ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0702 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0704 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0703 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 703 : ผู้อาวุโสโฉมงาม

บอลสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ได้ลงจอดที่ลานกว้างของตำหนักเซียนดาบ มันคล้ายกับดวงดาวสีดำขนาดเล็ก

เจี้ยนหนันหู่นำฉินหยุนมุ่งหน้าสู่ปีกตะวันตกของตำหนักเซียนดาบ สายตาหันกลับไป เขาย่อมพบเห็นบอลสีดำขนาดใหญ่ยักษ์

“นั่นมันอะไรกัน?” เจี้ยนหนันหู่เผยอาการตื่นตะลึง

“สมควรเป็นอุปกรณ์บินได้ที่ทรงพลังยิ่ง มันถึงขั้นสามารถทะลวงผ่านม่านพลังของเกาะและตำหนักเซียนดาบเข้ามาได้!” ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าอสูร สังหรณ์ลางร้ายปรากฏเด่นชัดภายใน

เจี้ยนหนันหู่กล่าว “อย่าได้สนใจ ให้ข้านำเจ้าไปพบผู้อาวุโส เพื่อที่เจ้าจะได้ถ่ายทอดโทเทมมังกรแก่นาง!”

ฉินหยุนไม่อาจทราบว่าที่ลานกว้างเกิดเรื่องอันใด ความสงสัยขณะนี้อัดแน่นอยู่เต็มอก

เจี้ยนหนันหู่นำฉินหยุนไปสู่ทางปีกตะวันตกของตำหนักเซียนดาบ ที่แห่งนั้นมีเนินเขาลูกเล็กซึ่งมีทุ่งดอกไม้นานาชนิดปรากฏอยู่ นับว่าเป็นสถานที่งดงามแห่งหนึ่ง

สภาพแวดล้อมนี้เป็นหลิงหยุนเอ๋อชื่นชอบเป็นที่สุด ภายในมิติมายาของฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อถึงขั้นร้องขอสถานที่งดงามเช่นนี้บ้าง

“เจี้ยนหนันหู่ นามของอาจารย์จารึกโฉมงามแห่งตำหนักเซียนดาบเจ้าคือ?” ฉินหยุนพอได้เห็นสภาพแวดล้อมนี้ เขาค่อยตระหนักได้ว่าสตรีที่อาศัยอยู่ที่นี่คงชื่นชอบดอกไม้

“เจี้ยนหลิงหลง หากเจ้าอยู่ในแวดวงอาจารย์จารึก อย่างนั้นย่อมต้องสมควรคุ้นเคยนามนี้!” เจี้ยนหนันหู่มองที่สีหน้าของฉินหยุนพร้อมกล่าว “ดูจากสีหน้าเจ้า คงไม่เคยได้ยินนามนี้กระมัง!”

“เป็นเช่นนั้น ข้าไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน!” ฉินหยุนยักไหล่ตอบกลับอย่างเสียมิได้

ฉินหยุนตามเจี้ยนหนันหู่ไปทางเนินเขาลูกน้อย ไม่นานจึงได้เห็นหอคอยเจดีย์ไม้สูงถึงหกชั้นตั้งตระหง่าน

“เจี้ยนหลิงหลงผู้นี้เป็นบุคคลเช่นไร? ปู่เจ้าบอกต่อข้า ว่านางอ่อนโยนและโอบอ้อมอารี!”

ย้อนกลับไปตอนนั้น ครั้งฉินหยุนถูกขับไล่ออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ เจี้ยนสือเทียนเดินทางมาเพื่อคิดดึงตัวเขา ทั้งยังสาธยายถึงอาจารย์จารึกเต๋าโฉมงามไว้มากมาย

“อ่อนโยนและโอบอ้อมอารีหรือ? จะบอกว่าเจ้าได้ยินนามของนางแล้วจึงคิดเช่นนั้น?” เจี้ยนหนันหู่เผยสีหน้ามึนงง “ฉินหยุน ข้าต้องขอย้ำเตือนต่อเจ้า ตระกูลเจี้ยนของเราไม่เคยมีสตรีใดอ่อนโยนและโอบอ้อมอารี!”

*เจี้ยนหลิงหลง หมายความถึง ดาบอันวิจิตรงดงาม

“อ่อนโยนและโอบอ้อมอารี ยามเมื่อพูดกล่าวถึงสตรีจากตระกูลเจี้ยน นั่นล้วนเป็นภาพลวง! เจ้าเองก็น่าจะได้ประสบกับตนเองแล้ว ว่าน้องหยานนั้นดุดันเพียงใดหรือไม่ใช่? ผู้อาวุโสหลิงหลงจะยิ่งกว่านางหลายเท่านัก!”

ฉินหยุนย่อมเคยประสบกับอารมณ์ร้อนแรงของเจี้ยนรั่วหยานมาก่อน กระนั้นเขาก็ยังได้เป็นผู้แรกที่มีประสบการณ์อีกด้านกับนาง

“ปู่เจ้าแท้จริงคิดลวงหลอกต่อข้า เขากล่าวว่าตำหนักเซียนดาบเจ้ามีอาจารย์จารึกเต๋าโฉมงามที่อ่อนโยนและโอบอ้อมอารีเปรียบดังสายน้ำ และนางก็เป็นผู้อาวุโสด้วย!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวคำ

“ผู้อาวุโสหลิงหลง ถือเป็นผู้มากพรสวรรค์ทางวิถีจารึกของตระกูลเจี้ยนในรอบหลายปีมานี้ ด้วยเหตุนี้ แม้นางมีอารมณ์ร้ายไปบ้าง ทว่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเจี้ยนและตำหนักเซียนดาบก็ทำได้เพียงแต่อดทน!” เจี้ยนหนันหู่เมื่อใกล้ถึงหอคอยเจดีย์หกชั้น เขาค่อยก้าวเดินเข้าไปด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

“ผู้อาวุโสหลิงหลงนี้อายุเท่าใดกันแล้ว?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

กล่าวคำจบ เจี้ยนหนันหู่เร่งรีบเข้าตะครุบปากเขาเอาไว้พร้อมเอ่ยเสียงเบา “ฉินหยุน นี่เจ้าหน่ายจะมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรือ? หากผู้อาวุโสหลิงหลงได้ยิน ชีวิตพวกเราทั้งคู่ได้จบสิ้นที่ตรงนี้แน่!”

จากนั้น เจี้ยนหนันหู่จึงส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุนเป็นการกล่าวเตือน “ฉินหยุน เมื่อใดพบผู้อาวุโสหลิงหลง เจ้าต้องสำรวมให้ดี นอกจากนี้แล้ว อย่าได้มองใบหน้าของนาง! ยิ่งไปกว่านั้น อย่าได้เอ่ยถามถึงอายุ นางเกลียดผู้ที่เอ่ยถามถึงอายุของนางเป็นที่สุด!”

“เจี้ยนหนันหู่ ยังมีเรื่องอื่นใดที่ห้ามทำต่อหน้าผู้อาวุโสหลิงหลงนี้อีกหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามเพื่อให้รู้เสียแต่แรก

“เมื่อใดเจ้าพูด เสียงอย่าได้ยกตนเหนือกว่านาง น้ำเสียงการพูดจาต้องดี พูดกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดีที่สุดคือก้มหัวยามพูดคุย อย่าได้คิดมองใบหน้าของนาง นอกจากนี้แล้ว จงฟังคำของนางอย่างเคร่งครัด อย่าได้ถามวาจาไร้สาระ โดยสรุป ทำเสมือนเจ้าเป็นหลานชายตัวน้อยเข้าพบบรรพบุรุษ!”

เจี้ยนหนันหู่ค่อนข้างหวาดเกรงผู้อาวุโสหลิงหลงอย่างเห็นได้ชัด

ฉินหยุนพอได้รับฟัง เขาอดไม่อยู่จนต้องขมวดคิ้วมุ่น ภายในเวลานี้ต้องสบถก่นด่าต่อจิ้งจอกเฒ่าเจี้ยนสือเทียน อีกฝ่ายถึงขั้นลวงหลอกต่อเขา กล่าวว่าจะได้พบเจออาจารย์จารึกเต๋าที่งดงามและอ่อนโยน

“ผู้น้อยเจี้ยนหนันหู่แสดงความนับถือต่อผู้อาวุโสหลิงหลง!”

เจี้ยนหนันหู่ไปถึงตรงหน้าหอคอยเจดีย์พร้อมโค้งกายอย่างสุภาพ เขากล่าวออกด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า

จากนั้นเขาจึงเร่งรีบส่งเสียงบอกต่อฉินหยุน “เร่งรีบโค้งกายเจ้า!”

ฉินหยุนจึงได้แต่ทำตาม โค้งกายตั้งแต่ช่วงเอวขึ้นมาให้กับประตูบานเลื่อน

“มีธุระใดจงรีบพูดออกมา!” เสียงของเจี้ยนหลิงหลงดังขึ้น เสียงนี้ธรรมดา กระนั้นมันมาพร้อมโทสะอันเย็นเยือก

เจี้ยนหนันหู่เผยอาการสั่นกลัวทั้งร่าง เขาเร่งร้อนกล่าว “ศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้เชี่ยวชาญโทเทมมังกร เขาต้องการมอบโทเทมมังกรแก่ตำหนักเซียนดาบเป็นของกำนัล จ้าวสำนักกำลังรับมือกับผู้อื่นอยู่ ดังนั้นข้าจึงนำพาเขามาที่นี่ขอรับ!”

คำพูดเพียงกล่าวจบ ประตูบานเลื่อนจึงเปิดออก

“พวกเจ้าทั้งสอง เข้ามา!” น้ำเสียงของเจี้ยนหลิงหลงยังคงเป็นดังเคย เย็นเยือกและเฉยชา

“ผู้อาวุโสหลิงหลง ศิษย์ยังมีเรื่องต้องกระทำ ดังนั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ!” เจี้ยนหนันหู่กล่าวคำจบ จึงเร่งรีบเผ่นหนีหายด้วยความเร็วมากล้ำ

ฉินหยุนก้าวเดินผ่านประตูไปด้วยอาการสงบ

เมื่อเขาเข้ามา ประตูจึงค่อยปิดลง

ฉินหยุนที่เข้ามาในหอคอย เขารับรู้ถึงพลังงานร้อนแรงแผดเผา ตรงหน้าเป็นสระน้ำ มันอัดแน่นไว้ด้วยของเหลวสีแดงเดือดพล่านประหนึ่งโลหะหลอมเหลว

“ข้าฉินหยุนจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ มาที่นี่เพื่อส่งมอบโทเทมมังกรเป็นของกำนัล!” ฉินหยุนหันมองรอบ พบว่าที่นี่ไม่มีเจี้ยนหลิงหลง

“เหตุใดเจ้าจึงมอบโทเทมมังกรอันล้ำค่าให้แก่ตำหนักเซียนดาบของเรา? เจ้ามีแผนการอื่นใด?” เจี้ยนหลิงหลงเอ่ยถามเสียงเย็น

“เพื่อให้ตำหนักเซียนดาบของท่านคุ้มกันแก่ข้า...” ฉินหยุนเริ่มอธิบายเรื่องราวให้แก่เจี้ยนหลิงหลงได้รับฟัง

หลังได้รับฟัง เจี้ยนหลิงหลงจึงกล่าว “ข้าได้ยินว่าเจ้ามีจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง!”

“ถูกต้องขอรับ!” ฉินหยุนรับคำ

“หากต้องการพบเจอข้า เช่นนั้นจงกระโดดลงสระสุสานดาบ!” น้ำเสียงของเจี้ยนหลิงหลงดังขึ้น

ฉินหยุนไม่คิดถามยังทราบ ว่าสระของเหลวสีแดงเดือดพล่านตรงหน้าคือสระสุสานดาบ

“ผู้อาวุโส ข้าจะแกะสลักโทเทมมังกรลงบนแผ่นหนังสัตว์และวางไว้ที่ตรงนี้ ข้าหาได้ต้องการพบท่านไม่!” ขณะมองที่สระน้ำ ฉินหยุนพบว่ามันไม่ใช่อะไรที่ตนควรเข้าไปยุ่ง

“เจ้าหวาดกลัวสระสุสานดาบหรือ?” เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะเดียดฉันท์ดังขึ้น

“ข้าย่อมต้องกลัว!”

ฉินหยุนไม่คิดลงไปอย่างแน่นอน เขาเพียงคิดแต่ไปจากที่ตรงนี้โดยเร็ว เมื่อใดส่งมอบโทเทมมังกรแก่เจี้ยนหลิงหลง เขาย่อมเผ่นหนีจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

“ไร้สาระ เร่งรีบลงมาได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าจะออกไปได้! เจ้าไม่คิดพบเจอข้า แต่ข้าคิดพบเจอเจ้า!” เจี้ยนหลิงหลงเผยน้ำเสียงคุกคาม

ฉินหยุนถอนหายใจ เขานำเอาไข่มุกไล่น้ำออกมาพร้อมกระโดดลงไป

ที่ทำเขารู้สึกแปลกประหลาด คือยามที่กระโดดลงไป มันกลับมีพลังดูดเขาขึ้นไปด้านบน!

เขาไม่ได้ร่วงหล่นสู่สระสุสานดาบ แต่กลับกลายเป็นพุ่งทะยานถึงด้านบนเหนือสระสุสานดาบ

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงขึ้นมาถึงที่ชั้นสองพร้อมอาการตระหนกตกใจ!

ที่ปรากฏตรงหน้า เป็นห้องโถงเรียบง่าย สว่างไสว ทว่าพื้นและเก้าอี้ที่นี่ล้วนเป็นสีดำ ราวกับมันสร้างขึ้นจากโลหะสีดำอันเย็นเยียบ

ตอนนี้เอง เขาค่อยได้เห็นเจี้ยนหลิงหลง นางสวมใส่ชุดธรรมดา เพียงแต่เป็นสีเขียวสุกสว่าง

รูปลักษณ์ของนางงดงาม ใบหน้ารูปไข่นวลขาวผ่องอัดแน่นด้วยเสน่ห์ ผมหางม้าที่มัดรวบเอาไว้ปล่อยยาวถึงหน้าอกของนาง ดวงตาอ่อนโยนกลมโตงดงามคู่นั้นเผยประกายความโอบอ้อมอารี

แม้ชื่อนางหมายความถึงดาบอันวิจิตร กระนั้นร่างกายนางไม่วิจิตรเช่นนั้น นางถึงขั้นสูงทัดเทียมฉินหยุนที่เกือบเมตรแปดสิบ!

ฉินหยุนรู้สึกว่าเจี้ยนหลิงหลงผู้นี้ประหลาด จากรายละเอียดที่ฟังมา นางเป็นสตรีที่ดุดัน กระนั้น นางกลับดูอ่อนโยนและงดงาม นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นโฉมงามที่แท้จริงคนหนึ่ง

“เจ้าปีศาจน้อยเจี้ยนหนันหู่นั่นสมควรตักเตือนเจ้าแล้ว เจ้าไม่อาจมองข้าเช่นนี้ได้!” เจี้ยนหลิงหลงนั่งที่เก้าอี้ สายตานางมองที่ฉินหยุนพร้อมยิ้มกล่าว

“ผู้อาวุโสเจี้ยนสือเทียนครั้งหนึ่งเคยคิดดึงตัวข้าให้เข้าร่วมตำหนักเซียนดาบเป็นศิษย์ท่าน ในตอนนั้น เขาได้กล่าวว่าท่านเป็นสตรีที่อ่อนโยนเปรียบดังสายน้ำอันสงบ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “แต่แล้วระหว่างทางมาที่นี่ เป็นเจี้ยนหนันหู่บอกต่อข้า ว่าท่านหาได้อ่อนโยนแม้เพียงนิด!”

“มันยังพูดอันใดอีก!?” เจี้ยนหลิงหลงเอ่ยถามพร้อมยิ้มอ่อนทว่าร้อนแรงดังอัคคีเพลิง

“เขากล่าว ว่าตระกูลเจี้ยนหาได้มีสตรีที่อ่อนโยนและโอบอ้อมอารี!” ฉินหยุนตอบกลับ

เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะดัง “นั่นก็ถูก ตระกูลเจี้ยนไม่เคยมีสตรีใดที่อ่อนโยน! จงนั่ง!”

ฉินหยุนพอนั่งลงแล้ว เขาจึงถาม “ให้ข้าเริ่มแกะสลักโทเทมมังกรเลยหรือไม่?”

เจี้ยนหลิงหลงเดินมา หยุดยืนตรงหน้าฉินหยุน ด้วยท่วงท่ายืนกอดอก นางมองที่ฉินหยุนราวกับผู้สูงส่งมองต่อผู้น้อย น้ำเสียงเย็นเยือกพลันกล่าวถาม “ในตอนนั้นที่เจี้ยนสือเทียนชักชวนเจ้า เหตุใดจึงไม่มา?”

“ข้าคิดอยากมา! ทว่าผู้อาวุโสสูงสุดของนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเราขวางข้าเอาไว้ นางเป็นถึงเซียน ท่านสมควรได้ยินเรื่องนางบ้างกระมัง?” ฉินหยุนพบแรงกดดันจากเจี้ยนหลิงหลง เขาจึงต้องกล่าวออกเช่นนี้

“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เช่นนี้ก็ไม่ต้องกลับไป!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว

“เรื่องนี้ เป็นข้าสัญญาต่อผู้อาวุโสสูงสุด ว่าข้าจะอยู่ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ไม่จากไป ข้าไม่อาจกลับคืนคำพูด!” ฉินหยุนเพิ่งชนะได้รับต้นกำเนิดเซียนมาจำนวนหนึ่ง เขาจะไม่กลับไปได้อย่างไร?

เจี้ยนหลิงหลงคล้ายสนใจในตัวฉินหยุนยิ่ง นางวางมือขาวนวลที่ศีรษะฉินหยุนพร้อมยิ้มกล่าว “หากเจ้าอยู่ ข้ารับปากว่าเจ้าจะได้เห็นด้านที่อ่อนโยนโอบอ้อมอารีของสตรีตระกูลเจี้ยน!”

ฉินหยุนสะท้าน เจี้ยนหลิงหลงถึงขั้นคิดอยากเก็บตัวเขาไว้ที่นี่

นางพอได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของฉินหยุน รอยยิ้มหวานจึงเผยออกกล่าวคำ “ข้าทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว ก็เพราะข้าและพวกมันไม่อาจสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ทว่าไม่ใช่กับเจ้า เจ้าเป็นอาจารย์จารึกที่มีพรสวรรค์!”

ฉินหยุนพลันรู้สึก ว่าเจี้ยนหลิงหลงตรงหน้าผู้นี้กลับกลายเป็นแปรเปลี่ยน แสดงความอ่อนโยนออกมาอย่างแท้จริงเสียอย่างนั้น

“ผู้อาวุโสหลิงหลง ภายนอกสมควรเกิดเรื่องขึ้น ข้าคิดอยากมอบโทเทมมังกรแก่ท่านเสียเดี๋ยวนี้เพื่อกลับไป!” ฉินหยุนห่วงหาชี่เม่ยเหลียนไม่ใช่น้อย

“พวกเราอาจารย์จารึกไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสู้รบหรือสังหารผู้อื่น!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มอ่อนกล่าวคำ “เจ้าอยู่ที่นี่ กับข้า!”

“ผู้อาวุโสหลิงหลง ข้ายังมีอีกหลายเรื่องราวให้ต้องไปทำขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวออกด้วยสีหน้าหนักแน่น

“ได้ อย่างนั้นข้าก็ไม่คิดทำให้เจ้าลำบากใจ!” เจี้ยนหลิงหลงเผยความผิดหวังออกเล็กน้อย นางถอนหายใจกล่าว “แกะสลักโทเทมมังกรให้แก่ข้า ข้าคิดอยากเห็นเจ้าแกะสลักมันด้วยตาของข้าเอง!”

“ขอรับ!”

ฉินหยุนเร่งรีบเอาแผ่นหนังสัตว์ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มแกะสลักอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้เอง ดวงตาเจี้ยนหลิงหลงกลับเบิกกว้าง มันเผยประกายออก นางหัวเราะดัง “เจ้าปีศาจน้อย เจ้าถึงขั้นมีจารึกวิญญาณราชันสัตว์! โทเทมมังกรมีความซับซ้อนยิ่ง กระนั้นความเร็วที่เจ้าเผยออกนี้มันมากล้ำเกินไป!”

ฉินหยุนนิ่งอึ้ง เขาค่อยทราบว่าเผลอเปิดโปงตนเองเข้าให้แล้ว

“ข้าเองก็มีจารึกวิญญาณ ทว่ามันหาได้ดีดังเช่นของเจ้าไม่! จารึกวิญญาณของข้า คือจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว

“จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าย่อมดีเลิศ!” ฉินหยุนอุทานร้อง

เมื่ออาจารย์จารึกแกะสลักอักขระเต๋า จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าจะทำให้สามารถสำเร็จผลลัพธ์เป็นสองเท่าด้วยความพยายามเพียงครึ่งหนึ่ง!

“แต่ยามใช้มันแกะสลักโทเทมหาได้มีประโยชน์อันใดไม่!” ใบหน้าของเจี้ยนหลิงหลงเผยแต่ความนึกเสียดาย นางกล่าว “แกะสลักอักขระเต๋าไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อใดเงื่อนไขครบย่อมสำเร็จได้! จารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง และจารึกวิญญาณราชันสัตว์ของเจ้าจึงครอบคลุมเป็นวงกว้างกว่า พวกมันสามารถใช้ได้กับทั้งอักขระและโทเทม”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด