ตอนที่แล้วตอนที่ 11: เริ่มต้นครั้งใหม่ที่ ‘ลาพิวต้า’
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13: ปราบมอนสเตอร์ (1)

ตอนที่ 12: ผู้ช่วยลูเซีย


ตอนที่ 12: ผู้ช่วยลูเซีย

คังชอลอินสั่งการลูเซียทว่านางกลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับมีความผิดปกติเกิดขึ้น มีบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของนาง

‘นายท่าน...นายท่านรู้คำสั่งทั้งหมดได้อย่างไร?’

ลูเซียไม่ได้แสดงออกมาโดยตรงแต่ภายในใจของนางกำลังรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ คังชอลอินก็ออกคำสั่งเรียกดู [สถานะปัจจุบัน] และ [สถานะดินแดน] โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากนางมาก่อน ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจจริง ๆ

‘ที่นายท่านไม่ต้องการข้า… เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นหรือ?’

ลูเซียตัวแข็งทื่อ

เหตุผลในการดำรงอยู่ของนางก็เพื่อแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตแพนเจียและช่วยสร้างความเติบโตให้กับลาพิวต้าของผู้เป็นนายที่นางรับใช้ แต่หากคังชอลอินคิดว่านางเป็นตัวไร้ประโยชน์ การมีอยู่ของนางก็จะไร้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน เป็นที่เข้าใจได้ถึงความกังวลที่นางกำลังมี

“ขออภัยเจ้าค่ะนายท่าน”

ลูเซียรวบรวมความกล้าเพื่อถามคังชอลอินเนื่องจากตอนนี้การมีอยู่ของนางกำลังถูกคุกคาม

“ข้าขอถามอะไรนายท่านได้หรือไม่เจ้าคะ?”

ลูเซียที่กำลังเคร่งเครียดต้องการเอ่ยถามคังชอลอินอย่างตรงไปตรงมา คังชอลอินกำลังสงสัยว่าเหตุใดนางถึงได้ทำตัวแปลก ๆ จึงยินยอมให้นางได้พูดต่อ

“ว่ามาสิ”

“นายท่านสามารถออกคำสั่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากข้า อีกทั้งนายท่านยังไม่มีท่าทีแปลกประหลาดใจแต่อย่างใดกับการอยู่ที่นี่ นายท่านมีความสงบทางจิตกับการได้ย้ายมาอยู่สถานที่แปลกใหม่ที่นายท่านไม่คุ้นเคยได้อย่างน่าประหลาดใจถึงแม้นายท่านจะมีความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมเพียงใดก็ตาม”

คังชอลอินเพียงรับฟังคำพูดของนางไปอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด

“นั่นคือสาเหตุที่ข้าอยากจะถามนายท่านเจ้าค่ะ นายท่านเป็น”สัพพัญญู“หรือเจ้าคะ?”

(สัพพัญญู = ผู้รู้ทั่ว หมายถึงรู้สิ่งทั้งปวงอย่างสัมบูรณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต)

มันเป็นการคาดเดาที่ห่างไกลเกินความเป็นจริงไปมาก

‘นี่มัน...เรื่องบ้าอะไรกัน?’

การคาดเดาจากลูเซียทำคังชอลอินตกตะลึงจนพูดไม่ออก

‘สัพพัญญู? อะไรกัน พระเจ้าเหรอ?’

มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระนัก

“ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่สัพพัญญูอย่างที่เจ้ากล่าวมา”

คังชอลอินส่ายหัว

‘เราคงทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วเกินไปจนทำให้นางเกิดข้อสงสัย’

ในที่สุดคังชอลอินก็ตระหนักได้ว่าท่าทีที่แปลกไปของลูเซียนั้นเป็นเพราะเหตุใด เขาตัดสินใจที่จะตอบคำถามเท่าที่จะหลีกเลี่ยงได้

“จริงอยู่ว่าที่แห่งนี้คือดินแดนแปลกใหม่สำหรับข้าแต่มันไม่ได้ต่างไปจากที่ ๆ ข้าจากมามากนัก”

ลูเซียเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสับสน

“นายท่านหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

ลูเซียเอ่ยถามก่อนที่คังชอลอินจะได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

“ที่ ๆ ท่านจากมามีความคล้ายคลึงกับที่นี่หรือเจ้าคะ?”

มุมปากของคังชอลอินกระตุก มันน่ารำคาญที่จะต้องมาคิดหาคำกล่าวอ้างเพื่ออธิบายทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น แต่เมื่อนางเกิดความเข้าใจผิดไปก่อนจึงทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้

“ใช่”

คังชอลอินตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“เช่นนั่น … ที่ ๆ ท่านจากมา ท่านได้ปกครองดินแดนด้วยชนชั้นราชันย์หรือไม่เจ้าคะ?”

“เป็นอย่างที่เจ้าว่า”

มันเป็นเรื่องโกหก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน เป็นเรื่องจริงที่เขาได้ครอบครองดินแดนยิ่งใหญ่และครองชนชั้นจอมราชันย์

“เช่นนี้นี่เอง... ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”

ลูเซียพยักหน้ารับเหมือนว่านางเข้าใจความเป็นไปทั้งหมดแต่นางยังคงติดใจสงสัยสิ่งอื่นต่อ

“ข้าถามได้หรือไม่เจ้าคะว่านายท่านเป็นราชันย์แบบใด?”

สำหรับคำถามนี้ คังชอลอินสามารถให้คำตอบกลับไปได้อย่างง่ายดาย เขาเปิดเผยสถานะก่อนหน้าของเขาในฐานะจอมราชันย์ให้นางได้รู้

“ข้าเป็นจอมราชันย์ เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเหนือบรรดาจอมราชันย์ใด ๆ”

“จ จอมราชันย์!”

ลูเซียตัวสั่นราวกับว่านางสามารถสัมผัสถึงตัวตนจอมราชันย์ในคำพูดของคังชอลอินได้

“ที่นี่ ที่แพนเจียแห่งนี้ก็มีชนชั้นจอมราชันย์ด้วยเช่นกัน! พวกเขาจะครองดินแดนขนาดใหญ่และสั่งการได้ทั่วทั้งแว่นแค้วน! พระเจ้า! ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงที่ได้รับใช้นายท่าน!”

การตอบสนองของลูเซียนั้นน่าทึ่งมากถึงขนาดที่สามารถทำให้คังชอลอินประหลาดใจตามไปด้วยได้  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ผู้ช่วยเองก็มีโลกส่วนตัวด้วยเช่นกัน พวกเขาจะมีความเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นต่ออำนาจอันทรงพลังจากนายผู้ที่เขารับใช้

“เช่นนั้นนายท่านก็ต้องมีผู้ช่วยส่วนตัวด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ลูเซียเอ่ยถาม

“ข้ามีพ่อบ้านประจำตัวเป็นแวมไพร์ชื่ออัลเฟรด”

“อัลเฟรดเป็นผู้รับใช้อย่างไรหรือเจ้าคะ? เขามีความสามารถหรือไม่? นายท่านพอใจกับการดูแลของเขาหรือไม่?”

ลูเซียค่อย ๆ เอ่ยถามคังชอลอินไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น นัยน์ตาของนางเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยแรงริษยา

‘แข่งขันงั้นหรือ...’

คังชอลอินที่เห็นสภาวะทางอารมณ์ของลูเซียก็เข้าใจได้ในทันที

“อืม…”

ดวงตาของลูเซียเปล่งประกายขณะที่นางจดจ่อกับคังชอลอิน

“เต็มไปด้วยความสามารถอย่างน่าเหลือเชื่อ”

ดูเหมือนว่าลูเซียจะตกตะลึงไปกับคำตอบของเขาอย่างมาก ถึงอย่างไรคังชอลอินก็ไม่สามารถพูดจาว่าร้ายใส่อัลเฟรดผู้ซื่อสัตย์ต่อเขาจวบจนวาระสุดท้ายได้

“เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างนั้นสินะเจ้าคะ”

“ข้าสามารถขึ้นเป็นจอมราชันย์ได้ก็เพราะเขา”

ทันใดนั้นใบหน้าของลูเซียก็หมองหม่น

‘จากบ้านเกิดของนายท่าน นายท่านสามารถเป็นจอมราชันย์และมีผู้รับใช้ส่วนตัวที่เก่งกาจ ถ้าหาก...ถ้าหากนายท่านขับไสไล่ส่งข้าล่ะ? ข้าจะถูกโยนทิ้งไปเลยหรือไม่?’

คังชอลอินที่สามารถมองผ่านความรู้สึกของลูเซียได้กำลังเผยรอยยิ้มกว้างและตัดสินใจมอบยารักษาอาการของนางให้อย่างเหมาะสม แม้จะมีบุคลิกที่น่ากลัวแต่คังชอลอินก็เคยดำรงตำแหน่งจอมราชันย์มาก่อน เขารู้วิธีจัดการกับลูกน้องตัวเองดี

“ลูเซีย”

คังชอลอินเอ่ยเรียกลูเซียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ นายท่าน”

น้ำเสียงของลูเซียกดต่ำราวกับชีวิตนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีวันทิ้งเจ้า”

ลูเซียรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่คังชอลอินสามารถมองผ่านอาการของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ที่ ๆ ข้าจากมา ความสัมพันธ์ระหว่างจอมราชันย์และผู้ช่วยส่วนตัวอยู่ในจุดที่เจ้าสามารถแบ่งปันความคิดส่วนที่ลึกที่สุดในใจและความเป็นส่วนตัวของเจ้าให้กันได้แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถบอกกล่าวกับครอบครัวของตัวเองได้ก็ตาม”

“เจ้าค่ะนายท่าน ที่นี่ก็เช่นกัน!”

“เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะเข้าใจ ฟังข้าให้ดี เจ้าคือผู้ช่วยส่วนตัวของข้า เจ้าเปรียบเหมือนกับครอบครัวที่ข้าต้องใช้ชีวิตไปด้วยชั่วนิรันดร์ มีเหตุใดที่ข้าต้องละทิ้งเจ้าด้วยเล่า?”

“จริงหรือเจ้าคะ?”

“จริงสิ แม้ข้าจะมีความรู้มากกว่าคนอื่นแต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งมากมายที่ข้าไม่อาจหยั่งรู้ได้ในตอนนี้ นอกจากนี้แทนที่จะไปริษยาอัลเฟรด เจ้าควรทำตัวเองให้ดียิ่งกว่าเขาไม่ใช่หรือ? อย่าได้เศร้าใจไป จงร่วมมือกับข้าเพื่อขยายดินแดนแห่งนี้ร่วมกันเถอะ”

“อา!” ลูเซียอุทาน

‘ใช่ สิ่งที่นายท่านกล่าวมานั้นถูกต้องทุกประการ ข้าจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าข้ามีความสามารถยิ่งกว่าอัลเฟรด!’

ลูเซียที่ได้รับแรงสนับสนุนจากคังชอลอินกำมือแน่นและตั้งปณิธานในใจเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่านางนั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าอัลเฟรด

‘นางโง่’

คังชอลอินมองลูเซียพร้อมยิ้มเยาะในใจโดยไม่ให้นางจับได้ ราชันย์ไม่ควรวางท่าทีไม่ทุกข์ร้อนและต้องรักษาเกียรติภูมิของตัวเองอยู่ทุกเมื่อ

“นายท่าน”

ลูเซียพูดด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่น

“พูดมา”

“ข้า ลูเซียผู้นี้จะรับใช้นายท่านด้วยทั้งจิตวิญญาณและหัวใจที่ข้ามี ข้าจะพิสูจน์ความสามารถของข้าให้นายท่านได้เป็นที่ประจักษ์!”

“ดี”

คังชอลอินยิ้มยินดี

“ก่อนอื่นข้าจะต้องทำเควสพื้นฐานต่าง ๆ ให้เสร็จเสียก่อน เตรียมกำลังทหารให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบดินแดน”

“เจ้าค่ะนายท่าน!”

ลูเซียตอบรับด้วยรอยยิ้มร่าเริง

“ข้าจะเรียกรวมทหาร ณ บัดนี้!”

เมื่อลูเซียจากไปเพื่อเตรียมการตรวจสอบ คังชอลอินก็ใช้เวลานี้เพื่อดูคำอธิบายเควสจากการฝึกสอน

[บทฝึกที่ 1] ได้รับระดับ 10

คำอธิบาย: บรรลุระดับ 10

รางวัล: ค่าประสบการณ์ + 500/ 20 ทอง / การใช้ประตูข้ามมิติ (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)

การอ้างอิง: จะไม่สามารถกลับสู่โลกได้หากทำเควสนี้ไม่สำเร็จ

การอ้างอิง: พิชิตขุนนางคนอื่น ๆ +5 ระดับ

การอ้างอิง: มีความเกี่ยวข้องกับเควสบทฝึกที่ 2

ประตูข้ามมิติเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกปัจจุบันกับแพนเจียและเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับนักเดินทางข้ามมิติทุกคน ดังนั้นเพื่อที่จะกลับสู่โลกได้ เขาจำเป็นต้องพิชิตเควสบทฝึกที่ 1 ให้สำเร็จเสียก่อน

[บทฝึกที่ 2] ปราบมอนสเตอร์

คำอธิบาย: กำจัดอสูรร้ายที่อาศัยอยู่ในดินแดน

รางวัล: ประสบการณ์ +250 / 20 ทอง

สถานะปัจจุบัน: 0/500

เหมือนกับในอดีตทุกอย่าง

คังชอลอินได้ตรวจสอบแล้วว่าเควสนั้นเหมือนกับที่เขาเคยทำเมื่อครั้งก่อน เขาตัดสินใจที่จะทำเควสการฝึกทั้งสองบทนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ตอนนี้มันคงยากเพราะเขายังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามหากเขาทุ่มใส่พลังทั้งหมดสัก 3 หรือ 4 วันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำเควสได้สำเร็จ ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องแผนการต่าง ๆ ลูเซียก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่านางได้เตรียมการตรวจสอบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

“ไปกันเถอะเจ้าค่ะนายท่าน เหล่ากองทัพกำลังรอนายท่านอยู่”

“งั้นรึ?”

“เจ้าค่ะ”

“เช่นนั่นข้าจะรีบไปในทันที”

จากนั้นคังชอลอินก็รีบมุ่งหน้าออกไป

.

.

สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง Long àan ´・ᴗ・`

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด