ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0689 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0691 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0690 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 690 : ราชันแห่งแคว้น

ฉินหยุนได้รับอันดับหนึ่งของกลุ่ม และเขาคือบุคคลที่สองซึ่งได้อันดับแรกของกลุ่มมาครอง

บุคคลแรกคือเจี้ยนหนันหู่ ทันทีเมื่อเริ่มการต่อสู้ เขาก็เอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้แทบจะในทันที

ถัดจากนั้นจึงเป็นเชี่ยวเย่ว์หลาน นางคือลำดับที่สามซึ่งเข้ารอบสิบหกคนสุดท้าย

เจี้ยนหนันหู่มองทางเชี่ยวเย่ว์หลานที่อยู่ไม่ไกลออกไป เขาทราบดีว่านางคือคู่ต่อสู้อันแข็งแกร่ง แต่เขาไม่ทราบว่าภายหน้าจะมีโอกาสได้ประมือกับนางหรือไม่

ศิษย์ของตำหนักโทเทม และอีกสองคนของตำหนักจารึกเทวะต่างก็เข้ารอบเช่นกัน

ห้าสำนักเซียนใหญ่ ต่างมีศิษย์ที่ได้อันดับหนึ่งของกลุ่ม โดยมีตำหนักจารึกเทวะและตำหนักเซียนดาบ ที่มีร่างเซียนสองคนได้รับอันดับหนึ่งผ่านเข้ารอบ

เจี้ยนรั่วหยานผ่านเข้ามาอย่างราบลื่น นางหาได้รับบาดเจ็บอันใดไม่

วันพรุ่งนี้ ยังคงมีนัดประลองตัดสินอันดับของอีกหลายกลุ่มคงเหลือ

งานประลองยุทธ์รอบสิบหกคนสุดท้าย จะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน

ฉินหยุนจึงได้ช่วงเวลาสามวันนี้พักฟื้นอย่างเต็มที่

สองวันผ่านพ้น บรรดาศิษย์ทั้งสิบหกคนต่างได้รับการยืนยันตัว

ตำหนักจารึกเทวะ ตำหนักเซียนดาบ นครเซียนยุทธภัณฑ์ และวิมานเซียนปีศาจ ต่างมีศิษย์สองคนเข้าร่วมในรายชื่อ

ขุนเขาเซียนอัคคีคราม และหุบเขาเซียนโอสถ ต่างมีศิษย์เพียงหนึ่งที่เข้าร่วม

ท่ามกลางสำนักจันทรา มีเพียงเกาะจันทราปีศาจ และนครจันทราอัคคีที่มีศิษย์เข้ารอบสำนักละคน

สำหรับห้าสำนักดวงดาว มีเพียงศิษย์ของสำนักดาบดวงดาว และสำนักหมื่นดวงดาวที่เข้าร่วมสำนักละคน

ถัดจากนั้น จึงเป็นตำหนักโทเทมและตระกูลเจี้ยน

ท่ามกลางสำนักเซียนทั้งหมด มีเพียงฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยานที่ไม่ใช่ร่างเซียน

ฉินหยุนเกือบหายดีแล้ว ตอนนี้เขากำลังรับฟังข่าวคราวในห้องโถงพร้อมสิบหกคนที่ผ่านเข้ารอบ

“พวกเจ้าทั้งสิบหกคน จะออกมาจับสลากตัดสินเลือกคู่ต่อสู้ หากเข้าร่วมงานประลองบ่อยครั้ง คงคุ้นชินกับขั้นตอนนี้ดี!”

เปาเฉิงโฉ่วที่ได้เห็นฉินหยุนอาการหายดี เขาค่อยรู้สึกวางใจได้มาก

“จ้าวสำนัก คู่ต่อสู้ใดที่พวกเราควรต้องระวังบ้าง?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถาม

“เรื่องนี้ คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังมีหลายคนนัก! ศิษย์ของเกาะจันทราปีศาจและตำหนักเซียนดาบถือว่าแกร่งกล้าอย่างยิ่ง ถัดจากนั้นจึงเป็นวิมานเซียนปีศาจ พวกนางลึกลับและเก็บงำเรื่องราวไว้ดีเยี่ยม ข้าไปพิจารณาดูระหว่างต่อสู้ พวกนางหาได้เผยกำลังใดออกมามากนัก!”

“ทางด้านศิษย์ของตำหนักโทเทมและสำนักเซียนอื่น เจ้าอย่าได้กังวล เอาชนะพวกเขาไม่ใช่เรื่องยาก!”

“และสุดท้าย ที่ควรต้องใส่ใจคือร่างเซียนของตำหนักจารึกเทวะ ข้าสงสัยว่าสองคนนั้นใช้อุบายกลโกง พละกำลังพวกเขายากหยั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองแทบไม่ออกว่าพวกเขาใช้พลังอะไร!”

เปาเฉิงโฉ่วค่อนข้างสืบเสาะเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี

ฉินหยุนเอ่ยถาม “แล้วศิษย์จากตระกูลเจี้ยนแข็งแกร่งเพียงใดกัน?”

เขายังคงสงสัยเรื่องศิษย์ของตระกูลเจี้ยน

“ไม่เลว แต่ไม่ยอดเยี่ยมเท่าพี่หู่!” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มกล่าว “ดังนั้นพวกเราไม่ต้องสนใจอันใดให้มาก!”

ฉินหยุนก่อนหน้าได้เห็นร่างเซียนของวิมานเซียนปีศาจต่อสู้ กระนั้นที่ได้รับคือไม่ได้อะไร เพราะม่านพลังทำให้ไม่อาจสัมผัสออร่าที่ภายในได้

เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “เจี้ยนหนันหู่และเชี่ยวเย่ว์หลานมีพลังเหนือล้ำ ดีที่สุดคืออย่าได้เจอสองคนนั้น!”

เจี้ยนรั่วหยานบุ้ยปากกล่าวคำ “ข้าย่อมไม่คิดสู้กับสองคนนั้น แต่ข้าทำอะไรไม่ได้ พวกเราต้องจับสลาก ดังนั้นที่ทำได้ คงแค่เป็นการอ้อนวอนต่อสวรรค์!”

นางย่อมกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเชี่ยวเย่ว์หลาน เพราะนางรู้สึกได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานสมควรเป็นตัวตนชวนพรั่นพรึงยิ่งกว่าฉินหยุน

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “วันพรุ่งนี้ยังพักได้อีกหนึ่งวัน อย่างนั้นไปถวายสักการะต่อเทพเจ้าอะไรทำนองนั้นเป็นไร!”

เปาเฉิงโฉ่วกล่าวคำ “วันพรุ่งนี้... ผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าจะมาที่นี่ ศิษย์ชั้นหัวกะทิทั้งสิบหกคนที่แข่งขันในแคว้นมังกรทะยานฟ้าจะมาที่นี่!”

“มากันทั้งสิบหกคนเลยหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานเอ่ยถามด้วยความตระหนก

“ได้ยินว่ามาเพียงสี่อันดับแรก เพราะมีแต่สี่อันดับแรกที่สภาพยังดี ที่เหลือไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!” เปาเฉิงโฉ่วถอนหายใจ “งานประลองยุทธ์มักมีเรื่องโหดร้ายเสมอมา!”

เจี้ยนรั่วหยานเผยยิ้ม “อัจฉริยะมีมากมายเกินไป พวกเราจำเป็นต้องคัดออกไปเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นฟ้าคงไม่อาจอุ้มชูอัจฉริยะทั้งหมดเอาไว้ได้!”

ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “เหตุใดผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าจึงมาที่นี่? พวกเขามารับชม?”

เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบ โดยสรุป เป็นตำหนักจารึกเทวะที่จัดแจงให้เกิดเรื่องราวนี้!”

“แคว้นมังกรทะยานฟ้าคือฐานหลักของตระกูลหลง กล่าวกันว่าขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นมังกรทะยานฟ้า ก็คือตระกูลหลง และยังเป็นรากฐานของตระกูลหลงอีกด้วย!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าว

“ถูกต้องแล้ว ตระกูลหลงในแคว้นมังกรทะยานฟ้าถือว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง พลังอำนาจของพวกเขาทัดเทียมสำนักเซียน และพรุ่งนี้ก็น่าจะมาถึงกันแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

“ในเมื่อผู้จัดการอาวุโสเยี่ยจัดการเรื่องราวนี้ด้วยตนเอง นั่นคงไม่ใช่เรื่องดี!” ฉินหยุนกล่าว

หลังจากได้ทราบว่าผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าจะมาเยือนวันรุ่งขึ้น ศิษย์หลายคนต่างเกิดความสงสัย พวกเขาคิดอยากเห็นว่าคนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด

แคว้นมังกรทะยานฟ้า และแคว้นมหาดวงดาวค่อนข้างอยู่ไกลห่าง ดังนั้นน้อยครั้งที่จะมีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเช่นนี้

ผู้คนเพียงทราบ ว่าตระกูลหลงคือขั้วอำนาจอันแข็งแกร่งในแคว้นมังกรทะยานฟ้า และยังเป็นภูมิลำเนาแต่กำเนิดของตระกูลหลงอีกด้วย

เช้าตรู่วันถัดมา ฉินหยุนตื่นขึ้นแต่เช้า เป็นเพราะเจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบมาปลุกเขาแต่เช้า

ตั้งแต่ที่ช่วยเจี้ยนรั่วหยานเมื่อครั้งนั้น นางยิ่งมายิ่งใกล้ชิดกับเขา มันเป็นความรู้สึกที่ธรรมดาทว่าหาได้ธรรมดาแม้สักนิด!

ฉินหยุนสวมใส่ชุดเรียบร้อย เครื่องแบบคล้ายคลึงกับเจี้ยนรั่วหยาน เป็นชุดสีฟ้าคราม ส่วนตัวเขาคิดว่าดูไม่ค่อยงดงามอยู่บ้าง แต่นี่คือเครื่องแบบของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ดังนั้นจึงต้องใส่อย่างช่วยไม่ได้

เปาเฉิงโฉ่วนำฉินหยุน เจี้ยนรั่วหยาน และศิษย์ที่เหลือเดินทางสู่ลานกว้าง

เดิม การพบปะเช่นนี้สมควรเป็นโถงรับรองขนาดใหญ่ กระนั้นพวกเขากลับกำลังไปยังลานกว้างสำหรับใช้ประลองยุทธ์ ส่วนเหตุผลนั้นไม่อาจทราบ

ฉินหยุนและคณะที่กำลังเดินไป พวกเขาจึงได้พบเจี้ยนหนันหู่และผู้อื่นระหว่างทาง

“ฉินหยุน ได้ยินว่าคนของแคว้นมังกรทะยานฟ้าอหังการนัก พวกนั้นมาถึงเมื่อคืน หนึ่งในนั้นออกปากว่าจะสังหารพวกเราสิบหกคนด้วยตนเอง!” เจี้ยนหนันหู่กล่าว “พวกนั้นบอกข้าให้ไปพบที่ลานจัดงานประลองยุทธ์ ชัดเจนว่าต้องการหาเรื่องต่อพวกเรา!”

เจี้ยนรั่วหยานเพียงยิ้ม “พี่หู่ วันพรุ่งนี้ก็ถืองานประลองยุทธ์รอบทางการแล้ว วันนี้ไม่ใช่ว่าควรเก็บเนื้อเก็บตัวหรือ?”

เจี้ยนหนันหู่หัวเราะดัง “เทียบกับสี่อันดับแรกจากงานประลองยุทธ์ที่แคว้นมังกรทะยานฟ้า พละกำลังของข้าย่อมไม่อ่อนด้อย หากข้าเอาชนะพวกมันวันนี้ พลังของข้าจะได้เป็นที่ประจักษ์!”

ลานประลองยุทธ์ทั้งหลายในลานกว้างจัดงาน เวลานี้ได้ถูกนำเก็บ หลงเหลือไว้เพียงลานกว้างหนึ่งเดียวขนาดใหญ่ที่ตรงกลาง

เบื้องล่างลานประลองยุทธ์ มีคนกว่ายี่สิบยืนอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นวัยชราและวัยกลางคน เหล่านี้คือครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ พวกเขาเป็นขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่ที่มาเยือน

“นั่นคือฉินหยุน!” ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยพอได้เห็นฉินหยุนมาแต่ไกล เขาจึงชี้นิ้วมา

“ตราบเท่าที่จับตัวมันไว้ได้ พวกเราจะได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!” ตูเทียนตี้กล่าวคำเสียงเบา “แต่เรื่องราวไม่ง่าย!”

ฉินหยุนย่อมได้ยินคำกล่าวอีกฝ่าย ภายในเวลานี้บังเกิดโทสะ

ข่าวคราวของจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ถึงกับแพร่กระจายสู่แคว้นอื่น

ตอนนี้ ผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้า ต่างมาที่นี่ก็เพื่อจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว

“พวกมันเหล่านี้... ช่างโลภไม่รู้จักจบสิ้น!” ฉินหยุนมีโทสะ หากเขามีกำลังอันเหนือล้ำ ย่อมพุ่งทะยานเข้าไปสังหารผู้ที่คิดอยากจับตัวเขาเอาไว้ให้หมดสิ้น

งานประลองยุทธ์ที่แคว้นมังกรทะยานฟ้า ย่อมเป็นตำหนักจารึกเทวะรับหน้าที่เจ้าภาพจัดงาน กล่าวกันว่ามีต้นกำเนิดเซียนทั้งสองถูกนำมาเป็นของรางวัลไม่ต่างกัน

ผู้ที่ได้รับอันดับหนึ่งและสองคือตระกูลหลง และตำหนักจารึกเทวะของแคว้นแห่งนั้น

ฉินหยุนและคณะต่างได้เห็นสี่อันดับแรกของแคว้นมังกรทะยานฟ้า สามคนเป็นชายหนุ่มรูปงาม ขณะที่อีกหนึ่งสวมใส่หน้ากากดูลึกลับ

“บุคคลสวมใส่หน้ากากผู้นี้เป็นศิษย์ของตระกูลหลง เป็นสตรีนามหลงเย่ว์ นางได้รับอันดับหนึ่ง และประกาศตนว่าจะเอาชนะพวกเราทั้งสิบหกคนด้วยตัวของนางเอง!” เจี้ยนหนันหู่เข้าถึงข้างกายฉินหยุนพร้อมกล่าวกระซิบ

คนทั้งสิบหกของแคว้นมหาดวงดาวต่างรวมตัวกันที่นี่ พวกเขามีข้อสงสัยเต็มอก สายตาพิจารณามองยังศิษย์ทั้งสี่อันเลิศล้ำของแคว้นมังกรทะยานฟ้าไม่หยุดหย่อน

“มิตรสหายจากแคว้นมังกรทะยานฟ้า ให้ข้าทราบได้หรือไม่ว่าเรียกพวกเรามาพบด้วยเรื่องอันใด?” เจี้ยนสือเทียนเอ่ยถามทันทีเมื่อมาถึง

“เพราะที่นี่กว้างขวาง หากพวกเราไปแออัดกันภายในโถงที่มีกลิ่นอายผู้โง่งม พวกเราย่อมต้องสูดอากาศจากผู้โง่งมเหล่านั้น ถือเป็นเรื่องชวนให้นึกรังเกียจจนเกินไป!”

ชายชราที่กล่าวเป็นครึ่งเซียน เขาสวมใส่ชุดสีม่วงหรูหราพร้อมตราอาจารย์จารึกเต๋า

ตราของอาจารย์จารึกเต๋าค่อนข้างพิเศษ มันเป็นสีดำพร้อมแกะสลักคำ “เต๋า” เอาไว้เด่นชัด

เจี้ยนสือเทียนกลับกลายเป็นมีโทสะ ครึ่งเซียนผู้อื่นของแคว้นมหาดวงดาวก็ไม่ต่างกัน

พวกเขาทราบว่าคนของแคว้นมังกรทะยานฟ้ามักอหังการอวดดี เวลานี้ได้มีติดต่อพูดคุยหากัน ก็ยังเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้มากนัก

“ข้าคือผู้จัดการอาวุโสมู่แห่งตำหนักจารึกเทวะประจำแคว้นมังกรทะยานฟ้า และเป็นราชันแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า พวกเจ้าเรียกหาข้าเป็นราชันแคว้นมู่ได้!”

“ไม่ว่าทางด้านฐานะหรืออำนาจ ข้าล้วนอยู่สูงกว่าผู้จัดการเยี่ยของแคว้นมหาดวงดาวของพวกเจ้า! หากจำเป็น ข้าก็มีสิทธิ์เข้าแทรกแซงเรื่องราวของแคว้นมหาดวงดาว!” ชายชราชุดสีม่วงกล่าวคำออกด้วยสีหน้าอหังการอวดดีเป็นล้นพ้น

ตอนนี้ สีหน้าของผู้จัดการเยี่ยมืดหม่นลงไม่ใช่น้อย

โดยเฉพาะบรรดาครึ่งเซียนของแคว้นมหาดวงดาว พวกเขาค่อนข้างตึงเครียด เพราะแคว้นมังกรทะยานฟ้าคิดเข้าแทรกแซงแคว้นมหาดวงดาว

ราชันแคว้นมู่ได้เห็นเปาเฉิงโฉ่วและคณะจึงเผยสีหน้าไม่ยินดี เขาหัวเราะออกเสียงดังลั่น “แคว้นมหาดวงดาวคล้ายไม่มีราชันแคว้นกระมัง? หากไม่ใสใจ ให้ข้าได้ทำหน้าที่แทนให้ ข้าจะตั้งกฎที่ทำให้แคว้นมหาดวงดาวต้องรุ่งโรจน์ให้เอง!”

“ราชันแคว้นมู่ มือของท่านคล้ายคิดยืดออกมากเกินไปแล้ว!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะเสียงเย็น “ผู้มากพรสวรรค์ในแคว้นมหาดวงดาวของพวกเรามีมากมายนัก นี่ยังไม่ถึงคราวที่แคว้นอื่นจะคิดเข้าปกครองหรือออกคำสั่งต่อพวกเรา!”

“ได้ อย่างนั้นแล้วพวกเจ้าควรใช้โอกาสนี้ ใช้งานประลองยุทธ์เป็นการคัดเลือกราชันแคว้นเสีย! ก่อตั้งกฎด้วยตัวพวกเจ้าเอง ภายหน้า พวกเราจะได้ประลองต่อกันและเรียนรู้จากกันและกันได้!” ราชันแคว้นมู่เผยยิ้มโฉดชั่ว

ผู้จัดการเยี่ยกล่าว “ผู้นำของฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังศิษย์ซึ่งได้รับอันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์ จะได้รับตำแหน่งราชันแห่งแคว้นมหาดวงดาว! ทุกท่านคิดว่าอย่างนี้เป็นไร?”

เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “ข้าได้ยินว่าอันดับหนึ่งของแคว้นมังกรทะยานฟ้าเป็นคนของตระกูลหลง อย่างนั้นแล้วเหตุใดจึงให้ผู้จัดการตำหนักจารึกเทวะเป็นราชันแห่งแคว้นเสียได้?”

ราชันแคว้นมู่เผยยิ้ม “เพราะผู้นำตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า ได้แสดงความนับถือต่อข้าและมอบตำแหน่งนี้ให้!”

ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถเร่งรีบกล่าว “พวกเราหุบเขาเซียนโอสถไม่เห็นด้วยกับการเลือกราชันแห่งแคว้นเช่นนี้! เว้นแต่ราชันแห่งแคว้นที่ได้รับเลือก จะไม่มีการจัดตั้งกฎเกณฑ์ใดจึงค่อยเป็นอีกเรื่อง!”

เบื้องบนของขุนเขาเซียนอัคคีครามและอีกหลายสำนัก ต่างก็แสดงการทักท้วงกันคนแล้วคนเล่า

“อย่างนั้นก็ไม่เลือก นี่ไม่ดีหรือไร?” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะ

“ไม่ได้ พวกเจ้าต้องเลือกราชันแห่งแคว้น และจัดตั้งกฎเกณฑ์ร่วมกัน! ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่มีทางได้รับต้นกำเนิดเซียนทั้งสองมาเป็นรางวัล!” ผู้จัดการเยี่ยกล่าว

ทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานที่อยู่ไม่ไกล ต่างมองหน้ากันเอง พวกเขาพบว่าเรื่องราวช่วยไม่ได้ แทนที่จะได้มีงานประลองยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่แล้วตอนนี้กลับกลายเป็นเครื่องมือเพื่อคัดเลือกราชันแห่งแคว้นไปเสียได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด