ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0688 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0690 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0689 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 689 : นอนชนะ

ช่วงเวลาพักก่อนถึงบ่ายมีไม่มากนัก แม้ฉินหยุนนอนบนเตียง เขาก็ทำได้เพียงแค่ฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไป

ทางด้านอาการบาดเจ็บที่กระดูกในร่าง มันไม่อาจฟื้นฟูได้ในเวลานี้ หลายท่อนยังคงหักอยู่เช่นเดิม

โชคดีที่เขาครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ แม้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ยังสามารถฟื้นฟูได้ทีละน้อย เพียงแต่ต้องใช้เวลา

หากผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ พวกเขาคงต้องใช้เวลามหาศาล รวมถึงโอสถอันล้ำค่าทั้งหลายเพื่อให้สามารถฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ได้

“อาการบาดเจ็บของเจ้าระดับนี้ น่าจะใช้เวลาสักสองวันกว่าจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจ “แล้วรอบบ่ายนี้มั่นใจหรือว่าเอาชนะได้?”

“ข้ายังไม่รู้เลย” ฉินหยุนแทบไม่กล้ามั่นใจอันใดนัก

รอบบ่ายใกล้เริ่มขึ้น เจี้ยนรั่วหยานจึงเดินเข้ามาช่วยฉินหยุนพยุงร่าง

นางไม่อาจให้หลงเฉียวเฟิงช่วยได้ เพราะเป็นกังวลว่าคนของตระกูลหลงจะมีหูตาคงอยู่ หลงเฉียวเฟิงยังมีงานที่ต้องสืบเสาะเบื้องลึกของตระกูลหลง

“ฉินหยุน เป็นไรบ้างแล้ว? นี่เจ้าคล้ายยืนเองยังไม่ได้!” หลังช่วยพยุงตัวฉินหยุน นางจึงพิจารณาอาการบาดเจ็บ จึงค่อยได้ตระหนักตอนนี้ว่ากระดูกทั้งหลายในร่างแตกหักเกือบหมด

“วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาหนักอะไร!” ฉินหยุนหัวเราะ “ช่วยพาข้าไปที่ลานประลองที!”

หลังจากได้รับร่างดาบลึกล้ำ กำลังของเจี้ยนรั่วหยานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กระนั้นฉินหยุนก็ยังไม่อาจวางใจ

เพื่อรับประกันชัยชนะของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อให้ได้รับต้นกำเนิดเซียน เขาต้องไปต่อ

หากพวกเขาได้รับต้นกำเนิดเซียนอีกหนึ่ง มันจะเป็นการเพิ่มพูนพลังงานเซียนในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์อย่างมหาศาล

ยิ่งไปกว่านั้น ปิงชิงจะแข็งแกร่งได้รวดเร็วขึ้น ถึงตอนนั้น มันจะยังทำให้เขาสามารถฝึกฝนร่างเซียนโดยอาศัยพลังจากสองต้นกำเนิดเซียนได้โดยเร็วอีกด้วย

หลายคนในลานกว้างอยู่โยงที่นี่ พวกเขารอคอยเพื่อรับชมศึกในรอบบ่าย

มีกว่าสิบกลุ่มที่มีนัดประลองรอบสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนี้

ตำหนักโทเทม หุบเขาเซียนโอสถ และขั้วอำนาจทั้งหลายที่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อนครเซียนยุทธภัณฑ์ สีหน้าพวกเขาล้วนดำมืด เป็นพวกเขาต้องสูญเสียศิษย์ที่เลิศล้ำไปหลายคน

หากนครเซียนยุทธภัณฑ์ยังจะได้รับต้นกำเนิดเซียน ความก้าวหน้าจะยิ่งก้าวทะยานกว่าขั้วอำนาจอื่นอย่างมหาศาล

สำนักเซียนที่ครอบครองสองต้นกำเนิดเซียน เพียงแค่นึกคิด ก็ทำเอาพวกเขาหวาดกลัวเป็นล้นพ้นแล้ว

ดวงตะวันช่วงบ่ายโชติช่วงร้อนแรง เก้าดวงตะวันบนฟากฟ้ายังคงแผดเผาโลกเบื้องล่างเช่นเคย

เกาะลอยฟ้าแห่งนี้ ยิ่งร้อนแรงเนื่องจากรับคลื่นความร้อนที่แผ่มาใกล้กว่าบนพื้นดินเบื้องล่าง

ผู้คนที่ฝึกฝนธาตุไฟ ต่างรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเช่นนี้ดีเยี่ยม

ฉินหยุนได้เจี้ยนรั่วหยานพยุงร่างเข้ามา หลังจากที่ถูกหามขึ้นบนลานประลองยุทธ์ เขาจึงนอนอยู่ที่บนนั้น

ผู้คนต่างมองฉินหยุนที่นอนกับพื้น ภายในล้วนเกิดความอึ้งทึ่ง

“ฉินหยุนกระดูกหักแทบหมดร่าง แต่แล้วยังคิดจะสู้อีกงั้นหรือ?”

“นี่ไม่ต่างอะไรกับโยนตัวเองให้อีกฝ่ายเล่นงานหรือไร?”

“อาจไม่เป็นเช่นนั้น ชายผู้นี้มีวิชามารมากมายนัก! หานอี้หล่ายจากหุบเขาเซียนโอสถ ยังต้องตายอย่างปริศนาลึกลับ!”

“หานอี้หล่ายเดิมจัดการฉินหยุนจนอยู่หมด แต่หลังจากนั้นกลับคุกเข่าลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นฉินหยุนใช้วิชามารสังหารไป!”

“ฉินหยุนสมควรมีวิชามารอันโหดเหี้ยมเป็นแน่!”

ผู้คนต่างนึกย้อนถึงครั้งฉินหยุนสู้กับหานอี้หล่าย ล้วนอดไม่ได้ที่จะหารือกันพร้อมใส่สีตีไข่แก่เรื่องราวให้มากมายขึ้นนับร้อยเท่า

คู่ต่อสู้ของฉินหยุนครั้งนี้ คือร่างเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีคราม!

ในกลุ่มที่สิบห้าซึ่งมีทั้งร่างอสูรและร่างมาร กระนั้นสองคนสุดท้ายที่จะขึ้นประลองคือคนจากสำนักเซียน

โดยพื้นฐานแล้วสำนักอสูรค่อนข้างมีกำลังด้อยกว่าสำนักเซียน

สำนักอสูรทั้งหมด มีแต่ศิษย์ของตำหนักโทเทมที่สามารถเข้ารอบสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนี้  นี่จึงเป็นการยืนยันได้อย่างหนึ่ง ว่าตำหนักโทเทมคือนายเหนือแห่งแดนอสูรอ้างว้างทั้งปวง

ใบหน้าผู้อาวุโสสำนักอสูรแห่งอื่นต่างไม่ค่อยสู้ดี เพราะศิษย์ของพวกเขาไม่อาจเข้าถึงรอบสิบหกคนสุดท้ายได้

ร่างเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามสวมใส่ชุดคลุมอัคคีเพลิงร้อนแรง เมื่อเดินขึ้นบนลานประลอง ชุดคลุมนั้นถูกปลดออก เหลือไว้เพียงกางเกงขาสั้น

ที่ร่างกายของเขา มันปรากฏเปลวเพลิงทองม่วงลุกโชนอย่างกะทันหัน อัคคีเพลิงนั้นก่อเกิดขึ้นเป็นชุดปกคลุมร่างอย่างร้อนแรง เป็นผลให้บรรดาผู้ชมเบื้องล่างร้องอุทานกันถ้วนหน้า

ระหว่างทางมา ฉินหยุนได้รับฟังเรื่องราวของร่างเซียนผู้นี้จากเจี้ยนรั่วหยานมาแล้ว

นามนั้นคืออู๋เฟิง เป็นบุคคลหล่อเหลาและบ้าคลั่งผู้หนึ่ง กระนั้นที่เผยออกเบื้องหน้าคือความใจเย็น

ชั่วขณะนี้ อัคคีเพลิงทองม่วงก่อเกิดเป็นเส้นผมยาวงดงาม คิ้วเรียวดุจดาบนั้นยังลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงทองม่วง ทำเอาศิษย์หญิงหลายคนเบื้องล่างต่างอุทานกันไม่หยุดหย่อน

“ฉินหยุน เจ้ามีเรื่องเบาะแว้งกับขุนเขาเซียนอัคคีครามของเรา กระนั้นยังกล้าประลองกับข้าด้วยสภาพเช่นนี้ คิดละทิ้งชีวิตตนเองแล้วหรือไร? หรือต้องการร้องขอการประทานอภัยจากข้า?” อู่เฟิงเอ่ยถาม

“ข้ามาเพื่อเอาชนะเจ้าต่างหาก!” ฉินหยุนนอนบนพื้น กระนั้นศีรษะก็ยังหันมองที่อู๋เฟิง

“ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกก่อนหน้านี้ ว่าหากผู้ใดต้องการได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวโดยผ่านทางเจ้า จะเป็นเจ้าสังหารผู้คนเหล่านั้น!” อู๋เฟิงหัวเราะดังกล่าวคำ “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าคำกล่าวนั้นน่าสนใจ แต่แล้วเวลานี้ข้ากลับนึกอยากเห็น ว่าเจ้าจะสังหารข้าด้วยสภาพเช่นนั้นอย่างไร!”

ฉินหยุนแค่นเสียงดัง “ในเมื่อเจ้ารู้ดี เช่นนั้นก็ลงจากลานประลองและไสหัวไปเสีย! ไม่อย่างนั้น อีกไม่นานความตายจะมาเยือนสู่ตัวเจ้า!”

ฉินหยุนกล่าวคำ พร้อมมองไปยังครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามและขึ้นเสียง “เร่งรีบนำตัวศิษย์เจ้าลงจากลานประลอง ไม่เช่นนั้น เมื่อใดมันตายอย่าได้มาโวยวายต่อข้า!”

“ฉินหยุน สภาพเจ้าไม่ต่างอะไรกับคนตาย อย่างมีหน้ามาข่มขู่ผู้อื่นงั้นหรือ? เจ้าคิดหรือว่าคำคุยโวเหล่านั้นจะทำให้พวกเราหวาดกลัวได้? ช่างอ่อนต่อโลกเกินไปนัก!” ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเผยเสียงหัวเราะดัง

เพราะสภาพตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่ฉินหยุนจะสามารถเอาชนะอู๋เฟิงได้

“ตัวหน้าโง่จากขุนเขาเซียนอัคคีครามทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้ายืนกรานให้ศิษย์พวกเจ้าต่อสู้กับฉินหยุน เช่นนั้นจงคิดวิธีก่นด่าต่อฉินหยุนให้ดี เพราะศิษย์ร่างเซียนที่สำคัญของพวกเจ้าจะตายในไม่ช้านี้!”

เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะดัง แม้เขาไม่ทราบว่าฉินหยุนจะเอาชนะได้อย่างไร ทว่าเขาสนับสนุนฉินหยุนเต็มที่

“คิดทำให้ข้ากลัวหรือ? ดูเหมือนฉินหยุนคงไม่เหลืออุบายใดแล้วกระมัง!” ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามหัวเราะตอบโต้เสียงดัง

ตูเทียนตี้แค่นเสียงกล่าวคำ “ตราบเท่าที่ไม่โง่ มองอย่างไรย่อมต้องรู้ว่าฉินหยุนไม่มีทางชนะ อย่างดีก็ได้แค่ใช้พลังจิตพยุงร่างกายเอาไว้ หากไม่มีพลังจิต มันก็ทำได้แค่นอนอยู่อย่างนั้น!”

ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยพยักหน้ารับ “ขุนเขาเซียนอัคคีครามได้รับโอกาสอันดี พวกเขาคงได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวเป็นแน่แท้แล้ว!”

ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถคำรามในคออย่างกราดเกรี้ยว “พวกเจ้าใสซื่อกันเกินไป ลืมแล้วหรือไรว่าฉินหยุนเอาชนะได้อย่างไรเมื่อเช้า? พวกเจ้ายังไม่มีผู้ใดทราบ!”

“ร่างของหานอี้หล่ายถูกทำลายสิ้น พวกเราจึงไม่หลงเหลืออะไรให้ตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลัง!”

ผู้จัดการเยี่ยหัวเราะดัง “ฉินหยุนก็ใช้วิธีการเช่นนั้นได้เพียงครั้งเดียว! สาเหตุว่าทำไมหานอี้หล่ายพ่ายแพ้เช่นนั้น ก็เพราะเป็นเขาเข้าไปใกล้ฉินหยุนเอง!”

“แก่นเต๋าของฉินหยุนมีพลังสั่นไหว อสนีบาต และอัคคี เขาคงใช้พลังในแก่นเต๋าโจมตียามเมื่อผู้ใดสัมผัสไปแน่”

ตูเทียนตี้พยักหน้ารับ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ตราบเท่าที่ไม่เข้าใกล้มัน แล้วมันยังจะทำอะไรได้? แม้พลังจิตแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็แค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น! ร่างเซียนส่วนใหญ่ที่นี่ต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง พลังจิตล้วนแข็งแกร่งกว่าของมันเป็นไหนหรือไม่ใช่?”

หลังจากได้วิเคราะห์ถกเถียงร่วมกัน หลายคนต่างคิดว่าโอกาสที่ฉินหยุนสามารถชนะได้มีเพียงน้อยนิด

ระยะเวลาเตรียมตัวยังคงดำเนิน ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเผยเสียงดังขึ้น “อู๋เฟิง ระวังรากไม้และแรงโน้มถ่วงที่มันปลดปล่อยออกมาด้วย!”

“ข้าทราบแล้ว รากไม้พวกนั้นไม่อาจทำอะไร เพียงใช้ไฟพวกมันก็มอดไหม้สิ้นแล้ว!” อู๋เฟิงยิ้มบาง เขาเคลื่อนไหวออกห่างจากฉินหยุนนับห้าสิบเมตร

“เริ่ม!” ผู้ตัดสินวัยกลางคนตะโกนดัง

ทันทีที่คำประกาศเอ่ยจบ อัคคีเพลิงสีทองม่วงพลันยิงออกจากร่างของอู๋เฟิงแปรเปลี่ยนเป็นค้อน

ภายใต้อู๋เฟิงควบคุม ค้อนอัคคีทองม่วงขนาดใหญ่ได้ทุบฟาดลงที่ร่างฉินหยุนเกิดขึ้นเป็นเสียงอันดัง

ทุกครั้งที่ค้อนทุบใส่ร่างของฉินหยุน อัคคีเพลิงทองม่วงปริมาณมหาศาลจะแผดเผากระจายทั่วทิศ ราวกับมันคือสายธารอัคคีที่เบ่งบานออกจากศูนย์กลาง

ฉินหยุนเพียงนอน แม้เขาสามารถใช้พลังจิตเคลื่อนไหวร่างกาย ทว่ามันไม่อาจรวดเร็ว เขาได้แต่ปล่อยให้อู๋เฟิงโจมตีใส่ตนเองอย่างต่อเนื่อง

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อู๋เฟิงหัวเราะคลุ้มคลั่งพร้อมตะโกน “วิเศษนัก! ได้ทุบตีเจ้าจนถึงแก่ความตายเช่นนี้ช่างวิเศษ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ฉินหยุนนอนกับพื้น เขาเพียงแต่รับรู้ถึงแรงปะทะจากพลังงานที่ทะลักออกมา แม้เจ็บปวดไปบ้าง แต่สำหรับเขาความรู้สึกนี้แทบไม่นับเป็นอะไร

ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำสามารถต้านทานอัคคีเพลิงความร้อนสูง และด้วยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬคุ้มกัน การโจมตีของอู๋เฟิงจึงไม่ต่างอะไรกับลมพัดใส่

อู๋เฟิงพลันแปรเปลี่ยนค้อนเป็นฝ่ามืออัคคีขนาดยยักษ์ จากนั้นจึงฟาดตบเข้าใส่ฉินหยุนที่นอนกับพื้น

“ข้าจะย่างสดเจ้า!” อู๋เฟิงหัวเราะราวกับคนเสียสิ้นสติ

“ตัวหน้าโง่นั่น ฉินหยุนสามารถปลดปล่อยอัคคีเพลิงสีดำ อัคคีเพลิงทองม่วงของมันไม่ต่างอะไรกับผายลม!” เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียงกล่าวคำ “หรือมันไม่เห็น? หมอนั่นคิ้วขมวดยังไม่มี ชัดเจนว่าไม่รู้สึกอันใดด้วยซ้ำ!”

อู๋เฟิงคล้ายไม่รับรู้อันใด ฝ่ามืออัคคีขนาดยักษ์ถอนกลับรวดเร็ว บนพื้นหลงเหลือเพียงอัคคีเพลิงลุกท่วม

เสียงหัวเราะของเขาดังลั่น “ข้าชนะแล้ว ข้าเอาชนะฉินหยุน ร่างมันถูกเผาเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว!”

ขณะรู้สึกยินดีกับตนเอง อัคคีเพลิงบนพื้นพลันหายวับ ฉินหยุนยังคงนอนอยู่ที่เดิม

ความเงียบบังเกิดขึ้นห้วงหนึ่ง อู๋เฟิงกลับกลายเป็นมีโทสะ!

ผู้คนล้วนกล้าบอก ว่าการโจมตีเมื่อครู่มันไม่อาจทำอะไรฉินหยุนได้แม้เพียงนิด

“อู๋เฟิง เจ้านี่มันหน้าโง่ของจริง!” เจี้ยนหนันหู่สบถออก

อู๋เฟิงที่กราดเกรี้ยว ฉับพลันเขารับรู้ถึงออร่าที่ใกล้เข้ามาจากเบื้องล่าง พร้อมเสียงบางอย่างแตกหัก รากไม้จำนวนมหาศาลพลันปรากฏขึ้นพร้อมพันธนาการตัวเขาเอาไว้สิ้น

“ใช้ไฟเจ้าเผามันเร็ว!” ครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งร้อนตะโกน

อัคคีเพลิงทองม่วงมวลมหาศาลลุกโชนจากร่างของอู๋เฟิง

กระนั้น เขาก็ยังถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา!

ร่างของอู๋เฟิงถูกรากไม้เหล่านี้ลากตัวไป

เมื่อเข้ามาใกล้ฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อจึงปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงสะกดร่างอู๋เฟิงเอาไว้

อู๋เฟิงกรีดร้อง!

พร้อมกันนี้ ฉินหยุนค่อยใช้พลังจิตที่รวบรวมมานาน ปลดปล่อยวิชารวมจิตวิญญาณสังหารแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วง เป้าหมายคือสมองที่ภายในหัวของอู๋เฟิง

ลำแสงสีม่วงเข้าสู่ในหัวอู๋เฟิง ทำเอาเขาหยุดกรีดร้อง ทั้งร่างกายร่วงหล่นกับพื้นแน่นิ่ง

บรรดาผู้อาวุโสที่นี้ล้วนได้เห็นพลังจิตที่ใช้โจมตี มันคือจิตที่แปรเปลี่ยนเป็นดวงดาวอันทรงพลัง!

“อู๋เฟิงพ่ายแพ้แล้ว เร่งรีบถอนม่านพลัง!” ครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งร้อนตะโกน

ผู้ตัดสินวัยกลางคน ได้เห็นอู๋เฟิงไม่ตอบสนอง เขาจึงถอนม่านพลัง

ผู้คนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งรีบเดินเข้าไปพิจารณาตรวจสอบ ใบหน้าเวลานี้กลับกลายเป็นซีดขาว

“อู๋เฟิงตายแล้ว... จิตวิญญาณถูกทำลาย!” ครึ่งเซียนขุนเขาเซียนอัคคีครามหันควับมองที่ฉินหยุน คิดอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายจนตกตาย กระนั้นเปาเฉิงโฉ่วเข้าคุ้มครองฉินหยุนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องชวนตื่นตะลึงที่สุดของวันนี้ คือฉินหยุนเอาชนะได้อีกครั้ง!

และเป็นการนอนนิ่งเอาชนะเสียด้วย!

กระทั่งว่าเป็นผู้มากประสบการณ์ยังไม่เคยพบเห็นวิธีการเอาชนะที่แปลกประหลาดถึงเพียงนี้

เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียง “อู๋เฟิงมันไม่ต่างอะไรกับเศษเดนมนุษย์ ร่างเซียนหน้าโง่เช่นนี้ มันกล้าเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างไร?”

อู๋เฟิงเป็นเศษเดน กระนั้นก็ยังเป็นเศษเดนที่สามารถเอาชนะร่างอสูรและร่างมารเข้าสู่รอบสุดท้ายของกลุ่ม บรรดาผู้ที่พ่ายแพ้ต่ออู๋เฟิง ยามได้รับฟัง พวกเขาไม่ใช่กลายเป็นเศษเดนยิ่งกว่าอีกหรือ?

เรื่องราวหาได้ใช่ว่าอู๋เฟิงเป็นเศษเดน แต่เป็นฉินหยุนแข็งแกร่งเกินไป!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด