เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0689 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 689 : นอนชนะ
ช่วงเวลาพักก่อนถึงบ่ายมีไม่มากนัก แม้ฉินหยุนนอนบนเตียง เขาก็ทำได้เพียงแค่ฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไป
ทางด้านอาการบาดเจ็บที่กระดูกในร่าง มันไม่อาจฟื้นฟูได้ในเวลานี้ หลายท่อนยังคงหักอยู่เช่นเดิม
โชคดีที่เขาครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ แม้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ยังสามารถฟื้นฟูได้ทีละน้อย เพียงแต่ต้องใช้เวลา
หากผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ พวกเขาคงต้องใช้เวลามหาศาล รวมถึงโอสถอันล้ำค่าทั้งหลายเพื่อให้สามารถฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ได้
“อาการบาดเจ็บของเจ้าระดับนี้ น่าจะใช้เวลาสักสองวันกว่าจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจ “แล้วรอบบ่ายนี้มั่นใจหรือว่าเอาชนะได้?”
“ข้ายังไม่รู้เลย” ฉินหยุนแทบไม่กล้ามั่นใจอันใดนัก
รอบบ่ายใกล้เริ่มขึ้น เจี้ยนรั่วหยานจึงเดินเข้ามาช่วยฉินหยุนพยุงร่าง
นางไม่อาจให้หลงเฉียวเฟิงช่วยได้ เพราะเป็นกังวลว่าคนของตระกูลหลงจะมีหูตาคงอยู่ หลงเฉียวเฟิงยังมีงานที่ต้องสืบเสาะเบื้องลึกของตระกูลหลง
“ฉินหยุน เป็นไรบ้างแล้ว? นี่เจ้าคล้ายยืนเองยังไม่ได้!” หลังช่วยพยุงตัวฉินหยุน นางจึงพิจารณาอาการบาดเจ็บ จึงค่อยได้ตระหนักตอนนี้ว่ากระดูกทั้งหลายในร่างแตกหักเกือบหมด
“วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาหนักอะไร!” ฉินหยุนหัวเราะ “ช่วยพาข้าไปที่ลานประลองที!”
หลังจากได้รับร่างดาบลึกล้ำ กำลังของเจี้ยนรั่วหยานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กระนั้นฉินหยุนก็ยังไม่อาจวางใจ
เพื่อรับประกันชัยชนะของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อให้ได้รับต้นกำเนิดเซียน เขาต้องไปต่อ
หากพวกเขาได้รับต้นกำเนิดเซียนอีกหนึ่ง มันจะเป็นการเพิ่มพูนพลังงานเซียนในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์อย่างมหาศาล
ยิ่งไปกว่านั้น ปิงชิงจะแข็งแกร่งได้รวดเร็วขึ้น ถึงตอนนั้น มันจะยังทำให้เขาสามารถฝึกฝนร่างเซียนโดยอาศัยพลังจากสองต้นกำเนิดเซียนได้โดยเร็วอีกด้วย
หลายคนในลานกว้างอยู่โยงที่นี่ พวกเขารอคอยเพื่อรับชมศึกในรอบบ่าย
มีกว่าสิบกลุ่มที่มีนัดประลองรอบสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนี้
ตำหนักโทเทม หุบเขาเซียนโอสถ และขั้วอำนาจทั้งหลายที่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อนครเซียนยุทธภัณฑ์ สีหน้าพวกเขาล้วนดำมืด เป็นพวกเขาต้องสูญเสียศิษย์ที่เลิศล้ำไปหลายคน
หากนครเซียนยุทธภัณฑ์ยังจะได้รับต้นกำเนิดเซียน ความก้าวหน้าจะยิ่งก้าวทะยานกว่าขั้วอำนาจอื่นอย่างมหาศาล
สำนักเซียนที่ครอบครองสองต้นกำเนิดเซียน เพียงแค่นึกคิด ก็ทำเอาพวกเขาหวาดกลัวเป็นล้นพ้นแล้ว
ดวงตะวันช่วงบ่ายโชติช่วงร้อนแรง เก้าดวงตะวันบนฟากฟ้ายังคงแผดเผาโลกเบื้องล่างเช่นเคย
เกาะลอยฟ้าแห่งนี้ ยิ่งร้อนแรงเนื่องจากรับคลื่นความร้อนที่แผ่มาใกล้กว่าบนพื้นดินเบื้องล่าง
ผู้คนที่ฝึกฝนธาตุไฟ ต่างรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเช่นนี้ดีเยี่ยม
ฉินหยุนได้เจี้ยนรั่วหยานพยุงร่างเข้ามา หลังจากที่ถูกหามขึ้นบนลานประลองยุทธ์ เขาจึงนอนอยู่ที่บนนั้น
ผู้คนต่างมองฉินหยุนที่นอนกับพื้น ภายในล้วนเกิดความอึ้งทึ่ง
“ฉินหยุนกระดูกหักแทบหมดร่าง แต่แล้วยังคิดจะสู้อีกงั้นหรือ?”
“นี่ไม่ต่างอะไรกับโยนตัวเองให้อีกฝ่ายเล่นงานหรือไร?”
“อาจไม่เป็นเช่นนั้น ชายผู้นี้มีวิชามารมากมายนัก! หานอี้หล่ายจากหุบเขาเซียนโอสถ ยังต้องตายอย่างปริศนาลึกลับ!”
“หานอี้หล่ายเดิมจัดการฉินหยุนจนอยู่หมด แต่หลังจากนั้นกลับคุกเข่าลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นฉินหยุนใช้วิชามารสังหารไป!”
“ฉินหยุนสมควรมีวิชามารอันโหดเหี้ยมเป็นแน่!”
ผู้คนต่างนึกย้อนถึงครั้งฉินหยุนสู้กับหานอี้หล่าย ล้วนอดไม่ได้ที่จะหารือกันพร้อมใส่สีตีไข่แก่เรื่องราวให้มากมายขึ้นนับร้อยเท่า
คู่ต่อสู้ของฉินหยุนครั้งนี้ คือร่างเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีคราม!
ในกลุ่มที่สิบห้าซึ่งมีทั้งร่างอสูรและร่างมาร กระนั้นสองคนสุดท้ายที่จะขึ้นประลองคือคนจากสำนักเซียน
โดยพื้นฐานแล้วสำนักอสูรค่อนข้างมีกำลังด้อยกว่าสำนักเซียน
สำนักอสูรทั้งหมด มีแต่ศิษย์ของตำหนักโทเทมที่สามารถเข้ารอบสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนี้ นี่จึงเป็นการยืนยันได้อย่างหนึ่ง ว่าตำหนักโทเทมคือนายเหนือแห่งแดนอสูรอ้างว้างทั้งปวง
ใบหน้าผู้อาวุโสสำนักอสูรแห่งอื่นต่างไม่ค่อยสู้ดี เพราะศิษย์ของพวกเขาไม่อาจเข้าถึงรอบสิบหกคนสุดท้ายได้
ร่างเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามสวมใส่ชุดคลุมอัคคีเพลิงร้อนแรง เมื่อเดินขึ้นบนลานประลอง ชุดคลุมนั้นถูกปลดออก เหลือไว้เพียงกางเกงขาสั้น
ที่ร่างกายของเขา มันปรากฏเปลวเพลิงทองม่วงลุกโชนอย่างกะทันหัน อัคคีเพลิงนั้นก่อเกิดขึ้นเป็นชุดปกคลุมร่างอย่างร้อนแรง เป็นผลให้บรรดาผู้ชมเบื้องล่างร้องอุทานกันถ้วนหน้า
ระหว่างทางมา ฉินหยุนได้รับฟังเรื่องราวของร่างเซียนผู้นี้จากเจี้ยนรั่วหยานมาแล้ว
นามนั้นคืออู๋เฟิง เป็นบุคคลหล่อเหลาและบ้าคลั่งผู้หนึ่ง กระนั้นที่เผยออกเบื้องหน้าคือความใจเย็น
ชั่วขณะนี้ อัคคีเพลิงทองม่วงก่อเกิดเป็นเส้นผมยาวงดงาม คิ้วเรียวดุจดาบนั้นยังลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงทองม่วง ทำเอาศิษย์หญิงหลายคนเบื้องล่างต่างอุทานกันไม่หยุดหย่อน
“ฉินหยุน เจ้ามีเรื่องเบาะแว้งกับขุนเขาเซียนอัคคีครามของเรา กระนั้นยังกล้าประลองกับข้าด้วยสภาพเช่นนี้ คิดละทิ้งชีวิตตนเองแล้วหรือไร? หรือต้องการร้องขอการประทานอภัยจากข้า?” อู่เฟิงเอ่ยถาม
“ข้ามาเพื่อเอาชนะเจ้าต่างหาก!” ฉินหยุนนอนบนพื้น กระนั้นศีรษะก็ยังหันมองที่อู๋เฟิง
“ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกก่อนหน้านี้ ว่าหากผู้ใดต้องการได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวโดยผ่านทางเจ้า จะเป็นเจ้าสังหารผู้คนเหล่านั้น!” อู๋เฟิงหัวเราะดังกล่าวคำ “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าคำกล่าวนั้นน่าสนใจ แต่แล้วเวลานี้ข้ากลับนึกอยากเห็น ว่าเจ้าจะสังหารข้าด้วยสภาพเช่นนั้นอย่างไร!”
ฉินหยุนแค่นเสียงดัง “ในเมื่อเจ้ารู้ดี เช่นนั้นก็ลงจากลานประลองและไสหัวไปเสีย! ไม่อย่างนั้น อีกไม่นานความตายจะมาเยือนสู่ตัวเจ้า!”
ฉินหยุนกล่าวคำ พร้อมมองไปยังครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามและขึ้นเสียง “เร่งรีบนำตัวศิษย์เจ้าลงจากลานประลอง ไม่เช่นนั้น เมื่อใดมันตายอย่าได้มาโวยวายต่อข้า!”
“ฉินหยุน สภาพเจ้าไม่ต่างอะไรกับคนตาย อย่างมีหน้ามาข่มขู่ผู้อื่นงั้นหรือ? เจ้าคิดหรือว่าคำคุยโวเหล่านั้นจะทำให้พวกเราหวาดกลัวได้? ช่างอ่อนต่อโลกเกินไปนัก!” ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเผยเสียงหัวเราะดัง
เพราะสภาพตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่ฉินหยุนจะสามารถเอาชนะอู๋เฟิงได้
“ตัวหน้าโง่จากขุนเขาเซียนอัคคีครามทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้ายืนกรานให้ศิษย์พวกเจ้าต่อสู้กับฉินหยุน เช่นนั้นจงคิดวิธีก่นด่าต่อฉินหยุนให้ดี เพราะศิษย์ร่างเซียนที่สำคัญของพวกเจ้าจะตายในไม่ช้านี้!”
เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะดัง แม้เขาไม่ทราบว่าฉินหยุนจะเอาชนะได้อย่างไร ทว่าเขาสนับสนุนฉินหยุนเต็มที่
“คิดทำให้ข้ากลัวหรือ? ดูเหมือนฉินหยุนคงไม่เหลืออุบายใดแล้วกระมัง!” ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามหัวเราะตอบโต้เสียงดัง
ตูเทียนตี้แค่นเสียงกล่าวคำ “ตราบเท่าที่ไม่โง่ มองอย่างไรย่อมต้องรู้ว่าฉินหยุนไม่มีทางชนะ อย่างดีก็ได้แค่ใช้พลังจิตพยุงร่างกายเอาไว้ หากไม่มีพลังจิต มันก็ทำได้แค่นอนอยู่อย่างนั้น!”
ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยพยักหน้ารับ “ขุนเขาเซียนอัคคีครามได้รับโอกาสอันดี พวกเขาคงได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวเป็นแน่แท้แล้ว!”
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถคำรามในคออย่างกราดเกรี้ยว “พวกเจ้าใสซื่อกันเกินไป ลืมแล้วหรือไรว่าฉินหยุนเอาชนะได้อย่างไรเมื่อเช้า? พวกเจ้ายังไม่มีผู้ใดทราบ!”
“ร่างของหานอี้หล่ายถูกทำลายสิ้น พวกเราจึงไม่หลงเหลืออะไรให้ตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลัง!”
ผู้จัดการเยี่ยหัวเราะดัง “ฉินหยุนก็ใช้วิธีการเช่นนั้นได้เพียงครั้งเดียว! สาเหตุว่าทำไมหานอี้หล่ายพ่ายแพ้เช่นนั้น ก็เพราะเป็นเขาเข้าไปใกล้ฉินหยุนเอง!”
“แก่นเต๋าของฉินหยุนมีพลังสั่นไหว อสนีบาต และอัคคี เขาคงใช้พลังในแก่นเต๋าโจมตียามเมื่อผู้ใดสัมผัสไปแน่”
ตูเทียนตี้พยักหน้ารับ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ตราบเท่าที่ไม่เข้าใกล้มัน แล้วมันยังจะทำอะไรได้? แม้พลังจิตแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็แค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น! ร่างเซียนส่วนใหญ่ที่นี่ต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง พลังจิตล้วนแข็งแกร่งกว่าของมันเป็นไหนหรือไม่ใช่?”
หลังจากได้วิเคราะห์ถกเถียงร่วมกัน หลายคนต่างคิดว่าโอกาสที่ฉินหยุนสามารถชนะได้มีเพียงน้อยนิด
ระยะเวลาเตรียมตัวยังคงดำเนิน ครึ่งเซียนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเผยเสียงดังขึ้น “อู๋เฟิง ระวังรากไม้และแรงโน้มถ่วงที่มันปลดปล่อยออกมาด้วย!”
“ข้าทราบแล้ว รากไม้พวกนั้นไม่อาจทำอะไร เพียงใช้ไฟพวกมันก็มอดไหม้สิ้นแล้ว!” อู๋เฟิงยิ้มบาง เขาเคลื่อนไหวออกห่างจากฉินหยุนนับห้าสิบเมตร
“เริ่ม!” ผู้ตัดสินวัยกลางคนตะโกนดัง
ทันทีที่คำประกาศเอ่ยจบ อัคคีเพลิงสีทองม่วงพลันยิงออกจากร่างของอู๋เฟิงแปรเปลี่ยนเป็นค้อน
ภายใต้อู๋เฟิงควบคุม ค้อนอัคคีทองม่วงขนาดใหญ่ได้ทุบฟาดลงที่ร่างฉินหยุนเกิดขึ้นเป็นเสียงอันดัง
ทุกครั้งที่ค้อนทุบใส่ร่างของฉินหยุน อัคคีเพลิงทองม่วงปริมาณมหาศาลจะแผดเผากระจายทั่วทิศ ราวกับมันคือสายธารอัคคีที่เบ่งบานออกจากศูนย์กลาง
ฉินหยุนเพียงนอน แม้เขาสามารถใช้พลังจิตเคลื่อนไหวร่างกาย ทว่ามันไม่อาจรวดเร็ว เขาได้แต่ปล่อยให้อู๋เฟิงโจมตีใส่ตนเองอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อู๋เฟิงหัวเราะคลุ้มคลั่งพร้อมตะโกน “วิเศษนัก! ได้ทุบตีเจ้าจนถึงแก่ความตายเช่นนี้ช่างวิเศษ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฉินหยุนนอนกับพื้น เขาเพียงแต่รับรู้ถึงแรงปะทะจากพลังงานที่ทะลักออกมา แม้เจ็บปวดไปบ้าง แต่สำหรับเขาความรู้สึกนี้แทบไม่นับเป็นอะไร
ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำสามารถต้านทานอัคคีเพลิงความร้อนสูง และด้วยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬคุ้มกัน การโจมตีของอู๋เฟิงจึงไม่ต่างอะไรกับลมพัดใส่
อู๋เฟิงพลันแปรเปลี่ยนค้อนเป็นฝ่ามืออัคคีขนาดยยักษ์ จากนั้นจึงฟาดตบเข้าใส่ฉินหยุนที่นอนกับพื้น
“ข้าจะย่างสดเจ้า!” อู๋เฟิงหัวเราะราวกับคนเสียสิ้นสติ
“ตัวหน้าโง่นั่น ฉินหยุนสามารถปลดปล่อยอัคคีเพลิงสีดำ อัคคีเพลิงทองม่วงของมันไม่ต่างอะไรกับผายลม!” เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียงกล่าวคำ “หรือมันไม่เห็น? หมอนั่นคิ้วขมวดยังไม่มี ชัดเจนว่าไม่รู้สึกอันใดด้วยซ้ำ!”
อู๋เฟิงคล้ายไม่รับรู้อันใด ฝ่ามืออัคคีขนาดยักษ์ถอนกลับรวดเร็ว บนพื้นหลงเหลือเพียงอัคคีเพลิงลุกท่วม
เสียงหัวเราะของเขาดังลั่น “ข้าชนะแล้ว ข้าเอาชนะฉินหยุน ร่างมันถูกเผาเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว!”
ขณะรู้สึกยินดีกับตนเอง อัคคีเพลิงบนพื้นพลันหายวับ ฉินหยุนยังคงนอนอยู่ที่เดิม
ความเงียบบังเกิดขึ้นห้วงหนึ่ง อู๋เฟิงกลับกลายเป็นมีโทสะ!
ผู้คนล้วนกล้าบอก ว่าการโจมตีเมื่อครู่มันไม่อาจทำอะไรฉินหยุนได้แม้เพียงนิด
“อู๋เฟิง เจ้านี่มันหน้าโง่ของจริง!” เจี้ยนหนันหู่สบถออก
อู๋เฟิงที่กราดเกรี้ยว ฉับพลันเขารับรู้ถึงออร่าที่ใกล้เข้ามาจากเบื้องล่าง พร้อมเสียงบางอย่างแตกหัก รากไม้จำนวนมหาศาลพลันปรากฏขึ้นพร้อมพันธนาการตัวเขาเอาไว้สิ้น
“ใช้ไฟเจ้าเผามันเร็ว!” ครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งร้อนตะโกน
อัคคีเพลิงทองม่วงมวลมหาศาลลุกโชนจากร่างของอู๋เฟิง
กระนั้น เขาก็ยังถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา!
ร่างของอู๋เฟิงถูกรากไม้เหล่านี้ลากตัวไป
เมื่อเข้ามาใกล้ฉินหยุน หลิงหยุนเอ๋อจึงปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงสะกดร่างอู๋เฟิงเอาไว้
อู๋เฟิงกรีดร้อง!
พร้อมกันนี้ ฉินหยุนค่อยใช้พลังจิตที่รวบรวมมานาน ปลดปล่อยวิชารวมจิตวิญญาณสังหารแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วง เป้าหมายคือสมองที่ภายในหัวของอู๋เฟิง
ลำแสงสีม่วงเข้าสู่ในหัวอู๋เฟิง ทำเอาเขาหยุดกรีดร้อง ทั้งร่างกายร่วงหล่นกับพื้นแน่นิ่ง
บรรดาผู้อาวุโสที่นี้ล้วนได้เห็นพลังจิตที่ใช้โจมตี มันคือจิตที่แปรเปลี่ยนเป็นดวงดาวอันทรงพลัง!
“อู๋เฟิงพ่ายแพ้แล้ว เร่งรีบถอนม่านพลัง!” ครึ่งเซียนของขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งร้อนตะโกน
ผู้ตัดสินวัยกลางคน ได้เห็นอู๋เฟิงไม่ตอบสนอง เขาจึงถอนม่านพลัง
ผู้คนจากขุนเขาเซียนอัคคีครามเร่งรีบเดินเข้าไปพิจารณาตรวจสอบ ใบหน้าเวลานี้กลับกลายเป็นซีดขาว
“อู๋เฟิงตายแล้ว... จิตวิญญาณถูกทำลาย!” ครึ่งเซียนขุนเขาเซียนอัคคีครามหันควับมองที่ฉินหยุน คิดอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายจนตกตาย กระนั้นเปาเฉิงโฉ่วเข้าคุ้มครองฉินหยุนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องชวนตื่นตะลึงที่สุดของวันนี้ คือฉินหยุนเอาชนะได้อีกครั้ง!
และเป็นการนอนนิ่งเอาชนะเสียด้วย!
กระทั่งว่าเป็นผู้มากประสบการณ์ยังไม่เคยพบเห็นวิธีการเอาชนะที่แปลกประหลาดถึงเพียงนี้
เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียง “อู๋เฟิงมันไม่ต่างอะไรกับเศษเดนมนุษย์ ร่างเซียนหน้าโง่เช่นนี้ มันกล้าเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างไร?”
อู๋เฟิงเป็นเศษเดน กระนั้นก็ยังเป็นเศษเดนที่สามารถเอาชนะร่างอสูรและร่างมารเข้าสู่รอบสุดท้ายของกลุ่ม บรรดาผู้ที่พ่ายแพ้ต่ออู๋เฟิง ยามได้รับฟัง พวกเขาไม่ใช่กลายเป็นเศษเดนยิ่งกว่าอีกหรือ?
เรื่องราวหาได้ใช่ว่าอู๋เฟิงเป็นเศษเดน แต่เป็นฉินหยุนแข็งแกร่งเกินไป!