินไป!”

“เป็นเย่ว์เหม่ยที่ให้ข้าไปแทนที่...” ชี่เม่ยเหลียนบอกเล่าต่อฉินหยุนเรื่องที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยฝากฝังให้นางทำ

“แม่เด็กน้อยนั่น เมื่อใดเจอกันอีกครั้ง บอกให้นางมาพบข้าโดยทันที เรื่องนี้ต้องพูดคุยกับนางให้จริงจังแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มพลางบ่นอุบ

“เห็นด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวก่อนจะดึงชี่เม่ยเหลียนไปทางประตู

ฉินหยุนและปิงชิงต่างออกไปส่งทั้งสองคนจากตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

“ปิงชิง ฝากดูแลเสี่ยวหยุนให้ดีด้วย! ได้เห็นพวกเจ้าไปกันได้ด้วยดี ข้าก็ไม่คิดพูดถึงเรื่องราวในชาติภพก่อนแล้ว!” ก่อนเชี่ยวเย่ว์หลานจากไป นางได้กล่าวย้ำคำ

ฉินหยุนมองส่งเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนไปจากตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์

เมื่อทั้งสองจากไป ฉินหยุนจึงพึมพำ “เย่ว์หลานถึงกับไม่ยอมอยู่ต่อ!”

ปิงชิงกล่าว “ฉินหยุน ทั้งสองคนมีเรื่องให้ต้องทำยิ่งกว่า ดังนั้นจึงเร่งรีบเดินทางกลับ”

“เรื่องอันใดกัน?” ฉินหยุนถามกลับอย่างนึกสงสัย

“รักษาจิตวิญญาณ!” ปิงชิงกล่าว “ก่อนหน้านี้ ข้าสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของทั้งสองมีการตอบสนองแปลกประหลาด! คาดเดาว่าหลังกำเนิดขึ้นใหม่ จิตวิญญาณจึงได้รับผลกระทบ ในเมื่อทั้งสองผ่านการกลับชาติมาเกิด ความทรงจำยังตื่นขึ้นก่อนกำหนด นี่จะต้องมีคนแอบช่วยเหลือพวกนางอยู่แน่!”

ก่อนหน้านี้ฉินหยุนได้คาดเดา ว่าเซี่ยฉีโหรวได้ติดต่อหาชี่เม่ยเหลียน เชี่ยวเย่ว์หลาน และเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพื่อชี้นำพวกนางในการฝึกฝน

“พี่สาวปิงชิง วิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวเม่ยเหลียนในชาติภพก่อนก็เป็นวิญญาณยุทธ์กาลอวกาศหรือ?” ฉินหยุนถามออกด้วยความสงสัย

“นางครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ เป็นวิญญาณยุทธ์กาลอวกาศ และวิญญาณยุทธ์ความทรงจำ!” ปิงชิงกลับไปนั่งข้างสระเซียนพลางกล่าวต่อ “วิญญาณยุทธ์ความทรงจำของนางทรงอำนาจยิ่ง มันสามารถผนึกความทรงจำเลวร้ายยามที่นางเกิดความโศกเศร้าเอาไว้ได้!”

ฉินหยุนตระหนักถึงบางอย่างได้ ย้อนกลับไปตอนนั้น เซี่ยอู๋เฟิง มู่หรงต้าเหริน และฮั่วจงต่างได้เห็นวิญญาณยุทธ์ของชี่เม่ยเหลียน กระนั้นภายหลังพวกเขาไม่อาจจดจำได้ว่ามันคืออะไร

หลิงหยุนเอ๋อพลันกล่าว “เสี่ยวหยุน ไม่ใช่เย่ว์หลานบอกหรือว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำวัยเด็กส่วนหนึ่งไป? ข้าเองก็ไม่อาจพบความทรงจำนั้นในจิตใจเจ้าได้ เห็นได้ชัดว่าต้องถูกนำออกไปด้วยพลังพิเศษ!”

“หากเป็นอย่างนั้น ก็มีแต่เสี่ยวเม่ยเหลียนที่ทำได้! ข้าสงสัยว่าพี่สาวของเจ้า จะเป็นคนบอกให้เสี่ยวเม่ยเหลียนนำเอาความทรงจำตอนนั้นของเจ้าออกไป!”

เรื่องราวกลับกลายเป็นซับซ้อนขึ้นมา ฉินหยุนรู้สึกว่าเซี่ยฉีโหรวคล้ายจงใจเก็บซ่อนหลายเรื่องราวของตัวเขาเอาไว้

“พี่สาวปิงชิง ชาติภพก่อนหน้า ข้ามีสัมพันธ์อันดีกับพวกเม่ยเหลียนหรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น

“พวกเจ้าหาได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันไม่ เพราะพวกเราล้วนถูกเจ้าลวงหลอก แต่หลังจากข้าถูกผนึก หลายปีผันผ่าน ข้าไม่ทราบแล้วว่าช่วงนั้นได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น! โดยสรุป มันต้องมีสาเหตุว่าทำไมตอนนี้พวกเจ้าถึงดีต่อกันได้!”

ปิงชิงมองทางสระเซียนด้วยสีหน้าอันซับซ้อน “ข้าเองก็อยากทราบให้กระจ่างชัด ว่าหลังข้าถูกผนึกมันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”

“ข้าขอตัวกลับไปพบมิตรสหายก่อน จากนั้นข้าค่อยกลับมาฝึกฝนร่วมกับท่าน!” ฉินหยุนไม่ต้องการนึกถึงเรื่องนี้อีก เพราะเขาไม่มีเบาะแสใดในมือเลย

ปิงชิงพยักหน้ารับเบา

ฉินหยุนออกจากตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เดินทางกลับบ้านพักของตนเอง เขานำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาพร้อมหยดเลือดลงไป

“เสี่ยวหยุน มีเรื่องอะไรหรือ? พบเจอเสี่ยวเม่ยเหลียนหรือยัง?” เซี่ยฉีโหรวเอ่ยถาม

“ข้าพบนางแล้ว! นางและเย่ว์หลานได้ไปพบปิงชิง และได้กลายเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันอีกครั้งหนึ่ง!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวคำ “พี่สาว ข้ามีความรู้สึกว่าท่านกำลังปิดซ่อนหลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาติภพก่อนของข้าเอาไว้!”

“ถูกต้อง เป็นข้าซ่อนไว้หลายเรื่องราวจริง! พวกมันเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อเจ้าได้ง่าย ดังนั้นข้าจึงไม่คิดอยากพูดถึงในเวลานี้! เย่ว์หลานและผู้อื่นต่างทราบ เหตุผลที่พวกนางไม่บอกอันใดต่อเจ้า ก็เพราะพวกนางมีความเห็นเช่นเดียวกันกับข้า!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว

หยางฉีเย่ว์สามารถกลับชาติมาเกิด เรื่องนี้ทำเซี่ยฉีโหรวประหลาดใจไม่น้อย เพราะนางไม่ได้ร่วมมือทางใดกับหยางฉีเย่ว์

และหยางฉีเย่ว์ ก็เก็บงำหลายเรื่องราวในชาติภพก่อนของฉินหยุนเอาไว้

ฉินหยุนพอนึกถึงเรื่องนี้ เขาค่อยเชื่อว่าเซี่ยฉีโหรวมีเจตนาดี

“พี่สาว ข้าฝึกฝนร่วมกับปิงชิงแล้ว ครั้งพวกเราฝึกฝนพลังเซียนเก้าวิวัฒน์ร่วมกัน ความเร็วฝึกฝนของพวกเราได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“เสี่ยวหยุน เจ้าช่างน่าทึ่ง ปิงชิงถึงขั้นปล่อยวางต่อเจ้า กระทั่งใช้พระสูตรหัวใจตะวันจันทรากับเจ้าได้!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะกล่าว “สมแล้ว เสน่ห์ของเจ้าก็ยังคงมีดังเช่นชาติภพก่อน!”

“พี่สาว ข้าคิดอยากฝึกฝนร่างเซียนอสูร ข้าได้รับต้นกำเนิดเซียนมาจำนวนหนึ่ง”

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงบอกต่อเซี่ยฉีโหรวถึงเรื่องราวที่เขาได้รับโลหิตเซียนและโลหิตอสูรมาจำนวนมาก เขายังกล่าวโดยสรุปถึงเรื่องราวที่ได้รับต้นกำเนิดเซียนมา

หลังได้รับฟัง เซี่ยฉีโหรวยังคงเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นนางค่อยกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะฝึกฝนร่างเซียนแล้ว กระนั้นที่เจ้าต้องการก็ยังอันตรายเกินไป! แต่เมื่อใดเจ้าฝึกฝนได้ ภายหน้ามันจะเป็นตัวส่งเสริมต่อเจ้าอย่างมหาศาล!”

“เป็นเรื่องดีที่ระดับการฝึกฝนเจ้ายังไม่สูงล้ำ และข้างกายยังมีเซียนหญิงที่สนิทกัน หากเจ้าคิดฝึกฝนร่างเซียนอสูรข้าก็ค่อยวางใจได้!”

“ปิงชิงคือสตรีที่สามารถฝึกฝนร่วมกับเจ้าได้ อย่างนั้นนี่คงหมายความถึงเจตนาแห่งสวรรค์! ด้วยนางช่วยเหลือ เจ้าน่าจะฝึกฝนร่างเซียนอสูรขึ้นมาได้!”

ฉินหยุนภายในตื่นเต้นยินดี ปากกล่าวถามออก “พี่สาว ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง?”

“นำโลหิตเซียนและโลหิตอสูรแยกบรรจุไว้ จากนั้นค่อยนำแก่นเต๋าผู้ฝึกตนอสูร หรือผลึกแก้วชีวิตอสูรครึ่งเซียนใส่ในโลหิตเซียน! สำหรับโลหิตอสูร ให้นำแก่นเต๋าหรือผลึกแก้วชีวิตครึ่งเซียนใส่เข้าไป!”

“รอจนกว่าเลือดในภาชนะจะมีการตอบสนอง หากเป็นไปได้ด้วยดี โลหิตอสูรจะกลายเป็นสีทอง และโลหิตเซียนจะกลายเป็นโปร่งแสง!”

“ถึงตอนนั้น เจ้าค่อยผสมโลหิตทั้งสองเข้าด้วยกัน จากนั้นโลหิตทั้งสองจะทำปฏิกิริยาต่อกันจนร้อนขึ้นมา แล้วเจ้าค่อยแช่กายในนั้น!”

“สุดท้ายแล้ว ให้ปิงชิงอยู่เคียงข้างภาชนะ ให้นางฝึกฝนร่วมกับเจ้าและใช้พลังเซียนอันแกร่งกล้า ชักนำโลหิตเซียนอสูรเพื่อขัดเกลาร่างกายเจ้า! แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องให้เจ้าและปิงชิงต้องเรียนรู้วิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร ข้าจะสอนวิธีการฝึกฝนมันให้แก่เจ้าเอง!”

หลังนางกล่าวคำจบ จึงเริ่มทำการส่งถ่ายวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรให้แก่ฉินหยุน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด