ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0691 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0693 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0692 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 692 : ร่างจำแลงโทเทม

หลังจากที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานได้สนทนาร่วมกัน ทั้งสองจึงเชื่อว่าหลงเย่ว์แห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า ก็คือเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

พวกเขายังไม่ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีเจตนาใดกันแน่

ที่ตรงหน้าฉินหยุนและคณะ คนหนึ่งพลันปรากฏตัวพร้อมกล่อง

เจี้ยนสือเทียนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “ภายในกล่องนี้ มีไข่มุกอยู่ทั้งหมดแปดคู่ แต่ละคู่ของไข่มุกจะมีเลขเดียวกันแกะสลักเอาไว้ คู่ต่อสู้และลำดับการต่อสู้ จะถูกตัดสินโดยไข่มุกที่หยิบขึ้นมาได้!”

ฉินหยุนที่ลองโดยไม่เจตนา พบว่าตนเองสามารถมองเห็นไข่มุกภายในกล่องผ่านเนตรวิญญาณสมบูรณ์ได้

ตอนนี้เอง คนหนึ่งได้เดินขึ้นไปพร้อมหย่อนมือลงในกล่อง บุคคลนี้คือร่างเซียนจากตำหนักจารึกเทวะ เขาหยิบได้ไข่มุกหมายเลขสี่

บุคคลที่สองซึ่งขึ้นไปคว้าไข่มุก ก็เป็นคนของตำหนักจารึกเทวะ เหมือนดังเรื่องบังเอิญ เขาก็จับได้หมายเลขสี่ขึ้นมาเช่นกัน

ราชันแคว้นเยี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว นี่คือสิ่งที่เขาเป็นกังวลอย่างที่สุด ว่าศิษย์ทั้งสองของตำหนักจารึกเทวะจะต้องสู้กันเองตั้งแต่รอบแรก

มันเป็นเรื่องราวที่เพียงคิด ทว่าไม่นึกฝันว่าจะเกิดขึ้นจริง

ฉินหยุนพอได้เห็นเรื่องราวเป็นไป ภายในต้องหัวเราะดังลั่น เพราะเขาใช้พลังจิตควบคุมไข่มุกให้เคลื่อนไหว เพื่อให้บุคคลนั้นคว้าขึ้นมา

เขาส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเจี้ยนรั่วหยาน “น้องหยาน เมื่อใดถึงเวลาขึ้นไปจับไข่มุกเหล่านั้น บอกมาว่าเจ้าต้องการต่อสู้กับผู้ใด ข้าจะช่วยจัดการให้!”

เจี้ยนรั่วหยานพอได้ฟังเสียงสื่อสารจากฉินหยุน นางพลันอึ้งพร้อมตอบกลับ “พี่หยุน นี่ท่านคิดทำอะไร มีวิธีควบคุมไข่มุกภายในกล่องหรือ?”

“ใช่ เป็นข้าที่ทำให้สองคนจากตำหนักจารึกเทวะนั่นต้องต่อสู้กันเอง” ฉินหยุนส่งเสียงหัวเราะดังทางจิตสื่อสาร

“วิเศษนัก เช่นนั้นให้ข้าสู้กับศิษย์ของสำนักหมื่นดวงดาว ชายผู้นี้จัดการได้ง่าย!” เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบกล่าว

“น้องหยาน ก่อนหน้านี้เจ้าไม่คล้ายคนใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบายใดนี่?” ฉินหยุนหัวเราะกล่าว

“เหอะ นี่หาได้ใช่ความดำมืดของโลกไม่ เป็นข้าติดตามบุคคลเช่นท่านนานเกินไป มันจึงมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวอย่างไม่นึกละอายใด

ไม่นาน ฉินหยุนจึงส่งเสียงบอกต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน “เย่ว์หลาน เมื่อใดเจ้าขึ้นไปจับไข่มุกในกล่อง ข้าสามารถควบคุมไข่มุกให้ถึงมือเจ้าได้... หึหึหึ... ผู้ใดที่เจ้าคิดอยากต่อสู้ด้วย?”

“จริงหรือ? ให้ข้านึกก่อน!” เชี่ยวเย่ว์หลานได้ฟังย่อมตระหนก อันที่จริง ให้นางสู้กับผู้ใดล้วนไม่ใช่ปัญหา

เชี่ยวเย่ว์หลานนึกอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ให้ข้าจัดการคนของตำหนักโทเทมนั่น!”

“ไม่ได้ นั่นเป็นเหยื่อข้า!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“ก็ได้ ยกให้เจ้าก็ได้! อย่างนั้นเอาเป็นคนของหุบเขาเซียนโอสถ!” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบกลับ

ถึงตอนนี้เอง เจี้ยนหนันหู่เดินขึ้นไป ด้วยฉินหยุนควบคุมในเงามืด เขาจึงคว้าไข่มุกหมายเลขสองขึ้นมาได้

และเมื่อครู่ ศิษย์ของวิมานเซียนปีศาจก็จับไข่มุกหมายเลขสองได้พอดี

ด้วยเหตุนี้ ภายใต้ฉินหยุนจัดการ คู่ต่อสู้ของเจี้ยนรั่วหยานจึงเป็นคนของสำนักหมื่นดวงดาว ขึ้นประลองเป็นคู่ที่สาม

คู่ต่อสู้ของเชี่ยวเย่ว์หลานคือคนของหุบเขาเซียนโอสถ ขึ้นประลองเป็นคู่ที่ห้า

ฉินหยุนจับไข่มุกได้หมายเลขหนึ่ง เป็นคู่ประลองแรก คู่ต่อสู้คือศิษย์ของตำหนักโทเทม

เจี้ยนรั่วหยานพอได้เห็นคู่ต่อสู้ของฉินหยุนเป็นคนของตำหนักโทเทม นางเกิดสับสนพร้อมถามออก “พี่หยุน เหตุใดจึงคิดอยากสู้กับคนของตำหนักโทเทม? สำนักดาบดวงดาวและขุนเขาเซียนอัคคีครามคล้ายจัดการได้ง่ายกว่ามากนัก!”

“เพราะข้ามีข้อพิพาทกับตำหนักโทเทม!” ฉินหยุนเผยยิ้มตอบกลับ

หลังจากพิจารณาแล้ว เจี้ยนรั่วหยานจึงรู้สึกว่านครเซียนยุทธภัณฑ์และตำหนักโทเทมคล้ายมีเรื่องราวต่อกัน ด้วยเหตุนี้ ใช้โอกาสตอนนี้จัดการศิษย์อันเลิศล้ำของตำหนักโทเทม จึงถือได้ว่าเป็นการสร้างความเสียหายครั้งใหญ่แก่ตำหนักโทเทม

“พี่หยุน นี่ท่านจัดแจงให้พี่หู่สู้กับคนของวิมานเซียนปีศาจด้วยหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานหัวเราะเบาถามออกมา

“ใช่! ศิษย์ของวิมานเซียนปีศาจค่อนข้างแข็งแกร่ง ให้เจี้ยนหนันหู่ช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว!”

ฉินหยุนคิดว่าด้วยการจัดแจงเช่นนี้ เขาจะได้ไม่ต้องสู้กับเชี่ยวเย่ว์หลานเร็วจนเกินไป

เชี่ยวเย่ว์หลานก่อนหน้านี้ยังเป็นกังวล หากนางต้องสู้กับฉินหยุนแต่แรกเริ่ม พวกเขาเท่ากับไม่อาจขึ้นสู่อันดับหนึ่งและสองได้

“รอบแรก ฉินหยุนปะทะตูเสินอี้ เตรียมตัวกันได้ ทุกคนขอให้ออกไปจากลานประลองด้วย!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว

ตอนนี้เอง รอบด้านลานประลองขนาดใหญ่ เสาค่ายอาคมจึงค่อยปรากฏขึ้นเชื่องช้า พร้อมม่านพลังที่กางออก

ตูเสินอี้เป็นศิษย์ของตำหนักโทเทม กล่าวว่าเขาครอบครองร่างมาร หมายความถึงร่างกายและพลังจิตของเขาแข็งแกร่งทั้งสิ้น

ใบหน้านั้นค่อนข้างมืดหม่น รูปลักษณ์ธรรมดา เสื้อผ้าเป็นสีดำ และแม้สูงไปบ้าง ก็หาได้มีรูปลักษณ์เขย่าขวัญเช่นผู้ฝึกตนอสูรคนอื่น

ตูเสินอี้ผู้นี้ บุคคลที่เคยต่อสู้กับเขารอบก่อนหน้าล้วนตายหมด กล่าวได้ว่าถูกเขากัดกิน ถือเป็นชายอันตรายชั่วร้ายผู้หนึ่ง

“เสี่ยวหยุน ผิวหนังของเจ้านี่ค่อนข้างมืด เลือดในกายก็ค่อนข้างแข็งแกร่งไม่น้อย ให้คาดเดา น่าจะฝึกฝนโลหิตอสูร!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “พลังโลหิตอสูร มันก็คล้ายกับโลหิตเซียน!”

“จะบอกว่าตูเสินอี้มีอายุเป็นพันปีหรือ?” ฉินหยุนพอได้ยิน ภายในอดไม่ได้ที่จะตระหนก

“ไม่ใช่! เป็นมันกินเนื้อดื่มเลือดมนุษย์เพื่อฝึกฝนโลหิตอสูรขึ้นมา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ผู้ฝึกตนอสูรมีเคล็ดวิชาเร่งรัดมากมาย ตราบเท่าที่ดูดกลืนพลังจากเลือดเนื้อที่แข็งแกร่ง คิดฝึกฝนโลหิตอสูรไม่ใช่เรื่องยาก!”

หากคู่ต่อสู้เป็นร่างเซียนที่ครอบครองโลหิตเซียน เช่นนั้นเขาคงไม่คิดสู้ด้วยแล้ว

โชคดีที่ตูเสินอี้เป็นผู้ฝึกตนอสูร ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้พลังแห่งความเที่ยงธรรมเอาชัยจากคู่ต่อสู้ได้

ตูเสินอี้มองที่ฉินหยุนพร้อมเผยยิ้มโฉดชั่ว “ข้านึกว่าสองคนจากตำหนักจารึกเทวะจะโชคร้ายที่สุดแล้ว กระนั้นครานี้ดูเหมือนกลับเป็นเจ้าเสียแทน ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับข้าแต่รอบแรกเช่นนี้!”

ฉินหยุนเพียงหัวเราะรับ หาได้กล่าวคำอื่นใดเพิ่มเติม

เขาพบว่าเรื่องราวน่าขัน เพราะสาเหตุที่เขาต่อสู้กับตูเสินอี้ มันก็มีต้นเหตุมาจากเขาคือผู้จัดแจงให้เกิดขึ้น

อีกทางหนึ่ง ตูเสินอี้ไม่รู้เรื่องราว ถึงกับกล่าวเย้ยหยันว่าตัวเขานั้นโชคร้าย

ราชันแคว้นเยี่ยมองทางตูเทียนตี้พร้อมขมวดคิ้ว “เหล่าตู ศิษย์เจ้าแข็งแกร่งเพียงใด? เผชิญหน้าฉินหยุนนี่คล้ายไม่ดีนัก!”

“ข้ามั่นใจในตัวเขา เขาสามารถเอาชนะฉินหยุนได้!” ตูเทียนตี้หัวเราะดัง เป็นเขามั่นใจอย่างล้นพ้นยิ่ง

“ไม่ใช่ว่าไห่เถิงเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือ? แต่แล้วเขายังถูกสังหารโดยเด็กสาวผู้นั้น! แล้วตูเสินอี้ผู้นี้เทียบกับไห่เถิงแล้วเป็นอย่างไร?”

ราชันแคว้นเยี่ยคิดอยากทราบอีกสักนิด เพราะหากเมื่อใดศิษย์เขาต้องเผชิญหน้าตูเสินอี้ เช่นนั้นจะได้สามารถหาทางรับมือ

พอกล่าวถึงไห่เถิง ตูเทียนตี้ก็อดไม่ได้ที่จะเผยอาการปวดใจ สายตากราดเกรี้ยวมองทางเชี่ยวเย่ว์หลาน

“เหล่าเยี่ย ตูเสินอี้ฝึกฝนโลหิตอสูร!” ตูเทียนตี้หัวเราะเสียงเบา “เจ้าคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งได้เพียงใดเล่า?”

ราชันแคว้นเยี่ยพอได้ทราบ เขาถึงกับต้องสูดอากาศเย็นเยือกเข้าปาก

เขาเข้าใจดี ว่าฝึกฝนโลหิตอสูรหมายความถึงอะไร

ที่ด้านบนลานประลอง หมอกชั่วร้ายสีดำปรากฏออกจากผิวหนังตูเสินอี้ เป็นที่ชัดเจนว่าพลังงานภายใต้ผิวหนังของเขาพร้อมทะลักล้นออกทุกเมื่อ

ผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าต่างมาถึง พวกเขาไม่คาดหวังอะไรกับงานประลองยุทธ์ครั้งนี้มากนัก

โดยเฉพาะบรรดาศิษย์ที่พวกเขานำมา ทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าเดียดฉันท์ขณะรับชมศึกที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง

“เริ่ม!” เจี้ยนสือเทียนตะโกนดัง

ร่างของตูเสินอี้พลันปูดบวม คลื่นออร่าสีแดงและดำทะลักล้นจากกาย ออร่าทรงพลังพลันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

“โลหิตอสูร!” เปาเฉิงโฉ่วร้องตะโกน “ฉินหยุน ตั้งระวังป้องกันให้ดี อย่าให้มันได้ดูดเลือดเจ้า! ชายคนนี้ฝึกฝนโลหิตอสูร พละกำลังของเขาทัดเทียมร่างเซียนที่มีโลหิตเซียน!”

ผู้คนต่างส่งเสียงร้องฮือฮากันดังขึ้น!

กระทั่งผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้า ยังต้องเผยร่องรอยความหวาดกลัวที่ใบหน้า

ฉินหยุนทราบแต่แรก ดังนั้นจึงไม่เผยความหวาดกลัวใด ทั้งยังสงบยิ่ง

“ฉินหยุน ข้าไม่คิดเมตตาใดต่อเจ้าเพื่อให้ได้มาซึ่งจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!” ตูเสินอี้แค่นเสียงดังกล่าวคำ “ก่อนหน้านี้ หานอี้หล่ายไม่มีเจตนาสังหารเจ้า เพราะมันกังวลเรื่องได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!”

ตูเสินอี้กล่าวคำจบ ฉินหยุนพุ่งทะยานออก เขาใช้ดัชนีทะลวงขุนเขาแยกปฐพี ระเบิดเอาพลังดัชนีโจมตีออก

“อ่อนแอ!”

ตูเสินอี้เพียงยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ฝ่ามือโบกสะบัดสลายพลังของฉินหยุน เสียงปะทะของพลังดังขึ้นสนั่นลานประลอง

คลื่นพลังที่แตกสลายปะทะกับม่านพลัง เสียงสายลมระเบิดดังออก

“แข็งแกร่งนัก!”

ฉินหยุนเพียงทดลองใช้วิธีการโจมตีธรรมดา เขาไม่นึกว่าตูเสินอี้จะมีอำนาจการป้องกันแข็งแกร่งด้วยการใช้เพียงฝ่ามือ

“เสี่ยวหยุน พลังของโลหิตอสูรเกือบทัดเทียมโลหิตเซียน! ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติ เจ้าต้องใช้พลังแห่งความเที่ยงธรรมจัดการกับมัน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ไม่อย่างนั้นแล้ว ความแตกต่างระหว่างเจ้าและมันจะมีมากเกินไป!”

ร่างของตูเสินอี้สว่างวูบ ทิ้งไว้เพียงภาพเงาที่ตำแหน่งเดิม ปรากฏตัวอีกครั้งด้านหลังของฉินหยุน พร้อมใช้ฝ่ามือโจมตีออก

ฉินหยุนที่สัมผัสได้ จึงใช้ร่างเงาประกายแสงสมบูรณ์หลบเลี่ยงจากตำแหน่งเดิม

ฝ่ามือตูเสินอี้โจมตีพลาด พลังฝ่ามือจึงปะทะกับม่านพลังเกิดขึ้นเป็นสายลมกระโชกสีดำ

ฉินหยุนปรากฏความหวาดกลัวภายในใจ เพราะฝ่ามือเมื่อครู่นี้ชวนสะพรึงยิ่ง หากเขาไม่อาจหลบได้ทัน ทั้งร่างกายคงต้องแหลกสลายตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ฝ่ามืออสูรสังหารเซียน!” ราชันแคว้นมู่แห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าขมวดคิ้วกล่าวคำ “นี่เป็นวิชาอสูรที่สูญหายไปนานยิ่ง! ดูเหมือนว่าศิษย์จากแดนอสูรอ้างว้างผู้นี้จะแข็งแกร่งไม่น้อย!”

ตูเสินอี้พอได้เห็นฉินหยุนหลบเลี่ยง เขาแค่นเสียงกล่าว “ฉินหยุน เจ้าทำได้แค่หลบหนีหรือไร?”

กล่าวคำจบ ร่างนั้นจึงเริ่มสั่น ทั้งลานประลองจึงถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำ

ชั้นหมอกสีดำแปรเปลี่ยนทั้งสนามประลองเป็นกล่องดำ

เพียงไม่นาน ชั้นหมอกสีดำจึงค่อยกระจายตัว ที่บนพื้นลานประลอง เกิดขึ้นเป็นอักขระสีดำปรากฏ

เป็นอักขระโทเทม!

ฉินหยุนเพียงมองก็ทราบ นั่นถือเป็นโทเทมที่ทรงพลังและลึกล้ำอย่างยิ่ง

“โทเทมอสูร ทั้งยังเป็นโทเทมระดับลึกล้ำ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ชายคนนี้ ข้าชักสงสัยแล้วว่าคิดทำอันใดต่อกันแน่?”

“ออกมา!”

ตูเสินอี้ตะโกนดัง อักขระที่เรียงรายบนพื้นของโทเทมอสูร ฉับพลันจึงพุ่งขึ้นปรากฏเป็นบุคคล

บุคคลนี้ มีรูปลักษณ์คล้ายกับตูเสินอี้!

“โทเทมร่างแฝด!” เปาเฉิงโฉ่วเผยสีหน้าหนักอึ้ง

“โทเทมร่างแฝดคือวิชายุทธ์โทเทมที่สูญหายไปนานยิ่ง ไม่เคยนึกฝันว่าตำหนักโทเทมจะครอบครองและเชี่ยวชาญพวกมัน!” ความตื่นตะลึงปรากฏในดวงตาของราชันแคว้นมู่

ตูเทียนตี้แห่งตำหนักโทเทมหัวเราะกล่าว “วิชายุทธ์โทเทมไม่ใช่ง่ายเชี่ยวชาญ กระนั้นด้วยพรสวรรค์สูงล้ำของตูเสินอี้ ความรู้ความเข้าใจของเขาจึงเลิศล้ำ ทำให้ง่ายเรียนรู้เชี่ยวชาญมันขึ้นมาได้!”

บรรดาครึ่งเซียนที่นี้ต่างริษยา พวกเขาทั้งอึ้งทึ่งและนับถือ นั่นก็เพราะวิชายุทธ์โทเทมเป็นสิ่งยากได้รับมา และตราบเท่าที่เป็นผู้ครอบครองโทเทม ย่อมสามารถใช้งานมันได้อย่างเต็มกำลัง

ชั่วขณะเวลานี้ โทเทมร่างแฝดได้พุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุน ตูเสินอี้ทั้งสองต่างพร้อมกันโจมตีคนละทิศทาง!

สถานการณ์ของฉินหยุนคล้ายไม่สู้ดีนัก อย่างไรแล้ว ตอนนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูถึงสอง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด