ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0703
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0705

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0704


ตอนที่ 704 : ร่วมต้านรับศัตรู

“ผู้อาวุโสหลิงหลง หากท่านรู้สึกว่าจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าไม่ดี เช่นนั้นสามารถมอบให้แก่ข้า!”

ฉินหยุนปรารถนาอย่างแรงกล้า หากเขาได้รับจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า เขาจะสามารถแกะสลักอักขระเต๋าได้ง่ายดายทันทีเมื่อมีระดับการฝึกฝนสูงส่งพอ

เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะกล่าว “เจ้าต้องการจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าหรือ? เจ้ามีวิธีนำมันออกมา? ต่อให้มีวิธีนำมันออกมา เจ้าก็ยังต้องใช้จารึกวิญญาณอื่นเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับข้า! จารึกวิญญาณอัคคีคลั่งและราชันสัตว์ของเจ้า หากมอบหนึ่งในนั้นแก่ข้า ข้าก็ยินดีแลกด้วย!”

ฉินหยุนพอได้ฟังเรื่องแลกเปลี่ยนกับที่ตนเองมี เขารู้สึกว่านี่ไม่คุ้มค่า

ได้เห็นสีหน้าของเขา เจี้ยนหลิงหลงจึงแค่นเสียงเบา “เจ้า... ถึงกับมีจารึกวิญญาณสองอย่าง กล่าวได้ว่าเป็นโชคสะท้านสวรรค์แล้ว ข้ามีชีวิตมานานนับ เหตุใดจึงไม่มีโชคเช่นนี้ตกหล่นมาบ้าง?”

“ผู้อาวุโสหลิงหลง ท่านอยู่มานานเพียงใดกันแล้วขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามออกอย่างนึกสงสัย

“อย่าได้ถามอายุข้า!” เจี้ยนหลิงหลงตอบกลับอย่างดุร้าย

ฉินหยุนบุ้ยปากพลางตั้งใจแกะสลักโทเทมมังกรต่อ

ระหว่างแกะสลัก เขายังเผยออกซึ่งเส้นมืด เป็นผลให้เจี้ยนหลิงหลงสามารถพิจารณามันได้อย่างถี่ถ้วน นางตอนนี้ย่อมอยู่ระหว่างการจดจำอักขระโทเทม

บอลสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ที่ร่วงหล่นสู่งลานกว้างตำหนักเซียนดาบอย่างกะทันหัน เป็นอุปกรณ์บินได้จริง กลุ่มคนชุดดำจำนวนหนึ่งที่ออกมาจากด้านใน ทั้งหมดเป็นคนจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง

ตำหนักโทเทมและสำนักแห่งแดนอสูรอ้างว้างกลับกลายเป็นยินดี

ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำจากแดนอสูรอ้างว้างเริ่มออกมาจากลูกบอลยักษ์กันทีละคน รวมทั้งสิ้นแล้วมีกว่าร้อยคน พวกเขาเผยออร่าอสูรออกจากร่างจนทำเอาศิษย์ผู้เยาว์หลายคนต้องตกอยู่ในห้วงความหวาดกลัว

เจี้ยนสือเทียนเผยสายตาเย็นเยียบมองทางกลุ่มคน น้ำเสียงนี้อัดแน่นด้วยโทสะ “พวกเจ้ากำลังรุกรานพวกเรา! หากยอมกล่าวขออภัยจากใจจริง เช่นนั้นพวกเราจะยอมปล่อยวาง ไม่เช่นนั้น อย่าได้คิดว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไป!”

บรรดาอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่ง ไม่เช่นนั้น กลุ่มคนของสำนักอสูรจะไม่มีทางเผยความตื่นเต้นยินดีกันเพียงนี้อย่างแน่นอน

“ตำหนักเซียนดาบและตระกูลเจี้ยน ที่นี่คือสถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนดาบมารวมตัวกัน! พวกเจ้าตัวตนต่อต้านสวรรค์สมควรตายหมดสิ้น เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่รอดมากมายเพียงนี้?” ชายชราเส้นผมสีทองชุดดำแค่นเสียงกล่าวคำ

“พวกเราผู้ฝึกตนดาบสามารถต่อต้านสวรรค์! หากสวรรค์คิดต้องการให้พวกเราตาย พวกเราย่อมต่อต้าน!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะรับ “กับอสูรเช่นพวกเจ้าที่ก่อกรรมชั่วมากมายแต่กลับยังรอดชีวิต ข้ายังคิดว่าเรื่องราวนี้แปลกยิ่งกว่า!”

“ข้าได้ยินว่าผู้ฝึกตนดาบแข็งแกร่งเลิศล้ำ ด้วยระดับการฝึกฝนทัดเทียมกันถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นหลายเท่านัก! วันนี้ข้าคิดอยากประสบกับตนเองนักว่ามันจะแข็งแกร่งเพียงใด!”

ชายชราเส้นผมสีทองใบหน้าซีดเผือดพลันกลับกลายเป็นสีดำและจึงเป็นแดง ร่างกายนั้นสั่นรุนแรงระเบิดเอาหมอกโลหิตทะลักล้นออกมา

“อสูรเช่นเจ้าหน่ายเหนื่อยมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?” เจี้ยนสือเทียนตะโกนดังด้วยโทสะพร้อมปลดปล่อยดาบต้นกำเนิด

ขณะเดียวกัน ภายในตำหนักเซียนดาบ เสียงระฆังพลันดังขึ้น

ไม่นานจากนั้น บรรดาครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งต่างทะยานกันออกมาจากตำหนักเซียนดาบ

ชายชราชุดขาวจำนวนหนึ่งมาถึงราวกับแหวกมวลเมฆ พวกเขาเหล่านี้เปรียบดังเซียนที่เคลื่อนคล้อยลงสู่โลก

ชายชราชุดขาวเหล่านี้มีท่าทีประหนึ่งเซียน พวกเขาต่างถือดาบคมกริบในมือพร้อมไปหยุดกันที่ตรงหน้าเจี้ยนสือเทียน

เมื่อขั้วอำนาจอื่นได้เห็นครึ่งเซียนจากตำหนักเซียนดาบ พวกเขาต่างตื่นตะลึงกันสุดหัวใจ นั่นก็เพราะตัวตนเหล่านี้ใกล้ถึงขอบเขตเซียนกันแล้ว

“สมกับเป็นตำหนักเซียนดาบ ขุมพลังที่มีช่างเลิศล้ำนัก!” เปาเฉิงโฉ่วเผยเสียงตื่นตะลึง

“ตัวบัดซบจากเขตแดนลึกล้ำอสูร พวกเจ้ารุกรานนครแห่งดาบ ก่อการอุกอาจต่อตำหนักเซียนดาบ อย่าได้คิดว่าจะไปจากที่นี่โดยมีชีวิตรอด!” เจี้ยนสือเทียนคำรามด้วยโทสะ “สังหารอสูรเหล่านี้ให้หมด! ไม่เว้นแม้กระทั่งตูเทียนตี้จากตำหนักโทเทม!”

“นครเซียนยุทธภัณฑ์จะเข้าช่วยเหลือตำหนักเซียนดาบขับไล่อสูรร้ายเหล่านี้เช่นกัน!” เปาเฉิงโฉ่วตะโกนดัง

“เกาะจันทราปีศาจยินดีช่วยเหลือ!” แม่เฒ่าหยุนเหยาส่งเสียงกล่าว

“วิมานเซียนปีศาจก็ไม่คิดนิ่งดูดาย!” ครึ่งเซียนจากวิมานเซียนปีศาจเผยท่าทีเด่นชัด

มีแต่ครึ่งเซียนของหุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามที่ไม่คิดเข้าร่วม พวกเขาถอยหนีห่างไกลออกไป

ตระกูลอื่นทั้งหลายยกเว้นตระกูลเจี้ยน ขณะนี้ต่างถอยหนีห่าง

“พวกเจ้าไม่คล้ายร่วมมือกันได้!” ชายชราเส้นผมสีทองหัวเราะดังกล่าวคำ “พวกเราคิดอยากยึดครองเกาะนี้นัก มาดูกันว่าพวกเจ้าจะหยุดยั้งพวกเราได้อย่างไร!”

“ราชันแคว้นเยี่ย เจ้าคือราชันแคว้นมหาดวงดาวแห่งแดนวิญญาณอ้างว้าง ตัวเจ้าเองก็มีต้นกำเนิดเซียน คิดหรือว่าจะนิ่งเฉยรับชมได้จนถึงที่สุด?” เจี้ยนสือเทียนเอ่ยคำเสียงเย็น “หากเจ้าไม่ลงมือ ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะไม่มีต้นกำเนิดเซียนไว้เสวยสุขอีก!”

ราชันแคว้นเยี่ยกัดฟันแน่นนำคนของตนเข้าร่วม

เขาทราบดี หากไม่ใช่เจี้ยนสือเทียนกับเปาเฉิงโฉ่วหนุนหลัง ตัวเขาจะไม่มีทางได้เป็นราชันแคว้น

เพื่อต้นกำเนิดเซียน เขาสามารถปล่อยวางความแค้นต่อนครเซียนยุทธภัณฑ์เอาไว้ชั่วคราวได้

ราชันแคว้นมู่เผยเสียงดังขึ้น “นี่เป็นเรื่องของแคว้นมหาดวงดาว ข้าไม่คิดแทรกแซง!”

เจี้ยนสือเทียนแค่นเสียงเย็น “เจ้าไร้ซึ่งต้นกำเนิดเซียน ข้าจะปล่อยเจ้าเสนอหน้าที่นี่ต่อทำเพื่ออะไร?!”

บรรดาอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างมีมากมาย กระนั้นราชันยุทธ์หรือจักรพรรดิยุทธ์มีไม่มากนัก มีเพียงแต่ระดับครึ่งเซียนที่จำเป็นต้องระแวดระวัง

เจี้ยนสือเทียนพยักหน้าส่งสัญญาณ บรรดาครึ่งเซียนแห่งตำหนักเซียนดาบต่างตอบรับเป็นเชิงเข้าใจ อย่างกะทันหัน พลังประหลาดได้ทะลักล้นจากพื้นดินเบื้องล่าง

ผู้อื่นนอกจากคนของตำหนักเซียนดาบ ทั้งครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึง

นี่ก็เพราะ บรรดาครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์เหล่านั้นต่างรู้สึก ว่าพลังของตนได้ถูกผนึกเอาไว้

ระดับการฝึกฝนของพวกเขาทั้งหมด ได้ร่วงหล่นลงสู่ระดับราชันยุทธ์!

เจี้ยนสือเทียนเอ่ยเสียงลุ่มลึกดังขึ้น “ทุกคนอย่าได้ตระหนกไป นี่คือค่ายอาคมใหญ่ของนครแห่งดาบ มันจะผนึกระดับการฝึกฝนของจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน สะกดลงเอาไว้ที่ขอบเขตราชันยุทธ์! หากออกพ้นจากนครแห่งดาบ ระดับการฝึกฝนจะฟื้นคืนกลับมา!”

ผู้คนต่างเข้าใจ นี่ถือเป็นค่ายอาคมใหญ่อันปราดเปรื่อง!

เพราะด้วยระดับการฝึกฝนทัดเทียมกัน ผู้ฝึกตนดาบจะมีพลังเหนือกว่าอย่างเลิศล้ำ เช่นนี้ แม้เป็นผู้ฝึกตนดาบที่อยู่ขอบเขตราชันยุทธ์แต่เดิม พวกเขาก็อาจเอาชนะครึ่งเซียนจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างได้!

ตำหนักเซียนดาบมีค่ายอาคมใหญ่เช่นนี้ นับเป็นการเพิ่มอำนาจการคุ้มกันภายในอย่างมหาศาล กระทั่งว่าเป็นครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งบุกโจมตีเป็นกองทัพ กำลังของพวกเขาจะถูกทำให้ถดถอยเหลือที่ราชันยุทธ์

ในเมื่อนี่เป็นสำนักเซียน ย่อมต้องมีราชันยุทธ์อยู่มากมายในสังกัด

ตอนนี้ ตำหนักเซียนดาบคือผู้ที่สามารถสำแดงพลังอำนาจแห่งดาบอันเลิศล้ำออกมาได้!

ฉินหยุนกำลังวาดโทเทมมังกร ยามเมื่อได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น เจี้ยนหลิงหลงจึงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้น หลังจากค่ายอาคมใหญ่ทำงาน เจี้ยนหลิงหลงแทบไม่อาจคงอาการสงบใจไว้ได้อีก

“ผู้อาวุโสหลิงหลง เกิดเรื่องขึ้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เกิดเรื่องใหญ่! ค่ายอาคมใหญ่ของนครแห่งดาบไม่เคยถูกเปิดใช้งานมาเป็นเวลานานยิ่งแล้ว ทว่าตอนนี้กลับถูกเรียกใช้งาน ย่อมต้องมีการรุกรานโดยศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นกองทัพ!” เจี้ยนหลิงหลงเผยน้ำเสียงหนักอึ้ง “แต่เดิมจักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์ทั้งหมดต้องออกไปต่อสู้ต้านรับศัตรู แต่ตัวข้านั้นพิเศษจึงไม่จำเป็นต้องออกไป!”

“นี่เป็นค่ายอาคมใหญ่อันใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

“มันสามารถผนึกพลังของครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ ให้ลดทอนลงเหลือที่ขอบเขตราชันยุทธ์!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว “ข้าคือจักรพรรดิยุทธ์ แต่ด้วยค่ายอาคม พลังส่วนหนึ่งของข้าจึงถูกผนึกเอาไว้!”

“วิธีการนี้ ก็เพื่อจำกัดพลังของครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ให้ถดถอยเหลือที่ราชันยุทธ์! จากนั้น ผู้ฝึกตนดาบขอบเขตราชันยุทธ์จะสามารถเข้าห้ำหั่นอริศัตรูได้!” เจี้ยนหลิงหลงหัวเราะกล่าว “เจ้าวางใจ ตำหนักเซียนดาบของเราสามารถต้านรับกองทัพศัตรูที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้!”

“นั่นไม่อาจวางใจ! ข้าสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนดาบที่ระดับสูงกว่าตนเองด้วยซ้ำ” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เรื่องนี้ท่านอย่าเพิ่งวางใจ!”

“แกะสลักโทเทมมังกรต่อไป ตำหนักเซียนดาบของเราจะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง!”

เจี้ยนหลิงหลงมองที่โทเทมมังกรพร้อมเอ่ยถาม “ข้าใช้เวลาสร้างหอคอยเจดีย์แห่งนี้นานยิ่ง แม้ว่าเกาะลอยฟ้านี้ต้องถูกทำลาย หอคอยเจดีย์ของข้าก็ยังสามารถใช้บินหลบหนี!”

“ภายในหอคอยแห่งนี้เต็มไปด้วยกลไกและกับดัก กระทั่งว่าเป็นครึ่งเซียนบุกเข้ามา พวกมันจะถูกปั่นหัวไปมาจนกระทั่งมีสภาพครึ่งตาย!”

“วิเศษนัก!” ฉินหยุนกล่าวชื่นชม เขานึกถึงสระสุสานดาบ นั่นถือเป็นสิ่งชวนสะพรึงยิ่ง

ภายในหอคอยแห่งนี้เงียบงัน เขาไม่อาจได้ยินเสียงความวุ่นวายที่ภายนอก กระนั้น ฉินหยุนก็ยังสัมผัสออร่าที่มาจากภายนอกได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด สถานการณ์ด้านนอกตอนนี้คงดุดันตึงเครียดอย่างยิ่งยวด

ทว่าเขาก็ยังวางใจได้ระดับหนึ่ง อย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของตำหนักเซียนดาบ หากไม่ใช่เซียน ย่อมไม่มีทางทำลายสถานที่แห่งนี้ลงได้โดยง่าย

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าต้องหาทางจับตัวสตรีนางนี้เอาไว้ จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าของนางสำคัญยิ่ง หากเจ้าได้รับ มันจะช่วยเหลือเจ้าได้อย่างมหาศาล!”

“จริงหรือ? เหตุใดนางจึงปรามาสต่อมันขนาดนั้นกันเล่า?” ฉินหยุนถามกลับ

“นั่นก็เพราะนางมีวิสัยทัศน์ที่แคบนัก! อักขระโทเทมที่เจ้าแกะสลักตอนนี้ อย่างเต็มที่ก็เป็นได้แค่อักขระโทเทมลึกล้ำ! หากพวกมันวิวัฒนาการสู่อักขระโทเทมเต๋าในภายหน้า เมื่อนั้นเจ้าคิดแกะสลักพวกมันจะไม่ใช่ง่ายดายอีกต่อไป” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ดังนั้นเจ้าต้องหาทางจับตัวนางไว้ให้ได้!”

“จับตัวนางหรือ? ข้าจะทำได้อย่างไรกัน?”

ฉินหยุนมีโมโม ภูติน้อยระดับพระแม่ หลังจากที่นางเชี่ยวชาญโทเทม นางจะสามารถวิวัฒนาการมันขึ้นสู่โทเทมเต๋าได้

ถึงตอนนั้น เมื่อเขาต้องแกะสลักโทเทมเต๋าที่ซับซ้อน ความผ่อนคลายเช่นที่มีตอนนี้จะไม่อาจมีได้อีก เมื่อแกะสลักอักขระโทเทมเต๋า ระดับความวิจิตรจะลดน้อยลงอย่างมหาศาล

แต่หากเขาได้รับจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า ระดับความวิจิตรที่ทำได้จะยังคงสภาพหรืออาจดีขึ้น!

“อย่างไรงั้นหรือ? กดนางลงกับพื้นแล้วให้นางบำเรอต่อเจ้า! เช่นนั้นในภายหน้าเมื่อมีโอกาส ค่อยใช้วาจาล่อลวงให้นางส่งมอบจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าแก่เจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ

ฉินหยุนกลายเป็นไม่ยินดี “ข้าไม่คิดทำ ข้าย่อมมีวิธีการที่ดีกว่านั้น”

“ยังจะมีวิธีการอื่นใด? เจ้าไม่เห็นหรือว่าสตรีนางนี้ก็เหมือนดังเจี้ยนรั่วหยาน ภายนอกเย็นชา ทว่าภายในอ่อนนุ่มเป็นปุยนุ่น เพียงหยอดคำหวานต่อนางก็คว้าใจนางเอาไว้ได้แล้ว! กระทั่งปิงชิง เซียนหญิงยังต้องร้อนรุ่มก็เพราะเจ้า! เจ้าสมควรต้องเชื่อในเสน่ห์ของตนเอง!”

หลิงหยุนเอ๋อไม่ทราบโกรธมาแต่ใด นางรู้สึกว่าโอกาสนี้ไม่สมควรพลาด เพราะนี่จะทำให้ฉินหยุนได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

“ข้ายังมีเย่ว์เหม่ย! เมื่อใดวิญญาณยุทธ์กระจกของนางส่องที่จารึกวิญญาณหรือวิญญาณยุทธ์ ข้าจะสามารถคัดแยกพวกมันออกมาและสร้างขึ้นได้! ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้ายังขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ของหงหลันได้สำเร็จด้วยซ้ำ!”

ฉินหยุนพอคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้น ขณะเดียวกัน เขาก็ต้องลอบสบถต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เป็นนางวิ่งเล่นไปทั่วจนตัวเขาไม่อาจหาตัวได้พบ

“หากเจ้าฟังข้าแต่โดยดี โฉมงามเหล่านั้นก็พร้อมโค้งกายให้เจ้ากันถ้วนหน้าแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจเหนื่อยหน่าย นางกล่าว “เจ้ามันไม้ผุที่ไม่อาจนำมาใช้อะไรได้!”

ฉินหยุนไม่คิดฟังหลิงหยุนเอ๋ออีก ขณะนี้เขาเลือกที่จะตั้งใจแกะสลักโทเทมมังกร

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เสียงระฆังของตำหนักเซียนดาบพลันดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ เสียงมันดังยิ่งกว่า และยังคงเสียงสะท้อนดังต่อเนื่อง

“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่อย่าได้ไปที่ใด ข้าจะออกไปดูสถานการณ์!”

เจี้ยนหลิงหลงสีหน้าแปรเปลี่ยน นางกล่าวย้ำเตือนฉินหยุนก่อนเร่งรีบออกไป

ฉินหยุนกลายเป็นร้อนใจครุ่นคิดกับตนเอง “หรือว่าตำหนักเซียนดาบจะพลาดท่า? หรือเกาะแห่งนี้กำลังร่วงหล่น?”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน สถานการณ์ภายนอกไม่คล้ายดีเท่าใดนัก เจ้าต้องเตรียมรับศึก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด